เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 186

< < 130 Sec3 > >

น่าจะเกือบๆทุ่มได้แล้วมั้ง แต่ทั้งหนิงและยูจิยังไม่มาเลย คงเป็นเพราะฝนที่ตกหนักกระมัง ทั้งสองคนไม่ได้พกร่มไปด้วยนี่นะ ..

ขณะนี้ผมกำลังยืนรอทุกคนอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม ส่วนเอเธอร์ที่ร่วมพูดคุยกันเมื่อเช้าตอนนี้เหมือนว่าจะไปคุยธุระกับคนแถวนี้อยู่

เพราะร้านคาเฟ่ห์ที่ไปกินไม่ไกลจากที่พักนัก ทำให้สามารถไหวตัวเรื่องฝนและกลับมาเอาร่มกันทัน แต่ถึงจะไม่มีร่ม เอเธอร์คนนั้นก็มีร่างกายซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานธรรมชาติอยู่ ต่อให้เดินตากฝนตัวก็ไม่เปียก

ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ โครงสร้างของร่างกายราวกับว่าถูกสร้างมาอย่างปราณีตโดยเฉพาะ ..ถ้าหากทฤษฎีที่มนุษย์ถูกสร้างโดยทวยเทพเป็นจริงก็คงต้องเรียกว่า— ‘สมบัติสวรรค์’ กระมัง

“..หืม? กลับมาแล้วเหรอ”

ฝนพึ่งจะหยุดตกก็มาเลย–ยูจิเดินกลับพร้อมกับเทียนหลง แค่สองคน

“หนิงไปไหนแล้วล่ะ”

ยูจิเดินผ่านผมไปก่อนจะตอบ

“ไม่รู้สิครับ”

ตอบคำถามผมผ่านๆแล้วเดินเข้าโรงแรมไปเลย ..ผมยืนจ้องหน้ากับเทียนหลงพักหนึ่ง เจ้าหล่อนก็ทำเสียง ‘หึ’ ใส่และเดินตามยูจิไปติดๆ

อะไรละนั่น ..อดสงสัยกับท่าทีเช่นนั้นไม่ได้เลย

ผมแหงนหน้ามองฟ้าหลังฝน

สักวัน ถ้าเกิดผ่านช่วงฝนตกตอนนี้ไปแล้ว จะได้เห็นความสวยงามดั่งตอนที่ฝนหยุดตกไหมนะ 

น่าสงสัย อยากจะพิสูจน์ให้ถึงตอนนั้นเร็วๆเหลือเกิน 

ตึกๆๆ

เสียงวิ่งที่เร็วอย่างกับจะตัดอากาศดังขึ้น ผมกระโดดหลบจากหน้าประตูเล็กน้อย—เพราะหนิงวิ่งเข้าใส่โดยไม่ทันสังเกตุเห็นผม

หล่อนเบรกกระทันหันและหันมายิ้มให้ผม

“โทษที!”

กล่าวจบก็พุ่งเข้าไปข้างในโรงแรม เห็นแล้วผมก็มีหรือจะไม่วิ่งตามไป

“ฟังนะ ยูจิ!!!”

หนิงวิ่งไปดักหน้ายูจิ แม้ว่าเทียนหลงจะเอาตัวมาบังไว้หล่อนก็ไม่สนใจ

“ฉันไม่สนที่ยูจิพูดหรอกนะ แน่นอนว่าไม่โกรธด้วย จะทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นด้วย เพราะอย่างนั้นที่ยูจิแนะนำให้อย่ามายุ่งก็จะทำเหมือนไม่เคยโดนบอกด้วย” หนิงเชิดหน้าใส่ “ฉันจะช่วยเมื่ออยากจะช่วย ถ้าเกิดยูจิลำบากฉันจะช่วย เหมือนกับที่ยูจิทำให้ทุกคนมาตลอด ..นายก็ด้วยนะ!”

หนิงหันมามองทางผมขณะที่พูด เธอกล่าวกับยูจิและผมไปพร้อมๆกัน

“ผมบอกแล้วไงครับว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“ไม่รับฟังค่า”

หนิงปิดหูตัวเองและเดินไปทางห้องพักของตัวเอง ปล่อยให้ยูจิยืนกำหมัดอยู่คนเดียว

ผมมองแผ่นหลังของยูจิที่สั่นระริก

ไม่รู้ว่าหมอนั่นกำลังรู้สึกยังไง โกรธเหรอ แค้นเหรอ หรือว่าเศร้ากัน?

เรื่องนั้นผมไม่อาจรู้ได้เลย ทว่า ..แผ่นหลังที่สั่นนั่นทำให้ผมยืนยันความคิดของตัวเองได้อย่างหนึ่ง

“ต่อให้เป็นพระเอกแต่ยังไงก็เป็นมนุษย์นี่นะ”

 

****

ผมนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง แขนข้างหนึ่งจับแขนอีกข้างหนึ่งหงายดูเส้นเลือดที่ผุดขึ้น คงเพราะออกกำลังกายกับเล่นกล้ามอย่างหนักด้วย ทำให้ออกแรงนิดหน่อยเส้นเลือดก็ผุดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“[ตรวจสอบ]”

เส้นเลือดของแขนข้างขวาที่หงายเปล่งแสงสีเขียวขึ้นมา มันคือรูปร่างที่แท้จริงของวงจรเวทย์ อวัยวะสำคัญที่ทำให้มนุษย์สามารถใช้เวทมนตร์ วิชาดาบหรือไสยศาสตร์ พูดง่ายๆคือทุกอย่างที่เกี่ยวกับมานา การที่มนุษย์จะใช้งานได้มันต้องผ่านตัวแปรอย่างวงจรเวทย์เสียก่อน

หากถูกทำลายวงจรเวทย์และไม่ได้รับการรักษา ก็จะพิการและไม่อาจใช้มานาได้อีกเลย ..หรือก็คือจะกลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

ถึงกระนั้น วงจรเวทย์ก็สามารถฟื้นฟูได้ หากไม่ได้ถูกทำลายจนหมด แม้จะเจ็บปวดจนตายไปซะยังดีกว่า แต่ร่างกายก็จะสร้างวงจรเวทย์ขึ้นมาใหม่ให้ ..แน่นอนผมสามารถใช้ตัดมิติฟื้นฟูได้เช่นกัน แต่ในสภาพที่วงจรเวทย์เสียหาย การควบคุมจะลวนไปหมด จนอาจพลาดเผลอฆ่าตัวเองทิ้งก็ได้

ในฐานะมนุษย์ วงจรเวทย์สำคัญไม่แพ้กับหัวใจเลย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ดีก่อนจะสู้หรือทำอะไรสักอย่าง ..อีกไม่กี่วันจะถึงงานประชุมโลกจึงจำเป็นต้องเตรียมการณ์ทั้งหมดให้ เพอร์เฟค ไม่ใช่ดีที่สุด แต่ต้องเพอร์เฟคเท่านั้น

“..ข้างซ้ายไม่มีปัญหา ข้างขวาก็โอเคร” ผมถอนหายใจ “ยูนา เธอช่วยตรวจสอบซ้ำ ..อ่า ลืมไปเลย”

ยูนาจะอยู่คุยกับผมได้แค่ครึ่งวันนี่นะ ..พอเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงา ก็ตลอดมา มียูนาเป็นเพื่อนคุยด้วยตลอดเลยนี่นา

อย่างที่บอกไว้หลายๆครั้ง ยูนาเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของผม

ให้เปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้ น่าจะประมาณแม่ลูกที่แยกจากกันเพราะเรื่องงานรึเรื่องเรียน แล้วมีเวลาโทรคุยกันแค่ช่วงเย็นหรือหัวค่ำเท่านั้นน่ะนะ เป็นสถานการณ์ที่โรแมนซ์เล็กน้อย

“ขออนุญาตินะครับ” 

เอเธอร์ผลักประตูเข้ามา

“มีอะไรอีก”

“ได้เวลาเข้าพบราชาอัลเบโด้แล้วครับ”

..ผมหันไปมองนาฬิกา

จะว่าไปเวลาก็ขนาดนี้แล้วนี่นะ

“เข้าใจแล้ว”

 

****

ผมตามเอเธอร์มาจนถึงห้องๆหนึ่ง ภายในห้องมีหนิงและยูจิกำลังนั่งอยู่ และตรงข้ามของพวกเขาก็คือ—ราชาอัลเบโด้ และเจ้าหญิงมิร่า

เมื่อเผลอสบตากับมิร่าหล่อนก็ทำเชิดหน้าใส่ซะอย่างนั้น

“ไม่ได้เจอกันนาน”

อัลเบโด้เป็นฝ่ายเอ่ยทักผมก่อน เขาจ้องหน้าผมตรงๆต่างกับครั้งก่อนที่ไม่แม้แต่จะหันมาทางเดียวกับที่ผมจ้อง

“..ดูดีขึ้นนิดหน่อยนะ อัลเบโด้”

“อ่า”

มิร่าทุบโต๊ะดังปั้ง

“นั่นไม่ใช่วิธีพูดที่ใช้คุยกับผู้เป็นราชานะคะ เรเซอร์ ดราแคล์”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก” อัลเบโด้หรี่ตาลงเล็กน้อย “จะเรียกยังไงก็เชิญเลย”

อัลเบโด้ถอนหายใจเฮือกโตและเริ่มกล่าวต่อ

“ที่สำคัญคือเรื่องต่อจากนี้ต่างหาก”

 

ป.ล.ตอนนี้สั้นหน่อยนะครับ เดี่ยวพรุ่งนี้จะจัดเต็มให้เยอะกว่านี้แน่นอน

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset