เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 1: ทำความเข้าใจกับโลกใบนี้

<< 1 >>

  ผมชื่อว่า ‘เรเซอร์’ ในโลกเก่าชื่อว่า ‘ยศ’ การแนะนำตัวอาจจะเรียบๆไปหน่อย แต่มันคือความจริง ผมเป็นผู้ที่ได้รับการกำเนิดใหม่อีกครั้ง ณ โลกแฟนตาซี ที่อ้างอิงไลทโนเวลชื่อดังแห่งยุคสมัย 

  ในโลกไลทผมก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ว่าจะช่วยนางอวยของผมอย่าง ‘เบลลามี’ ให้ได้ โดยการครองหนึ่งในพลังของพระเอกที่เคยเอาจากตัวเรเซอร์อย่างผม ไปอีกต่อหนึ่งมาใช้ช่วยเบลามี ถ้าเกิดมีพลังนั้นและใช้ได้ถึงแก่นแท้เหมือนกับพระเอกของเรื่อง—-ผมจะช่วยเบลามีได้แน่นอน

  …แต่ก่อนอื่นผมก็ต้องฝึกฝนและหาความรู้ก่อน 

  ผมถอนหายใจและพุ่งดิ่งออกจากห้องไป——–

  “กรี๊ด!” 

  พอผมพุ่งตัวออกไปก็พบว่ามีเด็กสาวชุดเมดวัยเดียวกันร้องเสียงหลงออกมาอยู่หน้าประตู

  เธอเป็นสาวน้อยน่ารักที่ไว้ผมสั้นถึงบ่า ถือว่าสวยระดับหนึ่งเลย อย่างน้อยๆถ้าเป็นโลกของผมไม่ว่าชายใดก็คงชายตามอง แต่ในโลกนี้ความสวยของเธอคงอยู่แค่ระดับมาตรฐานขุนนางเท่านั้น …รู้สึกว่าเธอจะชื่อ ‘เรเซล’ เมดที่อยู่กับตัวผมมาตั้งแต่เด็ก แน่นอนถ้าเป็นเมดของเรเซอร์ก็ต้องโดนรังแกเป็นว่าเล่น

  …ในเนื้อเรื่องช่วงหนึ่งเธอจะเปิดเผยให้พระเอกฟัง ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยถูกตัวผมข่มขืน และเสียความบริสุทธิ์ไป

  แน่นอนว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจะไม่ทำมันในโลกนี้เด็ดขาด ว่าอีกอย่างคือจะไม่ทำตามไอ้สวะเรเซอร์นั่น 

  “มีอะไรหรือเปล่าเรเซล?”

  เรเซลตัวสั่นไม่หยุด

  “…-ฉ ฉันได้ยินเสียงท่านเรเซอร์ร้องน่ะคะ”

  “อืม พอดีเกิดเรื่องเล็กน้อยละนะ”

  ผมเดินผ่านตัวเรเซลไปโดยไม่ทำอะไร 

  “ผมว่าจะไปห้องสมุดสักหน่อย เป็นไปได้ช่วยบอกคนอื่นด้วยนะว่าอย่าเข้ามา”

  “-ด ได้ค่ะ!”

  เรเซลร้องอย่างดีอกดีใจและรีบเดินไปบอกข่าวสารให้คนอื่นทราบ …เธอคงดีใจมากที่ครั้งนี้ผมไม่ทำอะไร สำหรับเธอแล้ว เธอคงคิดว่าครั้งนี้ผมอารมณ์ดี …แต่ดีอย่าง นึกว่าผมจะติดสันดานเรเซอร์มาซะอีก โชคดีแหะที่มันเหมือนสวมวิญญาณไปเลย 

  ผมถอนหายใจออกมา

  “แต่เรื่องภาพจำเก่าๆก็ยังมีอยู่” 

  ผมคงต้องแก้ไขให้ได้แหละ ไอ้เรื่องที่เรเซอร์ทำทิ้งไว้น่ะ

*****

  ผมเดินตรงดิ่งไปห้องสมุดขนาดใหญ่กว่าห้องนอนคอนโดเล็กๆในโลกเก่าได้สิบเท่า แค่นั้นไม่พอยังมีถึงสองชั้น 

  สมแล้วที่เป็นเรเซอร์ลูกขุนนางชั้นสูงชั้น ‘ดยุก’ 

  ผมใช้ความทรงจำก่อนหน้านั้นของเรเซอร์เพื่อเดินไปหยิบหนังสือที่ต้องการ …กฏของเวทมนต์ และประวัติศาสตร์โลก

  ลำดับแรกที่ควรจะเข้าใจไว้ก่อน คือหลักการทำงานของเวทมนต์ และประวัติพื้นเพบนโลกใบนี้ ถึงก่อนหน้านี้จะได้ความทรงจำของเรเซอร์มาแล้วก็เถอะ แต่ความทรงจำมันขาดๆหายๆแล้วปนกันไปหมด

  ถ้านั้นก็…เริ่มจากกฎพื้นฐานเวทมนต์ก่อน 

  ผมพลิกหน้าหนังสืออ่านทันที 

  —-กฎของเวทมนต์ 

  ต้นกำเนิดของเวทมนต์เกิดจากพลังงานปาฏิหาริย์ที่ไร้ซึ่งกฎเกณทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ให้ยกตัวอย่างก็เช่นเราสามารถสร้างไฟหรือน้ำยังไงก็ได้ถึงจะอยู่ในที่ๆทางเหตุผลมันจะไม่มีทางเกิดไฟหรือน้ำได้ กล่าวก็คือเวทมนต์ในโลกใบนี้อยู่แยกกับหลักวิทย์ในโลกเก่าของผมโดยแท้จริง 

  ต่อมาคือเรื่องของมานา สิ่งที่อยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด—-มานาตั้งแต่เกิดมาเราได้รับมาเท่าไหร่ก็ใช้ได้เท่านั้นตลอดชีวิตไม่มีเพิ่มหรือลดลงถ้าไม่มีเหตุผลเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย อย่างพวกเวทมนต์บัฟหรือการรับตัวเสริมพลังเข้าในร่างกาย 

…แต่คนเราสามารถมีความชำนาญมาทดแทนได้ ถ้าชำนาญเวทย์ใดเวทย์หนึ่งอย่างท่องแท้ จะสามารถจับจุดได้และลดมานาที่ใช้ลงไปมากโข ถึงระดับที่จากปกติถ้าให้ตีเป็นตัวเลขเราใช้มานาไป 50 แต่ถ้าชำนาญมากอาจจะใช้แค่ 5 เลย ถือว่าเป็น 1/10 ซึ่งต่างกันมากๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่มีพลังเวทย์น้อยบางคนในไลทโนเวลเรื่องนี้มันเก่งมากๆ ผมยังจำได้ดีเลยพ่อหนุ่มผมสีเทาที่กระทืบพระเอกได้ เค้าคือคนที่มานาไม่ได้มาก ให้กะก็ประมาณคนทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นกลับถูกเรียกว่าผู้ที่แข็งแกร่งสุดในยุคสมัย …แน่นอนว่าหล่อมาก 

  เวทมนต์ไร้ซึ่งสิ่งตายตัว แต่หากให้จำแนกเป็นประเภทหลักๆที่คนธรรมดาสามารถเข้าใจ และใช้มันได้ทุกคนก็คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุหลักสามัญสี่ธาตุ สูงไปกว่านั้นหน่อยก็ สายฟ้า น้ำแข็ง แสง และความมืด เป็นธาตุชั้นสูง 4 ธาตุที่ขุนนางและคนเก่งๆชอบใช้กัน 

  …อืม แต่หากเก่งไปกว่านั้นหน่อยก็มีน้อยคนที่ทำได้ เวทย์เชิงคอนเซ็ป? น่าจะประมาณนั้น เวทมนต์ที่กลายเป็นรูปลักษณ์ของคำสั่งหรืออะไรบางอย่างได้อย่างน่าแปลก ไร้ซึ่งหลักสูตรตายตัวแต่เป็นเวทมนต์ที่กลายเป็นอะไรก็ได้ ในไลทโนเวลพวกที่ใช้พลังได้ถึงขั้นนี้นับว่าเป็นพวกเก่งจนเด่นเกินหน้าเกินตาใครต่อใครไปมากแล้ว และขี้โกงมากๆด้วย ให้ยกตัวอย่าง—-บางคนสามารถใช้เวทย์แสงซิกซอกผ่านมิติไปมาได้ แน่นอนว่าเรเซอร์ก็เป็นหนูทดลองสกิลนี้ด้วย เกือบตายเลยแหละ

  และแน่นอนอีกครั้ง ว่าบักพระเอกของเราอย่าง ‘ยูจิ’ ก็ใช้เวทย์ระดับนี้ได้เช่นกัน เค้าคือชายที่โกงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ใช่เก่งแต่โกง ยูจิมีพพลังเวทย์มากมายนับไม่ถ้วน ระดับที่ใช้ไม่รู้หมดเพราะเป็นร่างเกิดใหม่ของเทพ แค่นั้นไม่พอแกมีวิญญาณระดับเทพของบุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยแกร่งสุดในประวัติศาสตร์อยู่ถึง 10 ตนใต้บัญชา แน่นอนว่าวิญญาณระดับนั้นมันมีพลังเชิงคอนเซ็ปขี้โกง กันทุกรายอยู่แล้ว ให้ผมแรปให้ฟังก็

  ‘หักล้าง’ ‘ตัดมิติ’ ‘อมตะ’ ‘ตัดอดีต’ ‘ควบคุมธรรมชาติ’ ‘แรงน้อมถ่วง’ ‘เหนือยิ่งกว่า’ ‘ซัมม่อน’ ‘ย้ายจิต’ ‘นักปราชญ์’ ….นี่คือรายชื่อความสามารถเด่นๆทั้งหมดของวิญญาณที่ยูจิครอบครอง เพราะแบบนี้ไงไอพระเอกอย่างยูจิถึงถูกเรียกว่าบัคของเรื่อง 

  …ต่อให้พยายามยังไงมนุษย์เราก็มีขีดจำกัด ให้เปรียบก็เหมือนทุกคนเลเวลตัน 100 และมันก็มีเป็นสิบคนที่ถึง 100 แน่นอน เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของเลเวล 100 ด้วยกันก็คือการใช้ความหลากหลายและกลยุทธิ์มาแทนพลังที่เหนือกว่า โลกนี้เปรียบได้ประมาณนั้น ถึงยูจิมันจะโกงบัดซบแต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถชนะได้ด้วยรูปแบบลำดับพลัง ถึงยูจิจะมีพลังขี้โกงมากขนาดนี้ก็เถอะ

  เอาเถอะ ยังไงซะผมก็ไม่ได้มีชะตาต้องไปงัดกับใครหน้าไหนอยู่แล้ว ที่ผมต้องการก็แค่พลังวิญญาณดั่งเดิมของผมซึ่งอยู่กับยูจิหลังจบศึกกัน อย่าง ‘การตัดมิติ’ แค่นั้น 

ขอแค่สิ่งนั้นผมก็สามารถช่วยเบลลามีได้ ผมจะสามารถตัดความเป็นไปได้ที่เบลลามีต้องตาย จากการทำลายจอมมารที่อยู่ในร่างกาย ด้วยพลังของยูจิที่ใช้โค่นจอมมารและการช่วยเหลือของผมเล็กน้อยในการช่วยชีวิตของเบลลามี..มันต้องทำได้แน่ๆ!! 

  ผมยิ้มเล็กน้อยและอ่านต่อรัวๆ ในหัวของผมคิดถึงแต่ฉากจบในฝันที่ไม่มีทางเกิดได้จริงตามต้นฉบับ 

  หากเรเซอร์กลับตัวกลับใจและให้ความร่วมมือกับพระเอก?? ไม่ใช่ว่าเบลลามีก็จะรอดเหรอ? จริงๆแล้วผมคิดอย่างนั้นหลายครั้งเลย  ผมได้แต่เศร้ากับการจากไปของเบลลามี ทั้งๆที่ผมไปถึงฝั่งฝัน แต่เธอกลับต้องจากไปทั้งๆที่ไม่สมหวัง มันคือเรื่องที่ผมรับไมได้อย่างแท้จริง ….

“ชั่งเถอะ เรื่องราวยังไม่ได้ใหญ่โตถึงตอนนั้นแล้วสักหน่อย ที่ต้องโฟกัสอีกอย่างคือ ..อา ว่าแล้วเชียว”

ไม่ว่าผมจะเปิดหนังสือไปกี่หน้าต่อกี่หน้าก็ไม่เจอเรื่องเกี่ยวกับ ‘มานาบริสุทธิ์’ สิ่งๆนั้นคือสิ่งที่ปรากฏในนิยาย แต่สามัญชนหรือคนใหญ่โตมากมายไม่รู้จัก มันคือมานาก่อนที่เราทุกคนจะนำมาใช้ได้อีกรอบ ให้เปรียบเทียบก็คือ พลังชีวิตที่แท้จริงของโลกใบนี้นั่นแหละ

แม้แต่ในนิยายต้นฉบับก็ไม่มีผู้ใดที่ไปถึงขั้นการใช้มานาบริสุทธิ์ได้สักกะคนเดียว ก็ถ้าไปถึงได้ไอ้หมอนั่นจะเป็นสุดแกร่งที่บรรดานให้ทุกอย่างในจิตนาการณ์เป็นจริงได้

ว่าอีกอย่างคือ ‘พระเจ้า’

ผมเปิดหน้าต่อไป

  …ประวัติศาสตร์ของโลก—–โลกแห่งไลทโนเวลชื่อดังของยุค ผมไม่ต้องอ่านก็เข้าใจดีเพราะมันมีสรุปให้ฟังแทบจะทุกเล่มของเนื้อหา แต่ผมก็ต้องอ่านเพื่อเน้นความชัวร์ ดั่งสุภาษิต(มั่วๆ)ที่ว่า ‘เพื่อความชัวร์อ่านอีกครั้ง’ 

  น่าดีใจเล็กน้อยที่มันตรงตามในไลทโนเวลเลย 

  ในโลกแห่งไลทโนเวลนี้ ถูกสร้างขึ้นจากเทพทั้ง 10 ผู้ยิ่งใหญ่ที่เปรียบได้ดั่งกฎของโลก หลังจากที่เหล่าทวยเทพสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาพวกท่านก็ใช้ชีวิตในฐานะสัญลักษณ์ของโลกอยู่เรื่อยมา ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน หากเป็นตามเซ็ตติ้งดั่งเดิม—-ในช่วงยุคโบราณ มันกลับมีผู้ชั่วร้ายที่คิดอาจหาญท้าทาย กับมวยเทพทั้ง 10 อย่างจอมมาร  ‘ดิลุค’ —มนุษย์ผู้สังหารเทพ และได้นามของจอมมารในครอบครองเพียงตนเดียวบนโลก

  ยุคโบราณดิลุคมนุษย์ที่ต้องการอำนาจของเทพเจ้า เค้าเปรียบได้ดั่งผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคสมัยโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยฆ่าเทพเจ้าไปถึง 9 ตน จนเหลือเพียงแค่เทพแห่ง ‘ธรรมชาติ’ เท่านั้นที่เหลือรอด ส่วนอีก 9 ตนที่เหลือก็ไปเวียนว่ายตายเกิดในฐานะมนุษย์เรื่อยมา 

  …แต่โลกเราก็ใช่ว่าจะสิ้นไป ดิลุคไม่สามารถขึ้นเป็นเทพได้ เค้าถูกเทพคนสุดท้ายร่วมมือกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยคนต่อมาอย่าง ‘บรรพบุรุษของยูจิ ที่ไม่ใช่ผู้กล้า’  สังหารลงในศึกสุดท้าย โลกจึงถูกจอมมารปกครอง

  แต่ดิลุคคือจอมมาร ที่วิญญาณครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัย เพราะฉะนั้นตามเซ็ตติ้งเรื่อง ดิลุคจึงถือว่าเป็นหนึ่งใน 18 วิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคสมัย ที่จะมาเป็นพลังให้กับคนยุคหลัง อย่างที่เรเซอร์หรือยูจิพระเอกของเรื่องมีใช้กัน หรือก็คือ เบลลามีเองก็เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพอย่าง ‘ดิลุค’ 

แม้ว่าตัวตนของดิลุคจะพิเศษเกินไป ทำให้การที่คนใดคนหนึ่งถูกดิลุคเลือกมันจะไม่ใช่การให้ใช้พลัง แต่เป็นการยึดครองร่างแทน ทำให้ในทุกๆพันปีร้อยปี จะเกิดเหตุการณ์จอมมารจุติขึ้น ในทุกยุคสมัยที่จอมมารจุติเหล่าทวยเทพทั้ง 9 ที่จากไปก็มักจะกลับมาเกิดใหม่พร้อมกันด้วย เป็นเรื่องเล่าขานกันมาตลอดเพื่อบอกให้คนรุ่นหลังตระหนักรู้ว่าอย่าได้กลัวจอมมารไป

  …ส่วนเรื่อง 18 วิญญาณระดับเทพนั้นก็ตรงตามชื่อ พวกเค้าคือตัวตนที่ครั้งหนึ่งเคยแกร่งเทียบเท่ากับเทพ สามารถไปถึงจุดสูงสุดของยุคสมัยได้ และเมื่อตายไปก็ไม่ได้ดับสูญแต่กลายเป็นวิญญาณที่เปรียบได้ดั่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ให้คนรุ่นหลังใช้อยู่เรื่อยมา จนเกิดตำนานวีรบุรุษมากมาย โดยเฉพาะ ‘ผู้กล้า’ 

  …ผมปิดหนังสือประวัติศาสตร์ลง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เนื่องจากเซ็ตติ้งสุดอลังการ

  ให้สรุปตามลำดับคือยุคแรกเริ่มของโลกคือยุคโบราณ และค่อยๆพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงยุคปัจจุบัน โดยผ่านศึกกับจอมมารดิลุคมาแถบจะทุกช่วงการผลิกเปลี่ยนของยุคสมัย 

และตอนนี้เวลาการจุติของจอมมาร ได้ดำเนินมาถึงยุคที่ผมอยู่แล้ว ตามเนื้อเรื่องของไลทโนเวลอะนะ

  ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับเด็กยุคนี้คือเด็กที่อยู่ยุคสงครามก็ไม่ปาน 

  เอาเถอะ ยังไงซะถ้าเป็นไปตามไลทโนเวล จอมมารจะถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์จนเหตุการณ์จอมมารจุติไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน

  เมื่ออ่านและเข้าใจทุกอย่างได้เรียบร้อย ผมจึงยกมือขึ้นมาตั้งหงายฝ่ามือ

  ฟรือ

  บอลไฟขนาดเท่ามือคนโผล่ขึ้น

  เวทมนต์แม้จะเล็กน้อยแต่เรเซอร์จัดว่าเป็นอัจฉริยะเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับเวทย์ไฟ มันคือสิ่งที่เรเซอร์ถนัดและเก่งที่สุดในหมู่เด็ก ปี 1 ด้วยกัน

  อืม ถึงมันจะเป็นแค่เวทย์สุดโหลยโท่ยของตัวร้ายก็เถอะ 

  ผมคืออัจฉริยะ แต่โดยทั่วไปต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ใช่ว่าจะใช้เวทมนต์ได้ดีตั้งแต่เด็ก มันเป็นไปไม่ได้ เพราะวงจรย์เวทย์ของมนุษย์กว่าจะเติบโตและใช้งานได้เต็มที่ก็ต้องอายุ 14 ปีขั้นต่ำก่อน โชคดีที่ปริมาณพลังเวทย์ของเรเซอร์จัดว่าเยอะพอควร ถึงจะเทียบไม่ได้กับพวกขี้โกงอย่างยูจิหรือเบลลามีที่มีพลังเวทย์เป็นบ้านเป็นหลัง เยอะกว่าเรเซอร์เป็นร้อยเท่า แต่ยังไงระดับเรเซอร์ก็เยอะมากแล้ว ทำให้ในวัยเด็กก็สามารถใช้เวทมนต์ได้ และฝึกฝนได้เลยเล็กๆน้อยๆ

  ผมยิ้มอมยิ้มเล็กน้อย

  เรเซอร์ตอนปี 1 ทำได้ถึงขนาดเสกบอลไฟอันเท่าบ้านหลังหนึ่งได้ชิลๆ ทั้งที่ไม่ได้ฝึกฝนอะไรมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าผมที่เป็นเรเซอร์ขยันฝึกตั้งแต่เด็กไม่ใช่ว่ามันจะกลายเป็นบอลไฟที่เจ๋งสุดๆเลยหรือไง

  เอาละ!! ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปผมจะเริ่มฝึกฝนเวทมนต์และร่างกายของตัวเอง อย่างน้อยๆก็ให้ไปมากที่สุดเท่าที่จะไปได้ในเวลา 4 ปีที่เหลือก่อนเข้าโรงเรียน 

  เมื่อคึกได้ที่แล้วผมก็รีบตรงดิ่งเข้าห้องนอนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ฝึกแต่เช้า 

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset