ตอนที่ 86 ครานี้นายท่านต้องถูกใจแน่
ทันใดนั้นเฮยจวงผู้เป็นหนึ่งในราชาที่มีสายเลือดสูงส่งของเทือกเขาแดนใต้ก็มีสีหน้าเขียวคล้ำในพริบตา พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาทันที
‘จะเอาสินสอดที่เขานำมามอบให้เผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ไปเป็นของขวัญให้กับว่าที่ภรรยาของเขาเยี่ยงนั้นหรือ’
‘การกระทำเช่นนี้มิเพียงแต่เป็นการดูหมิ่นข้า แต่ยังเป็นการดูหมิ่นเผ่าพยัคฆ์ดำอีกด้วย ! ’
‘การกระทำเช่นนี้ข้ามิอาจยอมได้ ! ’
“เจ้าสารเลว เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าเช่นนี้ คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เฮยจวงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกับกระโจนลงมา
“เจ้าแมวดำ เรื่องนี้ยังมิถึงขนาดแตกหัก พวกเรายังพอเจรจากันได้”
ราชันทมิฬนิ่งสงบดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย พร้อมกับยกมุมปากขึ้นนิด ๆ แล้วเอ่ยต่อว่า “อีกอย่างหากเจ้าลงมือที่นี่ เกรงว่ายังมิทันจะได้แต่งงานกับองค์หญิงสิบสาม แต่เจ้าคงจะกลายเป็นนักโทษของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไปเสียก่อน”
“ถึงตอนนั้นเกรงว่าเผ่าพยัคฆ์ดำของเจ้าคงกลายเป็นเรื่องขบขันของเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ และหากเจ้าต้องการที่จะแต่งงานกับองค์หญิงสิบสามอีก เผ่าจิ้งจอกวิญญาณก็คงจะมิมีทางตกลงเป็นแน่”
ราชันทมิฬเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าแมวดำ หรือว่าภายในหัวของเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยเยี่ยงนั้นหรือ ข้าเพียงต้องการมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้แก่องค์หญิงสิบสาม ต่อไปเมื่อองค์หญิงสิบสามแต่งกับเจ้าแล้ว มิว่าจะเป็นสมบัติใดก็ย่อมกลับคืนสู่เจ้าของเดิมอยู่ดี”
ความจริงแล้วราชันทมิฬมีนิสัยมุทะลุและไร้ความอดทน แต่ที่เขามิได้อาละวาดใส่เฮยจวงที่วางท่าดุดันอยู่นั้น เป็นเพราะเขาต้องการที่จะลอบเข้าไปในแดนต้องห้ามของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ เพื่อตามหาหินหุนหยวนให้กับนายท่าน
มิเช่นนั้นแล้ว อย่าว่าแต่เมืองจิ้งจอกเลย ต่อให้ตอนนี้อยู่บนเขาดอกท้อ เขาก็คงจะสังหารเฮยจวงโดยมิลังเลไปแล้ว
เฮยจวงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับราชันทมิฬด้วยท่าทีที่อ่อนลง “จริงหรือ ? ”
ราชันทมิฬยกมุมปากขึ้นจนเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมอย่างเริ่มที่จะหมดความอดทน “เจ้าแมวดำ ความอดทนของข้านั้นมีจำกัด อีกทั้งข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”
‘พูดคำไหนคำนั้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
เฮยจวงที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดมิได้ ดวงตามีประกายบางอย่างพาดผ่าน
‘ปีศาจตนนี้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครานั้นมันเคยบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะไปขุดสุสานบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจเผ่าหนึ่ง สุดท้ายตกดึกคืนนั้นมันก็ลงมือขุดจริง ๆ แม้แต่สุสานบรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ดำยังถูกปีศาจตนนี้ขุดมาแล้ว’
เฮยจวงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า “สินสอดเหล่านี้เกี่ยวพันถึงหน้าตาของเผ่าพยัคฆ์ดำ เจ้ามิมีสิทธิ์ที่จะแตะต้อง แต่ว่าข้าสามารถมอบมุกราตรีหมื่นปีเม็ดหนึ่งให้เจ้าได้”
ราชันทมิฬปรายตามองเฮยจวง พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ได้”
เอ่ยจบ เฮยจวงก็หยิบกล่องผ้าไหมกล่องหนึ่งส่งให้แก่ราชันทมิฬอย่างแสนเสียดาย
ราชันทมิฬกวาดตามองเฮยจวง ก่อนจะแค่นเสียงออกมาเบา ๆ พร้อมกับเอื้อมกงเล็บไปหยิบกล่องผ้าไหมในมือเฮยจวงอย่างมิลังเล
จากนั้นก็เอามือไพล่หลังแล้วเดินวางก้ามจากไป
มิหนำซ้ำมันยังมิยอมหลีกทางให้คนของเผ่าพยัคฆ์ดำอีกด้วย แต่กลับเดินแทรกกลางไปอย่างวางอำนาจ
มินานเรื่องสนุกก็จบลง เฮยจวงจึงนำคนของเผ่าพยัคฆ์ดำเดินทางต่อไป
และเพื่อเป็นการป้องกันเรื่องผิดพลาด หลังจากคนของเผ่าพยัคฆ์ดำออกไปจากเมืองจิ้งจอกได้มินาน ราชันทมิฬก็ออกจากเมืองจิ้งจอกและมุ่งหน้าไปยังเขาดอกท้ออันเป็นที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณทันที
ขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาพลบค่ำแล้ว ในตอนที่ป่าท้อผืนใหญ่ปรากฏสู่สายตา ก็ได้กลิ่นหอมจาง ๆ ที่อบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้รู้ว่าได้มาถึงยังเขาดอกท้อแล้ว
ราชันทมิฬเดินวางท่าอยู่บนถนนเส้นหนึ่งที่ทำจากศิลาเขียว มือข้างหนึ่งถือกล่องผ้าไหมที่ได้มาจากเฮยจวง ส่วนอีกข้างยังคงไพล่หลังเอาไว้
เพียงแต่เวลานี้ภายในกล่องผ้าไหม หาได้เป็นมุกราตรีหมื่นปีไม่ แต่กลับเป็นหินกรวดก้อนหนึ่งที่เก็บมาจากริมแม่น้ำเท่านั้น
แต่ในสายตาคนอื่นเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของราชันทมิฬแล้ว ย่อมมั่นใจว่าของขวัญที่ราชันทมิฬนำมาจะต้องเป็นของที่พิเศษอย่างแน่นอน
ในตอนที่เข้าใกล้เขาดอกท้อ เหล่าปีศาจที่ขนของขวัญจากเผ่าอื่น ๆ ต่างก็รวมตัวกันบนถนนเส้นนี้
นอกจากนี้ทั้งหมดยังเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจต่าง ๆ ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย
ทุกตัวต่างมีสีหน้าหวาดกลัวและเริ่มกระซิบกระซาบกันทันที หลังจากที่จำราชันทมิฬได้
“เหตุใดข้ารู้สึกคุ้นหน้าปีศาจที่ยังมิอาจเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ผู้นี้ยิ่งนัก ? ”
“นั่น… นั่นมันปีศาจต่ำช้าไร้ยางอายที่ถูกราชาปีศาจทั้งเจ็ดรุมสังหารก่อนหน้านี้มิใช่หรือ ? ”
“เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าจะมาร่วมยินดีด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เจ้าดูกล่องผ้าไหมในมือเขาสิ น่าจะมาร่วมยินดีนั่นแหละ”
“ครานี้เจ้าปีศาจตนนี้มาแปลก หรือว่าหลังจากที่ถูกราชาปีศาจทั้งเจ็ดจัดการไป ในที่สุดก็เลยสำนึกได้ว่าต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง”
“คงจะเป็นอย่างนั้นกระมัง มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของเจ้านี่ คงได้ทำลายเขาดอกท้อจนพังพินาศเป็นแน่”
“พูดเบา ๆ หน่อย เจ้าปีศาจตนนี้นิสัยมิดี หากมันได้ยินเข้า ก็ระวังสุสานบรรพบุรุษของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี ๆ เถอะ”
“ใช่ ๆ เบา ๆ หน่อย”
ขณะที่เหล่าปีศาจกำลังซุบซิบนินทาอยู่นั้น
ราชันทมิฬที่เข้าใจภาพวาดราชันทมิฬอย่างลึกซึ้ง มิเพียงแต่ทำให้มีตบะบารมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ยังว่องไวขึ้นอีกด้วย
เช่นนั้นขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จึงมิต่างอะไรกับการมากระซิบที่ข้างหูของราชันทมิฬ
‘ปีศาจหมาป่าเพลิง ปีศาจอีกาโลหิตมาร ปีศาจดอกชิงซวง ปีศาจงูตาทิพย์’
ราชันทมิฬเดินส่ายไปมา พร้อมกับแค่นเสียงอันเย็นเฉียบออกมา พลางพึมพำในใจว่า ‘ข้าจำพวกเจ้าได้หมดแล้ว วันหน้าหากมีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมเยียนสุสานบรรพบุรุษของพวกเจ้าอย่างแน่นอน’
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดราชันทมิฬก็เดินทางมาถึงเขาดอกท้อ
มันทอดสายตามองออกไป ทุกที่ต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าหลากสีสัน ช่างเป็นบรรยากาศที่รื่นเริงและมีชีวิตชีวายิ่งนัก
ราชันทมิฬจึงนำของขวัญของตนไปมอบให้แก่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่หน้าประตู และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเข้าไปในเขาดอกท้อ
แต่เพราะสายตารอบข้างมากมายจับจ้องมายังตน ทำให้ราชันทมิฬรู้สึกอึดอัด จนต้องจำใจปลีกตัวออกมาจากงานที่เต็มไปด้วยผู้คน และหลบมายังป่าท้อที่ค่อนข้างห่างไกลแห่งหนึ่งแทน
‘เจ้าพวกขี้นินทาพวกนี้ กล้านินทาข้าลับหลัง หากมิใช่เพื่อมาตามหาหินหุนหยวนให้นายท่านล่ะก็ วันนี้ข้าคงจะจัดการพวกเจ้าจนต้องคลานออกไปจากเขาดอกท้อเป็นแน่ และจะจัดการบรรพบุรุษของพวกเจ้าด้วย ! ’
ขณะที่ราชันทมิฬกำลังบ่นงึมงำอย่างโมโหพลางเดินเล่นอยู่ในป่าท้อนั้น เบื้องหน้าพลันปรากฏทิวทัศน์อันงดงามขึ้น
‘นี่มันสตรีนี่นา’
มีสตรีที่งดงามนางหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า งามจนมิมีสิ่งใดเทียบเคียงได้
นางสวมกระโปรงยาวสีขาว ผมดำขลับยาวสยาย รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับเทพธิดา กำลังวิ่งเล่นอยู่ในป่าท้อแห่งนี้
เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ลอยมาของนาง ยังมาพร้อมใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ตำหนิราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวย…
‘ช่างงดงามยิ่งนัก ! ’
‘ช่างงดงามจริง ๆ ! ’
ภาพตรงหน้าช่างงดงามราวกับภาพวาดก็มิปาน
วินาทีนี้แม้แต่ราชันทมิฬยังจ้องตามิกระพริบ และอดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
แต่มินานราชันทมิฬก็ได้สติ พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย พลางพูดกับตนเองว่า ‘หากสามารถพาสตรีของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่งดงามเช่นนี้กลับไปได้ ครานี้นายท่านจะต้องถูกใจเป็นแน่’