<< 2 >>
“ฮือ ฮา ฮือ ฮา!” ผมกุมเข่าตัวเองและแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า “อา..ได้แค่นี้เหรอ”
ผมหยุดวิ่ง พลางส่งเสียงหายใจคล้ายคนขาดอากาศ
6 โมงเช้า ในโลกไลทโนเวลแสนแฟนตาซีนั้น สวยงามกว่าโลกใบเก่ามาก—-ตัวผมที่ ณ ปัจจุบันมีชื่อ เรเซอร์ กำลังออกวิ่งยามเช้าอยู่ละครับ
ท้องฟ้าสีใส พระอาทิตย์กำลังขึ้น ภาพเหล่านี้แตกต่างไปจากทุกวันที่ออกมาวิ่ง เพราะเหนือฟ้าไปมีป้อมปราการลอยฟ้า? สิ่งนั้นลอยเหนือหัวผมได้อย่างผิดธรรมชาติ
ด้วยปราสาทลอยฟ้าเอย หรือบอลเพลิงที่ผมเสกออกมาได้เอย ทั้งหมดทำให้อนุมาน ไม่สิ ทำให้สรุปได้เลยละว่า ที่นี่คือ ‘ต่างโลก’
เมื่อวิ่งได้ครบเป้า ผมก็แหงนหน้ามองไปยัน ‘ราชวัง’ หรือป้อมปราการลอยฟ้าซึ่งลอยอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
ป้อมปราการนั่นเป็นที่อยู่อาศัยของนางเอกหลัก ซึ่งไม่ใช่เบลลามี แต่เป็น ‘หนิง’ นางเอกหลักของไลทโนเวลชื่อดังของยุค หญิงสาวที่พระเอกของเราอย่าง ‘ยูจิ’ ตกหลุมรักสุดหัวใจ
ในเนื้อเรื่องเธอจะปรากฏตัวเพื่อช่วยพระเอก ที่ ณ ตอนนั้นถูกกล่าวหาและดูถูกโดยเรเซอร์ แม้จะไม่เป็นผล แต่หลังจากนั้นไม่นานเรเซอร์ก็ถูกยูจิระเบิดพลังแฝงกระทืบจนนอนหนาบกับพื้นไปตามระเบียบ+ นับจากเหตุการณ์ระเบิดพลังของยูจิ หนิงได้เริ่มสนใจในตัวพระเอก แม้ว่าในช่วงแรก เธอจะสนใจแค่ในพลังของยูจิเท่านั้น แต่พอได้ผ่านอะไรหลายต่อหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะการกระทืบเรเซอร์เล่นตามวาระสำคัญ ในทีสุดหนิงก็ตกหลุมรักยูจิและยูจิเองก็ตกหลุมรักเธอเช่นกัน …หมั่นไส้ชะมัด
“เป็นหนึ่งในคู่รักที่หวานกันจนน่ารำคาญคนหนึ่งเลยละ ..ดูยังไงก็ล็อคนางเอกเห็นๆ เอาใจใส่เบลลามีหน่อยไม่ได้หรือไงนะ ไอ้ผู้แต่งมีแต่ดวงนั่น”
กองอวยผู้หนึ่งได้สาปแช่งไปยันเจ้าลัทธิ(ผู้แต่ง)
‘หนิง’ เธอคือหนึ่งในผู้สืบทอดสายเลือดมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ‘ฟัฟนิร์’ และมีสถานะเปรียบได้ดั่งเจ้าหญิงของประเทศมหาอำนาจ ‘ฟัฟนิร์’ ที่ผมอาศัยอยู่
แถมทางด้านสเกลพลังเอง ก็จัดได้ว่าท็อปคลาสตามเนื้อเรื่อ ช่วงที่เธอบรรลุพลังเกี่ยวกับสายเลือดมังกรของตัวเอง เธอก็เก่งกว่ายูจิช่วงที่ตบเรเซอร์ได้แบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว บอกได้เลยว่าผมมันก็แค่กระสอบทรายดีๆนั่นแหละ
เอาเถอะ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางปาดเหงื่อออก สักพักเรเซลก็โผล่มาโดยที่ตัวสั่นระริก
จะกลัวอะไรขนาดนั้นกันนะ?
“-ท ท่านเรเซอร์”
เธอดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ในมือไม่ได้มีสารเสพติดนามว่า ‘แป้ง’ หรืออะไรเลย ..กำมือเธอมีเพียงผ้าเช็ดหน้าเท่านั้น
พอจะเดาได้ละว่าหล่อนฝืนตัวเองมาเผชิญกับผมทำเพื่อ
“มีอะไรรึเรเซล”
เธอแหงนหน้ามองผมด้วยแววตาที่ซุ่มน้ำตา และค่อยๆยื่นผ้าสีขาวให้
“-ม ไม่มีอะไรขอรับค่ะ!”
แต่หล่อนกำลังเอาผ้ามาให้ผมเช็ดเหงื่อนะ ที่สำคัญ–
“..ขอรับ?”
มาไงหว่า?
เรเซลหน้าซีกเผือกและยกมือมาปิดหน้าตัวเองมิด
“-ข ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!!”
…อ๊ะ จำได้ละ บักห่าเรเซอร์มันสั่งให้เรเซลพูด ‘ขอรับ’ กับมันเล่นๆ ก่อนที่ผมจะย้ายจิตมานี่หว่า
“ให้ตายสิตัวฉันอีกคน” ผมทำมือจูนิเบียว พลางถอนหายใจให้กับความไร้สาระของไอ้ตัวร้ายกระจอก
ทว่าเรเซลกลับเข้าใจผิด คิดเตลิดไปคนละอย่างกับผม หล่อนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าประหนึ่งลูกกวางพึ่งเกิด
ผมแค่ถอนหายใจอากาศก็เตลิดไปได้ขนาดนี้แล้ว ขืนทำมากกว่านั้นขึ้นไม่ตัวสั่นจนช็อกตายเลยเรอะ
อย่างฉากที่บักเรเซอร์เปิดซิงเรเซลละหนึ่ง(ในนิยายต้นฉบับ) ยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกนะหล่อน …
“ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย อย่ากลัวเลย”
ผมพยายามยืดมือให้พร้อมส่งรอยยิ้มอันเป็นมิตร และสง่างามตามฉบับหนุ่มหล่อ
“ขออภัยด้วยนะค่ะ ท่านเรเซอร์ ฉันผิดไปแล้ว!!!”
เรเซลพุ่งหน้าจุ่มพื้นในท่ากราบไหว้ ขอขมาหรือภวนาอะไรบางอย่าง..อะไรของเรเซลแกเนี่ย?
ชั่งเป็นภาพที่อนาถจิตอนาถใจชะมัด เด็กตัวเล็กอายุหลักสิบมาก้มกราบไหว้ราวกับผมเป็นพระเจ้าเนี่ย …รับไม่ได้แฮะ จิตใจอันเปี่ยมด้วยศีลธรรมของคนในโลกใบเก่า รับไม่ได้หรอก
“ขอโทษด้วยนะ”
ผมรู้ดี ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผม ทั้งหมดตั้งแต่แรกเลย
“…เอ๋”
ผมไม่ได้ทำอะไรเรเซล ทำเพียงขอโทษเท่านั้น ไม่ได้ส่งยิ้มหรือทำดีอะไรด้วยในตอนนี้ เพราะเวลานี้และตลอดมา รอยยิ้มของตัวร้ายเช่นผม ยังคงเป็นฝันร้ายของเรเซลในทุกๆเวลา
“จะว่าไปเรเซล ปกติตอนเช้าเธอทำอะไรเหรอ? ฉันไม่รู้น่ะเพราะแต่เดิมตื่นสายประจำ
“…ทุกๆเช้างานของฉัน ..คือการตัดหญ้าหน้าคฤหาสน์ค่ะ”
เด็กดีจังนา ทำงานหนักขนาดนั้นตั้งแต่เช้าตรู่เนี่ย เทียบกับตัวผมตอนอายุเท่ากันแล้วก็น่าละอายใจจริง
ผมเผลอยิ้มเอ็นดูให้ไปโดยไม่รู้ตัว
“—–งื้อ!?”
เรเซลดีดตัวหนีผมไป 1 เมตร …โทษทีที่ ‘ยิ้ม’ ให้
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” เธอพูดเร็วคมชัด และโค้งหัวคำนับ ราวกับก๊อบปี้พาส
“-ล แล้วจะขอโทษทำไมเล่า!?”
“ฉันทำให้ท่านเรเซอร์เสียเวลาค่ะ!”
เธอโพ่งขึ้นโดยที่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
..เรเซอร์หนอเรเซอร์ ทำกับเด็กตัวแค่นี้ได้ไงกัน
“ฉันไม่คิดว่ามันเสียเวลาหรอกนะ การคุยกับเธอในวันนี้สนุกมากเลย”
“…จริงเหรอคะ?—-ขอโทษที่ตั้งคำถามค่ะ!”
“แค่ตั้งคำถามไม่ใช่เรื่องที่ผิดสักหน่อย ..ไม่สิ ถ้าเทียบตามยุคสมัยแล้วมันก็” ผมถูคางตัวเองเล็กน้อย
แต่ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะสนิทกับเธอนะ เด็กวัยเดียวกันช่วงนี้ก็หาเจอได้ยากด้วย มีแต่คุณลุงไม่ก็คุณป้าทั้งนั้น คนที่คอยดูแลผมในปัจจุบันน่ะ
“เอาเถอะ อย่าใส่ใจเลย ทำงานต่อเถอะ”
“อ๊ะ” เรเซลหลบตาผม เธอก้มหน้าทั้งๆที่โต้ตอบบทสนทนากับผมอยู่ “.. ค่ะ”
ผมเดินผ่านเธอไป คนหนึ่งเดินอย่างผ่าเผย อีกคนก้มหน้าหงอหลังเดินผ่าน อายุเท่ากันแต่ความต่างของชนชั้นมากมายตั้งขนาดนี้ เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับต่างโลก
ขืนชวนคุยยาวตั้งแต่ตอนนี้มีแต่จะเสียงานเรเซล แล้วสร้างความลำบากใจให้เธอด้วย ไว้วันหลังค่อยสานสัมพันธ์กันใหม่ดีกว่า
ผมซุ่มมองเธอแบบห่างๆ
“..หวังว่าสักวันจะเป็นเพื่อนกันได้นะ”
ในไลทโนเวล ‘เรเซล’ คือหนึ่งในฮาเร็มของพระเอกอย่าง ‘ยูจิ’ แต่ในปัจจุบันนี้เธอคือเมดที่ทำงานให้ตระกูล ‘ดราแคล์’ ของผม
‘เรเซล’ ประวัติคร่าวๆของเธอคือ ‘เด็กสาวผู้อาภัพ’ ไม่มีคำใดที่เหมาะมากกว่านี้แล้ว
ครอบครัวเธอเป็นเพียงแค่ชาวบ้าน ที่ฐานะดีกว่าชาวบ้านทั่วไปไม่มาก ต่างกับแต่ก่อนที่บ้านของเธอนับได้ว่าร่ำรวยไม่ต่างกับขุนนางเลย เนื่องด้วยในอดีตบ้านเธอเป็นข้ารับใช้ดยุก ‘ดราแคล์’ มาอย่างช้านาน+ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนตามกัน
บ้านของเรเซลเริ่มมีบทบาทต่อดราแคล์น้อยลง และค่อยๆเริ่มจางหายไป จนปัจจุบันสภาพไม่ต่างกับขี้ข้าประจำตระกูล
ด้วยเหตุผลข้างต้น เรเซล ทั้งๆที่เป็นเด็กสาววัยละอ่อนก็ต้องทำงานหนักแทบตาย ไม่พอยังต้องมาคอยประจบคนใหญ่คนโตอีก เพื่อซื้อใจ ให้อย่างน้อยๆจะไม่โดนพาลใส่แบบไร้เหตุผล
แต่ชะตาคงเล่นตลกกับเธออยู่ เมื่อได้ยินข่าวลือของเรเซอร์ไอเด็กเปรตตระกูล ‘ดราแคล์’ พวกที่เป็นอริกับครอบครัวเรเซลก็ถึบหัวส่งเธอมาให้รับใช้เรเซอร์
ตอนแรกครอบครัวของเรเซลพากันดีใจยกใหญ่ เพราะคิดว่ากำลังจะได้ยกระดับครอบครัวให้มากขึ้นเท่าแต่ก่อน โดยหารู้เลยว่าทุกอย่างจะแตกสลายลง เมื่อได้รับรู้กันถ้วนหน้าว่าเรเซอร์เลวยิ่งกว่าอะไร
พวกเรเซลไม่สามารถถอนตัวหรือถอยกลับได้ เธอถูกคนที่หมั่นไส้ทำให้ป่นปี้ยิ่งกว่าเดิม …ท้ายที่สุดเรเซลผู้สู้ชีวิตและแสนดี ก็ถูกเรเซอร์ขืนใจ และสูญเสียความบริสุทธิ์ไป+ พวกเลวระยำที่ส่งเรเซลมาพากันชอบใจใหญ่
แม้ในท้ายที่สุดเรเซลก็ถูกยูจิช่วยเหลือไว้ ด้วยรอยยิ้มและการช่วยเหลือ พวกชั่วเกินคนก็ถูกกำจัดจนหมด ..ถึงกระนั้น–มันก็นานเกินไป
ผมปิดฝักบัวในห้องอาบน้ำลง พลางถอนหายใจเล็กน้อย และพึมพำประโยคติดปากที่ว่า ‘เอาเถอะ’
“…ฉันไม่ได้รู้รายละเอียดของพวกเวรนั่นเลย” ผมถูคางเล็กน้อย “ต้องหาวิธีขุดโพรงกระรอกมาให้ได้สินะ
ด้วยอำนาจของเรเซอร์ ถึงตัวจะเป็นแค่เด็กก็มีอภิสิทธิ์มากขนาดไล่คนที่ไม่ถูกใจได้ แน่นอนในกรณีที่บุคคลนั้นไม่ได้สำคัญกับตระกูลดราแคล์มาก
ถ้าผมจะช่วยเรเซลก็ต้องไล่ใครหลายคนออกบ้าง—–ว่าแล้วเชียวยุ่งยากจังนะ ชีวิตวัยเด็กเนี่ย โดยเฉพาะเรื่องราววัยเด็กของเรเซอร์ ทั้งหมดทั้งวุ่นวายและมืดหม่น
ผมมองไปยันปฏิทินซึ่งติดอยู่ในห้องน้ำ …ใน 6 เดือนให้หลังพี่สาวของเรเซอร์จะถูกลอบสังหาร นั่นก็คือจุดแตกหักของเรเซอร์ที่ทำให้ถลำลึกยิ่งกว่าเก่า ถึงขั้นกล้าไปขืนใจเรเซลได้ไม่อายใคร
แต่เดิม เรเซอร์ เป็นเพียงเด็กเปรตจอมอวดดี มีนิสัยชอบข่มเหงชาวบ้านเล็กๆน้อยๆ แต่เมื่อผ่านชีวิตช่วงหลังพี่สาวตายไป ..ไอ้ตัวร้ายนี่จะกล้าถึงขนาดฆ่าคนเป็นๆด้วยมือตัวเอง
เพราะฉะนั้นกะอีแค่ชีวิตของเรเซล ทำไมเรเซอร์จะไม่กล้าขยี้ให้เละละ?
ผมจะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งเรื่องของพี่สาว และเรื่องของเรเซล
ตัดสินใจได้แล้ว ก่อนจะไปช่วยเบลลามี ผมต้องช่วยพวกเธอสองคนให้ได้ก่อน
****
เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเอง ทว่าระหว่างทางก็เกิดเรื่องขึ้น
“ทำอะไรของเธอน่ะหา!?”
เสียงร้องขอโวยวายแหลมๆดังขึ้น พร้อมกับเสียงขอโทษขอโพยไม่หยุด
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!”
เรเซลก้มหัวร้องขอโทษไม่หยุด โดยที่ตรงหน้ามีแจกันมีราคา กลายเป็นเศษกระเจิงตามพื้น
ใครกันนะที่เรเซลกำลังขอโทษ …ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ทันทีที่เห็นเด็กสาวจอมอวดดี ทั้งๆที่ใส่ชุดเมดเช่นเดียวกับเรเซล ผมก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
‘เจอแล้ว’ ในหัวของผมมีคำๆนี้ผุดขึ้นมา
เธอมีชื่อว่า ‘อันนา’ หัวโจทย์หลักของพวกที่คิดจะขับไล่เรเซล แม้อายุจะเท่ากันแต่ก็ชอบวางท่าเหนือเรเซลในทุกๆเรื่องจนน่าโมโห ถึงจะเป็นตัวละครที่ดีไซน์คาแรคเตอร์ถูกใจผม
เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลทรงหางม้าเล็กน่ารัก สวมชุดเมดที่ดูโชว์เนื้อหนังกว่าชุดเมดปกติ เปิดไหล่และต้นขาชัดเจน ทั้งๆที่เธอคือสุดยอดตัวละครสุดจะน่ารัก แต่ดันถูกผู้อ่านเหม็นขี้หน้าเอามากๆ เรียกได้ว่าคู่ๆกันมากับเรเซอร์เลย อีนางตัวร้ายที่มีส่วนสำคัญทำให้เรเซลร้องไห้ทุกวัน
‘อีเด็กเปรต’ คงเรียกอย่างนั้นได้เต็มปาก เพราะแม้แต่ตอนนี้ บนโลกนี้ เธอก็ยังทำทีอวดดีก่นด่าเรเซล ทั้งๆที่แจกันแตกก็เพราะหล่อนนั่นแหละ
“ อรุณสวัสดิ์คะ ท่าน เรเซอร์ !”
ไม่นานอันนาก็สังเกตเห็นผม เปลี่ยนจากใบหน้าของจอมอวดดี เป็นรอยยิ้มสดใสน่ารักสมวัย แหมๆ น่ารักจริงเชียว
“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ยังอารมณ์ดีเหมือนเคยเลยเนอะ”
“ฮะๆ …ไม่หรอกค่ะ จริงๆ แล้ว”
อันนาทำเป็นใช้หางตามองแรงใส่เรเซล
“มีอะไรรึ?”
“…เรเซลเค้าทำแจกันอันสำคัญที่ท่านแองเจสะบัดน่าพังน่ะคะ”
‘แองเจลิน่า’ ชื่อพี่ผมเอง แล้วก็หล่อนนั่นแหละที่ทำ
ถึงกระนั้นผมก็ยังคงส่งยิ้มรับ
เห็นเช่นนั้นแล้วเรเซลก็หน้าซีดเผือด เพราะทุกทีผมจะเชื่ออันนาตลอด เธอจ้องมาที่ผมทั้งน้ำตา ส่วนอันนาก็ตีบทเศร้าแตก
“น่าเสียดายแฮะ”
“ขออภัยแทนเรเซลด้วยนะคะ” อันนาคำนับให้ผม
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษจริงๆค่ะท่านเรเซอร์! ได้โปรดอภัยโทษให้ด้วย!”
“นี่หล่อน ยังจะไปขอให้ท่านเรเซอร์ทำเมินอีกหรอ!? นี่ของสำคัญของท่านเรเซอร์นะ!”
“-ฉ ฉัน …”
เรเซลโดนแกงเต็มๆเลยแฮะ ยัยอันนาแสบนัก
ผมกุมขมับตัวเองเล็กน้อย อันนาคงคิดว่าฉากต่อไปคือผมที่ตวาดใส่เรเซลแหง แต่เสียใจด้วยวะ
“ไอสำคัญมันก็สำคัญอยู่หรอกนะ แต่ช่างมันไปเถอะ” ผมสะบัดมือเหมือนปัดปัญหาทิ้ง “แจกันนั่นแค่ 2 ล้านเองนี่ จะคิดมากทำไม?”
พูดจบผมก็คลี่ยิ้มของตัวร้ายให้ทั้งสอง
“—เอ๊ะ? /เอ๋” ทั้งสองผสานเสียงตกกะใจกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งๆที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เข้าขากันไม่ได้แท้ๆ
“ก็ถ้าพี่สาวของฉันรู้ว่าฉันลงโทษคนมั่วซั่วมันไม่แย่เอาเรอะ? เป็นแบบนั้นมีมองหน้าพี่ไม่ติดแหงๆ”
“..เรเซลเป็นคนทำค่ะ” อันนาทำทีสู้เสือพูดกับผมต่อ
“จริงหรอเรเซล?”
“…ค่ะ” ดันยอมรับง่ายๆซะนั้นเรเซล
“ไม่เชื่อได้ปะ?—–ก็ฉันไม่เห็นกับตาอะ ถ้าลงโทษเรเซลไม่คิดว่าน่าสงสารแย่เรอะ จริงมั้ยอันนา?”
“..เรื่องนั้น”
“อ่าว ไม่เชื่อฉันที่เป็นถึงลูกดยุก แล้วก็น้องชายสุดที่รักของว่าที่ผู้นำตระกูลเหรอ?”
“-ช เชื่อค่ะ แต่ว่าฉันเกรงว่าท่านจะไม่พอใจ”
ผมยิ้มให้อันนาแบบเป็นกันเอง แน่นอนว่ารอยยิ้มของเรเซอร์มันจะดูเป็นกันเองไม่ได้แน่นอน พูดอีกอย่างคือรอยยิ้มของผมมันก็แค่รอยยิ้มข่มชาวบ้านโหลยๆทั่วไป
“ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่เธอต้องมาคิดแทนฉันเลยนี่ ฉันจะโกรธหรือไม่โกรธมันเรื่องของฉัน ที่สำคัญ..” ผมยักไหล่ด้วยท่าทางกวนส้นเท้า “ถ้ามีคนเผลอเหยียบเศษแก้วจนเป็นแผล ผมคงจะโกรธกว่านี้อีก”
ทั้งสองคนพากันทำหน้าเหวอ
“…ทราบแล้วค่ะ” อันนาตอบด้วยเสียงที่เบาหวิวหลังประมวลผลเสร็จ
“ขอบใจนะอันนา” ผมทำทีชี้นิ้วสั่งอันนา “แล้วเรเซลก็ระวังเหยียบพื้นนา มันอันตราย–”
ผมตั้งใจไม่เอ่ยเตือนอันนาด้วยและ——สะใจเว้ย!!!!! อีนางตัวร้ายมันต้องโดนแกงกลับบ้าง วะฮ่าๆๆ!!
ผมหัวเราะลั่นในหัวใจ ผมคือชายที่ทำความหวังให้เหล่าแฟนคลับนิยายเรื่องนี้สมปารถนาได้
แต่ก็เอาเถอะ เรื่องสำคัญมันต่อจากนี้ต่างหาก…หึฮ่า