< < ช่วงคุยท้ายบท > >
จบกันแล้วนะครับสำหรับ Arc เกาะวาเรอร์ที่แสนยาวนาน พอมานับกันจริงๆจังๆก็พบว่าเนื้อเรื่องช่วงนี้เป็นช่วงที่ยาวนานที่สุดประจำเรื่องเลยล่ะ ผมนึกไม่ออกเลยว่าผมจะเขียนอะไรที่นานขนาดนี้ได้รึเปล่า แต่ก็นั่นแหละครับ ว่าตามตรงมันก็เหมือนการข้ามเวลา ในใจผมไม่ได้รู้สึกว่ายาวนานอะไรเลยซึ่งมันบอกว่าผมกำลังสนุกกับการเขียน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ แต่กลับกันผมก็รู้สึกไม่พอใจการเขียนของตัวเองในบางช่วง (ฮา)
ในส่วนของเนื้อเรื่อง บทนี้ผมตั้งใจจะโฟกัสที่ตัวละครหลายตัวละครพร้อมกัน เพราะมันคือเนื้อเรื่องจุดเปลี่ยนสำคัญของทุกตัวละคร โดยเฉพาะยูจิที่ผมหมายมั่นจะเขียนเนื้อเรื่องตอนนี้และในอนาคตต่อๆไปอีกมากมาย เขาคือตัวละครพระเอกต้นฉบับ ผมไม่คิดจะทิ้ง เพราะยูจิคือตัวละครที่สำคัญเทียบเท่าเบลลามีเลย ผมย้ำเลยว่ายูจิสำคัญไม่แพ้เบลลามีในด้านเนื้อเรื่อง เพราะผู้ที่กุมความลับทั้งหมดในเรื่องคือสิ่งที่อยู่ในตัวของยูจิ ว่าตามตรงผมเคยคิดตอนจบเล่นๆว่าให้ยูจิมาเข้าฮาเร็มเรเซอร์ด้วย (ฮา) แต่ปัดตกไปแล้วเพราะแบบนั้นมันไม่สะใจแล้วก็สงสารหนิงแย่เลย แล้วก็มันจะขัดกับเนื้อเรื่องของยูจิในอนาคตอีกมากด้วย
ด้านตัวละครอื่น ในบทนี้ผมชอบหนิงและโซล่าที่สุดเลย ผมชื่นชอบในการเขียนความสัมพันธ์ของสองคนนี้มาก เพราะสองคนนี้เป็นเหมือนเพื่อนซี้ที่ชอบหาเรื่องทะเลาะกัน ชอบทำตัวเกรียนไม่สนโลก ซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ผมชอบสุดๆ และน่าเศร้าที่หลังจากนี้คงไม่ได้เขียนอีกแล้ว ..ว่าตามตรง เนื้อเรื่องของโซล่าผมลังเลมากว่าจะให้จบยังไง ให้รอดเหรอ ให้ตายเลยเหรอ สุดท้ายเลยเลือกกึ่งกลางที่กึ่งเป็นกึ่งตายให้แทน ผมไม่ได้ตั้งใจจะตั้งบทโซล่า แต่ผมตั้งใจให้โซล่าเป็นตัวละครที่ส่งต่อบางอย่างให้ ยูจิ เรเซอร์ และหนิง น่ะครับ จึงมีแต่ต้องทำแบบนี้
เรย์และเคียวยะ สองตัวละครนี้ก็คล้ายกันด้านตอนจบในบท จากที่ไม่ได้มีธงเป้าหมายชัดเจนแต่หลังจบบทนี้ทั้งสองตัวละครจะมีเป้าหมายของตัวเองที่สามารถทำไปพร้อมกับพระเอกของเราได้
เบลลามี พูดแบบนี้ก็กระไรอยู่แต่นี่ยังไม่ถึงจุดเปลี่ยนของเบลลามี ทั้งๆที่บทนี้คือจุดเปลี่ยนของทุกตัวละคร เอเธอร์ก็ด้วย สองตัวละครหลักสำคัญนี้ผมเตรียมเนื้อเรื่องในอนาคตไว้ให้แล้วซึ่งช่วงนั้นจะเป็นการเฉลยปมในยุคโบราณทั้งหมดเลย คาดว่าอีกไม่นานคงได้เห็นกัน (มั้งนะ)
วินยัยนี่มาในฐานะตัวละครเสริมครับ ปมของคุณเธอก็คงต้องเก็บไว้ในอนาคต แต่ผมรับปากได้ว่านี่ก็เป็นตัวละครที่สำคัญกับเรเซอร์คนหนึ่งเหมือนกัน เหตุผลที่ใส่มาเพราะอยากให้มาช่วยแบ่งเบาภาระตัวละครกับปูบทน่ะครับ
เทียนหลงนี่คือตัวที่มีไว้ถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝั่งยูจิกับเรเซอร์ในอนาคตครับ คงสงสารยูจิแย่ถ้าเรเซอร์มีแต่คนเข้าข้าง แต่ยูจิไม่มีใครเลย น้ำหนักของการกระทำยูจิ คงจะไม่มีเลยถ้าไม่มีเทียนหลงเป็นลูกไล่
และตัวละครประกอบต่างๆนานาในบท ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ตัวละครหลักโดดเด่นขึ้น ซึ่งผมไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอหรือไม่ แต่ในอนาคตก็ตั้งใจจะทำให้ตัวละครประกอบอย่าง อาจารย์บลาซ ช่วยทำให้เรื่องสนุกขึ้นให้ได้เหมือนกัน
สุดท้ายนี้คือเรเซอร์ บทนี้เรเซอร์จะได้พบเจอกับความผิดพลาด ควาามพ่ายแพ้ และการต่อสู้ที่แสนอย่างลำบาก ตลอดบทเรเซอร์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ ทั้งยังมีเรื่องต้องกังวลตลอด สามารถบอกได้เลยว่าเรเซอร์คือตัวละครที่พยายามมากที่สุดในเรื่อง แน่นอนว่าไม่ได้พยายามอยู่คนเดียว แต่ความจริงที่เรเซอร์ทำงานหนักก็ยังเป็นความจริง ทั้งอย่างนั้นผลลัพธ์ก็ไม่ได้สวยหรูอะไรเลย
ยูจิเปลี่ยนไป โซล่าตาย ยูนากำลังจะหายไป นี่คือสิ่งที่เรเซอร์ได้สูญเสียไปในบท และนั่นแหละคือสื่งที่ผมชอบในการเขียนเนื้อเรื่องของเรเซอร์
อาจจะดูพิลึก แต่ผมชอบพระเอกที่ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้เก่งจนทำได้ทุกอย่าง ไม่ได้เก่งจนช่วยได้ทุกคน แพ้หลายครั้ง ต้องพึ่งคนอื่นพึ่งดวงบ่อยครั้ง จำเป็นต้องเรียนรู้ความเจ็บปวดที่ต้องเจอ และจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ผมพยายามจะให้ในทุกบทเรเซอร์ได้แพ้ในบางอย่างไป แต่กลับกันก็ใช่ว่าเรเซอร์จะแพ้อย่างเดียว เรเซอร์ช่วยเบลลามี หยุดจอมมารได้ ทำให้เพื่อนจากที่ต้องตายหมดรอดมาได้บ้าง ซึ่งมันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้แค่นี้
หลายคนอาจไม่ชอบบทนี้เพราะกลุ่มตัวเอกคล้ายจะแพ้มากกว่าชนะ ในอนาคตเองก็อาจมีอีกหลายอย่างที่เรเซอร์ต้องสูญเสีย แต่ต่อให้เรื่องจะไปในทางไหน ผมก็ขอสัญญาว่าเรื่องนี้จะจบแบบ แฮปปี้เอนด์ ในวินาทีที่ความพยายามของเรเซอร์สำเร็จ พระเอกที่ไม่ได้วิเศษอะไรอย่างเรเซอร์จะดูวิเศษที่สุดเลยล่ะครับ หวังว่านะ
ผมจะพยายามทำให้ตัวเองพร้อมที่สุดเมื่อเขียนถึงตอนจบของเรื่องนี้นะครับ
สำคัญที่สุดคือทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ถ้าไม่มีทุกคนผมคงจะไม่ได้เขียนถึงตอนนี้แน่ ขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ใน Arc ต่อไปนะครับ
แล้วก็วันอาทิตย์ผมของงดนะครับ ต้องไปนั่งลงรายละเอียดพลอตก่อน