เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 133: ก้อนมานาปริศนา (1)

< < 107Sec1 > >

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเย็น 

ขณะนี้ผมเรเซอร์กำลังเดินคู่กับมิรันด้าเพื่อตรวจหาก้อนมานาขนาดใหญ่ยักษ์ปริศนาอยู่ ผมหวังพึ่งความร่วมมือจากมิรันด้าเป็นอย่างมาก เพราะเธอเป็นผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์

ไม่รู้หรอกว่าถนัดศาสตร์ไหน แต่เรื่องอยากขอความร่วมมือเธอมันก็แค่ของบังหน้า จริงๆผมอยากสืบเบาะแสเกี่ยวกับเธอไปพร้อมกับแอบหวังใช้งานเธอให้ช่วยหาก้อนมานาไปพร้อมๆกันต่างหาก ต่อให้วิชาที่มีจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย

ทว่า มิรันด้าทำได้เกิดคาดมาก

“.. [วิชาไสยศาสตร์] .. [ค้นหา]”

อักขระวิชาไสยศาสตร์ที่วินใช้เลืองแสงขึ้นและวูบหายไป ดวงตาของมิรันด้าปรากฏแสงสีฟ้าน้ำเงินอ่อนๆขึ้นมา

น่าจะค้นพบแล้วแต่วินกลับไม่ได้พูดอะไรเลย ทำให้ผมสงสัยว่าเจออะไรเข้ารึเปล่า

“เป็นไงบ้าง”

“พูดไงดีล่ะ ..เจ้าก้อนมานายักษ์นั่นเหมือนจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่น่ะ”

ไม่ใช่ว่าเห็นเส้นนำทางแล้วรึไง—ก่อนจะได้ถามมิรันด้าก็ตอบกลับผมมาก่อน

“เส้นที่นำพาไปคือกับดักน่ะสิ”

“ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ?”

“ฉันเป็นเจ้าของวิชานะ ถ้าวิชาของตัวเองโดนบิดเบือนต้องดูอยู่แล้วสิ”

ก็จริง แต่มันมีกรณีที่มิรันด้าตั้งใจจะหลอกผมด้วยเช่นกัน ..แต่นั่นสินะ มีเหตุผลอะไรต้องหลอกกันนะ

ผมชำเลืองมองมิรันด้าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ไปดูกันก่อนเถอะ”

“ไม่เชื่อใจกันเลยนะ”

มิรันด้ากล่าวอย่างเซ็งๆ ผมส่ายหัวปฎิเสธ

“ไม่หรอก แค่คิดว่าถ้านั่นเป็นกับดักก็ไปทำลายตัวกับดักแล้วเก็บมาเป็นเบาะแสน่าจะทำให้หาง่ายขึ้น”

“ไม่กลัวกับดักเลยสินะ”

“ถ้าไม่ใช่ระดับระเบิดเมืองก็หายห่วง”

แน่นอนสเกลของกับดักเต็มที่สุดผมก็ให้ประมาณบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ปัญหากับผมที่มียูนาที่เด่นด้านการตัดกำลังอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

มิรันด้าส่งเสียง “เห๋” ลากยาวแบบกวนๆ เหมือนอยากถามผมว่า ขนาดนั้นเลยอ่อ? อย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรกัน พวกเราเดินไปต่อโดยที่ระหว่างทางก็คุยเรื่องทั่วๆไปกัน อาทิเช่นคาบเรียนหลังจากที่วินโดด หรือหลักสูตรและเพื่อนๆในห้องทุกคน

กล่าวได้ว่าผมกับมิรันด้าคุยกันเหมือนนักเรียนปกติกำลังแนะนำนักเรียนใหม่ให้รู้จักโรงเรียนแห่งนี้เลยล่ะ นี่สิคือสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เปิดมาก็ดวลแบบเสี่ยงตายกันเลย

“จะว่าไปเรเซอร์เนี่ยสนิทกับจารย์เอเธอร์ดีเนอะ”

“เหรอ”

อยากถามมากกว่าว่ารู้ได้ยังไง หล่อนพึ่งเข้ามาเองแท้ๆ ขนาดคนในโรงเรียนปกติยังไม่รู้เลยว่าผมสนิทกับเอเธอร์ ที่พูดทำให้ตัวตนของหล่อนน่าสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก

แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ถ้าผมเป็นเจ้านาย ผมไม่มีส่งลูกน้องบ๊องๆพรรค์นี้มาทำภารกิจสืบข้อมูลรึแฝงตัวแน่ๆ

“ใช่สิ แบบว่า …อ๊ะ”

มิรันด้าหน้าซีด คงรู้ตัวแล้ว

“อะไรทำให้คิดอย่างนั้นเหรอ?”

ผมถามจี้ทันที มิรันด้าเหงื่อแตกและหยุดเดินกระทันหัน แทนที่จะอธิบายหรือเบี่ยงเบน เธอกลับผิวปาก

“คะ แค่รู้สึกได้น่ะ เห็นแบบนี้แต่ฉันจับสัมผัสอารมณ์คนได้เก่งนา”

“สุดยอดเลยนะ ว่าแต่วินเองก็สนิทกับอาจารย์เอเธอร์เหรอ?”

ผมพูดกึ่งๆยอมรับว่าสนิทกับเอเธอร์ ยังไงเจ้าหล่อนก็คงรู้อยู่แล้วแค่อยากถามเอาข้อมูลเฉยๆ ถึงจุดนี้ผมก็อยากได้ข้อมูลจากหล่อนมากกว่านี้

“อะ อือ ก็นั่นไง จารย์เอเธอร์เขาสนิทกับบ้านฉันไง”

“ตระกูลดยุค ‘ซี มารีน’ สินะ ฉันรู้จักเป็นการส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ”

ยังไงผมก็เป็นบุตรชายของดยุคฟัฟนิร์ ย่อมรู้จักคนใหญ่คนโตอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว

“ระ เหรอ”

“อ่า ฉันเคยเจอดาบนกยูง ‘พาโว’ ด้วยแหละ เธอเป็นน้องสาวเขานี่เองก็ว่าทำไมถึงสนิทกับอาจารย์เอเธอร์”

พาโวคือคนที่ค่อนข้างสนิทกับเอเธอร์เลย แม้ว่าจะอยู่คนล่ะเมืองแต่พวกลักษณะนิสัยของทั้งสองสามารถจูนเข้ากันได้ไม่ยาก ทั้งสองคนสนิทกันตั้งแต่นิยายต้นฉบับยันปัจจุบันนี้ เพราะไทม์ไลน์ที่พวกเขาเริ่มคุยกันมันอยู่ช่วงห้าปีก่อนเข้ารั้วโรงเรียนเวทมนตร์ ซึ่งเป็นอนาคตที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

แต่ก็อย่างที่เคยบอกว่ามิรันด้าโกหก พาโวไม่มีน้องสาว

หล่อนกำลังโกหก และกำลังลนตอนที่ผมถามเรื่องส่วนตัว แค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามิรันด้าไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้ แต่มองแบบแง่ดีเธอก็ไม่ได้มาในรูปแบบที่เป็นศัตรูกับผมด้วย เพราะฉะนั้นผมจะไม่สืบหาข้อมูลเธอไปมากกว่านี้ และจะไม่ยอมให้เธอได้ข้อมูลอะไรจากผมไปด้วย ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของผมเอง

“ไม่ชอบให้ถามเหรอ?”

“..เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ขุดนะ มันรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย”

ทำเป็นเก็กหน้าเศร้าเหมือนมีอดีตที่ดำมืด แต่จริงๆก็คงหนีไม่พ้นความแตกแหละนะ เอาเถอะ

“นั้นก็ไปกันต่อดีกว่า”

“โอ้ว! มุ่งหน้าสู่กับระเบิ—–อั้ก!!”

พูดไม่ทันจบก็เจอเข้าให้—-ต้นไม้เหวี่ยงใบไม้เข้าใส่มิรันด้าทีเผลอ ทำให้มิรันด้าพลาดโดนพัดปลิวลงไปถไลกับพื้นที่ต่างระดับ

โชคดีที่มิรันด้าโดนเล่นก่อนทำให้ผมตั้งตัวทัน และใช้ตัดมิติยับยั้งไว้แทนที่จะใช้เวทย์สวนให้เละ เพราะตั้งใจจะวินิจฉัยอีกฝ่ายมากกว่าทำลาย

แต่ปัญหาคือมีมิรันด้าอยู่ด้วย ทำให้การใช้ตัดมิติมันโดนจำกัดขอบเขตุ ก่อนที่มิรันด้าจะเห็นว่าผมใช้พลังแปลกๆ ต้องรีบตรวจสอบให้จบ–ในจังหวะที่คิดอยู่นั้น ผมก็ถูกท่อนไม้จากไหนไม่รู้พุ่งใส่กลางหลัง และแรงกระแทกก็ทำให้ผมปลิวไปชนกับต้นไม้แถวๆนั้น และเพราะเกินระยะตัดมิติแล้วทำให้ต้นไม้มันหลุดการควบคุม

ต้นไม้ที่โจมตีมิรันด้าและผมค่อยๆยกรากไม้ขึ้นจากผืนดิน และปรากฏให้เห็นโฉม ‘ปีศาจต้นไม้’

ต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ และมีรากไม้ขนาดยักษ์อยู่รอบๆขยับไปมาอย่างกับหนวดปลาหมึก รูปลักษณ์มันเหมือนต้นไม้ปีศาจในตำนานปรณัม ซึ่งยุคปัจจุบันไม่มีบันทึกว่าเคยพบเห็น มันถูกระบุไว้ให้เป็นนิทานพื้นเมืองแทนสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปในยุคโบราณ

นับว่าเป็นการค้นพบใหม่เลย

ผมตั้งหลักใหม่ และวิเคราะห์ต้นไม้ปีศาจอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือ

ดูจากลักษณะภายนอกมันจะใช้รากไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ในการโจมตี แถมยังควบคุมไม้รอบๆได้อีกด้วย

ผมจ้องท่อนไม้ที่พุ่งใส่หลังผม และทำการเผาทิ้งด้วยเวทย์เพลิง

“โอ้ยๆ เจ็บเหมือนกันนะนั่น”

มิรันด้ากระโดดขึ้นมาในพื้นระดับเดียวกันแล้ว เหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมาก แหงอยู่แล้ว ระดับเธอต่อให้ตกตึกยี่สิบชั้นก็ไม่สะเทือนหรอก

“ว่าแต่ ..ตัวอะไรหว่า”

“ไม่รู้สิ แต่รูปร่างคล้ายต้นไม้ปีศาจในนิทานเลย”

“จะว่าไปก็คล้ายจริงๆแหละ” มิรันด้าแสยะยิ้ม “บิงโกล่ะ เหมือนว่าต้นตอที่ทำให้วิชาไสยศาสตร์ของฉันถูกขัดก็เป็นเพราะต้นไม้ปีศาจนี่ด้วย”

แปลว่าเจอจุดน่าสงสัยเข้าให้แล้ว

“เอาไงดี จะเผาทิ้งเลยดีมั้ย?”

“ไม่จำเป็น ทางเธอมีวิชาไสยศาสตร์ที่ใช้ตรึงร่างศัตรูได้รึเปล่า”

“มีอยู่แต่ต้องเตรียมอักขระก่อน สักสองนาทีได้”

“จะถ่วงเวลาให้เอง เตรียมวิชาไสยศาสตร์ให้พร้อมซะ เราจะจับกุมต้นไม้ปีศาจกัน”

มิรันด้าพยักหน้ารับผมพร้อมกันนั้นก็เลียริมฝีปากตัวเอง

“ฝากด้วย”

“อ่า”

ผมร่ายเวทย์เสริมประสาทสัมผัสและพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ปีศาจ มันใช้รากไม้เหวี่ยงใส่ผมซึ่งมีอยู่ประมาณแปดอัน—เร็วพอๆกับดาบของนักดาบขั้นสูงเลย เจ้าต้นไม้ปีศาจนี่จัดว่าเป็นตัวอันตรายที่เดียว ถ้าอยู่ในทวีปแซร์อิซคงอยู่ในหมวดหมู่มอนสเตอร์อันตรายที่ต้องทำงานเป็นปาร์ตี้ในการโค่นมัน แต่ผมแล้วก็มิรันด้าคือกรณียกเว้น

ทุกการโจมตีของต้นไม้ปีศาจ ผมสามารถหลบหลีกได้หมดแล้วก็ใช้เวทมนตร์ดินในการขัดการเคลื่อนไหวของต้นไม้ปีศาจในทุกครั้งที่มีจังหวะด้วย ทำให้การเคลื่อนไหวของมันค่อยๆช้าลง และ

‘โฮกกกกกก!!!!!’

ต้นไม้ปีศาจกู่ร้อง และไม่ใช่แค่รากไม้แปดอัน แต่ต้นไม้รอบๆก็พุ่งเข้ามาหาผม

“[เอิร์ธฟิลด์]”

เวทมนตร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปในระยะฟิลด์ที่สร้างขึ้นได้ในพริบตา ผมใช้มันหลบการโจมตีทั้งหมด ทำให้โผล่มาข้างหลังต้นไม้ปีศาจ ผมกระแทกพื้นโดยใช้เท้าร่ายเวทย์ดินทำเป็นสเก็ดบอร์ดและใช้เวทย์ลงอัดเข้าข้างหลังทำให้ตัวผมลอยอยู่เหนือหัวต้นไม้ปีศาจ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปอัดพลังเวทย์—–ทำให้ต้นไม้ปีศาจและต้นไม้รอบๆถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

“อย่างเจ๋ง!! นี่มันระดับจอมเวทย์ราชสำนักเลยนะเนี่ย!”

มิรันด้าส่งเสียงโหวกเหวก ทางผมก็แลนลิ่งลงพื้นอย่างปลอดภัยด้วยสเก็ตบอร์ดหิน

“สุดจัด นี่นายเป็นนักเรียนจริงๆรึเปล่าเนี่ย?”

“ทางฉันก็ไม่ยักจะรู้เลยว่ามีคนอายุพอๆกันที่ใช้วิชาไสยศาสตร์ระดับสูงได้ตั้งสองวิชา” ผมยิ้มให้ “โลกนี่กว้างดีเนอะ”

มิรันด้าในฐาะนักนักสู้ก็ดี ในฐานะผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์ก็ดี เธอจัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเลย วิชาไสยศาสตร์แล้วก็อักขระที่เธอเขียน มันไม่ใช่ของที่ทำได้ในไม่กี่นาทีหรอกนะ แต่การที่เธอทำได้ก็จัดว่าเทพมากๆแถมยังตั้งสองวิชาเชียวนะ ทั้ง [ค้นหา] ทั้ง [ตรึง] ยังมีกับดักที่เจ้าหล่อนคิดจะทำในทีแรกอีก

ถ้าให้เทียบไสยศาสตร์เป็นระดับขั้น เธอคงอยู่ขั้นสูงพิเศษเหมือนผมนั่นแหละ แต่วิชาไสยศาสตร์มันไม่มีเงื่อนไขที่ต้องเป็นผู้คิดค้นถึงจะได้ขั้นบรรลุ ทำให้เธอน่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่าขั้นบรรลุแน่ๆ

“ผลจากการฝึกหนักน่ะนะ—เอาล่ะ เสร็จพอดีเลย”

“พอดีเป๊ะเลย”

น้ำแข็งแตกออกเพราะแรงที่มหาศาลของต้นไม้ปีศาจ แต่นั่นก็ช้าเกินไปแล้วเพราะมิรันด้าเตรียมวิชาไสยศาสตร์เสร็จแล้ว—มิรันด้าพุ่งใส่ต้นไม้ปีศาจด้วยความเร็วสูง เธอแตะอักขระเข้ากลางตัวต้นไม้ปีศาจและแรงกระแทกของเธอทำให้ต้นไม้ปีศาจปลิวจนหน้าหงาย

มิรันด้าเอานิ้วก้อยแตะกัน และเผด็จศึก

“[วิชาไศยศาสตร์]—–[ตรึง]”

เงาสีดำเข้าครอบนำร่างของต้นไม้ปีศาจ ทำให้มันขยับไม่ได้ รวมถึงพวกต้นไม้ที่ถูกต้นไม้ปีศาจก็หลุดจากการควบคุมทำให้ต้นไม้พากันล้มละเนละนาด

“ฟู่ว เอาเรื่องเลยนะเจ้าต้นไม้ปีศาจนี่เนี่ย”

“นั่นสินะ”

ทำเอานึกถึงตอนที่สู้กับมอนสเตอร์ที่ทวีปแซร์อิซเลย พวกตัวโหดๆก็ประมาณต้นไม้ปีศาจนั่นแหละ สำหรับคนทวีปฟัฟนิร์หรือเนลยอนโดยปกติจะไม่ชินกับพวกมอนสเตอร์หรอก เพราะทวีปเราไม่ได้มีมอนสเตอร์เดินเล่นไปทั่วแบบทวีปแซร์อิซ

ถ้าเรย์หรือเคียวยะมาเจอต้นไม้ปีศาจเข้าคงจะใส่กันยับกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ นี่ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นที่ไม่ใช่สองคนนั้นเจอเข้านี่กลายเป็นหนังสยองแน่ ..การที่ในป่าแถวโรงเรียนมีตัวแบบนี้อยู่นับว่าเป็นเรื่องไม่ปลอดภัย

“แล้ว จะเอาไงกับมันต่อดีล่ะ”

“เธอตรึงร่างมันไว้ได้ประมาณไหนเหรอ?”

“พูดมาเลยว่าอยากได้เวลาเท่าไหร่”

“สักชั่วโมงหนึ่งได้รึเปล่า”

ที่ขอเป็นเวลาที่มากจนเกินไปสำหรับวิชาไสยศาสตร์ตรึง ทว่ามิรันด้ากลับไม่ได้ว่าอะไร กลับกันเธอยิ้มพยักหน้าตอบกลับ

“ได้เลย ชิลๆ”

..มิรันด้า ..เธอไม่ได้เข้าใจความหมายที่ตัวเองจะบอกผมเป็นนัยน์เลย

เธอกำลังจะบอกว่าตัวเองสามารถตรึงต้นไม้ปีศาจที่มีพลังมหาศาลได้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆแบบง่ายๆ ไม่รู้ว่าพูดล้อเล่นหรือประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า แต่การที่เธอทำได้ขนาดนี้นับว่าเกินมาตรฐานไปมาก แม้แต่ในหมู่นักไศยศาสตร์ขั้นบรรลุมันก็ไม่ปกติ

มิรันด้ามีพลังที่ไม่ปกติอยู่ พลังที่เกินมาตรฐานของโลกอย่างที่คาลอสรึเอเธอร์มีกัน

‘ไม่รู้หรอกนะคะว่าพูดจริงหรือโม้ แต่การตรึงเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ได้หนึ่งชั่วโมงเนี่ย เท่าที่ฉันเคยพบเห็นมาคงมีแค่อาจารย์ของฉัน ‘ราชาไสยศาสตร์ แรกซ์’ แล้วก็ศิษย์น้องของฉัน ‘เรน’ แค่สองคนนี่แหละ’

ทั้งสองคนคือผู้ใช้วิชาไศยศาสตร์ที่เชี่ยวชาญที่สุดในยุคสมัยจากการบอกกล่าวของยูนา ถ้าทำได้ขนาดนั้นมิรันด้าก็เป็นตัวท็อปของวิชาไสยศาสตร์ ..ระดับพอกันกับ ‘วิน’ ผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์ที่ถือครองวิญญาณระดับเทพราชาไสยศาสตร์ ตัวตนปริศนาที่แม้จะมีบทในนิยายต้นฉบับ แต่..ไม่เคยมีภาพประกอบของเจ้าตัวโผล่มาให้เห็นเลย เพราะอย่างนั้นล่ะผมเลยไม่รู้ว่าวินเป็นใครกันแน่ ไม่รู้ว่าคนแต่งนิยายคิดอะไรอยู่ถึงทำให้ตัวละครตัวนี้ไม่มีภาพประกอบ

น่าเสียดายที่ผมอยู่ไม่ถึงอนิเมฉาย เลยอดเห็นหน้าวินเลย แต่ก็เอาเถอะ

สำหรับตอนนี้ เอาเป็นว่าปล่อยให้มิรันด้าทำก่อนล่ะกัน

‘ตามนั้นค่ะ’

ผมหันไปพูดกับมิรันด้า

“ฝากทีนะ”

“ได้เลย”

จากนั้นผมก็เริ่มวินิจฉัยร่างของต้นไม้ปีศาจ และ ..มิรันด้าก็ตรึงมันไว้ได้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆตามที่พูดด้วย แถมยังทำได้ง่ายๆอีก

ผมวินิจฉัยต้นไม้ปีศาจเสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็พบกับข้อมูลที่น่าสนใจเข้า ..ผมไม่ได้พูดออกไปเพราะมันคือความลับสุดยอด ใช่ ความลับที่ผมไม่ควรจะบอกใครให้รู้

“อะไรล่ะนั่นอักษรนั่น”

มันมีอักษณปริศนาติดอยู่ตามตัวต้นไม้ปีศาจ เป็นอักษรที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในภูมิความรู้ใดๆบนโลก คนที่อ่านอักษณนี้น่าจะมีแค่เซียน ไม่ก็พวกที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ …นี่คืออักษรโบราณ เป็นอักษรที่ใช้กันในยุคโบราณ ยุคที่ทวยเทพยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังเป็นยุคที่จอมมารได้ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกอีกด้วย

หรือก็คือเจ้าต้นไม้ปีศาจเนี่ยมันถูกสร้างขึ้นจากผู้คนในยุคโบราณ ฉะนั้นกับดักที่ใช้หลอกล่อพวกผมก็ถูกสร้างโดยคนจากยุคโบราณด้วย—เจ้าต้นตอก้อนมานาปริศนาที่ถูกปกปิดไว้ก็คงหนีไม่พ้นตัวอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับของจากยุคโบราณ

ตัวตนที่มีมานามหาศาล มาจากยุคโบราณอีกด้วย ..นี่มันว่าไงดี

“อันตรายแฮะ”

ไม่ผิดแน่ บนเกาะวาเรอร์มีตัวอันตรายหลับใหลอยู่ 

ต่อให้ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าเป็นในสิบปีข้างหน้า หรืออีกร้อยปีข้างหน้า ผมมั่นใจว่ามันจะต้องส่งผลกระทบต่อโลกนี้ไม่มากก็น้อย ทั้งทางตรงและทางอ้อมแน่ๆ เพราะอย่างนั้นแหละ หน้าที่ของผมคือต้องหามันให้เจอก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น

“มิรันด้า ..วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า”

“หืม? เบื่อล่ะ?”

“ต้องเอาเรื่องไปปรึกษาอาจารย์เอเธอร์ก่อน เธอเองก็มาด้วยสิ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้มิรันด้าไม่หยอกล้ออะไรต่อและรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้เอเธอร์ฟังพร้อมกับผม

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset