< < 119 > >
โลกใบนี้ไม่ได้ต้องการผม
ผมไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้ก็ได้ ไม่สิ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันอาจจะดีกว่าก็ได้
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตัวเองดันเผลอคิดขึ้นมาอย่างนี้และคิดไปเองเป็นตุเป็นตะว่าที่คิดคือความจริง จนกระทั้งเธอคนนั้นได้บอกกับผมเกี่ยวกับคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง
พอได้ยินอย่างนั้นก็คิดขึ้นมาว่า ..ตัวเองอาจจะมีค่าอยู่บ้าง
แต่ไม่ใช่
ผมยังคงไร้ค่าเหมือนเดิม
ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ไม่สิ ไม่มียังจะดีกว่า มันเป็นอย่างที่คิดไว้เลย
ผมได้สติและทันทีที่ได้สติความทรงจำก่อนหน้าก็ย้อนเข้ามา ..เพื่อให้ผมเผชิญกับความจริง
ตรงหน้าคือร่างไร้วิญญาณของคุณโซล่า …ผมจะลุกไปหาเธอแต่ไม่ไหวเพราะขารู้สึกอ่อนล้า
“..[หักล้าง]”
ใช้ได้แล้ว อลันช่วยให้ขาผมกลับมาเหมือนเก่า ผมจึงรีบวิ่งไปดูอาการคุณโซล่า
“ตั้งสติไว้นะครับ คุณโซล่า …”
เหมือนกับก่อนหน้านี้
ไม่สามารถ [หักล้าง] ได้ เพราะวิญญาณไม่อยู่ที่แห่งนี้แล้ว อย่างกับว่าวิญญาณของเธอไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้อีกแล้ว ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้
“..ไม่เอานะ”
ผมเขย่าร่างของเธอแต่ก็ไม่มีสิ่งใดตอบรับ ไม่ว่าจะเสียงหรือการตอบโต้ทางร่างกายใดๆ ไม่มีเลยสักอย่าง ราวกับผมกำลังเล่นตุ๊กตา ..
อยากจะร้องไห้ออกมา แต่ทำไม่ได้
ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถรู้สึกอะไรได้เลย บางอย่างกำลังหายไป มันคืออะไรกันนะ?
ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ มองร่างของคุณโซล่าสักพักหนึ่งก่อนจะเดินไปหาคุณ–
“..ยูจิ”
เธอเรียกผม เธอ..เอ๋ เธอชื่ออะไรกันนะ? ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอคนนี้เลย ก่อนหน้านี้รู้สึกว่ายังรู้จักอยู่เลยแท้ๆ ทำไมกันนะ
ผมรักษาเธอตามสัญชาตญาณ รับรู้ได้โดยธรรมชาติว่าต้องช่วยเธอ แค่นั้นเลย กับเธอเวลานี้คือคนแปลกหน้า แม้แต่ศพของ..เธอคนนั้นก็ด้วย
เหมือนกับตัวเองถูกทำให้ว่างเปล่า ราวกับว่าตัวเองกลายเป็นภาชนะที่ไร้ความหมาย ไร้ความรู้สึก เป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ตอนนี้กำลังถูกสั่งให้ไร้ความรู้สึก ราวกับอย่างนั้นเลย
สรุปแล้วเราคือตัวอะไรกันแน่? เกิดมาทำไม? อยู่เพื่ออะไร? ..บนโลกใบนี้ตัวตนของเราคืออะไรกันแน่?
อา ผมไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้ เวลานี้ สิ่งใดกำลังคลับเคลื่อนตัวเรากันนะ หรือว่าเราเป็นเพียงตุ๊กตาหุ่นเชิดกันนะ
ไม่รู้
ไม่รู้เลย
แม้แต่ตัวเองตอนนี้ก็ไม่รู้
อยากจะร้องไห้ แต่ร้องออกมาไม่ได้
“เดี่ยวสิ &#@ จะไปไหนน่ะ”
พูดถึงใครกัน ทักใคร? ผมเหรอ?
“..ขอโทษนะครับ ผมไม่มีเวลา”
ไม่มีเวลา? ทำไมถึงไม่มีเวลาล่ะ?
ผมลุกขึ้นและตรงเข้าไปในป่า
ตามทางมีรอยเลือดของใครก็ไม่รู้อยู่ ผมไม่ควรเดินไปต่อแต่ว่าอะไรบางอย่างมันบอกให้ผมเดินไปให้สุดทางที่มีเลือด ..ใครกัน
ผู้หญิงผมสีขาวอมทองคนหนึ่งกำลังนอนพิงต้นไม้ในสภาพปางตาย ถึงจะมีสภาพที่ย่ำแย่แต่ใบหน้าที่งดงามก็ยังรักษาเอาไว้ได้ กับคนที่สวยขนาดนี้ กับคนที่โดดเด่นขนาดนี้หากเคยพบครั้งหนึ่งย่อมไม่มีทางลืม ทั้งอย่างนั้นผมกลับลืมมันทั้งหมด
เธอคือใครกันนะ ..คนสำคัญ ..สำคัญกับผมยังไง ..เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ แต่รู้สึกได้ว่าผมขาดเธอไม่ได้
เอาเป็นว่า ..ปล่อยให้ร่างกายมันเคลื่อนไหวเองก็พอ
ผมยื่นมือออกไปและรักษาเธอให้กลับมาเหมือนเดิม
[หักล้าง] พุ่งออกไปและรักษาอย่างรวดเร็ว
เมื่อรักษาเสร็จ..ผมก็เดินผ่านเธอไปต่อ เดินไปเรื่อยๆตามป่า
เดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง
เขานอนถือดาบที่สวยงามเอาไว้โดยที่ข้างๆมีเศษเถ้าอยู่
รู้สึกคุ้นเคยเหมือนคนก่อนหน้า แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นใครอีกแล้ว
นอนอยู่ ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย คงไม่ต้องรักษา
เพราะอย่างนั้นจึงเดินไปต่อ ..
พอเดินเข้าไปเรื่อยๆจนใกล้จะถึงตัวเมือง ภายในป่านั้นมีรอยการปะทะกันหลายจุด บ้างก็เป็นหลุมขนาดยักษ์ บ้างก็เป็นรอยเลือดปริศนา บ้างก็เป็นร่างไร้วิญญาณของทหารในเกาะวาเรอร์ …อ๊ะ
ทุกคนตายแล้วสินะ รักษาไม่ได้แล้วสินะ ..อีกแล้วสินะ
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็เป็นแบบนี้ตลอด เพราะตัวผมไร้ค่าล่ะมั้งเลยทำอะไรไม่ได้
ศพของผู้คน ผมเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว ทั้งศพที่ตายไปนานแล้ว ทั้งศพที่ก่อนหน้านี้ไม่นานยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะอันไหนก็เหมือนกันหมดตรงที่ผมเอื้อมมือไปไม่ทัน
ไม่ทัน ..ไม่ทันเหรอ ..นั่นคือสิ่งที่ผมเจอจริงๆเหรอ มันใช่ความทรงจำของผมจริงๆเหรอ มันคือความรู้สึกของผม?
ผมยกขาข้ามศพ และเดินต่อ ข้างทางมีศพประปราย มีล่องลอยการต่อสู้ทั้งเล็กและใหญ่ …ภาพที่เห็นมันชวนสยอง ถ้าเป็นตัวเองตอนปกติคงจะอ้วกออกมาแต่..ตอนนี้ไม่ใช่ ราวกับว่าภาพที่เห็นมันไม่ได้แปลกอะไรเลย อย่างกับมันเป็นเรื่องปกติที่ผมต้องเผชิญ ทั้งหมดผมชินแล้ว
ผมเคยเห็นคนตายจริงๆตอนไหนกัน ไม่เห็นรู้เลย
ที่รู้สึก ที่สัมผัสได้ มันเป็นของใครกันนะ
“..เอ๊ะ”
เผลอเดินชนจนได้ ศพของ..เคยเจอมาก่อน แต่จำไม่ได้ว่าใคร
เป็นทหารวัยกลางคนของเกาะวาเรอร์ ..รู้สึกว่าจะแต่งงานมีลูกแล้ว
“..เอ๋”
.อา ..นั้นเองเหรอ..เริ่มจำได้แล้ว
ผมก้มตัวลงไปหยิบจี๋สร้อยคอของเขาขึ้นมาดู ..เป็นรูปภาพรวมทั้งครอบครัว
..จำได้แล้ว ทุกอย่างเลย
ในรูปคือเด็กที่เล่นกับคุณหนิงและคุณโซล่าประจำ ..พ่อของเขาสนิทกับผมเล็กน้อย เพราะผมจะไปขอโทษเขาเรื่องที่พวกคุณหนิงเล่นแรงเกินไปประจำ ตลอดเดือน ทุกวันผมจะได้คุยกับเขาตลอด ..ภรรยาของเขาเองก็นิสัยดี ทั้งสองคนเป็นคู่รักที่ดีมาก รักกันมาก ..รักกันจริงๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมาแยกจากกัน นั้นเหรอ?
“..อา”
แบบนี้คงบอกว่าชินไม่ได้อีกแล้วล่ะ
ทั้งเรื่องของคุณโซล่า ทั้งเรื่องของทหารคนนี้ผมคงบอกว่าปกติไม่ได้ ..จะให้รู้สึกปกติได้ยังไงกัน
มีคนตายนะ ..คนที่ผมรู้จักตายไปแล้วนะ ..แบบนี้..ต่อให้เจอเป็นล้านรอบมันก็ไม่มีทางรู้สึกเฉยชาได้หรอก
ผมวางจี๋สร้อยคอเขามากำไว้และลุกขึ้นยืน …ผมเดินไปต่อ
ตลอดทางเจอแต่ศพทหารที่สู้อย่างเอาเป็นเอาตาย บางคนก็เป็นเพื่อนของคนรู้จักของผม ..เคยคุยกันบ้างเล็กน้อย หลายคนมีครอบครัวแล้ว มีลูกที่อายุยังน้อยอยู่หลายคน
รู้ตัวอีกที ผมก็ต้องก้มหน้าเดิน ถึงอย่างนั้นก็ยังหนีไม่พ้นความจริง
เลือดตามพื้นยังมีอยู่ ..
“..ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
‘เงยหน้าขึ้นสิ’
..
‘ถ้าไม่ได้มองทุกอย่างให้ชัดเสียก่อนก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าทำไม’
เสียงที่แสนคุ้นเคย ..คุณออร่า
ผมทำตามที่เค้าบอกเงยหน้าขึ้นมา และพบกับเมืองบนเกาะวาเรอร์
ตัวเมืองได้รับความเสียหาย บ้านหลายหลังถูกทำลาย บางหลังก็แหลกเละไม่เป็นท่า บางหลังก็โดนก้อนหินทับ บางหลังก็ไฟไหม้ แต่สิ่งที่เหมือนกันหมดคือฝูงชนที่วิ่งหนีและส่งเสียงโหวกเหวก ..รวมถึงเสียงเด็กร้องไห้ที่ทำให้การประสานทุกอย่างแย่ลง
“แม่ครับ!!!”
“นี่! สามีฉันอยู่ไหนน่ะ!!?”
“ไหนบอกว่าที่เกาะนี้จะปลอดภัยไง!”
“เป็นทหารก็ทำอะไรหน่อยเซ้!!!!”
“บ้านฉัน บ้านฉัน!”
“ช่วยด้วย!! น้องชายฉันโดนไฟไหม้ ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”
เสียงมากมายดังผ่านหูผม ทั้งเสียงที่สิ้นหวัง เสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือ เสียงของเด็กร้องไห้ เสียงคนทะเลาะกัน ทั้งหมดมัน…ไม่..ไม่เอาแล้ว
ผมปิดหูตัวเองไว้ ก้มหน้าหนีภาพตรงหน้า เรื่องราวแสนโหดร้ายไม่อยากจะเห็นอีกแล้ว
‘ยูจิ ..นี่คือผลลัพธ์ไงล่ะ’
ไม่ว่าจะหนียังไง ผมก็ไม่สามารถหนีเสียงของออร่าไปได้ ..
“ผลลัพธ์?”
‘ทั้งหมดคือผลลัพธ์ที่เจ้ามีส่วนร่วมทั้งนั้นแหละ’
..หา?..
‘เหตุใดถึงเมินเฉยกับคำเตือนของข้าล่ะ’
“ผมฆ่าคุณเรเซอร์ไม่ได้ ..”
‘ยูจิ ..ที่โซล่าจะฆ่าเจ้าน่ะเป็นเพราะข้าเองแหละ’
เสียงของออร่ามันดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
‘ข้าเป็นคนสั่งให้โซล่าฆ่าเจ้า’
“..ทำไม”
‘เพราะเจ้าไม่ยอมฆ่าเรเซอร์ตามที่ข้าขอ ..เรเซอร์ ดราแคล์คือข้อผิดพลาดของโลก เขาคือผู้ที่จะนำหายนะมาสู่โลกใบนี้ ด้วยพลังของเขาโลกจะถึงจุดจบในที่สุด ข้าถึงต้องวานให้เจ้าฆ่าเรเซอร์ยังไงล่ะ’ ออร่าถอนหายใจ ‘ทีนี้เจ้าอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องฆ่าเจ้าแทนด้วย มันก็ง่ายๆเลย ..ข้าจำเป็นต้องเอาเรเซอร์ไปแทนที่เจ้า ถ้าหากทำได้โลกก็จะสงบสุข โลกจะยังดำเนินต่อไปอย่างปลอดภัย จุดจบจะไม่มีทางมาถึงโลกใบนี้ ใช่ โลกจะเป็นนิรันดร์’
…ไม่ใช่..ไม่มีเหตุผลที่คุณเรเซอร์จะต้องทำลายโลกเลย
‘ต่อให้ไม่ตั้งใจ แต่ตัวตนของเขาก็จะนำจุดจบมาสู่โลกในสักวันอยู่ดี ..ดังเช่นจอมมารไงล่ะ’
..จอมมาร ..
ภาพที่จอมมารฆ่าคุณโซล่าไปต่อหน้าต่อตาแวบขึ้นมา ..
‘แน่นอนทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้นหรอก หากเชื่อข้าตั้งแต่แรก’
“…ที่คุณพูดมันไร้น้ำหนัก..มันคือการกล่าวหา…มัน..ไม่ถูกต้อง”
‘ยูจิ..มีคนตายไปแล้วนะ’
ใช่ มีคนตายไปแล้ว
‘ข้าบอกให้เจ้าตั้งใจมองไม่ใช่เหรอ มองสิ มองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดสิ’
ผมกลืนน้ำลาย และมองภาพที่โหดร้ายตามคำสั่ง มองภาพของผู้คนที่ล้มตายต่อหน้าและคนที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสุดชีวิต
‘ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น มันไม่ควรเกิดขึ้น ..เจ้าเป็นคนให้ก้าวแรกกับพวกมันนะ ..เจ้าคือคนที่มอบก้าวแรกสู่จุดจบของโลก’
…
‘ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เชื่อข้าในทันที แต่ว่านะยูจิ สักนิดเดียวก็ดี เจ้าช่วยสงสัยหน่อยไม่ได้หรือ?—ช่วยสงสัยในพวกพ้องจอมปลอมที่พรากชีวิตผู้คนไปน่ะ คนที่เจ้ารู้จักตายไปกี่คนแล้ว? ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจก็ปล่อยไว้ไม่ได้นี่?’
ผมปิดหู พยายามปิดหูให้แน่น ไม่ตั้งใจรับเสียงของออร่าแต่เปล่าประโยชน์
สุดท้าย ผลลัพธ์คือผมไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงของออร่า
‘เคียวยะ ..เพื่อนที่เจ้าคิดว่านิสัยดี สุดท้ายเจ้านั่นทำอะไร? ชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่เหรอ? นำตัวอันตรายเข้ามาและทำให้คนอื่นลำบากกันนี่?’
ไม่ ไม่ใช่
‘เรย์เองก็ด้วย ไปทำความรู้จักกับเทพดาบตอนไหน? ไม่ใช่ว่าเทพดาบคือศัตรูที่บุกรุกคราวนี้เหรอ? คิดว่ามีทหารกี่คนที่ถูกเทพดาบฆ่ากัน? หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นพ่อของเด็กตัวน้อยก็ได้นะ?’
ไม่ใช่แบบนั้น คุณเรย์มีเหตุผลแน่ๆ …ไม่มีทาง
‘หนิงเองก็ด้วย ..สู้กับเทียนหลงโดยไม่สนใจอะไรเลย ผลสุดท้ายผู้คนในเมืองก็ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ หลายคนตาย หลายคนสูญเสียทรัพสินย์ หลานคนต่อจากนี้ต้องใช้ชีวิตโดยที่ตายไปยังจะดีกว่า กับคนแบบนั้นไว้ใจได้เหรอ?’
..เงียบไปเลย
‘เบลลามี คนที่ช่วยมาตลอด ผลสุดท้ายคืออะไร? เธอตอบแทนเจ้าด้วยอะไร? โดยการฆ่ารักแรกของเจ้าอย่างโซล่าเหรอ? ฆ่าไปกับมือ ไร้ซึ่งความปราณี สีหน้าของเธอตอนกำลังจะฆ่าเจ้าที่เจ้าคิดเองมาตลอดว่าเป็นเพื่อนก็ด้วย ..ก่อนหน้านี้เจ้าเกือบจะตายเพราะเธอนะ ยูจิ’
…
‘เลวร้ายที่สุด ต้นเรื่องของทั้งหมด ..เรเซอร์ ดราแคล์ เจ้านี่ต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ถ้าไม่ไปยุ่งเรื่องเทียนหลงมากเกินไป เทียนหลงก็คงจะไม่ได้ออกอาละวาด เรื่องเบลลามีอีก เจ้าไม่คิดว่าเขาปิดบังอะไรกับเจ้าไว้บ้างเลยเหรอ?’
…ไม่ฟัง..ผมไม่ฟังแล้ว
‘เรื่องสำคัญที่ควรบอกทุกคน ..เรื่องที่ ‘เบลลามี’ นั้นเป็นจอมมาร เขาไม่เคยบอกใครเลยนะ ทำไมล่ะ? จะบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหรอ?’
..ขอร้อง..อย่าพูดมากกว่านี้เลย
‘ไร้สาระ ไม่บอกอะไรกับใครเลย ผลสุดท้ายก็คุมอะไรไม่อยู่และลงเอยด้วยการที่ผู้คนในเกาะวาเรอร์จะต้องพบเจอกับความเลวร้ายของโลก ..อย่างน้อย ถ้าบอกเจ้าก่อนก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ..กับคนที่ไม่คิดจะเชื่ออะไรเจ้าเลย เจ้ายังจะเชื่อคนๆนี้อีกเหรอ’
…
‘บอกข้าทีสิ ยูจิ ..’
…
ผมไม่สามารถพูดเต็มปากได้ว่า ‘เชื่อ’
…ไม่ มันแปลก ไม่มีทาง คุณเรเซอร์ไม่มีทาง—
‘โลกใบนี้มีแต่คำโกหก’
…
‘ไม่ใช่คำที่ไกลเกินตัวเลยใช่มั้ยล่ะ? ทุกอย่างคือเรื่องโกหก บางทีตัวตนของเจ้าก็อาจเป็นเรื่องโกหกด้วยเหมือนกันนะ ความเชื่อใจนั่นอาจจะแค่ถูกสร้างมาโดยใครสักคนอีกที นิสัยก็ด้วย ความรู้สึกก็ด้วย ..ตอนนี้เจ้ากล้ายืนยันว่าจะเชื่อเรเซอร์จริงๆหรือ? หลังจากเห็นผลลัพธ์ของการโกหกทั้งหมดน่ะ’
ผมเลิกปิดหู และเดินเข้าไปในเมือง
ใบหน้ารู้สึกชาสุดๆ ประสาทสัมผัสแย่มากทั้งอย่างนั้นผมก็เดินเข้าไป ..ตั้งใจจะช่วย
เด็กคนหนึ่งวิ่งมาเกาะขาผม เป็นลูกของทหารที่ตายไปแล้ว
“พี่ยูจิ พี่ พ่อผมหายไปไหน พ่อผม พ่อผม พี่เห็นพ่อผมมั้ย!!? แม่ผมด้วย จู่ๆแม่ก็หายไปตอนที่มีแสงสีทองผ่านหน้าไป จู่ๆก็หายไปเลย พี่ยูจิ พี่เห็นพวกเขา พี่”
..อา
น้ำตาไหลออกมา
พ่อเขาตายไปแล้ว จากการต่อสู้
แม่เขาก็ตายไปแล้วเหมือนกัน จากลูกหลง
แต่..เด็กคนนี้ก็ยังร้องหาทั้งสองคนอยู่ คิดเอาเป็นเอาตายว่าทั้งคู่ยังไม่ตาย
ถ้าเกิดเรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นล่ะก็ ..ถ้าเกิด..
ผมกัดฟันกรามข่มกลั้นเอาไว้
สามคนนี้คือครอบครัวที่ดี อยู่กันอย่างมีความสุขมาตลอด และควรจะลงเอยอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่ใช่ ทุกคนถูกพรากเอาคนสำคัญไป เพราะ–ผลลัพธ์บ้าๆนี่
“พี่ช่วยผมด้วย!!!”
ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย สภาพจิตใจแหลกสลาย ได้แต่วิ่งหนีความจริง
ผมวิ่งผ่านเด็กคนนั้นไป ใช่ วิ่งหนีเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ วิ่งไปเรื่อยๆ วิ่งไปเรื่อยๆและสุดท้ายก็สะดุดเศษหินล้มลงกับพื้น ..ไม่มีแรงพอจะลุกขึ้นยืน ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา และมองมือที่ไม่สามารถคว้าอะไรไว้ได้เลยของตัวเอง มือของคนไร้ค่า
สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้เวลาไหลผ่าน ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวังตัวเองก็แหลกเกินกว่าจะลุกไปช่วยใครได้
‘โลกใบนี้ต้องการเจ้านะ ยูจิ’
โลกใบนี้ไม่ได้ต้องการผม ..ไม่ใช่อีกแล้ว
‘..ช่วยปกป้องโลกแทนข้าด้วย’
ผม..
ถึงกระนั้น
รอยยิ้มของพวกเราก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของผม ..พวกเขาที่ผมเห็นว่าเป็นเพื่อน ผมเองก็เหมือนเดิม ยังคงเห็นว่าเป็นคนสำคัญอยู่ดี..แต่..แต่ว่าตอนนี้ …ผมคงไม่อาจบอกได้ว่า ‘เชื่อใจ’ อีกแล้ว
สุดท้ายก็
“แตกหักจนได้”