< < 94 > >
“อ้าาาา โธ่ววววววววววววววววว!!!!”
สาวน้อยอายุไม่เกินสิบแปดปี เป็นสาวน้อยที่ออกไปทางน่ารัก ลักษณะนิสัยเบื้องต้นดูเป็นพวกร่าเริงจนเกินเหตุ การแต่งตัวค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะผ้าคลุมลายพระอาทิตย์อัสดง ขนาดตัวใหญ่กว่าไซส์ที่ตัวเองควรใสาไปสองสามขั้น หรือว่าหมวกแก๊ปที่มีลายก้อนเมฆ รึว่าจะรองเท้าแตะเกี๊ยะลวดลายสดใส—-สรุปแบบง่ายดาย เธอแต่งตัวได้สุด สุดๆ ในหลายๆความหมาย
อย่างไรซะนี่ก็เป็นตัวเธอ ไม่มีใครมีสิทธิ์มาว่าเธอได้
เธอชื่อ ‘วิน’
อย่างที่รู้ๆกันเธอคือผู้ถือครอบวิญญาณระดับเทพที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ และปัจจุบันก็ทำงานให้อาณาจักรเนลยอน โดยที่มีหน้าที่เป็นลูกมือให้มหามังกรวารี ‘เนลยอน’ ซะส่วนมาก สามารถบอกได้เลยว่าเธอคือลูกน้องของเนลยอนโดยตรง หรือจะเรียกว่าคนรับใช้ดีกว่า?
วินกำลังอยู่ในสภาพที่หงุดหงิด ดิ้นไปมากับพื้นหินตามริมท่าเรือ ทำให้ผู้คนมากมายส่งสายตาแปลกๆมาบ้าง แต่ก็หาได้สนไม่
ต้นเหตุจากการกระทำของวินก็มาจากการที่เนลยอน ใช้งานวินไปที่ไกลบ้าน และพอกลับมา ก็ไล่ให้ไปทำงานที่ที่ไกลกว่าเดิมอีก
ไม่แปลกที่จะหงุดหงิด แต่ก็ทำไรได้ วินไม่ได้อยู่ในสถานะที่เท่าเทียม เธอเป็นลูกจ้าง—-ลูกจ้างที่ใกล้เคียงกับเบ๊คนรับใช้ของเนลยอน
ขัดขืนไม่ได้ เรียกร้องไม่ได้ หาความเป็นธรรมไม่ได้ ได้แต่บ่น
นี่แหละสังคมของวิน ช่างน่าเศร้า
“น่าๆ อย่าคิดมากเลย..นะ”
ผู้ที่พูดกับวิน คือเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าวินราวสองสามปีได้
เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาที่หน้าตาไม่ได้ดีเด๋อะไร สวมชุดไปรเวททั่วๆไปที่ชาวบ้านเขาใส่กัน ถ้าจะถามหาจุดเด่นจากเธอก็คงมีแค่กระโปรงที่ยาวจนเลยหัวเข่าล่ะมั้ง
“ที่พูดได้คิดบ้างเปล่าเนี่ย”
วินหยุดกลิ้ง จ้องหน้าเด็กสาวแบบเคืองๆ
“เอมิเนี่ยไม่ได้เข้าใจอะไรเลยนะ การห่างจากเอโอซิสน่ะมันแย่มากรู้เปล่า”
“เอโอซิสไม่ใช่สถานที่ที่อยู่ได้ตลอดนะพี่วิน”
“ก็เพราะอาณาจักรเนลยอนคือเอโอซิสของพี่ไงล่ะ เวลาจากไปมันเลยสุดจะน่าเศร้า”
เอมิที่ได้ยินก็ยิ้มเจื่อนๆให้
“ยังไงก็เถอะ หนูเข้าใจพี่นะ เพราะพี่ต้องทำงานหนักเพื่อพวกเรา จะไม่ไหวบ้างก็ไม่แปลก ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะช่วยนะ”
“อือๆ เอมิเนี่ยใจดีจังนะ นางฟ้าชัดๆ”
“ที่ใจดีเสมือนนางฟ้ามันพี่ต่างหาก” เอมิยิ้มให้ “ขอบคุณที่ทำงานหนักนะคะ”
ถึงตรงนี้ วินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจเฮือกโต ทำใจยอมรับสภาพไป
“ใจร้ายจังนะวิธีนี้เนี่ย”
“พยายามเข้านะคะ”
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเด็กเป็นสิบๆคนจากข้างหลังทั้งชายและหญิงปะปนกันไป
“สู้ๆนะพี่วิน!”
“กลับมาสอนดาบผมด้วยนะพี่วิน!!”
“หนูจะทำคุกกี้ไว้รอน้า!!”
“อย่ายอมแพ้นะคะ!!”
เด็กทุกคนที่ให้กำลังใจวินมีอายุไม่เกินสิบขวบ ทุกคนพากันโบกมือและให้กำลังใจวินกัน ข้างๆเด็กๆมีคุณย่าอายุเยอะคนหนึ่งคอยเดินมาทำเสียง ชู่ว บอกให้เด็กๆเงียบ
“อย่าเสียงดังรบกวนทุกคนสิจ๊ะ”
“ “ “ครับ!!/ค่า!!” ” ”
เด็กทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี วินเห็นภาพเบื้องหน้าก็วึ้งจนน้ำตาวึมและแก้มแดงด้วยความปลื้มปิติ
“ค่าตอบแทนของการทำงานหนักสินะ! นี่แหละโอเอซิกซ์ของฉัน!!”
ต่อให้เด็กน้อยไม่ทำเสียงดัง ตัววินก็จะทำเสียงดังเอง ..คุณยายถอนหายใจพลางบ่นว่าให้ตายสิ เอมิเองก็อดยิ้มแบบหน่ายใจไม่ไหว กลับกัน วินและเด็กๆยังยิ้มสดใส มีความสุขกันอยู่
“จะรีบกันมานะทุกคน”
วินยืนขึ้นได้อย่างมั่นคงแล้ว ทุกคน–โอเอซิกซ์ของวินช่วยให้วินลุกขึ้นได้ เนลยอนจำเป็นต้องขอบคุณเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่วินรับอุปถัมป์ทุกคน
วินมีหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในอาณาจักร ทำงานเป็นผู้ช่วยโดยตรงของเนลยอน และเป็นกำลังรบชั้นยอดในอาณาจักร ทำให้เธอมีเงินเดือนมากพอจะอุปถัมป์ชีวิตคนหลายสิบคนได้แบบสบายๆ แถมยังมีเงินเหลือพอใช้จ่ายได้แบบชิลๆอีก
ว่าง่ายๆ วินโคตรจะรวยน่ะเอง
ในห้วงเวลาแห่งการจากลานั้นเอง ก็มีชายวันกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา
สูงถึง 190 กว่าๆ ซ.ม. ร่างหนาตึก เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมากมาย ระดับที่เป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของนักรบ มีเลือนผมสีขี้เถ้า เป็นคนผิวดำ มีดวงตาสีน้ำตาลที่ดูน่าเกรงชาม สวมชุดมีปกคอคล้ายกับชุดข้าราชการชาย แต่เพราะมีลวดลายที่แตกต่างกันมาก ทำให้รู้ว่าเป็นคนล่ะชุดอย่างชัดเจน
และเป็นกรณีพิเศษ บนตัวของชายคนนี้มีเครื่องประดับทองคำติดไว้อยู่ค่อนข้างเยอะ คงจะเป็นเหรียญตราเกียรติยศไม่ผิดแน่ และเขาก็มีดาบแนวเอาไว้อยู่ข้างลำตัวด้วย
“ดูอบอุ่นกันจริงนะ”
เขาพึมพำขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ พอเห็นยิ้มของเขาคนนี้แล้ว ความรู้สึกที่เขาดูเข้าถึงยากก็หายไปเป็นปริดทิ้ง
“โอ้!! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ—คุณ ‘ไรเดน’”
ชายผู้นี้คือ ‘ไรเดน อาคาสะ’ นักดาบแห่งอาณาจักรเนลยอน มีฉายาเป็นถึง ‘ราชาดาบมาร’
ปัจจุบันทำงานให้อาณาจักรเนลยอน ในตำแหน่งองค์รักษ์ของ ‘โทมิเรีย’ องค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวแห่งอาณาจักรเนลยอน
วินเองก็รู้จักกับไรเดนและโทมิเรียบ้าง กล้าพูดเลยว่าค่อนข้างสนิทกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน
เพราะอย่างนั้นไรเดนสำหรับวินก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
“สบายดีสินะคะ คุณไรเดน”
“ที่ต้องถามมันทางนี้ต่างหาก พึ่งจะกลับจากงานมาแท้ๆ ยังถูกส่งไปทำงานอีก เจ้ามหามังกรตนนั้นไม่มีความเกรงใจคนอื่นเลยหรือไงนะ”
ไรเดนถอนหายใจ รู้สึกเห็นใจวินอย่างสุดซึ้ง
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า!” วินหัวเราะแบบได้ใจ หล่อนเป็นคนที่โดนชมนิดชมหน่อยก็ถึงกับละทวย
ไม่อยากเชื่อว่าจะมาจากปากคนที่ร้องบ่นหาความเป็นธรรม—เอมิคิดอย่างนั้น
“เห็นว่าเจอเอเธอร์ด้วยไม่ใช่รึไง แค่ต้องรับมือกับเจ้าหมอนั่น ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้วล่ะ”
ไรนเดนพูดเหมือนนึกถึงเรื่องราวแย่ๆในชีวิตตัวเอง—ไรเดนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก็มีช่วงชีวิตที่ลำบากด้วยแฮะ วินแอบประทับใจนิดหน่อย
“ไม่ขนาดนั้นหรอก เขาก็เป็นคนคุยง่ายๆนา”
“คุยง่ายๆ? คนกวนประสาทพรรค์นั้นน่ะเหรอ? ..เอาเถอะ เจ้าเป็นคนที่เข้ากับทุกคนได้ง่ายล่ะนะ คงไม่แปลกหรอกที่จะเข้ากับเอเธอร์ได้ด้วย”
“พูดเกินไปแล้วๆ”
ไรเดนหัวเราะขึ้นจมูกแบบขี้เล่น
“ยังไงก็เถอะ ยอดเยี่ยมมากที่รอดชีวิตมาได้”
“ไม่หรอกค่ะ ฝั่งนั้นแค่ไว้ชีวิตฉันเอง”
“ไว้ชีวิตสินะ ..ก็เป็นซะแบบนี้ตลอด ให้ตายสิ” ไรเดนถอนหายใจอีกครั้ง “แค่รอดได้ก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต แต่รอดได้ก็คือรอดได้ อะไรสักอย่างในตัวเจ้าทำให้เจ้ารอด ควรยืดอกภูมิใจเสียที่รอดจากสัตว์ประหลาดตนนั้นได้”
สำหรับไรเดน พอพูดถึงเอเธอร์ก็มักจะดูหน่ายใจขึ้นมาทุกที มีอารมณ์โกรธบ้างเหนื่อยบ้างปะปนกันไป แต่ที่แน่ๆ เขาอาจจะไม่ได้เกลียดเอเธอร์ขนาดนั้นก็ได้ ..
ถึงเอเธอร์จะไปฆ่าเพื่อนเขาตายไปหลายคนก็เถอะ แต่ความโกรธมันสามารถระงับกันได้ด้วยเวลา ตลอดการต่อสู้กับเอเธอร์เป็นสิบๆปี น่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนั่นแหละ
“แล้ววันนี้มีธุระอะไรเหรอคุณไรเดน”
“อ่า เกี่ยวกับหน้าที่ของเจ้าน่ะ”
ไรเดนยื่นคัมภีร์อันหนึ่งมาให้—-ซึ่งมันคือจดหมายสำหรับอาณาจักรเนลยอน จดหมายแบบเป็นทางการของอาณาจักรเนลยอน มักจะเป็นรูปทรงแบบคัมภีร์ ต่างกับอาณาจักรฟัฟนิร์รึว่าเกรล
“พอไปถึงอาณาจักรฟัฟนิร์จะมีคนคอยรับตามเนื้อหาหน้าที่เลย”
“เนลยอนสั่งมาเหรอ?”
“เปล่า มังกรตนนั้นแค่ตั้งเป้าไว้ พวกเรามีหน้าที่สนับสนุนให้ทุกอย่างเป็นไปได้โดยลาบลื่นเพียงเท่านั้น”
“แบบนี้นี่เอง นั่นสิเนอะ เนลยอนคิดแต่เป้าหมาย ไม่ได้คิดเรื่องระหว่างทางสักเท่าไหร่ จริงๆแล้วน่าจะเป็นพวกโง่กว่าที่คิด”
วินเก็บจดหมายเข้ากระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นเอมิก็วิ่งมายื่นกระเป๋าสะพายใบใหญ่มาให้อีก
“เอ๋? นี่มัน? อะไรเหรอ?”
วินกระพริบตารัวๆ
“เสื้อผ้านักเรียนอาณาจักรฟัฟนิร์ค่ะ!”
ถึงจังหวะนั้นวินก็หยุดกระพริบตา อ้าปากค้างตัวแข็งทื่อแทน—วินค่อยๆหัวไปมองไรเดน และไรนเดนก็หลบหน้าหนี
“หน้าที่ของเธอคือการสืบหาตัวจริงของผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ..แต่จะให้ไปตรวจสอบเฉยๆก็ไม่ได้ เลยจำเป็นต้องให้เธอแฝงตัวไปเป็นนักเรียนของฟัฟนิร์ด้วยน่ะ”
“ระยะเวลา..ล่ะ?”
“หนึ่งเดือนโดยประมาณ”
ใจวินแทบแตกสลาย เธอกำลังจะถูกพรากเอโอซิกซ์แล้ว ไม่ต่ำกว่าสองเดือนรวมไปกลับด้วย—-วินแทบจะเป็นลม
ไรเดนเองก็ไม่ใช่ยักษ์มาร เขาพอเข้าใจความรู้สึกและรู้สึกขอโทษอยู่บ้าง ยิ่งสนิทกับวินด้วย ยิ่งรู้สึกเห็นใจ
“.. ขอโทษ เบื้องบนตัดสินมาแล้วน่ะ เนื้อหาโดยละเอียดอยู่ที่ในคัมภีร์ ..ท่านหญิงโทมิเรีย ฝากบอกเจ้ามาด้วยว่า ‘พยายามเข้า ถ้าจบงานจะพาไปกินเค้กด้วยกัน’ ยังไงก็พยายามเข้านะ”
วินพุ่งมกระซากคอเสื้อไรเดนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นสายเลือด
“บอกให้โทมิเรียช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ!! ฉันไม่อยากอยู่ที่ฟัฟนิร์เป็นเดือนๆหรอกนะ คุณไรเดนนนนน!”
“ตัดใจเถอะวิน ท่านหญิงโทมิเรียไม่มีทางยอมรับกับการช่วยเหลือเกินที่ควรหรอก เจ้าเองก็น่าจะรู้นี่”
“คุณไรเดนที่สนิทก็ช่วยทำอะไรสักอย่างหน่อยสิ!!!!!!!”
วินกลายเป็นคนคลั่งเป็นที่เรียบร้อย ไรเดนรู้สึกเอือมละอาเล็กน้อย แต่ก็พอชินแล้ว เพราะยังไงก็สนิทกัน เคยเห็นวินตบะแตกอยู่บ่อยๆเป็นปกติ
เพราะโทมิเลียสนิทกับวินล่ะนะ เลยได้สนิทกับวินไปด้วย ..
“ยะ อย่าดึงคอเสื้อท่านไรเดนแบบนั้นสิพี่วิน!!!!” เอมิร้องลั่น
เอมิวิ่งมาดึงวินออกแบบเอาเป็นเอาตาย วินเองก็เกาะคอไรเดนแบบเอาเป็นเอาตาย ไรเดนได้แต่ถอนหายใจเฮือกโตอีกครั้ง
สภาพ ณ ท่าเรือของอาณาจักรเนลยอนวันนี้ช่างวุ่นวาย ผู้คนในอาณาจักรเนลยอนรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษกับเหตุการณ์อาละวาดของวิน
ด้วยเหตุนี้เอง วินจะได้เข้าเป็นนักเรียนของวิทยาลัยเวทมนตร์เรดฮอตในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนล่ะ