< < 127 Sec1 > >
หลังจากการไถตังค์ผ่านไปได้ราว 5 นาที
“ขะ ขอโทษด้วยคร้าบบบบบบ!!!”
“จะไม่แกล้งทำเป็นเดินชนเด็กแล้วขอตังค์ค่าเสียหายอีกแล้วฮับบบ!!!!!”
กลุ่มนักเลงวิ่งหนีกันให้หวั่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังไถตังค์เด็กตัวน้อยอย่างสนุกสนานอยู่แท้ๆเชียว—
“อย่าให้เจออีกรอบละเจ้าบ้า!! ครั้งนี้เห็นว่าพวกแกไม่มีจริงๆเลยไม่รีดทรัพย์นะบอกก่อน! ..ให้ตายสิ ไอ้พวกเลวนี่นะ”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีไอ้เลวที่กล้าด่าไอ้เลวด้วยกันด้วยเนี่ย หน้าไม่อายจริงๆเนอะ”
“ก็พูดเกินไป”
หนิงกอดอกอยู่ข้างผมพลางบ่นผมไปด้วยตามปกติ ทางเบลลามีก็เดินไปหาลีน่าผู้เสียหายตัวจริง
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
“..ขอบคุณมากนะคะ คุณพี่สาว”
ลีน่าโค้งศรีษะให้เบลลามี และด้อมๆมองๆมาทางผมครู่หนึ่งก่อนโค้งศรีษะให้ด้วย
“ขอบคุณมากจริงๆค่ะ”
..ปฏิกิริยาอย่างนั้นคงจะจำผมไม่ได้กระมัง ก็นะ นานแล้ว เจอล่าสุดก็ตอนลีน่าอายุราวๆเด็กประถมต้นอยู่เลยด้วย คงไม่แปลกหรอกที่ลีน่าจะลืม
แอบเสียใจนิดหน่อยแต่ก็ช่างมันประไร
อย่างไรก็แล้วแต่ ท่าทางของลีน่ายังดูซึมอยู่ดี
“เป็นอะไรไป”
เหมือนว่าเบลลามีจะสังเกตุได้เหมือนกันจึงเอ่ยถาม
“คือ ..ตังค์ของหนูหายไปน่ะค่ะ ทำให้ไม่มีเงินจ่ายชดใช้พวกคุณพี่ชายที่หนูทำไอศรีมของเขาหก ..”
เดินชนกับกลุ่มนักเลง ทำไอศรีมเขาหกจนโดนไถตังค์ แต่พอจะหยิบกระเป๋ามาจ่ายก็พบว่าเป๋าตังค์หาย ช่างสวยอะไรเยี่ยงนี้และสมกับเป็นลีน่าสุดๆ กำลังรู้สึกผิดอยู่แหละ คงคิดจริงๆว่าตัวเองนั่นแหละเป็นฝ่ายผิด ไม่เหมือนยัยผู้หญิงข้างๆผมที่คงจะดีใจเย้เมื่อไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายใดๆแล้ว
“นี่ แกได้แอบนินทาฉันรึเปล่า”
ผมทำเมินหนิงและเดินตรงไปหาลีน่า
“เอ้านี่”
ผมโยนถุงตังค์คืนลีน่า ..
“นะ นี่เรเซอร์ นี่แก”
“..เรเซอร์เป็นโจรตัวจริงนั้นเหรอ”
“ฟังก่อนสิ ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย”
แต่เดิมก็ไม่ได้ขาดเงินถึงกับต้องขโมยเงินเด็กอย่างลีน่าอยู่แล้ว
“แก็งนักเลงพวกนั้นมันเดินชนกับลีน่าใช่มั้ยละ พวกมันใช้จังหวะนั้นแอบขโมยเงินของลีล่าไป และเรียกร้องค่าเสียหายจากลีน่าทันที ทั้งๆที่พวกมันเป็นฝ่ายจงใจมาชนเอง”
ถามว่ารู้ได้ยังไง ผมจะตอบทันทีเลยว่าแค่มองก็รู้แล้ว
ในทวีปอาณาจักรเกรลและแซร์อิซเป็นสถานที่ที่มีอาชญากรเยอะมาก พวกโจรขโมยเดินผ่านไปมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนในแต่ละวัน ตัวผมมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเป็นอย่างมาก และคงต้องขอบคุณประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ผมได้ความสามารถในการสังเกตุมา
แน่นอนถ้าเป็นโจรระดับสูงอย่างคริสตีน่า ผมคงไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าแล้วทราบได้ แต่ถ้าแค่โจรกระจอกอย่างเมื่อครู่แค่ชายตามองก็เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วแหละ
“ที่ทำมันก็แค่วิธีห่วยๆด้วย ไอ้พวกนี้ถ้าไม่ทำในอาณาจักรแซร์อิซพวกมันได้โดนซัดจนปางตายแหงๆ”
อาณาจักรแซร์อิซเป็นอาณาจักรมหาอำนาจที่ขึ้นชื่อด้านความเถื่อนที่สุด คนที่แห่งนั้นพกอาวุธไว้ตลอดเวลาและพร้อมจะซัดกันทุกเมื่อหากมีปัญหา แม้แต่โจรที่เป็นอาชญากรยังต้องหวาดกลัวเหยื่อแต่ละคนที่ตัวเองเล็ง ในแต่ละวันมีโจรตายไม่รู้กี่คนในอาณาจักร ..ส่วนอาณาจักรเกรลจะต่างกัน ถึงโจรจะเยอะแต่โจรไม่จำเป็นต้องเตรียมใจโดนสวนกลับ ด้วยความที่อาณาจักรเกรลมีความเลื่อมล้ำสูง ชนชั้นบนกับชนชั้นล่างแบ่งกันอย่างชัดเจนยิ่งกว่าทุกอาณาจักรมหาอำนาจ ทำให้โจรเยอะและไม่มีทางที่โจรจะแพ้พวกคนรวยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในอาณาจักร
อย่างไรก็ช่าง การมีโจรเยอะมันไม่ใช่เรื่องที่ดีอยู่แล้ว ถึงมันจะช่วยพัฒนาฝีมือผมก็เถอะ
“ก็ตามนั้นนะ”
“..คุณพี่ชาย—รู้ชื่อหนูได้ยังไงเหรอ?”
..หืม
รู้ชื่อได้ยังไงนั้นเหรอ
“หมอบตัวซะเถอะเจ้าอาชญากร”
“นี่หล่อนหยุดเลย ฟังทางนี้อธิบายก่อนสิ”
ยัยนี่ก็จะเข้ามาชาร์จกันตลอดเลยวุ้ย
“..ลืมพี่ไปแล้วสินะลีน่า”
“..พี่…หรือว่า”
“ใช่แล้ว”
“พี่แรนดัลเจ้าของร้านรองเท้าที่ย้ายออกไปสามปีก่อน!”
“เรเซอร์ต่างหากโว้ย ..อา ไม่มีแรงตกมุกละ นี่จำพี่ไม่ได้จริงๆสินะ ไม่คุ้นบ้างเลยเหรอ คนที่หน้าตาดีขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่ายนะลีน่า”
ลีน่าทำท่าครุ่นคิดแบบ oิคคิวซัง ก่อนจะเบิกตาโพงกว้าง—และขี้นกก็หล่นใส่หัวพร้อมกับที่ดูเหมือนจะนึกออก
“..เมื่อกี้ใกล้จะนึกออกแล้วละคุณพี่ชาย แต่ขี้นกมันทำเสียเรื่องหมดเลย” ลีน่ายิ้มให้ “น่าเศร้าจังเลยนะคะ”
…เอ๊ะ ทำไม จู่ๆ..
ในที่ที่เดียวกัน แต่ต่างกันเพียงแค่ช่วงเวลา—ในหัวสมองน้อยๆของผมได้แล่นเรื่องราวระหว่างผมกับลีน่า
‘โดนเตะมาจนได้นะคะ ทั้งๆที่คุณเรเซอร์อยากจะกินมากแท้ๆ แต่ร้านดันเจ๋งซะก่อน..’
ตอนนั้นร้านในความทรงจำระหว่างผมกับแองเจลิน่าในเมืองชันไมได้ปิดตัวแล้ว ลีน่าที่ตั้งใจจะทำให้ผมที่สูญเสียทุกอย่างกลับมาร่าเริงก็ได้กินแห้ว และ..เลือกจะเศร้าแทนผมทั้งๆที่ไม่จำเป็น ..ไม่จำเป็นจะต้องเศร้าเสียใจแทนใครเลยแท้ๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง แต่เธอกลับยอมจะแบกรับมันพร้อมกับผม
นั่นคงเป็น ..เหตุผลที่เรเซอร์ ดราแคล์คนก่อนตกหลุมรักเธอกระมัง?
เหมือนกับคราวนี้ เธอเศร้าแทนตัวผมที่ถูกเธอลืมโดยไม่จำเป็น
‘น่าเศร้าจังเลยนะคะ’
ลีน่าในวัยเกือบยี่สิบบอกกับตัวผม–เรเซอร์ ดราแคล์ ด้วยรอยยิ้มเหมือนดั่งตอนนี้
มันคืออะไรกัน–พร้อมกับความทรงจำประหลาด อาการปวดอกและหัวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ..ทั้งหมดทำให้สติผมหลุดไปชั่วขณะ ตาค้างไว้อยู่ที่ลีน่า
..
“เรเซอร์เป็นอะไรไปเหรอ”
เบลลามีดึงปลายเสื้อผมเบาๆเป็นการเรียกสติ
“อะ เอ่อ ..ไม่มีอะไร ..คือว่า”
“..”
เบลลามีมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง ..
“ไม่เป็นอะไรจริงๆนะ”
“อ่า ..ลีน่า พี่ชื่อ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ นะ”
“เรเซอร์ ..ดราแคล์?—อ้า พี่เรเซอร์เองเหรอคะ!!?”
จำได้สักทีนะ
“ใช่แล้ว นี่ลืมกันสนิทเลยนะ พี่คิดว่าหน้าตาพี่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากแท้ๆ”
“เปลี่ยนมากเลยนะคะ! หนูจำพี่เรเซอร์ไม่ได้เลย! สูงขึ้นเยอะเลย ตัวใหญ่มากด้วย”
ก็นะ เด็กผู้ชายวัยกำลังโตนี่
ผมเดินเอามือไปทาบอากาศรับดับเดียวกับศรีษะของลีน่า และทำการเป่าขี้นกออกด้วยเวทย์สายลมผสมกับน้ำ
“ลีน่าเองก็ยังซวยเหมือนเดิมเลยนะ รวมๆแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนสักเท่าไหร่”
“อันนั้นอีกสักห้าปีเดี่ยวหนูก็เปลี่ยนไปมากค่ะ ถึงตอนนั้นพี่เรเซอร์เองก็จำหนูไม่ได้เหมือนกันแน่ๆ”
ลีน่าพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มสมกับวัย..นั่นสินะ แต่ทางผมจำได้อยู่ดีนั่นแหละ ไม่มีทางลืมลงอยู่แล้ว
ยังไงก็เป็นคนที่สำคัญกับผมในอนาคตมากนี่นะ แม้จะไม่ใช่ตัวผมในตอนนี้โดยตรงก็เถอะ
ผมกับลีน่าจ้องหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“..อ่า ใช่ ทั้งสองคน”
มัวร์แต่นึกย้อนวันเก่าๆจนลืมหนิงกับเบลลามีไปเลย
“นี่หนิง เป็นผู้หญิงปากไม่ค่อยจะดีแค่กับฉัน กับคนอื่นก็ปกติดี คุยได้ไม่ต้องกลัว ส่วนทางนั้นชื่อ–”
“เรา ‘เบลลามี’ ..เป็นเพื่อนกับเรเซอร์”
…เพื่อนสินะ นั่นสินะ ตอนนี้ก็ประมาณนั้นแหละ
“หนูลีน่านะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ลีน่าโค้งศรีษะให้ด้วยท่าทางดุกดิกสดใสร่าเริง รวมๆเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูเอามากๆ ขนาดหนิงยังแอบคล้อยตามไปกับความน่ารักเลย
“เอาลูกอมมั้ย”
“หนูไม่กล้าแย่งความสุขของพี่หรอกค่ะ”
“ความสุขของพี่คือการให้น้า”
จริงดิ?
“..เอาค่ะ!”
“รับน้า”
หนิงยื่นลูกอมกว่าสิบเม็ดให้ลีน่าราวกับให้อาหารกะรอก ..
“จะว่าไปพี่เรเซอร์มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“มีธุระให้มาเก็บตัวอยู่ที่นี่สักสองเดือนน่ะนะ ตอนนี้ตั้งใจจะหาซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารน่ะ”
“ถ้ายังไง—ให้หนูช่วยแนะนำมั้ยคะ”
อืม ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ
จากนั้นลีน่าก็อาสาพาผมไปซื้อวัตถุดิบจนเสร็จเรียบร้อย ผมนำวัตถุดิบไปแช่ไว้ด้วยเวทมนตร์ภายในโลกของปวงภูต ก่อนจะยกพวกมากินข้าวตามที่ลีน่าชวน
เพราะไม่ได้เจอกันนาน ลีน่าเลยชวนผมและทุกคนมาทานข้าวที่โบถส์เหมือนครั้งก่อน ซึ่งทางผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะปฏิเสธ
****
แต่เหมือนว่าเคียวยะกับเรย์จะติดภารกิจกันเลยไม่มา ยูจิกับเทียนหลงก็หายหัวไปไหนกันไม่รู้ คนคุยเล่นยามว่างอย่างยูนาก็หลับตามสัญชาตญาณแล้วด้วย ทำให้มีแค่ผมกับหนิงและเบลลามีเท่านั้นที่มาตามคำชวน
พวกเรายืนอยู่หน้าโบสถ์ที่ได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างมาก ต่างจากเมื่อห้าปีก่อนลิบลับเลย เพราะทางตระกูลดราแคล์ได้ส่งเงินบริจาคมาให้ในระดับหนึ่งน่ะนะจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ตึ้งๆๆๆๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้นก่อนที่ประตูโบสถ์จะเปิดออก
ผู้ที่ออกมาต้อนรับคือลีน่าในชุดนอนพร้อมกับหมวกสวมหัวตอนนอนรูปเพนกวิ้น
ชุดนอนเต็มยศเลยแฮะ ..
“ยินดีต้อนรับนะคะ!”
“ “ “ “พี่เรเซอร์!!” ” ” ”
เด็กนับสิบคนวิ่งเข้ามากอดขาและลำตัวผมกัน โดยมีลีน่าคอยดูแลจากข้างหลัง
“เดี่ยวสิ เกร็ด เลนเลน ไปเกาะพี่เรเซอร์เขาอย่างนั้นไม่ได้นะ ออกมาเลยนะ”
“พี่เรเซอร์คิดถึงมากเลยนะ!”
“หล่อขึ้นเยอะเลยนะพี่!”
..พวกเด็กๆอายุน้อยกว่าลีน่าแท้ๆแต่ยังจำผมได้ แล้วเหตุใดลีน่าถึงจำผิดไม่ได้กันนะ ช่างน่าสงสัย
“โธ่ว—คุณพ่อช่วยด้วย!!”
“มาแล้วๆ เอะอะเสียงดังกันจังเลยนะ อายแขกเขาแย่”
บาทหลวง ..ที่แก่กว่าเดิมเล็กน้อยเดินมาด้วยใบหน้าทยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต่างกับเมื่อห้าปีก่อน
“ไม่พบกันนานนะครับ ท่านเรเซอร์”
“เช่นกันครับ”
บาทหลวงหันไปทางหนิงและเบลลามี
“เพื่อนของท่านเรเซอร์ก็ด้วย ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันค่ะ”
“ฝากตัวด้วยนะ”
“..เช่นนั้น เดี่ยวกระผมจะนำทางให้นะครับ”
“อ่า”
ผมเดินตามบาทหลวงและลีน่าไปในห้องอาหารที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก อีกทั้งในจากยังไม่ได้มีแค่มันฝรั่งแต่มีอาหารอยู่หลากหลายและครบโภชนาการ ..ตัดภาพไปเมื่อก่อน ที่เห็นมันคนละเรื่องเลย
“ทั้งหมดต้องขอบพระคุณทางตระกูลดราแคล์ครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก .หน้าที่ดูแลราษฎร มันเป็นหน้าที่ของขุนนางอยู่แล้ว–ที่สำคัญตอนนี้ผมเห็นแล้วละ มากินข้าวให้อร่อยดีกว่า ดีมั้ยเด็กๆ”
เด็กๆพากันยิ้มร่า ลีน่าเห็นก็ผลอยยิ้มตามไปด้วย
จากนั้นการกินที่แสนสุขสันต์ก็เริ่มขึ้น
“ไม่พบกันนานนะคะ ท่านเรเซอร์”
“อ๊ะ–คุณแม่ชีนี่นา ยังสบายดีสินะครับ”
“แน่นอนค่ะ ฮุฮุ”
ผมพูดคุยกับคุณแม่ชีเรื่อยเปื่อยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของลีน่า สักพักบาทหลวงก็มาร่วมวงเม้ามอยอวยยศลีน่าด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ทางด้านลีน่าเหมือนจะนั่งคุยเล่นกับหนิงและเบลลามีอย่างถูกปาก
“พี่หนิงเนี่ยให้ความรู้สึกเหมือนกับท่านฟัฟนิร์ตัวปลอมเลยนะคะ!”
“ท่านฟัฟนิร์ตัวปลอม? ให้พูดตามตรงพี่นี่แหละตัวปลอมของแท้”
“..เอ๋ ตัวปลอมของแท้? สรุปแล้วตัวปลอมหรือของแท้เหรอคะ?””
“ทั้งสองอย่าง”
หนิงไม่อธิบายและปล่อยให้ลีน่างงต่อไป เบลลามียิ้มอย่างเอ็นดูและตักข้าวป้อนเข้าปากลีน่า
ลีน่าดูโตขึ้นเยอะในแง่นิสัยแท้ๆ แต่บางมุมก็ยังเหมือนเด็กหกเจ็ดขวบเหมือนเดิมเลย ..เหมือนกับในนิยายต้นฉบับ
ฉากป้อนข้าวให้ลีน่าเองก็มีเยอะใช่เล่น แล้วเจ้าตัวก็ดูจะชอบด้วย ..
“ฟังนะครับท่านเรเซอร์ ลี่น่าน่ะน่ารักมากเลยนะคร้าบบบบ!!!”
“เหมือนว่าท่านบาทหลางเขาจะเมาน้ำผลไม้เข้าละค่ะ”
ถามจริง น้ำผลไม้เมาได้ด้วยเรอะ?
“ผมไม่มีทางลืมวันที่ลีน่าเข้ามาคุยกับผมวันนั้นได้เลยครับ!”
บาทหลวงเล่าเรื่องของลีน่าต่ออย่างมีความสุข ไอ้ผมก็นั่งฟังไปตามมารยาท ..จนจบงาน
บาทหลวงนอนโทรมอยู่บนโต๊ะ ปล่อยให้คุณแม่ชีกับลีน่าสองคนทำความสะอาด
เบลลามีนั่งอยู่เฉยๆและให้หนิงนอนพิงไหล่ตัวเอง ส่วนผมก็ยืนดูทุกคนทำความสะอาด ว่าจะช่วยหน่อยแต่ก็โดนคุณแม่ชีตำหนิและขอให้อยู่เฉยๆแทน เพราะผมอยู่ในฐานะแขก
“ให้ตายสิคนๆนี้ ตอนปกติก็ดูดีแท้ๆ”
คุณแม่ชีบ่นบาทหลวงที่นอนเมาน้ำผลไม้
“อย่าว่าคุณพ่อมากเลยค่ะ เขาน่าจะเครียดในหลายๆเรื่อง”
“เครียดเหรอ?”
ลีน่าพยักหน้ารับ
“ช่วงนี้เจ้าเมืองของชันไมชอบมายื่นเรื่องขอควบคุมงประมาณของโบถส์เองน่ะค่ะ คุณพ่อปฏิเสธแค่ไหนก็ไม่จบสักที” ลีน่าหัวเราะเบาหวิว “แต่หนูว่าให้คุณพ่อพักบ้างก็ดีนะคะ”
..
“ถ้าให้ท่านเจ้าเมืองมาดูแลก็น่าจะหายห่วงได้นะคะหนูว่า เพราะท่านเจ้าเมืองเป็นคนฉลาด”
ไม่ใช่หรอก นั่นมันแค่มุมมองแบบเด็กๆของลีน่า ..เจ้าเมืองคงอยากฮุบเงินบริจาคของผมกระมัง ทางตระกูลดราแคล์บริจาคให้ที่นี่ค่อนข้างเยอะทีเดียว จริงๆโบสถ์มันควรสวยกว่านี้หลายเท่าด้วยซ้ำ แต่ทางบาทหลวงไม่ได้นำมาพัฒนาโบสถ์อย่างเดียว เขาแบ่งไปพัฒนาชุมชนคนที่ไม่ค่อยมีตังค์ด้วย ..แน่นอนก็ช่วยอย่างพอดีไม่ให้คนในโบสถ์ลำบาก แต่ที่ทำอยู่คงไม่ถูกใจเจ้าเมืองเท่าไหร่
ผมช่วยไปเคลียร์ดีมั้ยนะ? ..ไม่ควร การช่วยเยอะเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี หากไม่วิกฤตจริงๆผมควรปล่อยให้แก้ด้วยตัวเองมากกว่า เพราพที่ผมทำได้ก็แค่ใช้อำนาจข่มเท่านั้น
“คิดอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ หนูอยากให้คุณพ่อพักผ่อนเยอะๆ ทุกวันนี้คุณพ่อทำงานหนักมากเลยนะคะ”
..ผมยิ้มเอ็นดูลีน่า
“อีกหน่อยลีน่าก็ไปช่วยบาทหลวงได้แล้วนี่ ไว้ตอนนั้นก็ไปแบ่งเบาภาระเขานะ”
“ค่ะ! หนูจะพยายาม”
ลีน่าขานรับอย่างขันแข็งในขณะที่ทำความสะอาดไปด้วย
..
ผมเห็นภาพซ้อนทับลีน่าในปัจจุบันกับลีน่าในวัยผู้ใหญ่—เมื่อขยี้ตาหนึ่งครั้งภาพทั้งหมดก็หายไป
“..ลีน่า”
“อะไรเหรอคะ?”
“รู้จักโซล่ารึเปล่า ..โซล่า เลนนอน น่ะ”
ผมค่อยๆหรี่ตาลงและเบือนหน้าไปทางอื่น
ทุกครั้งที่พูดถึงโซ่ลา ผมจะรู้สึกละอายในความอ่อนแอของตัวเองขึ้นมาตลอด อีกทั้งยังสัมผัสได้แต่ความไร้พลังของตัวเอง..มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก
..ลีน่ากระพริบตาปริบๆ และเอ่ยถาม
“รู้จักคุณโซล่าด้วยเหรอคะ?”