< < 3 > >
นับจากที่ผมได้มาเยือนในโลกแห่งไลทโนเวลเรื่องโปรด เวลากำดำเนินผ่านมาได้ราวหนึ่งอาทิตย์แล้ว
อาจจะลำบากบ้างในการปรับตัวใหม่แต่ก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะบ้านค่อนข้างมีฐานะจนเผลอคิดเลยว่า ชีวิตในตอนนี้สะดวกสบายกว่าโลกเก่าด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่นับพวกเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมาเอี่ยม แต่ก็เอาเถอะ—เอาเป็นว่าผมเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ และแนวทางของตัวเองในอนาคตดีแล้ว
ผมอาศัยอยู่นอกชานเมืองตัวคนเดียว และมีเหล่าเมดๆ และพ่อบ้านหลายสิบคนคอยดูแล รวมไปถึงบอดี้การ์ดด้วย ถึงอย่างนั้นมันก็คงจะฟังไม่ค่อยขึ้นที่ส่งลูกชายมายันที่ที่ไกลขนาดนี้ แน่นอนว่ามีเหตุผลรองรับอยู่
ประการแรกบ้าน ‘ดราแคล์’ ไม่ได้รักในตัวเรเซอร์สักกะนิด เพราะเป็นเด็กเปรต
ประการสองเรเซอร์คือจอมก่อปัญหา ถ้าให้อยู่มีปฏิสัมพันธ์กับใครเกรงว่าจะสร้างแต่ชื่อเสีย ถึงจะดูไม่ใส่ใจและแคร์เรเซอร์ แต่สถานะความเป็นอยู่ก็จัดว่าปลอดภัยราวกับอยู่คอนโดกลางเมืองเลย เพราะพวกท่านพ่อได้ส่งพ่อบ้านสุดแกร่งที่ควบตำแหน่ง ‘บอดี้การ์ด’ มาด้วย
พ่อบ้านส่วนตัวของเรเซอร์ที่มีชื่อโหลยๆตามกัน เขามีชื่อว่า ‘เซบาสเตียน’ เป็นคนที่เก่งมาก เผลอๆ เค้าอาจจะเป็นทรัพยากรณ์บุคคลด้านการต่อสู้ที่แกร่งสุดในตระกูลผมเลยก็ว่าได้
วีรกรรมคร่าวๆในไลทโนเวลก็คือการพุ่งไปขัดขวางยูจิช่วงสู้กับเรเซอร์คลั่ง เขาสามารถประมือกับยูจิที่นับว่าแกร่งเอามากๆได้อย่างสูสี
แม้ว่าหลังจากนั้นจะซวยไปจะเอ๋เข้ากับสุดแกร่งของโลก และ—ตายไปในการปะทะกันไม่ถึงสิบจังหวะ แน่นอนความพ่ายแพ้ของเซบาสเตียนไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด เพราะสุดแกร่งที่บังเอิญไปเจอด้วยคือผู้ที่แกร่งที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน แม้แต่ยูจิร่างสุดท้ายก็ไม่สามารถชนะได้
แต่ก็เอาเถอะ เซบาสเตียนคือพ่อบ้านสุดแกร่งที่แสนจะจงรักภักดี แค่มีเขาอยู่ผมก็ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น ปกติพวกแกร่งระดับท็อปโลกก็ใช่ว่าจะเจอกันง่ายๆด้วย
เอาเป็นว่าผมเริ่มปรับตัวได้แล้วละ กับการใช้ชีวิตในต่างโลก แต่ก็อดเครียดไม่ได้หรอกเพราะถ้าจะให้ชีวิตตัวเองไปรูทช่วยเบลลามี ก็จะเจอพวกท็อปโลกเป็นโขยงเลย..
“ท่านเรเซอร์มีอะไรหรือเปล่าคะ? เห็นท่านทำหน้าเครียดๆ แล้วดิฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
เสียงที่ดูอ่อนโยน และนุ่มนวลดังขึ้นข้างผม ..แต่อย่าได้ถูกเสียงที่ดูเป็นเด็กดีนั่นหลอกเอาละ เพราะคนที่พูดออกมาคือนางตัวร้าย—อันนา
เป็นประจำที่ทุกๆวันจะมีเมดมาดูแลผม และหน้าที่นั่นก็เป็นของเรเซลและอันนาที่มีอายุพอกันกับผม พวกเธอจะสลับวันดูแลผมกัน
ผมยิ้มตอบกลับ
“แค่คิดอะไรเพลินๆนิดหน่อยน่ะอย่าใส่ใจเลย”
“-ข ขออภัยด้วยค่ะที่ล่วงเกิน”
ชินแล้วละการขอโทษแบบไ่ม่สมเหตุสมผลนั่น ทั้งเรเซลและอันนาหรือคนอื่นๆก็เป็นไปหมด
โทษทีละกันที่ยิ้มให้ได้แต่แบบนี้
ผมยกถ้วยชาจิบเข้าปากเยี่ยงผู้ดีชอบกลต่างกับปกติ—
‘อันนา’ นางแมวร้ายผู้คิดจะทำลายชีวิตเรเซลตลอด ในเนื้อเรื่องไลทโนเวลเธอคือตัวร้ายทั่วๆไป ที่มีเหตุผลในการกระทำแสนงี่เง่าอย่าง ‘อิจฉา’ เธออิจฉาความน่ารักของเรเซล และหมันไส้ความใสสื่อของเธอ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับตระกูลเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเธอมักจะถูกกรอกหูเป็นประจำว่าเป็นศัตรูกับตระกูลของเรเซล เนื่องด้วยเรื่องในอดีตนั้นตระกูลของเรเซลเป็นใหญ่กว่าตระกูลของอันนามาก และบ่อยครั้งที่เศษเสี้ยวของตระกูลเรเซลชอบมากดขี่ตระกูลอันนา
เพราะอย่างนั้นตระกูลของอันนาเลยสืบทอดความแค้นกันรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นนางแมวร้ายขนานแท้ยกตระกูล
หากให้พูดถึงสกิลเด่นๆ ของอันนาก็คือความตอแหลตีสองหน้า และเทคนิคจิตวิทยาเธอจัดว่าเก่งเลยทีเดียว ไม่มีใครเปิดโปงเธอได้เว้นพระเอกแสนดีอย่าง ‘ยูจิ’
ในหัวของผมหวนนึกถึงภาพเคลื่อนไหวในเวอร์ชั่นอนิเม ที่อันนาโปะแตกจนคนดูพากันเฮฮาทั้งคอมมูนิวตี้ เธอทั้งน่าสมเพช และไร้ซึ่งความน่าสงสาร
ส่วนตอนนี้ ตัวผมเรเซอร์วายร้าย อันดับ 1 ของเรื่อง ก็กำลังคิดแผนจะจัดการอันนา และพวกเลวทรามที่กำลังเกาะแกะเรเซลอยู่ให้หมดสิ้นไป …อาจจะฟังดูพิลึกที่ตัวร้ายแบบผมจะไปช่วยสาวน้อยน่ารักหนึ่งในฮาเร็มพระเอก แต่ตอนนี้มันคนละมักกะโรนีกัน เพราะว่าผมคือผู้ที่มากำเนิดใหม่อีกครั้งนามคือ ‘ยศ’ ไม่ใช่ ‘เรเซอร์’
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองไปนอกหน้าต่างที่เรเซล เธอกำลังกวาดเศษใบไม้หน้าคฤหาสน์อย่างขยันขันแข็ง
กลับกันพอมานึกคิดดีๆ ยัยนางแมวร้ายอันนา ตั้งแต่จำความได้ผมไม่ยักจะเคยเห็นหล่อนทำงานจริงๆจังๆเลย นอกจากแอ็บทำความสะอาดกระจกตอนเห็นผมผ่านมา แน่นอนว่าเรเซอร์ดั้งเดิมไม่ได้โง่ ตัวผมรู้ดีว่านางอันนามันตอแหล แต่มันก็เลือกจะปล่อยไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์สำคัญในการรังแกอันนา และลึกๆ ก็คงอยากเก็บอันนาไว้เผื่อสักวันจะได้เล่นสนุกกับเธอต่อ …เลวชะมัดตัวผม +พูดจบผมก็ทำมือแบบจูนิเบียว
ไม่ไหวแหะ ตัวผม
“จะว่าไปอันนา ปกติเธอสนิทกับเรเซลหรือเปล่า?”
“ก็สนิทดีนะคะ ยังไงเสียพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนสำคัญกันน่ะคะ”
อันนาปั้นยิ้มสวยๆให้
“หรอ นึกว่าไม่ถูกกันซะอีก”
“ไม่หรอกค่ะ …แต่จะว่าเช่นนั้นก็ได้ค่ะ ดิฉันรู้สึกเหมือนพวกเราเข้ากันไม่ได้ชอบกล แม้จะพยายามคุยด้วยแล้วก็ตามทีค่ะ”
ยัยนี่…ให้น้อยๆหน่อยเถอะ
ผมเผลอยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
“ถ้าพวกเธอสนิทกันได้ก็ดีนา”
“…ดิฉันก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ”
ทั้งรอยยิ้มของผมและของเธอไร้ซึ่งความจริงใจ อันนาคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับการพูดคุยแสนจะอึดอัดนี้
…. ‘ไอ้เด็กเวรนี่ ทำไมอยู่ๆ ความนึกคิดก็เปลี่ยนไปได้ละ ไม่สิ หรือว่ากำลังจะเล่นสนุกอยู่เหมือนที่ทำกับยัยเรเซลประจำ …เป้าหมายเปลี่ยนมาเป็นเราหรอ?’ อันนาพยายามคิดตามอย่างเต็มที่
“อันนา จะว่าไปช่วงนี้มีหนังสืออะไรที่น่าอ่านบ้างมั้ย? ขอแบบออกใหม่เลยนะ”
“ค่ะ เช่นนั้นแล้วสนใจเรื่อง…”
‘อ่านหนังสือ? ของพรรคนั้นดิฉันไม่อ่านหรอกค่ะ! เสียเวลาเปล่าๆ โง่ไปแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว แค่หลอกใช้พวกใสซื่อที่โง่กว่า ไปวันๆ มันไม่ยากเกินมือถึงขนาดต้องไปอ่านหนังสือหรอก …ไม่สิ หรือว่าไอเด็กนี่จะหมายถึงหนังสือแนวบันเทิงๆกัน? เราเองก็ไม่ได้อ่านด้วยสิ ช่วยไม่ได้คงต้องบอกชื่อไปส่งๆละกัน’ อันนาพยายามอย่างมาก
“..เช่นนั้นแล้วเรื่อง ‘คุณดอกไม้ผู้ใจดี’ เป็นไงคะ?”
“ขอทราบข้อดีที่ควรค่ากับการไม่เสียเวลาฟรีๆ หน่อยสิ”
‘อ่านเองสิวะ เวร ..ถ้าแค่รีวิวสามถึงสี่บรรทัดดิฉันอ่านมาหรอกค่ะ เดี่ยวพูดไปทั้งอย่างดุ้นแหละ’ อันนาเป็นเด็กที่เตรียมตัวอะไรต่างๆ เป็นอย่างดีทีเดียว
“เรื่องนี้เข้าถึงแก่นแท้ของชีวิตคะ อย่างน้อยๆ ดิฉันก็คิดเช่นนั้นและประทับใจมากเลย …เอ่อ แต่อาจจะไม่ใช่แนวของท่านเรเซอร์นะคะ”
“ไม่หรอกๆ เรื่องแนวความหมายของชีวิตผมก็ชอบนา แต่เป็นไปได้อยากได้อะไรที่มันตลกๆหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันอ่านได้หมด”
‘ถ้าเขียนหนังสือได้ ดิฉันจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับตัวท่านมาให้อ่านเลยละคะ คงตลกดีไม่ใช่น้อย ไอเด็กเวรสายเลือดแท้ที่ถูกนายท่านตัดหางปล่อยวัด เด็กเวรที่อุตส่าห์โชคดีเกิดมาในสภาพแวดล้อมดีๆ แล้วยังหาเรื่องให้ตัวเองจนตรอก เด็กแบบนี้นี่แหละที่เกลียดที่สุด ถึงจะไม่เท่าพวกเด็กโลกสวยใสซื่อหน้าโง่ก็เถอะ’ อันนานินทาเรเซอร์ในใจอย่างสนุกปาก—
…ให้เดาตอนนี้อันนาน่าจะกำลังนินทาผมในใจสนุกปากแหงๆ นิสัยของเธอแม้จะเลวแต่ก็ดูฮาชอบกล ให้อันนาเขียนนิยายชีวิตตัวเองดีมั้ยนะ
“อา แล้วอีกเรื่อง”
ผมยิ้มให้อันนา
“มันมีข่าวลือมาน่ะนะว่าเรเซลเธอกำลังถูกรังแก และพวกมีอำนาจระดับหนึ่งก็มีเอี่ยวด้วย ฉันเกรงว่ามันจะไปเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ตระกูลของเรเซล ซึ่งรับใช้ตระกูลของฉันมาอย่างยาวนานกำลังตกต่ำลง และถูกกดทับซ้ำไม่ให้ยืนเลย ..มีข่าวลือแบบนี้น่ะ?”
‘…ไอเด็กเวรนี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่ แกเองก็รู้เห็นกับเรื่องนี้ดีไม่ใช่หรือไง อย่ามาเปลี่ยนใจเอากลางคันสิ!’ อันนาถอนหายใจคล้ายทำใจยอมรับแล้ว ‘…ยังไงเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยามค่ำ อยู่ดีๆก็เกิดอยากเป็นคนดีขึ้นมาแบบไร้สาระ ฉันคงต้องหาเรื่องหนีออกจากคฤหาสน์นี้แล้วกระมัง ไอเด็กนี่คงยังไม่รู้ถึงขั้นที่ฉันเป็นตัวการหลักหรอก ต้องหาเหยื่อทิ้งสักรายสองรายด้วย’ อันนาคิดตัดสินใจในทันที
“…มีข่าวลือแบบนั้นด้วยหรือคะ? ..คือ ขออภัยด้วยนะคะ ดิฉันเองก็ไม่ทราบเช่นกัน”
“ได้ยินมาว่าโดนถึงขั้นตบตีจนเลือดตกยางออกเลยละ โดนชี้นิ้วสั่งวางท่าอย่างกับว่าเจ้านายตัวเองไม่ใช่ฉันด้วย”
ผมยิ้มให้
“…เรเซลน่าสงสารจังค่ะ”
‘นั่นมันเข้าตัวดิฉันหมดเลยค่ะ! หน๊อย! น่าโมโหชะมัด …ไม่เป็นไร ถึงดิฉันจะทำเหมือนกันหมด แต่ยัยพวกหาบที่เหลือก็ทำอย่างนี้กัน ต้องรีบหาเหยื่อมาให้ไอเด็กเวรนี่ทำตัวเป็นคนดี แล้วจากนั้นฉันก็ติดต่อต้นทางให้ดึงฉันกลับไป ไม่นั้นโดนสืบค้นยันรากได้แหงๆ ด้วยฐานะลูกของขุนนางชั้นสูงน่ะนะ’ อันนาเหม็นขี้หน้าเรเซอร์ไปยิ่งกว่าเดิม
“ดิฉันจะพยายามจับตาดูให้ดีๆ เองค่ะ ถ้ามีใครทำอะไรเรเซลจะรีบมาแจ้งให้ทราบทันทีเลย”
“อืม ฝากด้วยนะอันนา เธอไว้ใจได้จริงๆ”
‘หึ! ไอหน้าโง่ เด็กน้อยเอ๊ย แบร่! โดนหลอกต่อไปเหอะอย่างแกน่ะ!’ อันนาเลวจริงๆ
ไม่นานอันนาก็ออกไปจากห้องเพื่อทำงานต่อไป แน่นอนว่าคงจะหาเรื่องโยนงานให้เรเซลอีก
หลังจากที่อันนาไปแล้วไม่นาน ชายแก่ในชุดพ่อบ้านร่างสูง 190 ซ.ม. ก็เข้ามาแทน
‘เซบาสเตียน’ พ่อบ้านสุดแกร่งที่มีชื่อแสนจะโหลยโท่ยของเรเซอร์ได้เข้ามาในห้อง
“มีอะไรให้รับใช้ขอรับนายน้อย”
“อืม เรื่องสำคัญเลยละ”
แผนการจับกุมอันนาและผองเพื่อนได้เริ่มขึ้นแล้ว–