< < 152 Sec2 > >
เช้าวันต่อมาที่แสนสดใสภายในป่าแห่งพงไพรที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะกระต่ายหรือว่างูที่เลื้อยไปมา ..เอาเป็นว่าธรรมชาติช่างสวยงาม
“พวกงูมันจะไม่โจมตีพวกเราหรอก ถ้าไม่เข้าไปในเขตุหรือถ้าเกิดมันไม่หน้าเลือดขึ้นมาจริงๆ”
“เอ๊ะ แบบนั้นก็”
“อือ ตายกันหมดแน่ถ้ามันหน้าเลือดขึ้นมา ถ้าแมมม่อนโดนโจมตีก่อนก็หมดสิทธิ์รอดเลย ว่าก็ว่าเถอะ ต่อให้ไม่ใช่แมมม่อน แต่ถ้าโดนพิษเข้าไป เราก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ เพราะวัตถุดิบถอนพิษไม่พอ
”
“ยังไปไม่ถึงที่หมายก็เสี่ยงตายซะแล้วค่ะ ..”
เมลเบลหน้าซีดขึ้นมาอีกครั้ง อันเดียอัสทำท่าจะเดินไปใกล้ๆงูแต่ก็โดนเมลเบลดึงแขนไม่ให้ไปได้ทัน ส่วนแมมม่อนนั้นก็เดินตามหลังดิลุคอย่างนิ่งสงบ
“ว่าแต่ที่ที่จะไปนี่คือ?”
“แม่น้ำในป่า–โอ้ ถึงแล้วพอดีเลย”
ดิลุคเดินผ่านพุ่มไม้เข้าไป ทุกคนตามหลังดิลุคไป และ—ได้พบกับแม่น้ำที่แสนสวยงาม
น้ำใสจนเห็นพื้น พื้นหญ้าสีเขียวขจีคล้ายส่องแสง ธรรมชาติที่แสนสวยงามซึ่งเต็มไปด้วยกระต่าย กวาง แล้วก็ฝูงนกนานาชนิด
นอกจากนั้นกลางแม่น้ำนั้นก็มีหินตั้งอยู่โต้กับสายน้ำ และก็มีผู้ที่นั่งอยู่บนหินก้อนนั้น
หญิงงามผู้หลุดมาจากเทพนิยาย? นั่นคือความคิดแรกบนหัวของทุกคน ยกเว้นแมมม่อนผู้ไม่เคยอ่านเทพนิยาย
“คนๆนั้น..”
“คนที่ตามหาไง”
เธอคือหญิงสาวที่มีเลือนผมสียาวถึงเอว ไว้ผมเปิดหน้าผากเล็กน้อย เพื่อโชว์ให้เห็นเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ามังกรน้ำ ดวงตาสีฟ้าประหนึ่งท้องทะเล ผิวสีขาวราวหิมะ ยิ่งกว่าภาพลักษณ์ที่เหนือธรรมชาตินั้นก็คือเลือนร่างของเธอที่สมบูรณ์แบบ สูงถึง 170 ซ.ม. หุ่นดีอย่างไม่น่าเชื่อ และการแต่งกายที่เผยเนื้อผิวเยอะของเธอก็ช่วยเพิ่มสเน่ห์ในฐานะหญิงสาวเข้าไปใหญ่
แล้วก็ ..หางที่ผุดมาจากบริเวณกึ่งกลางระหว่างสะโพกกับเอวนั่นก็ด้วย
เมลเบลปิดปากตัวเองอึ้งกับความงาม
แมมม่อนกระพริบตาปริบๆแบบไม่ได้สนใจอะไร
อันเดียอัส ..แก้มแดงแจ๋และเหงื่อแตก
“งดงามอะไรอย่างนี้”
“นั่นสินะ งดงามจริงๆ สมกับเป็นเผ่ามังกรน้ำที่ขึ้นชื่อความสวยงามที่สุดในหมู่มังกร”
ดิลุคพูดแบบพึงพอใจ แต่ก็ไม่ได้หลงในความงามมากมายอะไร เธอเดินไปอยู่หน้าแม่น้ำในท่าเท้าสะเอว
“ขอคุยด้วยหน่อยได้รึไม่?”
“..”
หญิงสาวเผ่ามังกรน้ำกระพริบตาสองสามจังหวะ ปรายสายตามองทุกคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้
“ค่ะ มีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ?”
เสียงเองก็ไพเราะ ทำเอาเกือบเผลอคิดไปว่านี่คือเสียงของเทพธิดา
ทุกคนโดยเฉพาะอันเดียอัสกำลังเคลิ้มได้ที่ ใช่ ทุกคน แม้แต่แมมม่อนที่ทีแรกดูไม่ได้สนใจก็เริ่มแก้มแดงขึ้นมา
“..รู้สึกแปลกๆ”
“แหงอยู่แล้วสิ ในน้ำมีเวทมนตร์สเน่ห์เทลงราวๆยี่สิบลิตรได้”
“ “ “ ….” ” ”
ผู้หลงในสเน่ห์ของหญิงสาวต่างหันไปมองที่เธอ
“ไม่ใช่นะคะ ฉัน..ไม่ได้ทำ จริงๆนะ”
หญิงสาวหรี่ตาหนีด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ท่านดิลุค ..อย่าใส่ร้ายเธอสิครับ”
“น่าสงสารแย่เลยค่ะแบบนี้”
“ดิลุค รู้สึกแปลกๆ ไม่ชอบเลย”
ดิลุคคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันคือหญ้าสีเหลืองที่เปล่งกลิ่นเหม็นออกมา
“ ‘เวทมนตร์สเน่ห์’ หนึ่งในเวทย์ที่เรียนยากที่สุด แล้วก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเรียนอะไรขนาดนั้น มันจึงเป็นเวทย์ที่ถูกหลงลืม ไม่ยักจะเชื่อเลยนะว่าจะมีคนบ้าพอเรียนเวทย์ที่พัฒนาได้ยากเช่นนี้อยู่ เฮ้อ เสริมความงามเพื่อความพึงพอใจของตัวเองมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เล่นใช้มนต์สะกดนี่เข้าขั้นวิตถารแล้วไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นก็ไปหัดแต่งหน้ามาซะสิ ไม่ใช่มาเล่นกับจิตใจคนอื่น”
“ไม่ใช่จริงๆนะคะ”
“อ๋อเรอะ ถ้านั้นก็ดูนะ วินาทีที่เราโยนดอกไม้เหม็นอย่างกับขี้นี่ลงไปในน้ำ สเน่ห์ของเธอก็จะถูกหักล้าง”
หญิงสาวผู้งดงามเมื่อได้ยินก็ปิดปากตัวเอง แล้วก็หลั่งน้ำตาออกมา
“ไม่ใช่..นะ”
“ท่านดิลุค ทำเกินไปแล้วนะคะ!!”
“อย่าทำเธอร้องไห้นะครับ!”
“ดิลุค–ขอโทษ”
ทั้งสามวิ่งเข้าไปล็อคตัวดิลุค จนดอกไม้กลิ่นขี้ในมือหลุดลงพื้น
“เอาเข้าไป เป็นกันหนักขนาดนี้ ดูท่าจะเรียนไปไกลพอสมควร แล้วก็ความงามที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ช่วยเสริมสเน่ห์เข้าไปอีก น่าสนใจจริงๆ”
“ไม่เข้าใจเลยค่ะว่าคุณกำลังพูดอะไร แต่ที่พูดมันเป็นการกล่าวหาค่ะ ..แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นไป คุยก็คงไม่เชื่อฉันหรอกนะคะ”
“อือ ไม่เชื่อหรอก ก็เธอน่ะ มันเป็นขยะตัวแม่ไงละ นังเพศยาที่บังอาจล่อลวงสหายของเรา”
ดิลุคพูดอย่างเรียบเฉย หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับอย่างไร้ทางตอบโต้ พลางบีบน้ำตาออกมาอย่างน่าสงสาร ประหนึ่งว่าเธอคือผู้ถูกกระทำ–ซึ่งก็ใช่
“..ช่วยฟังหน่อยนะคะ อดีตของดิฉัน”
“ว่ามา”
****
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวเผ่ามังกรคนหนึ่งอาศัยอยู่ในห้วงลึกของมหาสมุทร ณ เมืองของเผ่ามังกรน้ำ
เธอนั้นงดงามกว่าใครๆ ใช่ งดงามเป็นที่สุด งดงามถึงขนาดที่เหล่าชายชาตรีแห่งท้องทะเลทั้งหลายต่างก็หลงใหลในตัวเธอกัน กระทั่งคนที่มีครอบครัวหรือคู่อยู่แล้วก็ต่างมุ่งหน้ามาหาเธอกัน อย่างกับฝูกนกที่ตั้งใจแย่งอาหารกัน ภาพนั้นไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉานทั่วๆไป ความงามของเธอมันมากจนเกินไป มากถึงมาก มากระดับไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง ผู้ชายต่างพากันขาดสติและมุ่งมาหาเธอ
เหล่าหญิงสาวที่อิจฉาความงามของเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็รังแกเธออย่างรุนแรง และขับไล่เธอออกจากเมืองมังกรน้ำ ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แค่สวยเกินไปไม่นิดหน่อย
เธอที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่สวยมากเกินไปได้แต่จำยอมเดินออกจากบ้านเกิดของตัวเอง ทิ้งอดีตของตัวเองและปรีกตัวมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อไม่ให้ความงามของตัวเองทำร้ายผู้ใดอีก
****
“บางที ..ความงดงามก็มาในรูปแบบฝันร้ายค่ะ”
เมื่อเล่าจบ หญิงสาวเผ่ามังกรน้ำก็ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นไว้ไม่อยู่ อันเดียอัสและเมลเบลเองก็พากันร้องไห้ตามๆกัน แมมม่อนนั้นก็นอนดิ้นไปมากับพื้นคล้ายกำลังต่อสู้กับภายในจิตใจของตัวเอง
“ฮะ ฮะ ตอแหลสิ้นดี”
ดิลุคชี้นิ้วด่าพร้อมเสียงหัวเราะที่ไร้รสชาติ เธออาศัยจังหวะที่สองหน่อเอาแต่ร้องไห้ หนึ่งหน่อเอาแต่ดิ้นไปมาราวกำลังโดนคำสาป เธอหยิบดอกไม้กลิ่นขี้ขึ้นมาและโยนลงน้ำทันทีโดยไม่ฟังใครตอบโต้อะไร
“….”
หญิงสาวเผ่ามังกรถอนหายใจเฮือกโต ก่อนจะมองลงไปในน้ำที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสี—ขี้
“แหวะ”
ภาพลักษณ์สาวสูงส่งหายไปในทันที เพราะเธอผู้งดงามราวเทพธิดาตรงหน้าจู่ๆก็อ้วกแตก ดิลุคมองภาพนั้นพลางหัวเราะแบบไร้อารมณ์ไปด้วย
อันเดียอัส เมลเบลค่อยๆพากันหยุดร้องไห้ อาการโดนคำสาปของแมมม่อนก็หายไปด้วยเช่นกัน
“นี่มัน..”
“มนต์สะกดสินะครับ ไม่รู้สึกตัวเลย ..คือเธอสวยมากจนผมไม่รู้ตัวเลย”
“ขอบ..คุณ..ดิลุค”
ดิลุคเดินไปจับไหล่แมมม่อนที่หายใจฮอบจากการต่อสู้กับตัวเอง ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมาก มันเลยเหมือนพี่สาวตัวเตี้ยกับน้องชายอายุน้องยังไงๆชอบกล
“เห็นยัยเลวที่กำลังอ้วกแตกเป็นสีรุ้งอยู่นั่นรึไม่?”
“เห็น”
“เล่นมันซะ”
“เข้าใจ”
แมมม่อนหันไปหาเป้าหมาย–หญิงสาวเผ่ามังกรผู้งดงาม
“ดะ เดี่ยวสิค่ะ แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ ดิฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
“แล้วจะร่ายเวทย์สเน่ห์ไว้ในน้ำทำไมไม่ทราบ แถมระดับยังสูงพอดูด้วย คงจะใช้เวลานานพอควรเลยนะกว่าจะเรียนรู้มันจนถึงขั้นนี้ได้น่ะ”
“หาว่าดิฉันเป็นยัยป้าขึ้นคางหรือคะ!?”
“อือ ดูๆแล้วน่าจะใช่ โดนขับไล่เพราะสวยเกินไปบ้าอะไรกัน ทำไมเรื่องที่เล่ามันมีแต่คำว่าสวย คำว่างามอย่างเดียวเล่า เน้นจังเลยสองคำนี้ แล้วก็ต่อให้สวยระดับเธอก็เถอะ แต่มนุษย์คงไม่ตกต่ำถึงขนาดทิ้งลูกทิ้งเมียตัวเองมันซะทุกบ้านหรอกนะ”
หญิงสาวเผ่ามังกรน้ำได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมีน้ำโห ในขณะที่ริมฝีปากมีน้ำลายไหลยืดอยู่จากการอ้วก
“ตั้งใจจะบอกอะไรกันแน่คะ?”
“ที่บ้านเมืองมันแตกก็เพราะเธอใช้เวทมนตร์สเน่ห์ไม่ใช่หรือไง? พอที่ทำมันไปลำบากคนอื่นเข้าก็ไม่หยุดจนโดนเนรเทศก็ถูกแล้วนี่”
“…ฉันไม่ใช่คนผิดสักหน่อย ฉันแค่..อยากมีชีวิตเหมือนคนปกติก็เท่านั้นเอง”
น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นดูยังไงดิลุคก็เป็นฝ่ายไปรังแกเขาเห็นๆ อันเดียอัส ในฐานะผู้ชาย เขาเริ่มรู้สึกรับไม่ได้
“เกินไปแล้วนะ ท่านดิลุค”
“หา? นี่เรากำลังช่วยจากการล่อลวงอยู่นะ”
“สาวงามที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และรายล้อมไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่ะ ไม่มีทางเป็นแม่มดร่ายมนต์คทาหรอก”
เมื่อกี้ก็เอ็งไม่ใช่เรอะที่บอกว่าโดนมนต์สเน่ห์เข้า?
“แบบนี้นี่เอง ในฐานะมนุษย์นั้นไม่เลวเลย มีปัจจัยตัณหาล้นเหลือเช่นนี้เนี่ย”
อันเดียอัสเห็นท่าทางของดิลุคก็รู้สึกหมดความเคราพ เขาเดินไปบังหญิงสาวผู้งดงามและอ้าแขนขึ้นมา
“ถ้าจะรังแกเธอคนนี้ต้องผ่านศพผมไปก่อ–”
“โง่รึไงหะ นายน่ะ!”
จัดให้ตามคำขอ เมลเบลวิ่งไปซัดหน้าอันเดียอัสสุดแรง จนเจ้าตัววูบหล่นลงน้ำที่มีกลิ่นขี้และสีเป็นขี้ไป …
“..ชิ ไร้ประโยชน์จริงๆ”
เสียงพึมพำที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้น หญิงงามผู้แสนอ่อนโยนตรงนี้ได้กลายเป็นหญิงงามผู้เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวจากโทสะเสียแล้ว
“เห็นว่าเป็นผู้ชายก็นึกว่าจะใช้อะไรได้ ที่ทำได้ก็มีแค่เห่าโฮ่งๆแบบหมากากๆเองไม่ใช่หรือไง ชั้นต่ำเอ้ย เพราะแบบนี้ไงเลยไม่ค่อยถูกกับพวกผู้ชายเลเวลต่ำๆเท่าไหร่”
“ไม่แอ๊บหน่อยรึ?”
“ไม่ต้องแอ๊บ ดิฉันก็สวยกว่าหล่อนแล้วค่ะ ยัยขี้เล่ห์ ..เธอด้วย ยัยมนุษย์ขี้เล่ห์กากๆ”
ไม่ได้ด่ากลับแค่คนเดียว แต่เล่นด่ากลับสองคนในรวดเดียว
“เสียมารยาทจริงๆ เห็นแบบนี้แต่เราก็น่าจะงดงามพอตัวอยู่นะ”
“คาก ถุ้ย! พูดมาได้เนอะ”
หญิงงามถุยน้ำลายใส่ร่างของอันเดียอัสที่ลอยอยู่บนน้ำแบบจงใจ จุดนี้ทำให้เห็นแก่นแท้ของเจ้าตัวได้ดีทีเดียว
..สวะแหละ-ทุกคนต่างพร้อมใจคิดเหมือนๆกัน
“ทีแรกก็ตั้งใจใช้สันติวิธีหรอกนะ พวกโง่”
“โง่? พูดถึงเราที่ทำลายแผนการณ์ของคนฉลาดอย่างเธอออกหรือ?”
“หุบปากแล้วก็ขมิบตูดซะ ยัยขี้เล่ห์ ฟังนะ เห็นแบบนี้ แต่เราก็คือเผ่ามังกรน้ำที่แสนสวยแล้วก็ใจดี ไม่ใช่พวกป่าเถื่อนเหมือนผู้หญิงในเผ่าที่ไม่รู้จักการเสริมความงามให้ตัวเอง ฮะ ฮะ ใช่ ดิฉันน่ะต่างกับไอ้พวกขี้เล่ห์ในหมู่บ้านที่แค่หาผัวได้เร็วกว่าหน่อยก็ทำมาอวด พอโดนดิฉันที่สวยกว่าโปรยสเน่ห์เข้าหน่อย แค่เอาจริงนิดหน่อย ผัวของพวกมันก็มาตอมดิฉันเป็นแมลงวันแล้วละค่ะ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!! มาบอกว่าดิฉันอิจฉาเหรอถึงใช้ศาสตร์มืด? ศาสตร์มืดอะไรกัน! เขาเรียกว่าการเสริมความงามค่า รู้จักรึเปล่าน่ะ การแต่งหน้าน่ะ อีพวกหน้าผีดิบเอ้ย! จับไอ้ผู้ชายจมดอกไม้ขี้นี่ไปแต่งหญิงยังจะดูดีกว่าเลย คาก ถุ้ย!! อ่าๆ เอาเป็นว่า ถ้าให้มีคนตายมันจะทำความสะอาดยากก็รีบๆเก็บไอ้เปรตนี่ไปอาบน้ำล้างตัว แล้วก็ยัดใส่หลุมศพซะนะ มันจะได้ตื่นมาขาดอากาศหายใจตายต่อให้หมดเวรหมดกรรม โทษฐานที่บังอาจปกป้องดิฉันไม่ได้”
..สวะจริงๆด้วย-ทุกคนต่างพร้อมใจคิดเหมือนๆกัน
“แล้วก็ มีเงินเท่าไหร่เอามาให้หมดเดี่ยวนี้ อย่าให้เผ่ามังกรน้ำอย่างดิฉันได้เอาจริงเชียว”
“การปล้นคือเป้าหมายดั่งเดิมนี่เอง”
“หล่อนก็มีเป้าหมายที่อยากได้จากดิฉันไม่ใช่หรือคะ?”
ดิลุคพยักหน้ารับตรงๆ
“อยากจะให้รักษาแขนให้น่ะ หรือถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยก็อยากให้ช่วยสอนเวทมนตร์หน่อย แต่ ดูๆแล้วน่าจะเป็นยัยแก่ไม่มีใครที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน แล้วได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง พลางอิจฉาคู่รักที่ผ่านไปผ่านมา แต่ตัวเองก็ดันไร้สเน่ห์เกินไปจนไม่มีใครเอา เลยหันไปเรียนเวทมนตร์ชั้นต่ำมาล่อลวงผัวชาวบ้าน คนแบบนี้ ไม่น่าจะพึ่งพาอะไรได้ อย่างน้อยๆก็ขอฆ่าถลกหนังไปขายหน่อยละกัน น่าจะทำให้อยู่กินไปได้อีกนานเลย”
“ก็สวยสิค่ะ!!!!!”
ป.ล.ขอโทษที่ช่วงสองสามวันนี้หายไปนะครับ พอดีผมติดปัญหาเรื่องการจัดการเวลาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะครับ