< < 107Sec1 > >
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเย็น
ขณะนี้ผมเรเซอร์กำลังเดินคู่กับมิรันด้าเพื่อตรวจหาก้อนมานาขนาดใหญ่ยักษ์ปริศนาอยู่ ผมหวังพึ่งความร่วมมือจากมิรันด้าเป็นอย่างมาก เพราะเธอเป็นผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์
ไม่รู้หรอกว่าถนัดศาสตร์ไหน แต่เรื่องอยากขอความร่วมมือเธอมันก็แค่ของบังหน้า จริงๆผมอยากสืบเบาะแสเกี่ยวกับเธอไปพร้อมกับแอบหวังใช้งานเธอให้ช่วยหาก้อนมานาไปพร้อมๆกันต่างหาก ต่อให้วิชาที่มีจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ทว่า มิรันด้าทำได้เกิดคาดมาก
“.. [วิชาไสยศาสตร์] .. [ค้นหา]”
อักขระวิชาไสยศาสตร์ที่วินใช้เลืองแสงขึ้นและวูบหายไป ดวงตาของมิรันด้าปรากฏแสงสีฟ้าน้ำเงินอ่อนๆขึ้นมา
น่าจะค้นพบแล้วแต่วินกลับไม่ได้พูดอะไรเลย ทำให้ผมสงสัยว่าเจออะไรเข้ารึเปล่า
“เป็นไงบ้าง”
“พูดไงดีล่ะ ..เจ้าก้อนมานายักษ์นั่นเหมือนจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่น่ะ”
ไม่ใช่ว่าเห็นเส้นนำทางแล้วรึไง—ก่อนจะได้ถามมิรันด้าก็ตอบกลับผมมาก่อน
“เส้นที่นำพาไปคือกับดักน่ะสิ”
“ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ?”
“ฉันเป็นเจ้าของวิชานะ ถ้าวิชาของตัวเองโดนบิดเบือนต้องดูอยู่แล้วสิ”
ก็จริง แต่มันมีกรณีที่มิรันด้าตั้งใจจะหลอกผมด้วยเช่นกัน ..แต่นั่นสินะ มีเหตุผลอะไรต้องหลอกกันนะ
ผมชำเลืองมองมิรันด้าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไปดูกันก่อนเถอะ”
“ไม่เชื่อใจกันเลยนะ”
มิรันด้ากล่าวอย่างเซ็งๆ ผมส่ายหัวปฎิเสธ
“ไม่หรอก แค่คิดว่าถ้านั่นเป็นกับดักก็ไปทำลายตัวกับดักแล้วเก็บมาเป็นเบาะแสน่าจะทำให้หาง่ายขึ้น”
“ไม่กลัวกับดักเลยสินะ”
“ถ้าไม่ใช่ระดับระเบิดเมืองก็หายห่วง”
แน่นอนสเกลของกับดักเต็มที่สุดผมก็ให้ประมาณบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ปัญหากับผมที่มียูนาที่เด่นด้านการตัดกำลังอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
มิรันด้าส่งเสียง “เห๋” ลากยาวแบบกวนๆ เหมือนอยากถามผมว่า ขนาดนั้นเลยอ่อ? อย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรกัน พวกเราเดินไปต่อโดยที่ระหว่างทางก็คุยเรื่องทั่วๆไปกัน อาทิเช่นคาบเรียนหลังจากที่วินโดด หรือหลักสูตรและเพื่อนๆในห้องทุกคน
กล่าวได้ว่าผมกับมิรันด้าคุยกันเหมือนนักเรียนปกติกำลังแนะนำนักเรียนใหม่ให้รู้จักโรงเรียนแห่งนี้เลยล่ะ นี่สิคือสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เปิดมาก็ดวลแบบเสี่ยงตายกันเลย
“จะว่าไปเรเซอร์เนี่ยสนิทกับจารย์เอเธอร์ดีเนอะ”
“เหรอ”
อยากถามมากกว่าว่ารู้ได้ยังไง หล่อนพึ่งเข้ามาเองแท้ๆ ขนาดคนในโรงเรียนปกติยังไม่รู้เลยว่าผมสนิทกับเอเธอร์ ที่พูดทำให้ตัวตนของหล่อนน่าสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก
แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ถ้าผมเป็นเจ้านาย ผมไม่มีส่งลูกน้องบ๊องๆพรรค์นี้มาทำภารกิจสืบข้อมูลรึแฝงตัวแน่ๆ
“ใช่สิ แบบว่า …อ๊ะ”
มิรันด้าหน้าซีด คงรู้ตัวแล้ว
“อะไรทำให้คิดอย่างนั้นเหรอ?”
ผมถามจี้ทันที มิรันด้าเหงื่อแตกและหยุดเดินกระทันหัน แทนที่จะอธิบายหรือเบี่ยงเบน เธอกลับผิวปาก
“คะ แค่รู้สึกได้น่ะ เห็นแบบนี้แต่ฉันจับสัมผัสอารมณ์คนได้เก่งนา”
“สุดยอดเลยนะ ว่าแต่วินเองก็สนิทกับอาจารย์เอเธอร์เหรอ?”
ผมพูดกึ่งๆยอมรับว่าสนิทกับเอเธอร์ ยังไงเจ้าหล่อนก็คงรู้อยู่แล้วแค่อยากถามเอาข้อมูลเฉยๆ ถึงจุดนี้ผมก็อยากได้ข้อมูลจากหล่อนมากกว่านี้
“อะ อือ ก็นั่นไง จารย์เอเธอร์เขาสนิทกับบ้านฉันไง”
“ตระกูลดยุค ‘ซี มารีน’ สินะ ฉันรู้จักเป็นการส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ”
ยังไงผมก็เป็นบุตรชายของดยุคฟัฟนิร์ ย่อมรู้จักคนใหญ่คนโตอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว
“ระ เหรอ”
“อ่า ฉันเคยเจอดาบนกยูง ‘พาโว’ ด้วยแหละ เธอเป็นน้องสาวเขานี่เองก็ว่าทำไมถึงสนิทกับอาจารย์เอเธอร์”
พาโวคือคนที่ค่อนข้างสนิทกับเอเธอร์เลย แม้ว่าจะอยู่คนล่ะเมืองแต่พวกลักษณะนิสัยของทั้งสองสามารถจูนเข้ากันได้ไม่ยาก ทั้งสองคนสนิทกันตั้งแต่นิยายต้นฉบับยันปัจจุบันนี้ เพราะไทม์ไลน์ที่พวกเขาเริ่มคุยกันมันอยู่ช่วงห้าปีก่อนเข้ารั้วโรงเรียนเวทมนตร์ ซึ่งเป็นอนาคตที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ก็อย่างที่เคยบอกว่ามิรันด้าโกหก พาโวไม่มีน้องสาว
หล่อนกำลังโกหก และกำลังลนตอนที่ผมถามเรื่องส่วนตัว แค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามิรันด้าไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้ แต่มองแบบแง่ดีเธอก็ไม่ได้มาในรูปแบบที่เป็นศัตรูกับผมด้วย เพราะฉะนั้นผมจะไม่สืบหาข้อมูลเธอไปมากกว่านี้ และจะไม่ยอมให้เธอได้ข้อมูลอะไรจากผมไปด้วย ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของผมเอง
“ไม่ชอบให้ถามเหรอ?”
“..เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ขุดนะ มันรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย”
ทำเป็นเก็กหน้าเศร้าเหมือนมีอดีตที่ดำมืด แต่จริงๆก็คงหนีไม่พ้นความแตกแหละนะ เอาเถอะ
“นั้นก็ไปกันต่อดีกว่า”
“โอ้ว! มุ่งหน้าสู่กับระเบิ—–อั้ก!!”
พูดไม่ทันจบก็เจอเข้าให้—-ต้นไม้เหวี่ยงใบไม้เข้าใส่มิรันด้าทีเผลอ ทำให้มิรันด้าพลาดโดนพัดปลิวลงไปถไลกับพื้นที่ต่างระดับ
โชคดีที่มิรันด้าโดนเล่นก่อนทำให้ผมตั้งตัวทัน และใช้ตัดมิติยับยั้งไว้แทนที่จะใช้เวทย์สวนให้เละ เพราะตั้งใจจะวินิจฉัยอีกฝ่ายมากกว่าทำลาย
แต่ปัญหาคือมีมิรันด้าอยู่ด้วย ทำให้การใช้ตัดมิติมันโดนจำกัดขอบเขตุ ก่อนที่มิรันด้าจะเห็นว่าผมใช้พลังแปลกๆ ต้องรีบตรวจสอบให้จบ–ในจังหวะที่คิดอยู่นั้น ผมก็ถูกท่อนไม้จากไหนไม่รู้พุ่งใส่กลางหลัง และแรงกระแทกก็ทำให้ผมปลิวไปชนกับต้นไม้แถวๆนั้น และเพราะเกินระยะตัดมิติแล้วทำให้ต้นไม้มันหลุดการควบคุม
ต้นไม้ที่โจมตีมิรันด้าและผมค่อยๆยกรากไม้ขึ้นจากผืนดิน และปรากฏให้เห็นโฉม ‘ปีศาจต้นไม้’
ต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ และมีรากไม้ขนาดยักษ์อยู่รอบๆขยับไปมาอย่างกับหนวดปลาหมึก รูปลักษณ์มันเหมือนต้นไม้ปีศาจในตำนานปรณัม ซึ่งยุคปัจจุบันไม่มีบันทึกว่าเคยพบเห็น มันถูกระบุไว้ให้เป็นนิทานพื้นเมืองแทนสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปในยุคโบราณ
นับว่าเป็นการค้นพบใหม่เลย
ผมตั้งหลักใหม่ และวิเคราะห์ต้นไม้ปีศาจอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือ
ดูจากลักษณะภายนอกมันจะใช้รากไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ในการโจมตี แถมยังควบคุมไม้รอบๆได้อีกด้วย
ผมจ้องท่อนไม้ที่พุ่งใส่หลังผม และทำการเผาทิ้งด้วยเวทย์เพลิง
“โอ้ยๆ เจ็บเหมือนกันนะนั่น”
มิรันด้ากระโดดขึ้นมาในพื้นระดับเดียวกันแล้ว เหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมาก แหงอยู่แล้ว ระดับเธอต่อให้ตกตึกยี่สิบชั้นก็ไม่สะเทือนหรอก
“ว่าแต่ ..ตัวอะไรหว่า”
“ไม่รู้สิ แต่รูปร่างคล้ายต้นไม้ปีศาจในนิทานเลย”
“จะว่าไปก็คล้ายจริงๆแหละ” มิรันด้าแสยะยิ้ม “บิงโกล่ะ เหมือนว่าต้นตอที่ทำให้วิชาไสยศาสตร์ของฉันถูกขัดก็เป็นเพราะต้นไม้ปีศาจนี่ด้วย”
แปลว่าเจอจุดน่าสงสัยเข้าให้แล้ว
“เอาไงดี จะเผาทิ้งเลยดีมั้ย?”
“ไม่จำเป็น ทางเธอมีวิชาไสยศาสตร์ที่ใช้ตรึงร่างศัตรูได้รึเปล่า”
“มีอยู่แต่ต้องเตรียมอักขระก่อน สักสองนาทีได้”
“จะถ่วงเวลาให้เอง เตรียมวิชาไสยศาสตร์ให้พร้อมซะ เราจะจับกุมต้นไม้ปีศาจกัน”
มิรันด้าพยักหน้ารับผมพร้อมกันนั้นก็เลียริมฝีปากตัวเอง
“ฝากด้วย”
“อ่า”
ผมร่ายเวทย์เสริมประสาทสัมผัสและพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ปีศาจ มันใช้รากไม้เหวี่ยงใส่ผมซึ่งมีอยู่ประมาณแปดอัน—เร็วพอๆกับดาบของนักดาบขั้นสูงเลย เจ้าต้นไม้ปีศาจนี่จัดว่าเป็นตัวอันตรายที่เดียว ถ้าอยู่ในทวีปแซร์อิซคงอยู่ในหมวดหมู่มอนสเตอร์อันตรายที่ต้องทำงานเป็นปาร์ตี้ในการโค่นมัน แต่ผมแล้วก็มิรันด้าคือกรณียกเว้น
ทุกการโจมตีของต้นไม้ปีศาจ ผมสามารถหลบหลีกได้หมดแล้วก็ใช้เวทมนตร์ดินในการขัดการเคลื่อนไหวของต้นไม้ปีศาจในทุกครั้งที่มีจังหวะด้วย ทำให้การเคลื่อนไหวของมันค่อยๆช้าลง และ
‘โฮกกกกกก!!!!!’
ต้นไม้ปีศาจกู่ร้อง และไม่ใช่แค่รากไม้แปดอัน แต่ต้นไม้รอบๆก็พุ่งเข้ามาหาผม
“[เอิร์ธฟิลด์]”
เวทมนตร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปในระยะฟิลด์ที่สร้างขึ้นได้ในพริบตา ผมใช้มันหลบการโจมตีทั้งหมด ทำให้โผล่มาข้างหลังต้นไม้ปีศาจ ผมกระแทกพื้นโดยใช้เท้าร่ายเวทย์ดินทำเป็นสเก็ดบอร์ดและใช้เวทย์ลงอัดเข้าข้างหลังทำให้ตัวผมลอยอยู่เหนือหัวต้นไม้ปีศาจ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปอัดพลังเวทย์—–ทำให้ต้นไม้ปีศาจและต้นไม้รอบๆถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
“อย่างเจ๋ง!! นี่มันระดับจอมเวทย์ราชสำนักเลยนะเนี่ย!”
มิรันด้าส่งเสียงโหวกเหวก ทางผมก็แลนลิ่งลงพื้นอย่างปลอดภัยด้วยสเก็ตบอร์ดหิน
“สุดจัด นี่นายเป็นนักเรียนจริงๆรึเปล่าเนี่ย?”
“ทางฉันก็ไม่ยักจะรู้เลยว่ามีคนอายุพอๆกันที่ใช้วิชาไสยศาสตร์ระดับสูงได้ตั้งสองวิชา” ผมยิ้มให้ “โลกนี่กว้างดีเนอะ”
มิรันด้าในฐาะนักนักสู้ก็ดี ในฐานะผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์ก็ดี เธอจัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเลย วิชาไสยศาสตร์แล้วก็อักขระที่เธอเขียน มันไม่ใช่ของที่ทำได้ในไม่กี่นาทีหรอกนะ แต่การที่เธอทำได้ก็จัดว่าเทพมากๆแถมยังตั้งสองวิชาเชียวนะ ทั้ง [ค้นหา] ทั้ง [ตรึง] ยังมีกับดักที่เจ้าหล่อนคิดจะทำในทีแรกอีก
ถ้าให้เทียบไสยศาสตร์เป็นระดับขั้น เธอคงอยู่ขั้นสูงพิเศษเหมือนผมนั่นแหละ แต่วิชาไสยศาสตร์มันไม่มีเงื่อนไขที่ต้องเป็นผู้คิดค้นถึงจะได้ขั้นบรรลุ ทำให้เธอน่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่าขั้นบรรลุแน่ๆ
“ผลจากการฝึกหนักน่ะนะ—เอาล่ะ เสร็จพอดีเลย”
“พอดีเป๊ะเลย”
น้ำแข็งแตกออกเพราะแรงที่มหาศาลของต้นไม้ปีศาจ แต่นั่นก็ช้าเกินไปแล้วเพราะมิรันด้าเตรียมวิชาไสยศาสตร์เสร็จแล้ว—มิรันด้าพุ่งใส่ต้นไม้ปีศาจด้วยความเร็วสูง เธอแตะอักขระเข้ากลางตัวต้นไม้ปีศาจและแรงกระแทกของเธอทำให้ต้นไม้ปีศาจปลิวจนหน้าหงาย
มิรันด้าเอานิ้วก้อยแตะกัน และเผด็จศึก
“[วิชาไศยศาสตร์]—–[ตรึง]”
เงาสีดำเข้าครอบนำร่างของต้นไม้ปีศาจ ทำให้มันขยับไม่ได้ รวมถึงพวกต้นไม้ที่ถูกต้นไม้ปีศาจก็หลุดจากการควบคุมทำให้ต้นไม้พากันล้มละเนละนาด
“ฟู่ว เอาเรื่องเลยนะเจ้าต้นไม้ปีศาจนี่เนี่ย”
“นั่นสินะ”
ทำเอานึกถึงตอนที่สู้กับมอนสเตอร์ที่ทวีปแซร์อิซเลย พวกตัวโหดๆก็ประมาณต้นไม้ปีศาจนั่นแหละ สำหรับคนทวีปฟัฟนิร์หรือเนลยอนโดยปกติจะไม่ชินกับพวกมอนสเตอร์หรอก เพราะทวีปเราไม่ได้มีมอนสเตอร์เดินเล่นไปทั่วแบบทวีปแซร์อิซ
ถ้าเรย์หรือเคียวยะมาเจอต้นไม้ปีศาจเข้าคงจะใส่กันยับกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ นี่ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นที่ไม่ใช่สองคนนั้นเจอเข้านี่กลายเป็นหนังสยองแน่ ..การที่ในป่าแถวโรงเรียนมีตัวแบบนี้อยู่นับว่าเป็นเรื่องไม่ปลอดภัย
“แล้ว จะเอาไงกับมันต่อดีล่ะ”
“เธอตรึงร่างมันไว้ได้ประมาณไหนเหรอ?”
“พูดมาเลยว่าอยากได้เวลาเท่าไหร่”
“สักชั่วโมงหนึ่งได้รึเปล่า”
ที่ขอเป็นเวลาที่มากจนเกินไปสำหรับวิชาไสยศาสตร์ตรึง ทว่ามิรันด้ากลับไม่ได้ว่าอะไร กลับกันเธอยิ้มพยักหน้าตอบกลับ
“ได้เลย ชิลๆ”
..มิรันด้า ..เธอไม่ได้เข้าใจความหมายที่ตัวเองจะบอกผมเป็นนัยน์เลย
เธอกำลังจะบอกว่าตัวเองสามารถตรึงต้นไม้ปีศาจที่มีพลังมหาศาลได้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆแบบง่ายๆ ไม่รู้ว่าพูดล้อเล่นหรือประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า แต่การที่เธอทำได้ขนาดนี้นับว่าเกินมาตรฐานไปมาก แม้แต่ในหมู่นักไศยศาสตร์ขั้นบรรลุมันก็ไม่ปกติ
มิรันด้ามีพลังที่ไม่ปกติอยู่ พลังที่เกินมาตรฐานของโลกอย่างที่คาลอสรึเอเธอร์มีกัน
‘ไม่รู้หรอกนะคะว่าพูดจริงหรือโม้ แต่การตรึงเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ได้หนึ่งชั่วโมงเนี่ย เท่าที่ฉันเคยพบเห็นมาคงมีแค่อาจารย์ของฉัน ‘ราชาไสยศาสตร์ แรกซ์’ แล้วก็ศิษย์น้องของฉัน ‘เรน’ แค่สองคนนี่แหละ’
ทั้งสองคนคือผู้ใช้วิชาไศยศาสตร์ที่เชี่ยวชาญที่สุดในยุคสมัยจากการบอกกล่าวของยูนา ถ้าทำได้ขนาดนั้นมิรันด้าก็เป็นตัวท็อปของวิชาไสยศาสตร์ ..ระดับพอกันกับ ‘วิน’ ผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์ที่ถือครองวิญญาณระดับเทพราชาไสยศาสตร์ ตัวตนปริศนาที่แม้จะมีบทในนิยายต้นฉบับ แต่..ไม่เคยมีภาพประกอบของเจ้าตัวโผล่มาให้เห็นเลย เพราะอย่างนั้นล่ะผมเลยไม่รู้ว่าวินเป็นใครกันแน่ ไม่รู้ว่าคนแต่งนิยายคิดอะไรอยู่ถึงทำให้ตัวละครตัวนี้ไม่มีภาพประกอบ
น่าเสียดายที่ผมอยู่ไม่ถึงอนิเมฉาย เลยอดเห็นหน้าวินเลย แต่ก็เอาเถอะ
สำหรับตอนนี้ เอาเป็นว่าปล่อยให้มิรันด้าทำก่อนล่ะกัน
‘ตามนั้นค่ะ’
ผมหันไปพูดกับมิรันด้า
“ฝากทีนะ”
“ได้เลย”
จากนั้นผมก็เริ่มวินิจฉัยร่างของต้นไม้ปีศาจ และ ..มิรันด้าก็ตรึงมันไว้ได้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆตามที่พูดด้วย แถมยังทำได้ง่ายๆอีก
ผมวินิจฉัยต้นไม้ปีศาจเสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็พบกับข้อมูลที่น่าสนใจเข้า ..ผมไม่ได้พูดออกไปเพราะมันคือความลับสุดยอด ใช่ ความลับที่ผมไม่ควรจะบอกใครให้รู้
“อะไรล่ะนั่นอักษรนั่น”
มันมีอักษณปริศนาติดอยู่ตามตัวต้นไม้ปีศาจ เป็นอักษรที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในภูมิความรู้ใดๆบนโลก คนที่อ่านอักษณนี้น่าจะมีแค่เซียน ไม่ก็พวกที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ …นี่คืออักษรโบราณ เป็นอักษรที่ใช้กันในยุคโบราณ ยุคที่ทวยเทพยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังเป็นยุคที่จอมมารได้ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกอีกด้วย
หรือก็คือเจ้าต้นไม้ปีศาจเนี่ยมันถูกสร้างขึ้นจากผู้คนในยุคโบราณ ฉะนั้นกับดักที่ใช้หลอกล่อพวกผมก็ถูกสร้างโดยคนจากยุคโบราณด้วย—เจ้าต้นตอก้อนมานาปริศนาที่ถูกปกปิดไว้ก็คงหนีไม่พ้นตัวอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับของจากยุคโบราณ
ตัวตนที่มีมานามหาศาล มาจากยุคโบราณอีกด้วย ..นี่มันว่าไงดี
“อันตรายแฮะ”
ไม่ผิดแน่ บนเกาะวาเรอร์มีตัวอันตรายหลับใหลอยู่
ต่อให้ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าเป็นในสิบปีข้างหน้า หรืออีกร้อยปีข้างหน้า ผมมั่นใจว่ามันจะต้องส่งผลกระทบต่อโลกนี้ไม่มากก็น้อย ทั้งทางตรงและทางอ้อมแน่ๆ เพราะอย่างนั้นแหละ หน้าที่ของผมคือต้องหามันให้เจอก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
“มิรันด้า ..วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า”
“หืม? เบื่อล่ะ?”
“ต้องเอาเรื่องไปปรึกษาอาจารย์เอเธอร์ก่อน เธอเองก็มาด้วยสิ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้มิรันด้าไม่หยอกล้ออะไรต่อและรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้เอเธอร์ฟังพร้อมกับผม