< < 114 Sec7 >
“คุณวิน ..มะ ไม่เป็นอะไรนะครับ!?”
“อืมๆ ไม่เป็นไร แค่เกือบตา–อั้ก!!”
ระหว่างที่พูดตอบกลับ วินก็กระอักเลือดไปด้วย
“ยังจะถามว่าไม่เป็นอะไรอีกนะคะ ..คุณยูจินี่เลือดเย็นกว่าที่คิดอีก”
“ไม่ได้ตั้งใจนะครับ เอ่อ คุณวิน จะช่วยรักษาให้หายดีเดี่ยวนี้เลยครับ”
วินได้ยินก็ตกใจนิดหน่อย เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีเวทย์รักษาที่ดีพอจะรักษาเธอให้หายเป็นปริดทิ้งอย่างที่บอกไว้ได้ แต่ว่า–พอได้เห็นหัตถ์สีฟ้าเข้า วินก็พลันหน้าซีดอีกครั้ง
“นายก็ด้วยเหรอ!!!? โรงเรียนนี้มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?”
“? อะไรเหรอครับ?”
“ก็ไอ้แขนสีฟ้าๆนั่นไง”
“อ่อ อันนี้ ‘อลัน’ ครับ เป็นเพื่อของผมเอง”
..อลัน
“อลันนี่มัน..ข้ารับใช้ของเทพแห่งวัฐจักรสินะ”
วินพูดไปหัวเราะแห้งๆไปด้วย ยูจิเอียงคอฉงนไม่เข้าใจว่าเธอจะตกใจอะไร
อาจเป็นเพราะรอบตัวยูจิมีแต่พวกเหนือมนุษย์อยู่แล้วด้วย ทำให้สามัญสำนึกมันแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย นี่เรียกว่าได้อิทธิพลไม่ดีมาคงได้
หัตถ์สีฟ้าเข้าไปบิดร่างกายของวินจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม พลังของการ ‘หักล้าง’ ช่วยให้วินกลับมามีสภาพสมบูรณ์เหมือนกับก่อนหน้า ยกเว้นมานาที่ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้
“สุดยอด ตัวเบาหวิวเลย”
“ค่อยยังชั่วนะครับ”
“อืม ขอบใจมากๆ นึกว่าจะแห้งตายตรงนี้ซะแล้ว”
วินลุกขึ้นยืนก็กระโดดเช็คสภาพร่างกายตัวเอง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วเธอก็หันไปมองบนท้องฟ้าที่มีแสงสีเสียงประหลาดปนกันมั่วไปหมด
“เกาะนี้นี่อันตรายจังเลยนะ ชักอยากกลับบ้านแล้วสิ” วินถอนหายใจเฮือกโต ปรับลมหายใจเรียบร้อยก็ได้เวลาลุยต่อ วินยิ้มออกมาแบบไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งๆที่พึ่งพูดบ่นไป “แต่ก็เอาเถอะ เป็นงานนี่นะ เป็นงานก็ช่วยไม่ได้ มีแต่ต้องทำงานให้เสร็จแล้วกลับไปพักผ่อนเท่านั้นแหละ”
“งานเหรอครับ”
“อืม ยูจิทางที่ดีนายไปรวมตัวกับนักเรียนคนอื่นเถอะนะ โซล่าก็ด้วย”
“..ไม่ได้ครับ ผมต้องไปหาคุณเรเซอร์ก่อน ไม่นั้นคุณหนิงจะแย่เอา”
วินพยักหน้ารัวๆในขณะที่มองไปทางฝั่งภูเขาซึ่งเป็นจุดประทะของหนิงกับเทียนหลง
“มหามังกรเพลิงทางนั้นคือหนิง แล้วก็เทียนหลงสินะ”
(ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพสองคน สายเลือดมหามังกรเพลิง เทพดาบ จอมมาร ปีศาจมหาบาป มหามังกรเทียม อาชญากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลก แล้วก็เทียนหลง ..สถานที่ที่อย่างกับฝันร้ายนี่มันอะไรกันนะ นายส่งฉันมาตายใช่มั้ยเนี่ย เนลยอน—กลับไปต้องขอโบนัสเพิ่มหน่อยแล้วล่ะ บ้าบอจริงๆ)
วินถอนหายใจอีกครั้งคล้ายตัดเพ้อ คงไม่แปลกที่จะปวดหัว เพราะก่อนหน้านี้เจอแค่เทพดาบก็เละแล้ว ถ้าเกิดไม่ได้ยูจิช่วยคงจะตายในไม่ช้า
ยูจิเห็นก็เอียงคองงแต่วินไม่ได้อธิบายอะไร เธอเดินไปทางที่มีหมอกสีขาวอยู่ หรือทางที่จอมมารอยู่นั่นเอง
“เรเซอร์อยู่ทางนั้น ฉันจะตามไปช่วยเอง”
ศัตรู จากที่ใช้วิชาไสยศาสตร์สำรวจดู ตรงจุดนั้นมีเรเซอร์ มหามังกรเทียมสองตนแล้วก็จอมมาร มีปีศาจมหาบาปด้วยอีกสองตน ไม่รู้หายไปไหนหนึ่ง ..
“ถ้านั้นผมไปด้วย”
“ไว้ตามมาทีหลังดีกว่า ..จารย์บลาซตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกันนะ ช่วยไปรักษาเขาก่อนเถอะ”
“อาจารย์บลาซ!? ทางไหนเหรอครับ!?”
“ตรงไปหน้าโรงพละเลยจ้า”
ยูจิรีบวิ่งหน้าตั้งไปทางที่วินโบกมือให้ โซล่าไม่ได้วิ่งตามไปด้วย แต่เดินตามหลังวินมาแทน
“เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ด้วยนะ”
วินจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น—โซล่าพยักหน้ารับ
“ขอตามไปด้วยค่ะ ..ฉันคิดว่าตัวเองพอมีประโยชน์อยู่”
โซล่ากล่าวเช่นนั้นโดยที่ในมือถือคทาเวทย์ ‘การาวิเทีย’ ไว้แน่น
****
ยูจิวิ่งไปตามทาง จนมาหยุดอยู่บริเวณหน้าโรงเก็บของ ตรงนั้นบลาซกำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ในสภาพที่ร่างกายท่วมไปด้วยเลือด
“อะ อาจารย์บลาซ!”
ทันทีที่เห็นร่างของผู้เป็นอาจารย์ ยูจิก็รีบใช้ ‘หักล้าง’ ในการรักษาร่างกายของบลาซทันที ..บลาซมองแขนของอลันด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ตกใจอะไร ราวกับว่ารู้อยู่แล้ว อย่างไรอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“รีบไปรวมตัวก่อนเถอะยูจิ ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
บลาซลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ถึงร่างกายจะรักษาคืนได้ แต่พลังกายไม่สามารถฟื้นกลับมาด้วยได้ ..บลาซคว้าคทาเวทย์ ‘เดอะไลท์’ ขึ้นมาไว้บนบ่าพลางหายใจหอบ
“รีบไปเถอะยูจิ ที่เหลือฉันจัดการเอง บอกทุกคนด้วยว่าอย่าออกมาเด็ดขาด”
“..อาจารย์ ..ปิดบังอะไรไว้อยู่รึเปล่าครับ?”
..
(ปกติอาจารย์บลาซไม่ใช่คนที่จะทำสีหน้าแบบนี้ ..) ยูจิเม้มปากเข้าหากันด้วยสีหน้าที่สับสน
“พูดอะไรของเธอกันยูจิ ..ในสถานการณ์แบบนี้ มีเหตุผลให้ฉันต้องปิดบังอะไรด้วยหรือไง” บลาซถอนหายใจเฮือกโต “เอาเป็นว่ารีบๆไปรวมตัวซะ บอกทุกคนว่า—อย่าออกมา ..”
ไม่ทันจะพูดจบร่างของบลาซก็ล้มลงกับพื้น ยูจิจับข้อมือของบลาซเพื่อวินิจฉัยอาการ
“..ร่างกายอ่อนล้า”
เพราะใช้มานาทั้งหมดที่มี ..หากดูจากสภาพของบลาซมันไม่น่ามีอะไรน่าสงสัยเลย การที่ใช้มานาจนหมดมันไม่ต่างกับการทำให้ตัวเองหมดสภาพ ต่อให้เป็นจอมเวทย์ที่แกร่งดังเช่นบลาซแต่ถ้าอยู่ในสภาพอย่างนี้ แม้แต้นักเวทย์ทั่วๆไปก็เอาชนะได้
ไม่มีเหตุผลที่ต้องจงใจให้ตัวเองมีสภาพย่ำแย่เลย
“คงคิดไปเองสินะครับ”
ยูจิถอนหายใจอย่างโล่งอก สำหรับเขาการที่สงสัยคนรอบตัวของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
****
บนฟ้า ‘เบลลามี’ หรือ ‘จอมมาร’ ซึ่งในเวลานี้ กำลังเข้าต่อสู้อยู่กับสองมหามังกรเทียม
แต่ถึงจะบอกว่าต่อสู้ แต่ภาพที่เห็นมันไม่ใช่ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย ..ทั้งจอมมารและพวกมหามังกรเทียมต่างวิเคราะห์อีกฝ่ายอย่างนิ่งเงียบ
จอมมารไม่รู้ว่าลอยได้อย่างไร เธอยืนอยู่บนฟ้าโดยที่ไม่มีทั้งปีกหรือว่าเวทย์ลมในการช่วยพยุงร่าง ฝั่งพวกสโนว์ใช้ปีกของอาภรณ์เทพมังกรในการช่วยบิน
“ท่านจอมมาร สู้ๆนะคะ! จัดการพวกนอกรีตให้หมดเลยนะคะ!!
“นอกรีบเรอะ ที่นอกรีตมันพวกแกต่างหาก หักหลังพวกเดียวกันได้ลงคอนะหล่อน”
บิลเซบับได้ยินก็หน้าซีด เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผมก็ยืนอยู่ใกล้ๆ–บิลเซบับกระโดดถอยหลังไปและตั้งท่ายิงเวทย์ใส่ผม ว่าแบบไม่เกรงใจ กระจอกอย่างบิลเซบับ ต่อให้ใช้เวทย์แรงสุดเท่าที่จะทำได้ อาณุภาพก็ไม่ถึงขั้นบรรลุหรอก ไอคนที่มีดีแค่อำนาจมหาบาป แต่อำนาจมหาบาปตอนนี้เป็นแค่พลังกระจอกเพราะยังฟาร์มไม่พออย่างบิลเซบับไม่มีอะไรต้องกลัวเลย
“ต่อให้เป็นหวานใจของท่านจอมมาร ฉันก็ไม่อ่อนให้หรอกนะ”
“หนวกหูจริ—-”
ขณะที่ผมกำลังจะพุ่งไปเด็ดหัวของบิลเซบับ แรงบีบอากาศมหาศาลก็พวยพุ่งเข้าใส่ร่างของผมและบิลเซบับ แรงลมมันมากระดับที่ทำให้ผมเกือบล้มทีเผลอ และมากพอจะทำให้บิลเซบับต้องนอนเกาะพื้นไว้
ผมรีบหันไปมองและต้องตะลึง เพราะการโจมตีแบบเน้นพลังเข้าว่ามันยากที่จะได้เห็น
สโนว์และปีเตอร์ ทั้งสองปล่อยพลังของมหามังกรเข้าใส่จอมมารตรงๆ จอมมารเองก็ตอบรับการโจมตีนั้นโดยการใช้เวทย์ยุคโบราณในการตอบโต้
พลังทำลายล้างเท่าไหร่กันแน่?
‘เทียบเท่ามหามังกรสี่ตนค่ะ’ ยูนาตอบ
มหามังกรสี่ตนคือพลังทำลายเชิงกายภาพที่ปรากฏ หมายความว่าจอมมารคนเดียวก็มีพลังทำลายเทียบเท่ามหามังกรสองตนแล้ว อย่างไรซะการต่อสู้ลักษณะนี้ก็ยากจะได้เห็น
การปล่อยเวทมนตร์หรือคลื่นพลังเปล่าๆเข้าใส่กันมันคือการต่อสู้ที่สิ้นเปลืองพลังงาน โดยเฉพาะกับมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ได้มีมานามากขนาดใช้ได้ไม่รู้หมด ปกติการต่อสู้จะใช้เทคนิคต่างๆผสานกับรูปแบบพลังที่มี ไม่ใช่การยัดก้อนมานาอัดใส่กันโต่งๆอย่างนี้
แต่ก็นั่นสินะ ทั้งจอมมารและมหามังกรเทียมก็ต่างมีมานามากกว่ามนุษย์ชนิดเทียบไม่ติดด้วย ..ผมเงยหน้ามองการต่อสู้ของจอมมาร พลางคิดหาวิธีเอาชนะจอมมารไปในหัวด้วย
****
“ถึงจะเป็นแค่ของเทียม แต่คุณภาพยอดเยี่ยม ไม่แพ้ของจริงเลย ..เรนอะไรนั่นจัดว่าน่าสนใจไม่น้อย”
จอมมารกล่าวชมผู้สร้างของทั้งสองในขณะที่กำลังแลกก้อนมานาขนาดยักษ์กันอยู่
สโนว์ผละตัวออกจากการต่อสู้ และบินอ้อมเข้าหาจอมมารโดยที่บีบอัดมานาเอาไว้ด้วย—จอมมารชี้นิ้วใส่
“หายไปซะ”
กล่าวจบ เปลวเพลิงสีขาวก็พุ่งออกจากปลายนิ้วของจอมมาร สโนว์สร้างโล่น้ำแข็งออกมากันไว้ โล่ที่สร้างมีพลังป้องกันมากพอจะตั้งรับเวทมนตร์ขั้นบรรลุได้สบาย ทั้งอย่างนั้น—
ตู้ม!!!!!!! เสียงโล่น้ำแข็งแตกดังสนั่น ไม่ใช่แค่นั้น เพลิงสีขาวยังรวมไปถึงปีกของสโนว์ด้วย
“..เรนก็บอกมาอยู่หรอกว่าจอมมารคือตัวตนที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดบนโลก ..แต่ว่าไม่คิดว่าจะขนาดนี้” สโนว์หัวเราะแห้งๆ “สามารถปล่อยมานาออกมาได้กว่าพวกฉันตั้งสองเท่าไม่พอ ยังทำลายโล่ของฉันได้ง่ายๆอีก”
ปีเตอร์และสโนว์รู้ได้ทันทีว่าต้องสู้โดยการไม่เข้าปะทะตรงๆกับจอมมาร สโนว์ฟื้นฟูปีกของตัวเองกลับมาแล้วก็บินขึ้นไปบนฟ้า ปีเตอร์บินไปอยู่ข้างใต้จอมมาร และจากนั้นก็เริ่มกระหน่ำสายฟ้าและคริสตัลน้ำแข็งเข้าใส่จอมมารโดยเน้นจำนวน
จอมมารสร้างโล่เพลิงสีขาวล้อมตัวเองไว้
“เพลิงสีขาวนั่นมันอะไรกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ปีเตอร์บ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“ที่รู้ๆ ..นั่นทำให้เข้าไม่ถึงตัว”
ทั้งสายฟ้าและคริสตัลถูกละลายทั้งหมด เพียงแค่เพลิงสีขาวของจอมมาร
พลังที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก พลังของจอมมารมันคืออะไรกันแน่ การที่จะโค่นจอมมารได้จำเป็นต้องรู้ก่อน
“ปีเตอร์ ขยายวงสายฟ้า จู่โจมจอมมารวงกว้างที ฉันอยากจะรู้ขอบเขตุการปัดป้องของมัน”
“เข้าใจแล้ว!”
ปีเตอร์ทำตามที่สโนว์ว่า เขาขยายวงสายฟ้าและปาใส่จอมมาร การโจมตีที่ไม่มีทางหลบได้พุ่งเข้าใส่จอมมาร—พร้อมกันนั้นจอมมารก็สลายเพลิงสีขาวออก และบินหนีวงสายฟ้าของปีเตอร์
“แบบนี้นี่เอง ไม่ได้กันได้รอบทิศสินะ ปีเตอร์ สร้างรูปแบบจอมตีแบบวงกว้างเข้าใส่กันเถ—”
“สโนว์!!!”
ปีเตอร์พุ่งไปผลักสโนว์ออก จากนั้นอาภรณ์เทพมังกรของปีเตอร์ก็ถูกทำลายทิ้งด้วยเพลิงสีขาว–เพลิงสีขาว? ในระยะไกลขนาดนี้เนี่ยนะ สโนว์หันไปมองและต้องพบกับ ‘ดาบเปลวเพลิงสีขาว’ ที่ยืดส่วนปลายออกมากว่าสิบเมตร
“—ชิ” สโนว์เดาะลิ้น
แต่เดิมเพลิงสีขาวคืออะไรกันแน่? คุณสมบัติคืออะไรกัน? มันมีเวทย์ที่สามารถขยายผลลัพธ์ได้ด้วยเหรอ?
ความสามารถของจอมมารมีแต่ปริศนา เธอต้องต่อสู้กับพลังทำลายล้างที่มหาศาลท่ามกลางปริสนามากมาย มันไม่ใช่การต่อสู้ที่เท่าเทียมเลยสักนิด กับเพลิงที่ถ้าเผลอโดนนิดเดียวก็ตายได้นี่น่ะ
สโนว์บินไปรับร่างของปีเตอร์ ..
“…เอายังไงต่อดีเนี่ย ลำพังฉันไม่สามารถสู้กับจอมมารได้แน่”
ปิ๊ง เสียงสัญญาณดังขึ้นข้างหูสโนว์ สัญญาณจากเรนผู้เป็นพ่อ
“นี่มัน ..คุณพ่อบอกให้ถอยก่อน”
สโนว์ถอนหายใจโล่งอก และบินหนีจากการต่อสู้ทันที การหนีคือทางออกที่ดีสุดในตอนนี้อยู่แล้วจอมมารเองก็ไม่คิดจะตามไปด้วยเลยทางสะดวก
จอมมารสลายเพลิงสีขาวทิ้ง และแหงนหน้ามองพระจันทร์
****
‘เพลิงสีขาว’ ..ในนิยายต้นฉบับ มันถูกระบุไว้ว่าเป็นเวทมนตร์เฉพาะของจอมมาร ต่างกับ ‘ดาบสีขาว’ ที่เบลลามีใช้รักษาทุกคน คล้ายกับตัดมิติของยูนา หักล้างของอลัน คือมานารูปแบบพิเศษ มีคุณสมบัติในการทำลายล้าง ขอบเขตุการทำลายของมันเหนือยิ่งกว่าเพลิงของฟัฟนิร์เสียอีก ด้วยเหตุนั้นทำให้ในเนื้อเรื่องต้นฉบับ จอมมารคือตัวตนที่มีพลังทำลายล้างมากสุดเป็นอันดับหนึ่ง ใช่ เป็นอันดับหนึ่งของจริงเลย ต่อให้เอเธอร์แต่ถ้าต้องรับเพลิงสีขาวเข้าไปตรงๆเขาก็คงเป็นผงได้ง่ายๆ ดังเช่นโล่น้ำแข็งของสโนว์
แม้แต่ตัดมิติก็ไม่สามารถยับยั้งเพลิงสีขาวไว้ได้ ในนิยายถูกระบุไว้แบบนั้น ทว่า
‘ทำได้ค่ะ’
ยูนากลับยืนยัยต่างออกไป คงจะเกี่ยวกับที่ผมเป็นข้อผิดพลาดของโลก ส่งผลให้ขอบเขตุการใช้ตัดมิติกว้างขึ้นด้วย
แต่ถึงอย่างไร เพลิงสีขาวก็ยังอันตรายอยู่ดี ต่อให้ทำลายได้แต่ถ้าพลาดโดนสักครั้งก็คงลาโลกขอจริงเลย
ผมมองดาบเพลิงสีขาวที่ค่อยๆสลายไปด้วยแววตาที่ ..สนใจ
ผมรู้สึกว่าสิ่งที่จอมมารใช้ไม่ใช่พลังที่วิเศษวิโสอะไรเลย อย่างกับว่าหากตั้งใจ ตัวผมเองก็สามารถใช้บางอย่างที่คล้ายกับเพลิงสีขาวได้เช่นกัน
ข้อผิดพลาดของโลก มันคืออะไรกันแน่นะ เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอยู่ไว้ทำไม มีคุณสมบัติอะไรบ้าง แล้วก็–ทำไมผมถึงได้รับชื่อนี้มา ทั้งหมดคือปริศนา โลกใบนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมไม่สามารถเข้าถึงได้
บิลเซบับมองจอมมารด้วยแววตาที่ดูเศร้าโศก ..ทั้งๆที่จอมมารคือผู้ชนะแท้ๆ ทำไมถึงทำสีหน้าอย่างนั้นกัน?
“..ท่านจอมมาร แต่เดิมอ่อนแอนะ”
จู่ๆบิลเซบับก็ชวนผมคุยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อ่อนแอ? จอมมารเนี่ยนะ”
อะไรกันล่ะนั่น ไอ้ความย้อนแย้งในตัวจอมมารนี่ แข็งแกร่งตั้งขนาดนั้นเนี่ยนะอ่อนแอ? จะบอกว่าพลังที่ได้มามันมาจากความพยายามทั้งหมดน่ะเหรอ อย่ามาล้อเล่นเลย ถ้าไม่มีพรสวรรค์อะไรเลยก็ไม่ควรมีเพลิงบ้าๆนั่นด้วยซ้ำ ยังมีดาบบ้าๆที่เฉือนกฏของโลกนี้ได้อีก
แม้จะสงสัยในสิ่งที่บิลเซบับว่า แต่ผมก็ตั้งใจฟังต่อ
“ใช่ค่ะ ท่านจอมมารได้รับปัญญาที่แหกกฏของทวยเทพได้ พี่ชายของท่านจอมมารได้รับพลังอันเป็นกฏของโลก”
พี่ชาย—เดี่ยวนะ
จอมมารมีพี่ชายด้วยเหรอ?
ในนิยายต้นฉบับไม่เคยกล่าวถึงเลย อาจจะมีก็ได้แต่ที่แน่ๆไม่เคยกล่าวถึงครอบครัวของจอมมารเลย แค่นั้นไม่พอ
ปัญญาที่แหกกฏของทวยเทพได้? พลังที่มีไว้สังหารทวยเทพและทำลายกฏทุกประการ
พลังที่อยู่บนกฏของโลก? ตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างกับว่ามันคือประสงค์ของโลก
..มันอะไรกันแน่—
“บิลเซบั–”
“ในที่สุดก็จะได้คุยกับเรเซอร์ซะที”
การสนทนากับบิลเซบับจบเพียงเท่านี้ เพราะจอมมารลงมาถึงพื้นดินแล้ว..ยังคาใจเรื่องของพี่ชายจอมมารอยู่เลย แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นไว้ทีหลัง
“มีเรื่องที่เราต้องคุยกันเยอะเลยล่ะ”
จอมมารยิ้มให้อย่างเป็นมิตร