เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 119: เกาะวาเรอร์ (1)

< < 97 Sec1 > >

ถึงเกาะวาเรอร์แล้ว

สิ้นสุดคำประกาศของประชาสัมพันธ์ นักเรียนของวิทยาลัยเรดฮอตก็พากันตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวกันทีละนิดๆ เนื่องจากการมาถึงเกาะวาเรอร์มันค่อนข้างจะเช้า ทำให้สภาพนักเรียนหลายคนไม่ค่อยจะพร้อมเสียเท่าไหร่

พวกคณะอาจารย์เลยลงความเห็นว่าจะพานักเรียนทัวร์วิทยาลัยชั่วคราวกันเป็นกลุ่ม แบบไม่จำกัดห้องหรือชั้นปี ยังไงซะนี่ก็เป็นวิทยาลัยใหม่ ทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับวิทยาลัยใหม่ตั้งแต่ศูนย์อยู่แล้ว

ผมที่เตรียมตัวพร้อมไว้นานแล้ว เนื่องจากโดนเอเธอร์ชวนไปคุยเลยอยู่ในกลุ่มแรกที่ทัวร์โรงเรียน

ผมมายืนอยู่กับ ‘อาจารย์เอเธอร์’ ในชุดสูทขาว เขามีหน้าที่แนะนำวิทยาลัยให้นักเรียนกลุ่มแรก

ในกลุ่มแรกมีแต่นักเรียนดีเด่น ส่วนใหญ่มาจาก ‘คลาสอัศวิน’ ไม่ก็ ‘นักเรียนทุน’ ของทุกๆชั้นปี และมีปนนักเรียนดีเด่นที่สอบเข้าแบบปกติมาบ้าง

ยูจิ เคียวยะ เบลลามี โซล่า ขาดเรย์ และกรณีที่แปลกอย่างหนิงไป

หนิงเป็นถึงนักเรียนนคลาสอัศวิน แต่เลือกจะนอนมากกว่ารีบทำคว่ามรู้จักโรงเรียน ก็ไม่ผิดหรอก แต่มันชวนขัดใจพวกเคร่งๆนิดหน่อย

นักเรียนหลายคนนอกจากผมดูจะประหม่าเอเธอร์ไม่น้อยเลย ทุกคนปฎิบัติกับเอเธอร์ราวกับเป็นซุปเปอร์สตาร์

นักเรียนชายมีประกายดาวอยู่นัยน์ตา นักเรียนหญิงบางคนมีรูปหัวใจอยู่ และนักเรียนบางคน—-กำลังหงุดหงิดอยู่

“จะเกร็งไปทำซากอะไร ถ้าเก่งจริงไม่มาเป็นอาจารย์หรอก”

ผู้ที่พูดขึ้นคือ ‘เมาโร’ นักเรียนคลาสอัศวินปีสาม เป็นผู้ชายหน้าตาดี ไว้ทรงสกินเฮดย้อมสีแดง ลักษระเด่นคือร่างสูง ตัวหนาตึก และดูเหมือนกุ๋ยข้างถนน

ถึงภายนอกจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาคือนักเรียนคลาสอัศวินที่เก่งทั้งบู๋และบุ๋น พอผนวกทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน เขาจึงได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งของนักเรียนชั้นปีสาม

ไม่ใช่พวกที่ชอบหาเรื่องใครโดยธรรมชาติ แต่เหมือนว่าจะแอบไม่ชอบเอเธอร์

พวกนักเรียนร่วมห้องที่ได้ยินเมาโรพูดหมาๆก็พากันให้เมาโรใจเย็น แต่เขาหาได้สนไม่

“ไม่รู้หรอกว่าเก่งมาจากไหน แต่แกอยู่แค่ในฐานะอาจารย์ มีหน้าที่แค่สอน อย่ามาทำตัวสูงมาจากไหนให้เห็นเชียว”

เมาโรพูดขู่เอเธอร์—ยูจิได้ยินถึงกับตัวสั่น เคียวยะถอนหายใจเฮือกโต เบลลามีอ้าปากค้าง โซล่าทำปากว้าวตาเป็นประกาย ผมกุมขมับ

ถ้าเอเธอร์เป็นพวกหัวร้อน นิยมใช้กำลังแก้ปัญหา เขาน่าจะเด็ดหัวเมาโรทิ้งแล้วล่ะ

แต่เดิม เอเธอร์เด่นเองโดยธรรมชาติ เขาไม่ได้อยากเด่นสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเมาโร เขาเป็นนักเรียนที่ดี เขาอยากจะเรียน ไม่ได้อยากเห็นผู้คนพากันซุบซินเรื่องซุปเปอร์สตาร์อย่างเอเธอร์

ดี่ที่โซล่าไม่เด่น ไม่นั้นโซล่าโดนด่าตามๆเอเธอร์ไปแหงๆ

“จะระวังครับ”

เอเธอร์ตอบกลับสั้นๆ เมาโรหันหน้าหนีไปทางอื่น

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะบ่นอะไรแล้ว เอเธอร์เลยเข้าเรื่อง

“เช่นนั้นผมจะพานักเรียนทุกท่านพาทัวร์วิทยาลัยชั่วคราวของเรากันนะครับ”

ในขณะที่เอเธอร์กำลังเริ่มนักทาง โซล่าก็วิ่งมาเกาะของผม

จังหวะทีเผลอทำให้ผมเผลอสะดุ้งหน่อยๆ พอหันไปมองก็เห็นโซล่ายิ้มให้

“ทัวร์โรงเรียนกันเถอะ”

…ตอบแบบไหนดีนะ

เอาเป็นว่าดันโซล่าออกจากแขนก่อนล่ะกัน ผมไม่ชอบเวลามีคนมองผมเป็นพวกชอบขวงสาวที่ไม่ใช่แฟนเลย อีกอย่าง พอมีผู้หญิงมาตัดผมทั้งๆที่เบลลามียังอยู่ด้วย เคียวยะก็ส่งจิตอาฆาตใส่ผมยับๆเลย 

เคียวยะเปรียบเสมือนผีทวดตามติดของเบลลามี เห็นถ่อยๆแบบนี้แต่มันตามใจเบลลามีตลอด แค่ไม่ตามใจตรงๆ แต่เป็นแบบอ้อมๆ อาทิเช่นถ้าขอให้เคียวยะช่วยวิเคราะห์งาน เคียวยะก็จะบ่นแต่ก็ทำให้ทันที–เป็นซึนเดเระของแท้

เอาเถอะ ก่อนอื่นต้องรีบแก้ตัวเพื่อไม่ให้เบลลามีและผีทวดเคียวยะหัวร้อน

ยังไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัว เบลลามีก็พุ่งมากอดแขนผมอีกข้าง เป็นอันประกาศศึก

“ดะ เดี่ยว!”

เธอ เบลลามี กอดแขนผมโดยที่ไม่ได้แหงนหน้ามองผม เธอเบือนหน้าหนีทำให้ไม่ทราบสีหน้าก็จริง แต่หูเธอแดงแจ๋เลย บ่งบอกว่ากำลังเขิน

โซล่าจ้องเบลลามีเขม็ง ก่อนแหงนมองผมและขวมดคิ้ว

“มีว่าที่ภรรยาอยู่แล้วไม่ใช่รึไง ตั้งสองคน!”

พวกหล่อนอนุญาติให้ผมจีบกับเบลลามีคร้าบ ตอบแบบนี้ไปมีโดนวีนใส่แหงแซะ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ โซล่าเห็นก็เลือดขึ้นหน้าเริ่มบ่นผม

“แบบนี้มันเป็นการนอกใจนะ! มักมากมันไม่ดีนะ!”

หล่อนมาขวงแขนผมก่อนแท้ๆ มีสิทธิ์พูดด้วยรึ? 

“เห้ย ยัยโซล่า ยัยคนนอก”

เคียวยะเข้ามาช่วยแล้ว

“เบลลามีน่ะข้อยกเว้น ภรรยาของไอ้เบื้อกนี่กับเบลลามีตกลงกันแล้ว ถือว่าเซฟ แต่แกมันจุ้นของแท้เลย ไสหัวไปซะ ทีกำลังหาเรื่องให้เรเซอร์นอกใจมันแกต่างหาก ยัยผู้หญิงสำส่อน”

ก็ขอบคุณที่ช่วยอยู่หรอก แต่วิธีพูดไม่ดูตั้งตัวเป็นศัตรูกันไปหน่อยหรือ?

“อะไรของคุณ มาพูดจาหยาบๆกันทั้งๆที่ไม่รู้ชื่อแบบนี้ ..ใช้ไม่ได้เลยนะ” โซล่าเริ่มมีน้ำโห

“เคียวยะ รู้แล้วก็ไปได้แล้ว ไปๆ อย่ามาเกะกะ”

เคียวยะพูดอย่างกับไล่หมา ทางโซล่ายิ่งกอดแขนผมแน่นกว่าเดิม

“เรื่องของฉัน!”

“เห้ย!”

“หนวกหู จะไล่ฉันออกก็ทำสิ ใช้กำลังเลยสิพ่อคนถ่อย!”

ยูจิเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งมาขวาง พูดแบบนี้ก็กระไรอยู่ แต่ยูจิเนี่ยมีพรสวรรค์ในการเป็นกรรมการเวทีมวยสุดๆเลยแฮะ

“อะ เอาเป็นว่าใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณโซล่า ..เอ่อ ควงแขนกันแบบนี้มันเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่..นะครับ แล้วก็อย่าทะเลาะกันเพื่อคุณเรเซอร์เลยครับ ทำแบบนั้นมีแต่จะทำให้ทุกคนอีดอัดนะ”

โซล่าสังเกตุบรรยากาศกลุ่มนักเรียนที่ดูจะมาคุก็ยอมผละตัวออกจากผม 

“แต่เดิมฉันก็ไม่คิดจะทำร้ายเธออยู่แล้ว ยังไงฉันก็เป็นถึงคณะกรรมการนักเรียน” 

“ไม่เหมาะเลยนะค่ะ”

“เดี่ยวสิครับ คุณโซล่า”

โซล่าทำเสียง หึ และหันหน้าหนีไปทางอื่น ยูจิยิ้มเจื่อนๆ ส่วนเคียวยะก็หัวเราะขึ้นจมูก

เบลลามีเห็นโซล่าลามือแล้วก็ปล่อยแขน แต่ผมดันนึกบ้าอะไรไม่รู้ คว้ามือเธอไว้แทน

สัญชาตญาณล่ะมั้ง ..แน่นอนไม่มีความคิดอยากปล่อยมือเลย

เบลลามีหันมามองหน้าผม เธอกระพริบตารัวๆ ก้มศรีษะลงขมิบปากเข้าหากัน เบลลามีดึงมือออกนั่นทำเอาผมใจสลาย ก่อนที่เธอจะถอนหายใจและรวบรวมความกล้าจับมือผมใหม่

ในทีแรก เธอจับและปล่อย พอผมจะจับมือพวกเราก็ดันจับกันไม่โดนเพราะไม่ได้มอง ได้แค่แตะมือกันเบาๆ พอยืนยัยตำแหน่งได้แล้วพวกเราก็จับมือกัน

อุ่นมาก

“เรเซอร์”

“หือ?”

“แค่ห้านาทีพอนะ”

สำหรับเบลลามี การจับมือเป็นเรื่องที่ทำครั้งล่ะไม่นานน่าจะดีกว่า ทั้งๆที่ของแบบนั้นมันควรเป็นอะไรที่ล้ำๆแบบจูบหรือไม่ก็–แหละ

ว่าไงดีล่ะ เด็กน้อยจริงๆ–และไอ้ผมก็พอกันเลย อ่อนหัดจนคิดว่าตัวเองอาจจะเขินตายในสามนาทีแรกเนี่ย

“..ครับ”

ไม่มีใครเห็นว่าพวกเราจับมือกัน ..คิดว่า หวังว่าอยากนั้น 

เด็กน้อยชะมัดตัวผม อายกับเรื่องแค่นี้เนี่ย

เคียวยะ—อ่า ว่าล่ะ มันเห็น และกอดอกพยักหน้ารัวๆแบบพึงพอใจ

ไม่ใช่แค่เคียวยะ

ยูจิเองก็เห็น แต่จะปิดตาทำซากอะไรฟร้ะพวก!? แค่จับมือเองแท้ๆ

“ถ้านั้นจะเริ่มนำทางนะครับ” 

กล่าวจบเอเธอร์ก็เริ่มนำทาง

 

****

สรุปเลย

วิทยาลัยเวทมตร์แห่งใหม่ เทียบกับที่เก่าแล้วค่อนข้างเล็ก แต่ดีไซน์หลายๆอย่างดูจะสวยกว่ามาก แถมยังมีอุปกรณ์เวทย์ดีๆให้ใช้เหมือนกับวิทยาลัยเก่าเป๊ะๆ

ค่อนข้างน่าพอใจ พื้นที่ไม่ได้ใหญ่มากเลยเดินสะดวกด้วย

หลังดูห้องเรียน ห้องพิเศษ สนามวิทยาลัยเสร็จ เอเธอร์ก็พามาตึกขนาดใหญ่ตึกสุดท้าย ซึ่งเป็น ‘หอนักเรียน’

หอนักเรียนใหญ่กว่าหอชายเก่าสองเท่าได้

“ที่นี่จะเป็นหอรวมครับ”

ใหญ่กว่าสองเท่าเพราะเป็นหอรวมน่ะเอง …ในหัวผมแว๊บภาพพวกนักเรียนเกเรที่จับกลุ่มทำเรื่องลามกกันขึ้นมา

เบลลามีสังเกตุเห็นสีหน้าผมก็พูดอะไรแปลกๆขึ้นมา

“ถ้าจะทำ ไปทำกับเรเซลและอันนาก่อนนะ”

“โทษทีนะ เบลลามี ช่วยพูดใหม่อีกทีสิ”

ไหงว่ารออีกสามปีไง …ที่พูดเนี่ยคือถ้าผมมีอะไรกับสองคนนั้นแล้ว คือเบลลามีให้เลยมิใช่หรือ

“ถ้าจะทำ ไปทำกับเรเซลและอันนาก่อนนะ”

พูดใหม่จริงๆด้วยแฮะ แถมชัดท้อยชัดคำกว่าเก่าอีก

ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าเบลลามีจะทนรอสามปีไหวรึเปล่า ..ลามกกว่าที่คิดนะเนี่ย

“หมายถึงให้นอนหนุนตักและแคะหูให้นะ”

อืม ที่ลามกมันผมต่างหาก

 

****

ผมถึงห้องส่วนตัวในหอได้โดยสวัดดิภาพ สัภภาระทั้งหมด พี่ๆพนักงานบนเกาะก็ช่วยขนมาให้อีก

การเป็นขุนนางนี่มันสบายจังเลยนะ ต่อจากนี้ผมก็จะมีชีวิตเยี่ยงราชาจนแก่เถ่า..ทั้งหมดเป็นเพราะแองเจลิน่าช่วยแบกผมน่ะแหละ ถ้าไม่ลนหางานยากๆ ไอ้ผมก็นอนเกาะพี่สาวกินได้ตามสบายเลย

“…มือเบลลามี อุ่นมากเลย”

‘ช่วยอย่าพูดอะไรที่มันดูเด็กน้อยได้รึเปล่าค่ะ มาสเตอร์ ตอนเรเซลและอันนาก็รอบหนึ่งแล้ว ฉันยังพอทนได้เพราะเห็นว่าเป็นครั้งแรก—เป็นการเปิดซิงการจับมือของมาสเตอร์กับคนรักค่ะ’

“ก็มัน ..ง่าาาา!!”

ผมเขินตัวบิด ดิ้นไปมาบนเตียง ไม่รู้เหตุใดยูนาถึงถอนหายใจกรอกหูผม

“อะไรเล่า ท่าทางแบบนั้น”

‘ฉันต่างหากที่ต้องถาม กะอีแค่จับมือจำเป็นต้องมีรีแอ็คชั่นขนาดนั้นด้วยหรือ?’

“ต่อให้ฉันเขินจนกระโดดตึก ก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหนเลย”

‘ถ้าเขินจนกระโดดตึก ฉันคงไม่มีทางเลือกนอกจากหาวิธีให้แองเจลิน่าพาตัวมาสเตอร์ไปโรงพยาบาลจิต’ ยูนาหัวเราะขึ้นจมูก ‘มาสเตอร์เคยสอนคำวิเศษที่โลกเก่ามาสเตอร์ให้ฉันครั้งหนึ่งค่ะ’

ผมนอนมองเพดานใช้นิ้วก้อยแคะหูไปด้วย

คำแปลกๆในโลกเก่าผมสอนยูนาไปตั้งเยอะ จำไม่ได้หรอก

“ว่ามา จะพูดอะไรอีกล่ะ”

ที่รู้ๆคืออีกฝ่ายตั้งใจกวนผมแน่ๆ—–ยูนาโพล่งขึ้น และนั่นทำให้ผมรู้สึกอับอายสุดๆ

‘โปรดจำให้ได้—-มาสเตอร์จำคำว่า Cring ได้รึเปล่าคะ?”

….Cring อาการที่จะเกิดเมื่อเห็นใครสักคนทำอะไรที่มันฝืนๆจนรู้สึกอับอายแทน หรือย่อง่ายๆก็อายแทนชาวบ้านเขา

อนึ่งมันเป็นคำที่ผมเกลียดที่สุดในโลกเก่า 

ที่เธอเลือกใช้คำนี้ มันหมายความว่ายูนาอายแทนผมที่กะอีแค่จับมือก็เขินแทบตาย

‘ฉันรู้สึกแบบนั้นกับมาสเตอร์ล่ะค่ะ โคตร Cring เป็นไปได้โปรดหยุดพฤติกรรมดังกล่าวด้วย ..เหอะ กะอีแค่จับมือ’

ยัยนี่——–

ขณะที่ผมกำลังจะหาเรื่องทะเลาะกับยูนา—–ตอนนั้นเองก็มีสัญญาณเตือนแปลกๆขึ้นมาในหัวสมองผม

ผมหน้าซีดเผือกพุ่งตัวออกจากเตียง

มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น——-อะไรสักอย่างที่ไม่สามารถปล่อยไว้ได้

เพราะเป็นผู้ถือครองยูนา การจับสัมผัสปฎิกิริยาแปลกๆผมเลยเชี่ยวชาญในระดับเดียวกับยูนา สิ่งประหลาดที่แสนจะอันตรายเลยปลุกให้ผมอยู่ในสภาพตื่นตัว

‘มาสเตอร์ ทิศตะวันออกเฉียงตายจากจุดที่มาสเตอร์อยู่ บริเวณรอบกำแพงวิทยาลัย’

ยูนาระบุตำแหน่งให้ผมเสร็จสรรพ ผมขานรับพุ่งตัวคว้าถุงมือเวทมนตร์และกระโดดออกจากกระจกหอ

ผมไต่กำแพงหอขึ้นไปข้างบนด้วยทักษะกายภาพ และใช้การตัดมิติช่วยเร่งให้ตัวเองไปเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เพียงพริบตาเดียวผมก็อยู่บนดาดฟ้าของหอนักเรียน พบว่ามีนักเรียนชายหญิงคู่หนึ่งกำลังคั่วกันมันเลย

“อดอยากมาจากไหนฟร้ะ—–”

พึ่งเข้าหอไม่กี่ชั่วโมงเองนะเว้ย—ช่างมันเถอะเรื่องชาวบ้านเขาน่ะ!

ผมพุ่งตัวลงดาดฟ้า ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก แต่ผมไม่สนใจวิ่งผ่านไป และกระโดดข้ามหออีกรอบ—–เพียงแค่นิดเดียวผมก็ไปถึงที่หมายที่มีปฎิกิริยาผิดปกติ

ผมแลนดิ่งลงพื้น กลิ้งตัวสามตลบ และเผชิญหน้ากับ …ใครหว่า?

พบเจอกับเด็กสาวปริศนา แต่งตัวค่อนข้างพิลึก สวมเสื้อนอกลายทะเลและพระอาทิตย์อัสดง ขนาดใหญ่เกินตัวมาก เสื้อข้างในเป็นเสื้อยืดโง่ๆธรรมดา สวมกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าแต๊ะเกี้ยดูเก่าๆโทรมๆ

สิ่งที่เด่นที่สุดก็คือหมวกที่ตกแต่งด้วยหลายอย่าง แต่ที่เด่นที่สุดก็คือคลื่นทะเลและพระอาทิตย์ 

เพราะสวมหมวกเลยไม่ทราบทรงผม แต่ที่แน่ๆคือเธอมีผมสีทองซึ่งแปลกตาสุดๆ และมีดวงตาสีเดียวกับผม

ตอนนี้ไม่ทราบว่าทำอะไรเหมือนกัน เธอกำลังนั่งยองและเหมือนกำลังขุดดิน 

เล่นบ้าอะไรอยู่ไม่รู้

ถ้าให้ตัวผมโลกเก่าดู คงคิดว่าไอ้เด็กนี่น่าจะกำลังทดลองวิทยาศาสตร์อยู่แน่ๆ ไม่ก็กำลังวางระเบิดอยู่ ทำกำดักล่ะมั้ง?

กำดักเมื่อนำไปผนวกกับประติกิริยาที่ไม่ชอบมาพากลแล้ว ..อา ยัยนี่อันตราย

หล่อนจ้องหน้าผมสามวิ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีคนเห็น

เธอสะดุ้งโหยง ลงมือใช้รองเท้าแตะเก่าๆกระแทกพื้นที่กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ทิ้ง และหันมาหัวเราะให้ผม โดยที่พยายามบังมุมสายตาผมไว้ไม่ให้เห็นสิ่งที่เธอกำลังทำบนพื้น

ที่ทำยิ่งน่าสงสัย

“ดะ ดีจ้า!!”

ไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน ที่รู้ๆคือไม่น่าไว้ใจสักนิด ถึงขนาดทำให้ผมและยูนาตกกะใจได้เนี่ย ไม่ว่ายังไงก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ผมสามารถยิ้มให้และบอกว่า ‘ดีครับ กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ’ ได้

ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร หรือทำอะไรต่อ ผมก็ลงมือสวมถุงมือเวทย์เสร็จสรรพเรียบร้อย ..

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset