< < 131 > >
อีกวันสองวันงานประชุมโลกจะเริ่ม ระหว่างนั้นก็เตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย
อย่างที่บอกว่าผมจะตรวจสอบร่างกายตัวเองทุกวันอย่างละเอียด และเพิ่มเติมคือผมจะไม่ฝึกฝนร่างกายในช่วงสองสามวันนี้ เนื่องจากการฝึกฝนจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าในวันถัดๆมา จึงจำเป็นต้องระงับการฝึกไว้ก่อน
ยูจิเองก็ทำตามที่ผมว่า
ก่อนงานประชุมโลกเลยเป็นเวลาพักผ่อน—ตั้งใจอย่างนั้นแท้ๆ
“หงะ”
“..ตื่นเช้ามาก็ทำหน้าอุบาทเชียวนะเจ้าหญิง”
ทันทีที่ออกจากห้องโดยมีความตั้งใจว่าจะพักผ่อนก็เผอิญเจอ ‘มิร่า’ เจ้าหญิงลำดับที่สองของอาณาจักรฟัฟนิร์ที่ทำหน้าคล้ายจะอ้วกใส่
มิร่าอยู่ในชุดที่ดูสง่างาม เป็นชุดแบบเดียวกับตอนอยู่ที่ราชวังศ์เลย ถึงจะเป็นแค่เด็กสิบสามสิบสี่แต่ก็ดูมีสเน่ห์ในฐานะหญิงสาวมากโขแล้ว คงจะเป็นเพราะพันธุกรรมฝั่งแม่ฝั่งพ่อที่เข้าขั้นเทพกระมัง? ในมือสะพายกระเป๋าราคาแพง
“อะ อุบาทที่สุด!! ไอชั้นต่ำนี่! จะสั่งประหารแก!”
“ประหาร?” ผมหยักไหล่ให้ “ทำได้ก็ลองดู”
ผมเดินผ่านมิร่าไปแบบชิลๆแต่เจ้าหล่อนก็เดินมาขวางไม่ให้ผมไปไหน
“อะไรอีก”
“เรเซอร์ ดราแคล์ ท่านพ่อและท่านเอเธอร์ฝากเรื่องให้ทำ”
เอาแล้ว เริ่มจะโดนจิกหัวใช้แล้วสินะ? เอาเถอะ ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องที่กินแรงมากตอบตกลงก็ไม่เป็นอะไร
ยังไงก็มีผลดีมากกว่า
“ช่วยพาฉันเที่ยวที”
“…”
แบบนี้นี่เอง
“เพราะแบบนี้แหละถึงเกลียดพวกชนชั้นสูง”
พูดงั้นนี้ไอ้ผมก็ชนชั้นสูงเหมือนกันนั่นแหละ
“อะไรเล่า จู่ๆก็”
“ฟังนะ มิร่า ฉันจะไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด ฝากไปบอกพ่อของหล่อนด้วยนะ”
“หะ หา!!?”
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้น่ะ ไอ้บ้านั่นมันคิดจะดันฉันไปหาเธอไง”
ก็เข้าใจอยู่หรอก ทั้งสายเลือดทั้งพลังที่มี ตัวผมมีสิทธิ์จะแต่งงานกับเจ้าหญิงของอาณาจักรได้ไม่ยากเลย พูดให้ถูกเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อยากดันมาเป็นหนึ่งในคนของราชวงศ์แน่นอน
อย่างเอเธอร์ก็เคยโดนล่อลวงมากมายแต่ก็ไม่ได้ผล
ทางผมเองก็มีผู้หญิงตั้งหลายคนแล้ว มีมากกว่านี้มันจะผิดต่อคนรอบตัวผม เพราะอย่างนั้นแหละ—
“ฝากชูนิ้วกลางให้ด้วยนะ โอเคร?”
“..นายน่ะเป็นขุนนางนะ”
“แล้ว?”
“คิดจะใช้ชีวิตตามใจชอบไปถึงตอนไหนกัน ไม่ใช่ว่านายควรจะอยู่ในระเบียบหรือไง ต่อให้ไม่อยากแต่ถ้าจำเป็น เพื่ออาณาจักร..ฉันก็พร้อมจะแต่งงานกับนาย”
“โทษที แต่ทางนี้ไม่พร้อม”
“ถึงได้อยากบอกไงว่าในฐานะขุนนางนายควรเลิกทำตามใจตัวเองได้แล้ว ในเมื่อเกิดมาพร้อมกับสิทธิ์พิเศษมากมายก็ยอมทิ้งอิสระภาพไปซะบ้าง ..ทั้งนายทั้งท่านพี่นี่มันไม่ไหวเลยจริงๆ เห็นแก่ตัวกับเรื่องไร้สาระเป็นบ้า”
มิร่าบ่นผมช็อตๆ ถ้าไม่ใช่อะไรที่รุนแรงมากผมก็คงปล่อยผ่านไป ประหนึ่งฟังชิวาว่าเห่า ทว่า
“ระวังปากหน่อย”
“..”
“ถ้าว่าแค่ฉัน ฉันไม่อะไรหรอกนะ”
เพระาผมยอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่หนิงไม่สมควรโดนเหมารวมไปด้วยสักเท่าไหร่
เกิดบนกองเงินเหรอ? สุขสบายเหรอ? ไม่ใช่เลย ในทีแรกมันไม่ใช่อย่างนี้–ยังไงก็เถอะ
“แล้วก็ที่เห็นแก่ตัวมันพวกแกต่างหาก จำใส่หัวไว้ซะนะ ไอ้เด็กเวร”
“..ว่าแล้วเชียว ฉันเกลียดนายจริงๆ”
ผมยิ้มให้
“ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
ผมเดินไปเคาะประตูห้องของหนิง
“เดี่ยวสิ จะทำอะไรน่ะ”
“จะไปเที่ยวไม่ใช่ เดี่ยวนำทางให้เอง แต่ก่อนอื่นเลย”
ผมชำเลืองมองชุดที่แต่งอย่างกับจะไปงานเต้นรำของมิร่าแล้วก็เพลียใจ
“เปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เดี่ยวให้ยัยแฟชั่นจัดแบบหนิงจัดการเอง”
****
ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการพลิกโฉมมิร่า จากเด็กที่มีสเน่ห์ของผู้ใหญ่ ตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเด็กตัวเปี๊ยกที่มีแค่สเน่ห์น่ารักๆแบบเด็กๆเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ดูเว่อร์อะไรมาก เป็นชุดแต่งตัวเที่ยวตามเมืองทั่วๆไป
ชุดที่หนิงยัดให้คือชุดเดรสฤดูร้อนสีเทาลายหมากรุก เป็นชุดง่ายๆที่ดูน่ารักดี
ที่แต่งตัวงานคือหนิงแต่งหน้าให้ใหม่กับใช้เวลาเลือกชุดนาน
เมื่อเห็นโฉมใหม่ตัวเองจากกระจกสะท้อน มิร่าก็ทำหน้าเอือมๆใส่
“ชุดแปลกๆนี่มันอะไร ..เนื้อผ้าห่วยเกินไปแล้ว”
เทียบกับเสื้อผ้าของพวกราชวงศ์มันก็ดูราคาถูกจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่ เสื้อผ้าพวกหล่อนราคามันปาไปหลักแสนหลักล้านต่อชุดเลยนะเว้ย
“อะ เอาเถอะ รวมๆก็ไม่ได้แย่”
ถึงจะบ่นแต่มิร่าก็ถูกใจเล็กน้อย ช่างน่ายินดี
“เลิกบ่นแล้วก็ไปๆได้แล้ว ฉันจะนอน”
หนิงอยู่ในสภาพปล่อยผมกระเชอะกระเชิง แถมยังสวมชุดนอนลายมังกรตัวน้อยน่ารักๆอีก พูดแบบนี้ก็กระไรอยู่ แต่สภาพตอนนี้ปล่อยตัวน่าดู
“ไม่ออกไปเที่ยวหน่อยหรือไง น้องสาวของหล่อนก็จะไปด้วยนะ”
“หา? ตอนเช้าเที่ยวมาหมดแล้ว วันนี้ว่าจะเที่ยวตอนกลางคืนเลยเก็บแรงนอนเฉยๆ เข้าใจก็ไปกันได้แล้วคนจะนอน”
“แบบนี้นี่เอง นั้นขอตัว”
ผมเดินออกจากห้อง พร้อมกับมิร่าที่โค้งศรีษะให้หนิงเล็กน้อยก่อนไป
จากนั้นผมก็พามิร่าออกไปเที่ยวในตัวเมือง เพราะเมื่อวานได้ทัวร์บ้างเล็กน้อยทำให้พอนำทางมิร่าได้บ้าง
“นะ นี่มันอะไรน่ะ เจ้ากล้วยสีดำนี่”
“กล้วยเคลือบช็อตโกแลต อร่อยนะ”
“ก้อนกลงๆสีบางๆนี่มัน!?”
“ขนมจีบ อร่อยเหมือนกัน”
“นี่มันอะไรกัน!!?”
“ไก่ย่าง”
มิร่าตกใจกับทุกสิ่ง เจออะไรนิดหน่อยก็ถามไม่ยั้งเลย
พอพาไปหลายๆที่ก็ไปจบที่คาเฟ่ห์ที่ผมกับเอเธอร์มาคุยกันเมื่อวาน
“การตกแต่งไร้ราคาจริงๆนะ”
“มิร่า ..ระวังปากหน่อย”
มิร่ารู้สึกได้ถึงสายตาของพี่พนักงาน เธอจึงเบือนหน้าหนีแรงอาฆาต
“ที่นี่ต่างกับสังคมที่เธออยู่ เรื่องแค่นี้ควรรู้นะ”
“รู้อยู่แล้ว แค่เผลอหลุดปาก”
“ประหม่าไม่เข้าเรื่องจริงๆ เธอกับหนิงนี่เหมือนกันจริงๆนะ”
อย่างน้อยก็ในช่วงแรก ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้สัมผัสราวกับเด็ก
ตรงจุดนี้ทำให้นึกได้ว่าทั้งสองคือพี่น้อง แม้ทางหนิงจะไม่เต็มใจก็ตาม
มิร่าทำหน้ามุ้ยนิดหน่อย เธอดูดน้ำผลไม้ด้วยใบหน้าเซ็งๆและจู่ๆก็นึกอะไรได้ขึ้นมา
“…หนวกหูน่า ว่าแต่นายน่ะ” มิร่าชี้หน้าผม “นายน่ะ นายน่ะ”
“อะไร”
“นายน่ะ–ไม่สนิทกับท่านพี่ไปหน่อยหรือไง”
“ถ้าไม่สนิทคงไม่ลงทุนบุกประสาทเทล่าเทลในตำนานหรอกเนอะ”
“มีแต่คนบ้านั่นแหละที่กล้าทำ”
ผมจิบชาเล็กน้อยทั้งรอยยิ้ม มิร่าเห็นก็เอียงคอฉงน
“ไม่ใช่ว่านาย..ตกหลุมรักท่านพี่อยู่เหรอ? อุตส่าห์ช่วยตั้งเยอะขนาดนี้เนี่ย”
“เหมือนเหรอ?”
“ใช่สิ”
มิร่าจ้องหน้าผมและกระพริบตาปริบๆใส่
“คิดดูอีกทีก็ไม่นะ”
“ตามนั้น ฉันมีคู่หมั้นที่ดีอยู่สามคนแล้ว ไม่โลภมากถึงขนาดอยากได้คนอื่นไปทั่วหรอกนะ”
อย่างน้อยก็จุดนี้ที่ผมไม่ได้ทำตัวเหมือนขุนนางชั้นสูงทั่วๆไป
“สะ สามคนเลยเหรอ อายุแค่นี้ก็ปาไปสามคนแล้วเหรอ”
“อะไร”
“ไม่โลภไปหน่อยหรือไง”
..สรุปแล้วผมก็เหมือนขุนนางชั้นสูงทั่วไปสินะ? แบบนี้นี่เอง เพราะอย่างนี้นี่เองถึงไม่ควรใช้สายตาตัวเองตัดสินตัวเอง
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็รักจริง ไม่คิดเก็บผู้หญิงเป็นคอแลคชั่นแบบพวกโรคจิต”
“เมื่อกี้แอบแซะท่านราชารุ่นก่อนรึเปล่า?”
อนึ่งราชารุ่นก่อนเป็นพวกชอบเก็บผู้หญิงเข้าคอลเลคชั่น ชนิดเข้าขั้นโรคจิตเลยแหละ
“ไม่ชอบเหรอ”
“ไม่หรอก ..ฉันเองก็ไม่ถูกกับท่านปู่เท่าไหร่”
แหงอยู่แล้ว ไอคนที่เห็นแก่ตัวสุดขีดแบบนั้นเนี่ย ราชารุ่นก่อนเป็นพวกที่ถ้าถูกใจคนไหนจะเอาให้ได้ แม้แต่ขุนนางก็ไม่เว้น หมกมุ่นแต่เรื่องพวกนั้นจงละเลยการบริหารบ้านเมืองบ่อยๆ ทำให้อาณาจักรฟัฟนิร์ตกต่ำอยู่ช่วงหนึ่งเลย หนักขนานนั้นเลยแหละ
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่กับสาวๆในคอลเลคชั่นแบบมีความสุขแหละมั้ง
เอาง่ายๆ เป็นพวกน่ารังเกียจที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้นี่แหละ
“แต่คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ..ถือว่ามีคนโชคดีที่ได้แต่งงานกับนายตั้งสามคนเลยนะ”
“กลับกันต่างหาก” ผมยิ้มให้ “ฉันต่างหากที่โชคดี”
ทุกครั้งที่ได้คุยหรือได้เห็นพวกเธอ ในอกจะรู้สึกได้รับการผ่อนคลายตลอด ..ใช่แล้ว เพราะอย่างนั้นแหละคนที่โชคดีเลยเป็นผมมากกว่า เพราะผมมีแต่ได้นี่นะ
…
“เรเซอร์ ดราแคล์”
“ว่าไง”
“ที่พูดไม่ดีใส่เมื่อเช้า ขอโทษด้วยนะคะ แล้วก็ฝากนายขอโทษท่านพี่ด้วย”
“ปากแจ๋วไม่เสมอต้นเสมอปลายเลยนะ”
“หนวกหูน่า หรืออยากจะให้ด่าล่ะ คนบ้า!”
ด่าซะน่ารักเชียว
****
ภายในห้องลับที่มีเพียงแสนไฟอ่อนๆจากเทียนเท่านั้นคอยส่งแสง
‘เรน’ หรืออาชญากรที่กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็น ‘ภัยพิบัติ’ ในเร็วๆนี้กำลังนั่งอยู่คนเดียวในนั้น โดยที่ตรงหน้ามีต้นไม้สีทองที่อยู่ในแคปซูล
ขณะนี้เรนอยู่ในชุดบาทหลวงสีดำดังเช่นทุกที เพียงแต่ในคราวนี้เรนไม่ได้มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยั่วบาทา หากแต่มีสีหน้าที่จริงจังและกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“..ขาดอีกสี่ชิ้นถึงเป้าหมายจะสำเร็จ”
ความลับของโลกคืออะไร? บนโลกใบนี้มีเพียงแค่เรน ทวยเทพ และจอมมารเท่านั้นที่รู้
เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเรน เรนจะต้องรวบรวมของทั้งหมดให้ครบ จำเป็นที่จะต้องไขความลับของโลกทั้งหมด ทั้งหมดก็เพื่อที่จะ—ขึ้นไปสู่เขตุแดนของพระเจ้า
ขอบเขตุพระเจ้าเท่านั้นที่จะบันดาลทุกความปารถนาของเรนให้เป็นจริงได้
“สมบัติสวรรค์.. ‘บรรไดสวรรค์’ ..ด้วยความพยายามอย่างหนักตลอดพันปีทำให้ได้สิ่งนี้มา” เรนปาลูกดอกใส่เอกสารบนกระดานไม้ จากนั้นก็หยิบเอกสารข้างตัวขึ้นมา “ต่อให้เตรียมการณ์ไว้มากมาย แต่ยังขาดอีกหลายอย่างที่จำเป็น”
ในเอกสารเขียนไว้ว่า
‘สมบัติสวรรค์ทั้งห้า’ ได้แก่
‘ประตูสวรรค์’
‘กุญแจสวรรค์’
‘บรรไดสวรรค์’
‘โซ่สวรรค์’
‘อาณาจักรสวรรค์’
ทั้งห้าอย่างเรนมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่เป้าหมายคือการครอบครองสมบัติสวรรค์ทั้งหมด นั่นบอกว่าการจะได้ทั้งหมดมาไม่ใช่เรื่องง่าย
“คาดว่าเร็วๆนี้อาจจะได้ ‘อาณาจักรสวรรค์’ มาครอง แต่..เพราะไอตัวแปรบ้าบอนั่นแท้ๆทำให้เรื่องมันยากเข้าไปใหญ่ ทางนี้อุตส่าห์เตรียมตัวเพื่อเก็บทั้งหมดให้ได้ในเวลานี้แท้ๆ”
ตัวแปรที่ว่าสร้างความลำบากให้เรนอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่ตัวแปรนี่โผล่ แผนทุกอย่างจะเละไม่เป็นท่าไม่พอ เรนยังต้องหนีหางจุกตูดในทุกๆครั้งอีก
“เศษเสี้ยวความทรงจำไม่ได้บอกวิธีรับมือกับมันไว้เลย .. ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคิดแผนรับมือเองไว้มากๆ แต่ก่อนอื่น” เรนชำเลืองมองเอกสารเกี่ยวกับงานประชุมโลก “ ‘โซ่สวรรค์’ น่าจะอยู่ที่นั่น เป็นโอกาสอันดีที่จะชิงมาให้ได้ก่อนที่พวกเทพจะเคลื่อนไหว ลำดับแรกจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
เรนมองเอกสารทั้งห้อง หยิบเอกสารที่จำเป็นขึ้นมาเจาะไว้บนกระดาน วิเคราะห์ทุกอย่างโดยสมบูรณ์ และทั้งหมดก็ใช้เวลากว่าห้าสิบชั่วโมงติดต่อกัน
เรนมองเอกสารนับร้อยที่โดนเจาะเรียงกันอย่างรุนรัง
“ตัวหมากพร้อมแล้ว ..หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทางนี้จะเป็นฝ่ายชนะแน่นอน”
..เรนเดาะลิ้นไม่พอใจ
“..น่าเจ็บใจ แต่ที่เลือกงานประชุมโลกเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะไม่มีไอ้เวรนั่นอยู่นั่นแหละ ..ถ้าไม่มีมันก็ไม่มีอะไรผิดแผนแน่นอน ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ” เรนแสยะยิ้ม “หากได้โซ่สวรรค์มาก็มีความเป็นไปได้ที่จะปลุกอาณาจักรสวรรค์ได้ในทันที”
กล่าวจบเรนก็ดับไฟและเดินออกจากห้องไป
หากต้องการจะให้ความปารถนาเป็นจริงก็จงไขความลับของโลก และทำภารกิจรวบรวมสมบัติทั้งห้าให้สำเร็จเสีย