เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 177

< < 126 Sec1 > >

เมืองชันไม เมืองแห่งหน้าประวัติศาสตร์ รอบตัวเมืองหรือในตัวเมืองมีอารยธรรมในยุคมหามังกรหลงเหลืออยู่ อีกทั้งในป่ามหาภูตที่อยู่ในเขตุของเมืองชันไมเองก็ถูกเล่าต่อๆกันมาว่าเป็นที่ที่วีรสตรียูนาได้เสียชีวิตอีกด้วย

ด้วยความที่ถูกเลื่องลือในจุดๆนี้ ทำให้เมืองชันไมกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักสำรวจผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์

ป่ามหาภูตก็ดี สถานที่สุดท้ายของวีรสตรีก็ดี ทุกอย่างมักลิ่นอายในตัวของมันอยู่ ผมเข้าใจดีเลย

ยังไงซะ เมื่อราวห้าปีก่อนผมก็มาอยู่ที่เมืองชันไมสักพักน่ะนะ

ผมมองบ้านเมืองที่ไม่ต่างกับห้าปีก่อนเลยสักนิด ไม่รู้ว่าดีหรือแย่กันแน่ ..

“ของที่นี่ไม่แพงไปหน่อยรึไง”

“จริงด้วย”

เคียวยะและเบลลามียืนบ่นขณะที่กำลังมุงดูเสื้อผ้าในเมือง

“ก็เมืองท่องเที่ยวนี่นะ”

ผู้คนที่อาศัยอยู่เมืองนี้ส่วนใหญ่ก็รวยๆกันทั้งนั้น เรื่องราคาเลยไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่สำหรับคนท้องที่

“แน่นอนว่ามีโซนของถูกอยู่แล้ว ไว้ถึงที่พักแล้วพวกเราค่อยไปกัน”

ต่อให้จะเป็นเมืองสำหรับคนรวยขนาดไหน คนที่ไม่ค่อยจะมีก็ยังมีอยู่ ถึงกระนั้นพวกข้าวของราคาปกติก็ไม่ได้ขายในทำเลดีๆนัก หากจะซื้อก็ต้องอ้อมหลายต่อ แถมจุดซื้อยังสกปรกนิดหน่อยอีก

ไม่ถึงกับสลัมแต่ก็ไม่ใช่ตลาดนัดที่สะอาด ประมาณนี้เลย

“..นี่เรียกว่าแพงแล้วสินะ”

หนิงดูเสื้อผ้าที่เบลลามีกับเคียวยะจับจ้องด้วยใบหน้าที่สงสัยจากใจจริง มิได้มีเจตนาโอ้อวดแต่อย่างไร

“กลับกัน ฉันว่ามันถูกมากกว่านะ อืม หรือว่าฉันแปลกไปเอง?”

“เออสิ เรียนรู้สามัญสำนึกเรื่องการใช้เงินหน่อยก็ดีนะ”

ลูกชายดยุคอย่างผมไปตำหนิเรื่องเงินๆทองๆใส่เจ้าหญิงก็ดูแปลก เป็นคนรวยล้นฟ้าเหมือนกันแท้ๆ

พอโดนบ่นหนิงก็ทำหน้าบึ้งใส่

“อะไรเล่าก็คนมันไม่รู้นี่ พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องแซะกันเลย ไอ้บ้า”

“ใช่ ไม่ควรทำอย่างนี้นะ เรเซอร์”

เบลลามีร่วมบ่นผมด้วย เห็นแบบนี้มีแต่ต้องถอย ให้ไปเถียงกับเบลลามีไม่เอาด้วยหรอก ให้ตายก็ไม่เอา–

“นั่นสินะ”

ผมพึมพำพลางหันไปมองทางยูจิ เทียนหลงและเรย์ที่พยายามเข้าไปคุยด้วยอย่างเต็มที่

“เห้ พวก! ปลาอะไรตื่นแต่เช้า”

“..โทษทีนะครับเรย์ ผมกำลังดูของกับเทียนหลงอยู่”

“อะ อ่า ..โทษที”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ ..เทียนหลงทางนี้”

ยูจิเดินไปดูของทางอื่นกับเทียนหลง ปล่อยให้เรย์ยืนเหงาๆ ..อย่างที่บอก ไม่ใช่แค่ผม กับเรย์ ยูจิก็พยายามเว้นระยะห่างอยู่เหมือนกัน

ให้ตายสิ

ทุกคนสังเกตุเห็นบรรยากาศได้แต่ก็เลี่ยงไม่พูดอะไรเลย

“เรเซอร์ ช่วยพาทัวร์เมืองหน่อยสิ”

“แน่นอน”

จากนั้นผมพาทุกคนทำความรู้จักกับเมืองชันไม โดยมียูจิยืนฟังอยู่ห่างๆ

เมื่ออธิบายทุกอย่างและพาเที่ยวเท่าที่สำคัญหมดแล้วก็ถึงเวลาไปที่พัก

“จากนี้ไป ฉันจะพาพวกนายไปพักพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ช่วยอยู่ในความสงบกันด้วยนะ”

“ตระกูลดราแคล์มีบ้านปลูกไว้ที่เมืองชันไมด้วยเหรอเนี่ย” เรย์พูด

“ไม่ใช่ของตระกูล เป็นของฉันเอง อ่า แต่ก็ไม่เชิงบ้านหรอก เอาเป็นว่าคล้ายๆละกัน”

“คล้าย? ช่างเถอะ รีบๆพาไปเถอะ ทางนี้ปวดขาจะแย่แล้วเนี่ย”

ระดับเรย์เดินแค่นี้ปวดขาเนี่ยนะ? โกหกชัดๆ ไม่รู้ทำไปทำไม บทเพื่อนพระเอกบอกให้ทำตัวเหลาะแหละเหรอ? เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปจุ้นกับเรย์ละนะ

“เข้าใจแล้ว แต่เดินอีกสักพักนะ”

 

****

“ทะ โทษนะพวก นี่มันทางไปที่พักจริงๆดิ เห็นมีแต่ทางเดินเท้าแล้วก็ ..ป่ายักษ์ ใช่ ป่ามหาภูตที่เขาลือกันรึเปล่า”

“ทางที่เห็นคือตัวป่ามหาภูต พวกเราจะพักกันข้างในนั้น”

“อ่อเหรอ ..เดี่ยวสิ เดี่ยว”

“เอาน่า เดี่ยวฉันอธิบายให้ฟังทีหลัง”

เรย์ถอนหายใจใส่แต่ก็เดินตามมาแต่โดยดี ระหว่างทางเรย์จะบ่นไปเรื่อยๆต่างกับทุกคนที่เงียบกริบ เทียนหลงจอมหาเรื่องก็เงียบปากด้วย ช่างน่าแปลกใจจริงๆ

“เรเซอร์ ดราแคล์”

ว่าแล้วก็ทักกันเลย เอาละ ไหนดูสิว่าเจ้าหล่อนจะบ่นอะไรบ้าง

“ทำไม”

“เจ้ากำลังจะพาท่านยูจิไปที่ไหนกัน”

“บอกว่าเดี่ยวอธิบายทีหลังไง”

“เป็นเรื่องที่บอกไม่ได้รึไง เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่” เทียนหลงมองแรง “ทางที่เจ้ากำลังมุ่งไปคือจุดรวมกันของภูต ‘มิติของปวงภูต’ เจ้ากำลังจะบอกว่าสถานที่สำหรับภูตคือที่พักนั้นเหรอ? ที่ที่มีแค่มหาภูตเท่านั้นที่เปิดปิดได้นั่นน่ะ”

..ผมเองก็เลือกวิธีการมากไม่ได้ ..ไม่มีเวลามาใส่ใจคนอื่นโดยไม่จำเป็นแล้ว

ให้พูดตามตรงเลยนะ

ยูจิอันตราย

ต่อให้ผมอยากจะช่วยเขาแค่ไหน แต่ยูจิในตอนนี้อันตรายในหลายๆความหมาย โดยเฉพาะสภาพจิตใจที่สามารถแหลกได้ทุกเมื่อ เพื่อเลี่ยงกรณีที่เลวร้ายที่สุด ผมเลยเลือกไปป่ามหาภูตซึ่งเป็นแดนปิดตาย อย่างน้อยที่สุดยูจิก็ไม่มีทางออกจากป่าได้โดยไม่มีเซเนีย

ผู้ที่สามารถบุกรุกป่ามหาภูตได้ด้วยตัวเอง บนโลกมีอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น ซึ่งจากความรู้ในนิยายต้นฉบับทำให้รู้ว่ายูจิในตอนนี้ไม่สามารถเข้าออกป่ามหาภูตได้ด้วยตนเอง ทำให้ทุกอย่างเข้าทางผม

ดูเป็นวิธีที่ดูไม่จืดไปหน่อย แต่ผมคิดว่าแบบนี้ดีต่อผมและยูจิมากกว่า

ถ้าไม่มีเทียนหลง ยูจิคงเข้าป่าไปพร้อมกับผมแบบไม่คิดอะไรแล้วแท้ๆ ..

“พูดตอบอะไรสักอย่างทีสิ เรเซอร์ ดราแคล์”

“..”

แต่ดูเหมือนจะปิดได้แค่นี้ เทียนหลงนี่มันตัวยุ่งยากจริงๆ ขัดแข้งขัดขากันหลายครั้งแล้วตั้งแต่เรื่องบนเกาะวาเรอร์ ..ไม่ใช่แค่ทางแกหรอกนะที่เหม็นขี้หน้าอีกฝ่ายน่ะ

ผมกับเทียนหลงเขม็งใส่กัน ..

“เอาเถอะ จะอธิบายให้ฟังตอนนี้เลยก็ได้ แต่ยูจิฉันอยากให้เข้าใจไว้ว่าฉันปารถนาดี”

“ผมไม่โกรธหรอกครับ”

ผมพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เกี่ยวกับป่ามหาภูต มิติปวงภูต และจุดประสงค์ที่เลือกป่ามหาภูต

“ทั้งหมดก็ราวๆนี้”

“นี่เจ้า ..เรเซอร์ ดราแคล์ กล้าดียังไงมาทำเสียมารยาทใส่ท่านยูจิขนาดนี้!?”

เพราะแบบนี้ไงถึงอยากให้เข้าไปในป่าก่อน เฮ้อ

คนอื่นพากันทำหน้าเอือมๆใส่เทียนหลง

“ว่าแล้วเชียว เจ้ามันไว้ใจไม่ได้ของแท้เลย!! แต่เดิมพวกจอมมารก็ไม่ใช่ตัวตนที่วางใจให้ได้อยู่แล้ว ท่านยูจิพวกเรารีบกลับกันเถอะค่ะ!”

“ไม่จำเป็นหรอก เทียนหลง”

..

“ไม่ได้นะคะ ท่านยูจิ ชายคนนั้นคิดจะขังท่านเอาไว้–”

“ผมไม่ถือครับ ที่สำคัญกว่านั้น ผมสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้กว่านี้อีกมากครับ ถ้าได้ฝึกฝนตัวเองในป่ามหาภูตตามคำชี้แนะของท่านมหาภูต”

ทางยังไม่ได้บอกว่าจะให้เซเนียช่วยเลยนะ ..ยูจิในจุดๆนี้พอปลดล็อคนิสัยอะไรหลายๆอย่างแล้วเนี่ย ฉลาดเป็นกรดเลยแฮะ

“ไม่ใช่แค่นั้น คุณเรเซอร์ก็คงช่วยฝึกผมอย่างเต็มที่ด้วย ..ใช่รึเปล่าครับ”

ท่าทางของยูจิเต็มไปด้วยความจริงจัง จนผมไม่สามารถติดตลกได้เหมือนแต่ก่อน

“แน่นอน ไว้ใจฉันได้เลย”

“..นั่นสินะครับ”

ยูจิเงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบ

“ถ้านั้นก็รีบไปกันเถอะครับ ทุกคนเองก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ”

มีอยู่คนหนึ่ง

“ท่านยูจิโปรดรอก่อน ข้ามีความเห็นว่าไม่ควรเข้าไปในป่ามหาภูตเป็นอันขาด ที่แห่งนั้นมันเปรียบเสมือนรังของจอมมาร เรเซอร์ ดราแคล์ ในสถานที่นั้นพวกเราจะเสียเปรียนเป็นอย่างยิ่ง”

“พวกเราไม่ได้มาสู้นะเทียนหลง”

“แต่ว่า”

“ถ้าเธอไม่เข้าใจก็ช่วยรอผมอยู่ข้างนอกนะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ ..จะตามท่านไป”

“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”

ผมถอนหายใจส่งท้ายก่อนพาทุกคนเข้าไปในป่ามหาภูต

ทันทีที่อยู่หน้าป่ามหาภูต มิติสีเขียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า–ผมเปิดประเดิมโดยการเดินเข้าไปข้างใน

ทันใดนั้นภาพก็ตัด

รู้ตัวอีกที ผมก็นั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ออกแบบเหมือนกับห้องรับแขกของคนญี่ปุ่นโบราณ และตรงหน้าผมมีผู้หญิงที่งดงามราวกับมรดกโลก

เลือนผมสีเขียวที่เปล่งประกาย ดวงตาสีเขียวอ่อนที่ดูเจือจาง เอกลักษณ์รวมๆของเธอคือความสูงส่งที่สัมผัสได้เพียงแค่มอง

เธอตรงหน้าคือ ‘เซเนีย’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘มหาภูต’

ไม่ได้พบกันตั้งห้าปี แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซึ่งแหงละ

“โตขึ้นเยอะเลยไม่ใช่หรือไง เด็กปั้นยูนาเอ่ย”

เซเนียนอนเท้าคางบนพื้น นั่นน่ะหรือการต้อนรับแขกของมหาภูต?

“ไม่สง่างามเลยนะคะเซเนีย ท่านอาจารย์ไม่เคยสอนให้เธอเป็นแบบนี้นะ”

ยูนาเองก็นั่งอยู่ข้างผม เธอปรากฏอยู่ในร่างสมัยมีชีวิต แน่นอนเธอยังมีสถานะเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น

เธอปรากฏตัวในชุดฝึกดาบทั่วๆไป

จะว่าไปไม่ได้เห็นหน้ายูนานานแล้วแฮะ ..

“มีอะไรแปลกหรือไงคะ มาสเตอร์”

“ไม่มีอะไรหรอก”

พูดจบคนอื่นก็ค่อยๆวาร์ปมาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ

“..ที่นี่ที่ไหน”

เบลลามีพึมพำเบาหวิว

“นี่น่ะเหรอพลังของมหาภูต”

เคียวยะโพล่งอย่างสนอกสนใจ

“โฮ อย่างเจ๋ง”

“นี่มันห้องอะไรเนี่ย”

หนิงกับเรย์โผล่มาพร้อมกัน

สุดท้าย

“..”

ยูจิและเทียนหลง ทั้งสองโผล่มาและไม่ได้พูดอะไร–เซเนียชายตามองทุกคนในห้อง ก่อนจะเบ๊ะปากใส่

“การรวมตัวกันของสัตว์ประหลาดหรือไงนะ อันตรายจริงๆ เด็กปั้นของเธอนี่มีความสามารถในการดึงดูดตัวอันตรายหรือไงนะ ยูนา”

“มาสเตอร์ต่างหากค่ะ ไม่ใช่เด็กปั้น”

“..อืม ถ้าคิดจะทำอันตรายอะไรกับเรา ที่ทำก็มีแค่ส่งทุกคนออกจากที่แห่งนี้ เรื่องรายละเอียดที่เราสงสัยไว้ขอถามหล่อนทีหลังนะ”

“ตามสบายค่ะ”

เซเนียเพ่งความสนใจมาทางผมแทน

“แล้วมีธุระอะไรถึงยกโขยงกันมาขนาดนี้ล่ะ”

“อยากจะขอพักที่นี่สักสองเดือนหน่อย แล้วก็อยากยืมที่ในการฝึกฝน”

“จะเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดในเขตุของเรานั้นหรือ ช่างกล้าขอมาได้นะ”

“ทางนี้จะตอบแทนโดยการลากหัวเรนมาให้”

ผมไม่ได้โง่พอจะมาขอเซเนียอาศัยโดยไม่คิดอะไร ก่อนหน้านี้ผมใช้เวลาศึกษา วิเคราะห์เกี่ยวกับเซเนีย ใช้ความรู้จากในนิยายต้นฉบับและจากประสบการณ์ตลอดสิบกว่าปีของผมในฐานะเรเซอร์ ทำให้ได้ข้อสรุปว่า—เรนและเซเนียมีสถานะเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน

เรนต้องการพลังของมหาภูตอย่างป่ามหาภูตไปครอบครอง ทำให้เมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้เกิดการปะทะกัน ข้อมูลนี้ผมได้มาจากแหล่งข่าววงในและความทรงจำของยูนาในช่วงเวลานั้น พอเอามาประกอบกันทำให้รู้ และสามารถยื่นข้อเสนอที่เท่าเทียมมาได้

“ทางนี้จะให้ความร่วมมือในการโค่นเรน”

“มั่นหน้าจริงๆนะเด็กปั้นของยูนาเนี่ย เป็นแค่เด็กที่ลืมตาตื่นดูโลกได้แค่หน่อยเดียวแท้ๆดันกล้าสัญญาเรื่องบ้าๆซะใหญ่โต ..ประเมินตัวเองใหม่เสีย”

“จะให้พิสูจน์ตรงนี้มั้ยละ ถ้าสงสัยในความสามารถน่ะ”

“..หึ ไม่จำเป็น”

เซเนียคือตัวตนที่มีความสามารถในการประเมินสูงที่สุดคนหนึ่งบนโลก ทั้งหมดทำให้เธอไม่มีทางสู้กับผมแน่นอน เพราะรู้ดีกว่าใคร ต่อให้โอกาสแพ้ชนะจะไม่ได้ทิ้งห่างกันก็ตาม

อย่างว่า–สิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงมันน่ากลัว

“ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ ผู้ถือครองอำนาจเทพ ดวงตามหาปราชญ์ อำนาจมหามังกรเพลิง มังกรสวรรค์ บรามุนต์ แล้วก็ …ถ้าไม่แตกคอกันเองซะก่อน สมาชิกที่มีอยู่มากพอจะฆ่าเรนได้แน่นอน” เซเนียยิ้มออกมา “ถ้านั้นก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะปฎิเสธ ย่อมได้ จะยอมให้ใช้แดนแห่งปวงภูตในการพักผ่อนและฝึกฝนตัวเอง หากมีข้อเสนอที่ดีเข้ามาอีก เราอาจจะพิจารณาประเมินความสามารถให้พวกของเด็กปั้นยูนาอีกก็ได้นา”

ได้ยินอย่างนั้นก็ชื่นใจ

“ขอบคุณมากนะ แต่ช่วยเรียกฉันว่าเรเซอร์ทีเถอะ เรียกว่าเด็กปั้นยูนามันดูแปลกๆ ..แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

“ทางนี้ก็เช่นกัน”

เซเนียยกมือขึ้นฟ้าและตบสามครั้ง

“จากนี้จะทำการส่งพวกเธอไปที่โลกของปวงภูต เราเตรียมบ้านพักสำหรับหลายคนไว้ให้แล้ว หากมีอะไรก็เรียกเราซะ กฏของที่แห่งนั้นภูตลูกน้องของเราจะเป็นคนบอกเอง”

พูดจบเซเนียก็ดีดนิ้วและภาพก็ตัดไป 

พวกผมได้เข้าสู่โลกของเหล่าภูต

พริบตาแรกที่ลืมตาตื่น ความคิดแรกในหัวก็คือ–โลกของปวงภูตนั้นงดงามราวกับ ..งานศิลปะ

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset