< < 111 > >
ภายในโลกแห่งความมืด
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด–เอเธอร์ยืนอยู่ในโลกใบนั้นโดยที่รอบๆมีศัตรูถึงหกคนล้อมไว้
สองมหามังกรเทียมอยู่ในร่าง ‘อาภรณ์เทพมังกร’ พลังที่ช่วยดึงศักยภาพของมหามังกรมากยิ่งขึ้น ..นอกจากนั้นก็มีแวมไพร์และอาชญากรตัวใหญ่ ยิ่งกว่านั้นรากไม้ที่เรยเรียกออกมาก็มีพลังที่ร้ายกาจแฝงอยู่
เอเธอร์วิเคราะห์พลังของรากไม้ได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดว่ามันคือปัญหาใหญ่อยู่ดี
“โลกใบนี้มีขอบเขตุรึเปล่าครับ”
“โลกใบนี้ไร้ขอบเขตุ มันจะใหญ่ตามที่ฉันจิตนาการ เพราะอย่างนั้นต่อให้รู้แล้วก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้เป็นตัวประหลาดอย่างแกก็ไม่มีทางทำลายโลกใบนี้ได้หรอก”
“แค่ฆ่าคุณก็หมดปัญหานี่ครับ”
“เหอะ! อยู่ต่อหน้าพลังนี้ยังกล้าพูดอีกเหรอ เอเธอร์!!”
เรนสะบัดแขนทันใดนั้นรากไม้ก็พุ่งออกจากเกราะ
“เร็ว”
เอเธอร์สบถออกมาและกระโดดถอยหลังหลบ แต่ว่ารากไม้ก็พุ่งเข้าใส่เอเธอร์ติดๆ
ขอบเขตุระยะการทำงาน?—ตามระยะสายตา
โลกที่ไร้ขอบเขตุกับพลังต้นไม้โลกที่กว้างตามระยะสายตา ผลคือบนโลกใบนี้รากไม้นี้สามารถไปได้ทุกที่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเรนว่าจะใช้งานมันยังไงเลย
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือตัวรากไม้
เอเธอร์พยายามจะเคลื่อนที่โดยผสม [จังหวะแตะสายลม] แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรากไม้—มีคุณสมบัติในการดูดมานา
มันสามารถยกเลิกผลการทำงานขอบทุกอย่างบนโลกได้ ไม่ว่าจะเวทมนตร์ เคล็ดวิชาดาบ ไสยศาสตร์รึการเล่นแร่แปรธาตุ ต่อหน้ารากไม้ทั้งหมดจะโมฆะ ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่พลังกายก็จะถูกรากไม้มันดูดไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดเหมือนกัน
ต้องทิ้งระยะห่างเท่าไหร่? ตามระยะสายตา แต่บนโลกที่เรนสร้างไม่มีใครสามารถหลุดจากสายตาของเรนได้ มันหมายความว่าบนโลกใบนี้พลังทุกอย่างจะโมฆะ พลังกายจะถดถอยลงเรื่อยๆ—ในมุมของเอเธอร์ เขามองว่านี่คือหนึ่งในรูปแบบพลังที่ทรงพลังที่สุดบนโลก ไม่สิ ต้องบอกว่ามันทรงพลังที่สุดบนโลกไปแล้วถึงจะถูก
ต่อให้เก่งมาจากไหน แต่ถ้าเจอท่านี้เข้าไปก็ไม่ไหว เพราะมันคือพลังที่เหมือนกับตั้งตัวเองเป็นพระเจ้า มีแต่ผู้ที่หลุดจากกฎของโลกได้เท่านั้นที่จะสู้ไหว ซึ่งคนที่หลุดจากกฎของโลกได้ ..เอเธอร์ไม่รู้เลยว่าจะมีใครทำได้บ้าง นอกซะจากจอมมาร
“ครั้งนี้ยากจริงๆครับ”
“รู้ตัวก็ดี ยอมให้ฉันคนนี้ฆ่าซะเถอะ”
“ยังเร็วไปที่จะยอมแพ้ครับ”
“หา? แล้วมีอะไรให้ไม่ยอมล่ะ บอกทีสิ?”
เอเธอร์ยิ้มให้
“กฎของคุณจะใช้ได้ก็กับสิ่งมีชิวต”
“..ทำไม”
“มันก็ง่ายๆเลยครับ แค่ทำให้ตัวเองตายก็จบแล้ว”
“หะ หา? ไอ้บ้านี่ อลิซาเบธไอ้หมอนี่มันสติแตกแล้วสินะ”
อลิซาเบธพยักหน้ารับเรน
“เจอพลังของท่านเรนเข้าไปก็ต้องมีสภาพน่าอดสู่เช่นนั้นอยู่แล้วค่ะ”
“ใช่มั้ย? นี่เอเธอร์ ยอมรับได้แล้วว่าแพ้ฉั—”
ไม่ทันที่จะพูดจบเอเธอร์ก็ควักหัวใจของตัวเองออกมา …มีเลือดไหลออกจากปากของเอเธอร์แต่เขาหาได้สนไม่ รอยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าเหมือนทุกที
“ทำแบบนั้นไปแล้วได้อะไร?”
“อย่างน้อยพลังกายจะไม่ถูกดูดไปมากกว่านี้ แน่นอนข้อเสียคือผมจะไม่สามารถใช้เทคนิคดาบรึเวทมนตร์ได้อีก ตราบใดที่ร่างกายยังเป็นแบบนี้อยู่”
“คิดจะชนะด้วยร่างเปล่าๆเนี่ยนะ?..เสียสติไปจริงๆแล้วล่ะมั้ง ไม่อยากเชื่อเลยว่าเอเธอร์ผู้ยิ่งใหญ่จะตกต่ำได้ขนาดนี้ อืม เอาเถอะ เอาเป็นว่า—ฆ่ามันซะ”
ทันทีที่เรนออกคำสั่ง ทั้งปีเตอร์และสโนว์ก็พุ่งเข้าหาเอเธอร์ด้วยอาภรณ์เทพมังกร รากไม้ไม่ได้ดูดพลังของทั้งสองไปด้วย หมายความว่าสามารถเลือกเป้าหมายแบบเจาะจงได้
“พลังที่คุณถือครองอยู่มันคือพลังที่แหกกฎโลกใบนี้ครับ อีกนิดเดียวคุณก็จะเข้าใกล้ตำแหน่งจอมมารแล้ว”
“ก็ตั้งใจอย่างนั้นล่ะนะ ยังไงซะเป้าหมายของฉันก็คือการขึ้นเป็นเทพ”
“บอกผมจะดีเหรอ?”
“ตายไปแล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ?”
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเอเธอร์ เขาหยักไหล่พลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางดูหน่ายใจ
“แค่เกือบนะครับ คุณน่ะ—ยังเป็นแค่มนุษย์อยู่ดี”
เอเธอร์ก้าวเท้าออก พื้นโลกสีดำได้แตกเป็นสีขาว—และพริบตาเดียว ร่างของปีเตอร์ก็ล่วงลงกับพื้น ส่วนสโนว์ก็ถูกเอเธอร์บีบคอเอาไว้
อาภรณ์เทพมังกรของปีเตอร์สลายในพริบตาเดียว ..ต้องบอกว่ายังไม่ทันกระพริบตาด้วยซ้ำ ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่มีใครที่มองเหตุการณ์ทันเลย แม้แต่เรนที่เป็นผู้คุมกฎบนโลกใบนี้ก็มองไม่ทัน..
“อั้ก!!–คะ คุณพ่อ ..ชะ ..ช่วย..ด้วย”
สโนว์พยายามดิ้นสุดแรงเกิด แรงของเธออยู่ในระดับทัดเทียมมหามังกร แต่ทั้งอย่างนั้นก็หลุดจากเอเธอร์ไม่ได้ สุดท้ายก็แพ้แรงและหมดสติไปทั้งๆที่อยู่ในอาภรณ์เทพมังกร ..เอเธอร์โยนร่างของสไนว์ลงพื้นก่อนที่อาภรณ์เทพมังกรจะสลายไปอย่างสวยงาม
ปีเตอร์ถูกเอเธอร์ต่อยครั้งเดียวก็แพ้ สโนว์โดนคว้าคอเอาไว้เพียงพริบตาเดียวก็แพ้
เอเธอร์สามารถโค่นมหามังกรเทียมถึงสองตนได้ภายในไม่กี่อึดใจ แค่นั้นไม่พอยังชนะภายใต้ข้อจำกัดที่ใช้มานาไม่ได้ ..เรนหน้าซีดเผือกในหัวมีแค่คำว่า ‘สัตว์ประหลาด’ ต่อชายผู้มีนามว่าเอเธอร์
“คุณในฐานะมนุษย์ เอาชนะผมไม่ได้หรอกครับ”
กล่าวจบเอเธอร์ก็ยิ้มสวยๆให้
“..อย่ามาล้อเล่นนะ ..แกเป็นตัวอะไรกันแน่ ..อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย มีพลังตั้งขนาดนั้นแท้ๆแล้วทำไมยังอยู่เฉยๆล่ะ ถ้ามีพลังขนาดนี้ต่อให้คนทั้งโลกเป็นศัตรูกับแกก็ไม่มีทางแพ้หรอก ทำไมถึงพอใจจุดยืนของตัวเองกันในเมื่อแกมีพลังตั้งขนาดนั้น”
“ผมไม่ได้มีความโลภอย่างที่คุณมีหรอกนะ ..อีกอย่างก็ใช่ว่าพลังของผมจะไม่มีข้อจำกัด”
“ข้อจำกัด? พูดบ้าอะไร ตัวตนที่อย่างกับไร้ขีดจำกัดแบบแก มันเอาอะไรไปมีข้อจำกัดว่ะ?”
เรนชี้หน้าเอเธอร์ด้วยแววตาที่เคียดแค้น อลิซาเบธถือเคียวและออกตัวบังเรนเพื่อปกป้องนายของเธอจากสัตว์ประหลาดตรงหน้า
“ขีดจำกัดของผมคือไร้ขีดจำกัดไงครับ”
พูดจบเอเธอร์ก็หัวเราะพึมพำ ไม่ได้พูดจริงจังอะไรก็แค่ตั้งใจเล่นคำหยอกเรนเล่นเท่านั้น แต่ที่ทำมันสร้างความหงุดหงิดให้เรนไม่น้อยเลย
อย่างที่รู้กันดีว่าเรนคือคนที่หัวร้อนง่าย
“ไอ้บัดซบเอ้ยยยย!!!!”
เรนสะบัดแขนรัวๆปล่อยรากไม้เป็นสิบๆพุ่งเช้าใส่เอเธอร์
เอเธอร์คว้ารากไม้ไว้หนึ่งรากและดึงมัน—ทำให้ตัวเรนลอยจากจุดที่ยืนอยู่พุ่งมาหาเอเธอร์
“เซนต์การต่อสู้ของคุณ—เข้าขั้นวิบัติอย่างที่คิดเลยนะครับ”
การตัดสินใจโยนรากไม้ใส่เอเธอร์มั่วๆคือการฆ่าตัวตาย เรื่องแค่นี้ควรรู้แท้ๆ ถ้าเป็นเอเธอร์ ไม่สิ ถ้าเป็นเรเซอร์เขาจะใช้ประโยชน์จากโลกที่ไร้ขอบเขตุในการหนีจากเอเธอร์ จะพยายามไม่ให้เอเธอร์จับตัวเองได้ และรอให้เอเธอร์ตายจากการเสียเลือดเอง ถึงจะไม่มีหลักประกันว่าเอเธอร์จะเข้าถึงตัวเขาไม่ได้ แต่มันก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เป็นวิธีชนะเดียวที่มี ทว่าเรนกลับเลือดขึ้นหน้าจากคำยั่วยุ และเข้าต่อสู้แบบไม่คิดหน้าคิดหลังตัวคนเดียว ไม่แม้แต่จะใช้ลูกน้องอย่างอลิซาเบธ
แค่ปล่อยพลังที่ตัวเองถือครองไว้แบบมั่วๆ—ในมุมของเอเธอร์ เรนก็แค่เด็กน้อยที่ได้พลังโกงมาเท่านั้น เขาใช้มันไม่เป็นหรอกหรือถ้าใช้ก็จะใช้มันแบบโง่ๆ จนผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังขี้โกงที่แสนเสียของ
ร่างของเรนลอยมาอยู่ตรงหน้าเอเธอร์ ทั้งสองสบตากัน เรนนำมืดมาปิดหัวตัวเองและพล่ามออกมาอย่างน่าอนาถ
“หยุดเถอะ—-ได้โปร–!!”
ตู้ม!!!!!!
เอเธอร์ส่งเรนลงไปนอนกับพื้นข้างๆลูกๆมหามังกรเทียมของเขา เพียงหมัดเดียวเรนก็นอนมองฟ้าตาค้างแล้ว
คนที่ควบคุมโลกไร้ขอบเขตุหมดสติไปแล้ว หมายความว่าไม่มีคนปลดโลกใบนี้ได้ ..ยกเว้นว่าถ้าเอเธอร์ประกอบหัวใจเข้าร่างใหม่ และใช้มานาของตัวเองทำวิชาไสยศาสตร์ที่เกี่ยวกับการควบคุมร่างเรนให้ช่วยปลดให้ก็เป็นอันจบงาน
“ท่านเรนเกลียดการเจ็บตัวที่สุด ..การกระทำของคุณ ฉันจะไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วครับ ต่อไปก็ ..คุณแวมไพร์สินะครับ”
อลิซาเบธตั้งท่าต่อสู้ เหมือนว่าจะไม่เข้ามาแบบมหาปีเตอร์กับสโนว์แต่ยืนดูเชิงแทน
“คุณคือตัวอะไรกันแน่?”
“..เรื่องนั้นผมก็สงสัยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าผมบอกไปแล้วหรือครับ”
“ทำไมถึงไม่ใช้ความเร็วเมื่อสักครู่จัดการฉันล่ะคะ?”
“ไม่ใช่ว่าผมจะทำอย่างนั้นได้ทุกครั้งเสียหน่อยครับ อย่างที่บอก ผมมีขีดจำกัดอยู่”
เอเธอร์สนทนากับอลิซาเบธไปพลางนำหัวใจที่เต้นอยู่ในมือขวาใส่กลับเข้าที่เดิมของมัน จากนั้นเอเธอร์ก็ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย เป็นอันกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
เรนหมดสติไปแล้ว ไม่มีไอบ้าคนไหนใช้ต้นไม้โลกหยุดเอเธอร์ได้แล้ว ความสามารถในการใช้มานากลับมาแล้ว
พวกเรนจบแล้ว
“..จะไม่ยอมให้คุณเป็นฝ่ายชนะหรอก ฉันจะปกป้องท่านเรนเอง”
อลิซาเบธพูดอย่างหนักแน่น เธอไม่ได้กลัวเรนอย่างที่เอเธอร์กลัวเลยสักนิด ..
“พยายามเข้าล่ะกันครับ”
พูดจบเอเธอร์ก็พุ่งเข้าใส่อลิซาเบธ—อลิซาเบธหมุนตัวเหวี่ยงเคียวเข้าใส่คอเอเธอร์
เร็วมาก—แต่เอเธอร์เร็วกว่าระดับหนึ่ง
เอเธอร์เอียงคอหลบเคียวของอลิซาเบธ และเตะสะกัดขาเธอจนเสียศูนย์ จากนั้นก็อัดเวทย์เพลิงเข้าใส่ลำตัวของอลิซาเบธ ก้อนเพลิงขยายตัวขึ้นตรวเองของเธอจากนั้นมันก็ระเบิดออก
ตู้ม!!!!!!! ร่างของอลิซาเบธถูกเผาจนเกรียม แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะขีดจำกัดสายเลือดที่มีอยู่
“จงตอบรับคำปารถนาของข้า จงกลืนกินทุกสรรพสิ่งตามที่ข้าปารถนาซะ [บาคุนาว่า]”
เคียวบนมือของอลิซาเบธส่องแสงสีม่วงออกมา—เอเธอร์จ้องเคียวอย่างนึกสงสัย
“บาคุนาว่า ..ชื่อของเทพแห่งการสูญสิ้นนี่ครับ”
ดวงตามหาปราชญ์ทำงานอีกครั้ง แต่มันไม่สามารถบอกความสามารถของเคียวออก
“แบบนี้นี่เอง ไม่ใช่แค่รากไม้ยังมีของอันตรายอย่างอื่นอีก ถ้าไม่ประมาทคงจะทำให้ผมเจ็บหนักได้เหมือนกัน”
เอเธอร์ยกมือขึ้นฟ้าและกวาดมันลงพื้น—แสงสีขาวพุ่งออกจากมือของเอเธอร์ ตรงเข้าใส่ลำตัวของอลิซาเบธจังๆ
“[เคล็ดวิชาดาบ]—-[ดาบประกายแสง]”
อลิซาเบธถึงกับหน้าเหวอ—- (ใช้วิชาดาบทั้งๆที่ไม่มีอาวุธรองรับเนี่ยนะ!? คนๆนี้คิดบ้าอะไรอยู่กัน)
ไม่สิ ..เอเธอร์คือผู้ที่มีร่างกายคงทนไม่แพ้มหามังกร กะอีแค่เอาร่างกายตัวเองรองรับวิชาดาบมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลย
ดาบประกายแสงพุ่งเข้าใส่ลำตัวของอลิซาเบธ—วงจรเวทย์ถูกทำให้ขัดข้อง ส่งผลให้ไม่มีมานาถ่ายไปให้ [บาคุนาว่า] คำร่ายและพลังที่จะเกิดผลเมื่อสักครู่จึงกลายเป็นโมฆะ
“ถ้าคุณอยู่ไกลกว่านี้สักสิบเมตร คงจะหลบดาบประกายแสงได้ไม่ยาก และพลังที่คุณตั้งใจจะใช้กับผมคงได้ผล ถึงจะไม่ทราบว่าพลังที่จะใช้คืออะไร แต่ถ้าเป็นพลังของเทพมีหรือที่ผมจะปัดป้องไว้ได้” เอเธอร์ยิ้มอย่างยอมรับ “ไม่มีทางที่ผมจะฝืนบัญญัติจากท่านเทพได้หรอกครับ ความเป็นไปได้ที่ผมจะแพ้เพราะพลังจากเคียวนั่นมีอยู่สูง เพราะอย่างนั้น”
เอเธอร์เดินไปเหยียบมือของอลิซาเบธที่ตั้งใจจะคว้าเคียวขึ้นมาใหม่ ..เอเธอร์หยิบเคียวขึ้นมา
“สิ่งนี้ผมขอรับไว้นะครับ มันไม่ควรมาอยู่ในมือของพวกคุณ”
“..ท่าน…เรน..” อลิซาเบธร้องไห้ออกมา “ขอโทษนะคะ ..ท่านเรน”
“เปราะบางกันจังเลยนะครับ ทั้งคุณ ทั้งเรน ..อ่อนแอกันตั้งขนาดนี้แท้ๆ อะไรทำให้คิดอยากเป็นศัตรูกับโลกล่ะครับ ..ในเมื่อรู้ว่าผลลัพธ์มันจะลงเอยอย่างนี้”
ผลลัพธ์ที่ว่าคือการถูกเอเธอร์ซัดจนหมดสภาพกันหมด.
“..ทำไมน่ะเหรอ”
เสียงดังจากข้างหลัง ..เอเธอร์หันไปมองทางเรนที่ยืนในสภาพสะบัดสะบอม
“ก็เพราะว่า—ผมคือผู้ที่จะมาปลดปล่อยผู้คนยังไงล่ะ!!!”
เรนแหกปากและชี้มือขึ้นฟ้าในสภาพร่างกายที่โซซัดโซเซ
“ผมนี่แหละ ..คือผู้ที่จะช่วยทุกคนจากโชคชะตา!!!!”
“เสียสติไปแล้วสินะครับ”
“ที่เสียสติมันแกต่างหาก!!! ไอ้สัตว์ประหลาด!!”
เรนผสานนิ้วเข้าหากัน เอเธอร์รีบพุ่งเข้าใส่เรนในทันที แต่ว่า—ไม่ทัน
“[วิชาไศยศาสตร์]—-[เคลื่อนยายต่างโลก]”
โลกแห่งความมืดไม่ได้ถูกยกเลิก
เอเธอร์คว้าร่างของเรนไว้ได้ไม่ทัน ..
“..สมกับเป็นท่านเร—”
พูดไม่ทันจะจบอลิซาเบธก็หายจากโลกแห่งความมืด ตามๆกันไปกับปีเตอร์และสโนว์ สุดท้ายก็เหลือแค่เอเธอร์ที่ถูกทิ้งไว้ในโลกแห่งความมืด
เอเธอร์แหงนหน้ามองฟ้าสีมืด
“น่าเสียดาย ..ที่เหลือคงต้องฝากให้พวกเรเซอร์จัดการสินะครับ”
ยังไงซะ สภาพของพวกเรนก็ย่ำแย่เอาเรื่อง คงวางใจได้เปราะหนึ่ง