เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 230

< < 146 > >

“รู้อยู่แล้วละว่ายังไงก็ไม่กล้าทำ การต่อสู้เมื่อครู่นี้บอกทุกอย่างฉันหมดแล้ว …เพราะอย่างนั้นฉันเลยเป็นผู้ชนะยังไงละ”

คุณเรเซอร์พูดเช่นนั้นก่อนจะส่งผมลงไปนอนกับผิวน้ำด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงิน—เปลวเพลิงสีน้ำเงิน เพลิงที่รุนแรงที่สุด จุดสูงสุดของเวทมนตร์ธาตุไฟ มีคุณสมบัติในการทะเลาะผ่านมานา ด้วยเวทมนตร์ขั้นแก่นแท้แห่งเพลิงนี้ทำให้หักล้างของผมไม่สามารถป้องกันอะไรได้

เป็นจุดสูงสุดของเวทมนตร์ที่ผมต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะไปถึง

อย่างที่เขาบอก แม้ว่าทุกๆเวทมนตร์ ทุกๆศาสตร์ผมจะเหนือกว่าคุณเรเซอร์แทบทั้งหมด แต่ก็มีแค่ทักษะการใช้หมัดกับเวทย์เพลิงเท่านั้นที่ยากจะเหนือกว่าได้ อาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้ถือครองมณีอัคคีก็ได้

ถึงอย่างนั้น ความจริง โอกาสชนะผมก็เยอะกว่าอยู่ดี ไม่สิ แทบจะร้อยทั้งร้อยอยู่แล้ว ทำไมกัน? คำตอบอยู่ในคำพูดของคุณเรเซอร์ เพราะผมใจไม่แข็งพอจะฆ่าเขา

เพลิงสีฟ้า ทรงพลังมากก็จริง แต่มันใช้เวลาในการร่ายสูง หากตั้งใจดีๆ ผมสามารถหลบได้หรือไม่ก็ขัดขวางก่อนที่เพลิงสีฟ้ามันจะทำงานได้ แต่เป็นเพราะผมไม่เอาจริง คุณเรเซอร์รู้ว่ายังไงผมก็จะสู้ในระดับที่ให้ตัวเขารับมือเลย คุณเรเซอร์เลยแบ่งครึ่งหนึ่งของตัวเองเตรียมเพลิงสีฟ้า และใช้อีกครึ่งหนึ่งเข้าต่อสู้กับผม เมื่อได้เวลาก็ถ่วงเวลาผมให้อยู่นิ่งๆ และเผด็จศึก

ทั้งหมดไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าหากผมเอาจริง คุณเรเซอร์เองก็ต้องทุ่มสุดตัวในการรับมือ เขาจะไม่มีเวลาเตรียมเพลิงสีฟ้าเลย

ตัวผมเป็นผู้แพ้ ถ้าหากหมายถึงการฆ่ากัน

แพ้แล้ว …คุณเรเซอร์เตรียมใจมามากกว่าผม เขาพร้อมจะฆ่าผมทุกเมื่อ ต่างกับผมที่ถึงจะบอกว่าพร้อมฆ่าคุณเรเซอร์แต่จริงๆแล้วก็ไม่กล้า ….

…..

….

….

แม้ว่าจะรอความตายที่กำลังมาถึงนานเท่าใด ความตายที่ว่าก็มาไม่ถึงเสียที จนกระทั่งผมสามารถลืมตาตื่นได้ ก็พบเพียงคุณเรเซอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆและกำลังเจาะระบบป้องกันกระเป๋าเวทมนตร์ของผมอยู่

คุณเรเซอร์นั่งมองผมด้วยแววตาที่ดูวางเปล่า เป็นแววตาที่ปกติจะไม่มีทางได้เห็นจากคุณเรเซอร์เลย

คล้ายว่าตัวเขากำลังผิดหวังอะไรบางอย่าง

“..ไหนบอกว่าชนะแล้วไงครับ”

“….”

แบบนี้นี่เอง

คุณเรเซอร์เกาหัวตัวเอง เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำสีหน้าลำบากใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจออกมา

“อ่อนหัดกันทั้งคู่นั่นแหละนะ”

พวกเราทั้งคู่ต่างบอกว่าจะฆ่าอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ สิ่งนี้ถ้าไม่เรียกว่าความอ่อนหัดแล้วจะให้เรียกว่าอะไรกัน

ทั้งที่รู้สถานการณ์ปัจจุบันดีกว่าใครแท้ๆ รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรสำคัญ อะไรจำเป็นต้องทำ แยกแยะออกอยู่แล้วว่าตอนนี้ไม่ว่าใครก็เลือกอะไรไม่ได้มาก ต้องบอกว่าไม่ควรเรื่องมากด้วยซ้ำ การฆ่าผมหรือการฆ่าคุณเรเซอร์ ไม่ใช่แค่ได้สิ่งที่ต้องการ ยังตัดกำลังศัตรูได้อีกด้วย

รู้ดีทั้งหมดนั่นแหละ แต่ว่า..

“..ครับ”

“แต่ว่าถ้าดูที่เป้าหมาย ทางฉันก็คือผู้ชนะอยู่ดีนั่นแหละ”

อีกฝ่ายไม่ฆ่าก็จริง แต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวของผมและกำลังปล้นของที่ตัวเองอยากได้ บางทีอาจจะเป็น ‘ต้นไม้โลก’ ที่ผมเก็บไว้ในกระเป๋าเวทย์ ทั้งที่ทางนี้เป็นฝ่ายหาเรื่องปล้นของเขาก่อนแท้ๆเชียว

คุณเรเซอร์ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ดึงเอาต้นไม้ออกจากกระเป๋าเวทย์ของผมได้สำเร็จ ต้นไม้โลกที่กู้มาจากเหตุการณ์งานประชุมโลก หนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ตอนจบที่สวยงามถูกชิงไปแล้ว

ผมพยายามจะดิ้นแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ได้แต่เจ็บใจเพราะเพลิงสีฟ้ามันยังคงแผดเผาร่างกายของผมอยู่

ความเจ็บปวด? ไม่รู้สึกเลย เพราะตัวมันชาไปหมดแล้ว

“ต้องชมว่าเลือกจังหวะลอบกัดได้ไม่เลว แต่ยังขาดศิลปะการเผด็จศึกนะยูจิ อย่างน้อยก็กลับไปคิดวิธีชนะฉันได้โดยไม่ฆ่าให้ได้ละ ถ้าคิดจะปล้นกันในเงื่อนไขไม่กล้าฆ่ากันแบบนี้”

ที่เคยเล่าให้ฟังว่าตัวคุณเรเซอร์มีสกิลการเป็นโจรอยู่ระดับหนึ่งในช่วงที่ท่องไปทั่วโลกดูเหมือนว่าจะจริง ผมได้แต่นอนยอมรับความพ่ายแพ้

“ฉันจะใช้เพลิงสีฟ้ากดนายไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆนั่นแหละ เดี่ยวค่อยคิดหาวิธีผนึกดีๆ ไว้ลืมตาตื่นเจอหน้ากันอีกทีในตอนที่เรื่องทั้งหมดมันจบนะ ยูจิ”

“..คุณเรเซอร์”

“หืม?”

ผมถอนหายใจเฮือกโต แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ผมเองก็คงหลับไปนานเช่นกัน เวลาจึงได้ผ่านไปถึงขนาดนี้แล้ว

“ผมนับถือคุณครับ อยากจะเป็นเหมือนกับคุณเรเซอร์ ..คุณเหมือนตัวตนในอุดมคติที่ผมอยากจะเป็น ..”

“บังเอิญจริงๆแฮะ”

“ฉันเองก็นับถือนายเหมือนกันละนะ อยากจะเป็นเหมือนกับนายให้ได้ ใช่ น่าจะคิดแบบนี้มาตั้งนานแล้วละ ก่อนที่นายจะได้รู้จักฉันซะอีก”

“ช่วงงานวันเกิดของหนิงเหรอครับ?”

ครั้งแรกที่ผมได้พบกับคุณเรเซอร์และคุณหนิง เรื่องราวเมื่อสมัยอายุราวสิบสองปี วันนั้นผมกับทั้งสองคนได้สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกัน

“นานกว่านั้นอีก”

…คุณเรเซอร์นั่งชันเข่า มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นเดียวกับผม ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

“ฉันมีผู้มีพระคุณอยู่ เขาเป็นคนที่ดึงฉันมาจากนรก ..เขาคนนั้น เหมือนกับนายค่อนข้างมากเลยละ ว่าไงดี ดูเป็นคนที่มีคุณสมบัติเป็นพระเอกสูงลิบฟ้า ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือจิตใจประหนึ่งพ่อพระ ตัวตนเช่นนี้ เป็นตัวตนที่ฉันหลงใหลอยากจะเป็นให้ได้ในสักวัน และแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” คุณเรเซอร์หรี่ตาลง “ไม่ได้มีพรสวรรค์ระดับพระเอก จิตใจเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ดังพระเอก ไม่ใช่คนที่จะยื่นมือให้ใครหน้าไหนก็ได้ กลับกันเลย ฉันพร้อมจะถีบคนที่ไม่รู้จัก ซึ่งต่างกับเขาคนนั้น”

เขาคนนั้น บางทีน่าจะเป็นคนที่สุดยอดมาก ยิ่งกว่าผมไม่รู้กี่เท่า ผมคิดอย่างนั้น

“วันหนึ่ง คนๆนั้นก็ตายจากไป ฉันพยายามจะเป็นเขา แต่ก็ไม่มีทางเป็นได้ ในเวลานั้นฉันกำลังเดินกลับไปในนรกอีกครั้ง ทว่าก็ได้สิ่งที่เขาคนนั้นเหลือไว้ช่วยไว้น่ะนะ อาจจะไม่ดีกับนายหน่อย แต่เหตุผลที่ฉันทำดีกับนาย ก็คงเป็นเพราะเขาคนนั้นนั่นแหละ ฉันแค่..อยากจะปกป้องสิ่งที่เขาคนนั้นเหลือไว้ให้ได้มากที่สุด อย่างตัวตนที่เหมือนกับเขาอย่างนาย หรือผู้มีพระคุณชีวิตของฉันอย่างเบลลามี เหล่าผู้คนมากมายบนโลกนี้ที่มอบความกล้าให้กับฉันในการยอมรับตัวเอง เพื่อให้พยายามในแบบของตัวเองและเป็นตัวเอง”

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมมีอิทธิพลกับชีวิตคุณเรเซอร์ขนาดนี้ คุณเรเซอร์รู้จักพวกผมขนาดไหนกันนะ เป็นเรื่องที่น่าพิศวงศ์เหลือเกิน

“ฉันน่ะอยากเป็นเหมือนนาย และฉันก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้ ถ้าหากจะบอกว่ามีอย่างเดียวที่พวกเราเป็นเหมือนกันก็คงจะเป็น–”

“ความปารถนาที่อยากจะเหมือนกับอุดมคติเหรอครับ?”

“อ่า ตามนั้นเลย”

ไม่รู้ทำไม แต่ความทรงจำอันยากลำบากในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันก็ไหลเข้ามาในหัวสมองของผม การสูญเสีย ความทรงจำที่ไม่อยากจะลื้อฟื้น อดีตของตัวเอง การตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ความเป็นไปได้นับล้านที่ผมเห็น ทั้งหมดมันย้อนกลับเข้ามา และทำให้ ..เจ็บตรงอก

“..คุณเรเซอร์น่ะฉลาด ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำอะไรอย่างมีเหตุผลเสมอ ถึงไม่อยากจะฆ่าผมเหมือนๆกัน แต่ก็มีวิธีรับมือที่ดีกว่าที่คิดมา ทั้งยังเป็นคนที่เข้ากับสภาพแวดล้อมทุกอย่างได้ง่ายๆ บางครั้งดูพึ่งพาไม่ได้ก็จริง แต่ตอนสำคัญจริงๆก็พึ่งพาได้กว่าใครๆ”

“เหมือนโดนแอบด่าเลยแฮะ”

“..ผมอยากเป็นอย่างนั้นบ้างครับ ผมไม่อยากเป็นตัวเอง”

อะไรบางอย่างดันขึ้นมาในหัว น้ำตามันไหลออกมาเอง ควบคุมไม่ได้ ผมได้เสียการควบคุมไปแล้ว ทำได้เพียงเอามือมาปิดน้ำตาที่ไหลออกมาไว้ให้มากที่สุด เพราะไม่อยากจะให้คุณเรเซอร์เห็นตัวเองที่–ผมรังเกียจที่สุด

“ผมน่ะ ..เกลียดตัวเองครับ ..เกลียดตัวเองที่สุดเลย ทำอะไรไม่เคยจะสำเร็จสักอย่าง ปกป้องอะไรไว้ไม่ได้เลย เวลาสำคัญจริงๆก็ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และต้องมาลำบากคุณเรเซอร์ คราวที่คุณหนิงโดนลักพาตัว ผมก็ประมาท โดนการ์ปฆ่า สร้างความเดือดร้อนให้ทุกคน สร้างความทุกข์ให้คุณหนิง ตอนที่คุณหนิงโดนลักพาตัวไป ผมก็ปกป้องเธอไว้ไม่ได้ พ่ายแพ้คาลอสอย่างหมดรูป”

“ตอนนี้คาลอสไม่ใช่คู่มือของนายแล้ว”

“ที่ต้องการไม่ใช่ตัวผมตอนนี้ แต่เป็นตัวผมตอนนั้นครับ ..ตอนเกาะวาเรอร์เอง ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ..ผมทำอะไรไม่ได้เลย ..ช่วยคนในเมืองไม่ได้ ทั้งยังแพ้จอมมารอย่างไร้ประโยชน์ ในท้ายที่สุดบทสรุปก็เหมือนเดิม มันเหมือนเดิมมาตลอด ไม่ว่าจะกี่ล้านต่อกี่ล้านครั้ง ต่อให้ผมเริ่มต้นมันใหม่มันสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ไม่มีทางสำเร็จ มันไม่มีทางไปถึงเลย ปลายทางของความสุขที่ทุกคนใฝ่ถึง ผมน่ะ…เกลียดตัวเองครับ” 

…..

….

“โลกใบนี้ ถูกรีเช็ตจริงๆด้วยสินะ โดยฝีมือของนาย”

“….”

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ เหตุผลน่ะคงมีอยู่แล้ว ใช่ บางทีโลกอาจจะหายนะมันทุกๆครั้งและมีนายคนเดียวต้องแบกรับมันไว้ เพราะนั้นนะ ฟังไว้นะยูจิ”

ผมหันไปมองหน้าของคุณเรเซอร์ที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ถ้อยคำที่เขาจะพูดต่อไปนี้ไร้ซึ่งคำโกหกอย่างแน่นอน

“ทั้งหมดเริ่มมาจากนายนั่นแหละ”

“..”

“ทุกอย่างเริ่มมาจากนาย เรื่องราวในครั้งนี้ การที่ฉันโผล่มาที่นี่ก็เกิดจากการที่นายเริ่มต้นใหม่เป็นล้านๆครั้งไม่ผิดแน่ ..จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ต่างกันออกไป มาจากการที่นายไม่รู้จักจะยอมแพ้นั่นแหละนะ ใช่ ไม่ผิดแน่” 

คุณเรเซอร์ยื่นมือมาให้

“ฉันมาที่นี่เพื่อ–เปลี่ยนแปลง”

อยากจะยื่นมือไปจับเอาไว้ ถ้าเกิดยอมรับการช่วยเหลือนี้ ทุกอย่างจะต้องไปได้ด้วยดีแน่ๆ แม้บ่าของผมจะแบกไว้ไม่หมด แต่ถ้าได้บ่าของเขาคนนี้ช่วย บางที..ไม่สิ แน่นอน ทุกอย่างต้องไปได้ดีแน่นอน

การเปลี่ยนแปลง–มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเกิดมีแค่คนๆเดียวที่คิดจะเปลี่ยนทุกอย่าง

ในห้วงเวลานั้น ตัวผม..ทำไมถึงได้ปฏิเสธกันนะ 

ผมปัดมือของคุณเรเซอร์ทิ้งอีกครั้ง ..เป็นอีกครั้งที่ปฏิเสธเขาคนนั้นที่มาเพื่อเปลี่ยนแปลง

รู้สึกไม่ใช่ตัวเองเลย เหมือนว่ามีบางอย่างยืนอยู่ข้างๆหูและพูดใส่หูผมทะลุเข้าสู่สมองเอาง่ายๆ

‘ปฏิเสธซะ’ เสียงๆนี้ดังขึ้นในหัว ร่างกายตอบสนองตามที่เสียงนี้สั่ง

คุณเรเซอร์กับผมจ้องหน้ากัน เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเสียงของคุณเรเซอร์หายไปเอาดื้อๆ เขาหันไปมองข้างบน ก่อนจะกระโดดหนีจากจุดที่ยืนอยู่ เมื่อหันไปมองก็พบกับ—เทียนหลงที่พุ่งเข้าใส่ผม

‘ท่านยูจิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset