เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 243

< < 156 Sec1 > >

เปลือกตาของลิเวียธานได้ปิดลง ..ดิลุคนิ่งอยู่เช่นนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะเขยิบร่างออกมา พร้อมกับนำมือชนเข้าที่พื้น

“..รักษา– [ฮิล]”

พื้นที่ล้อมรอบลิเวียธานอยู่ปรากฏแสงสีเขียวขึ้นมา แสงๆนั้นมีลวดหลายเป็นวงกลมข้างในเป็นพระอาทิตย์ซ้อนดวงจันทร์ ทั้งหมดถูกวาดจากเลือดของดิลุค

ร่างกายที่สาหัสของลิเวียธานกลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สติก็ใช่ว่าจะกลับมาได้ในทันที

“น่าเสียดายที่เราเรียนรู้ได้ช้าเกินไป จำเป็นต้องจับจุดหลายอย่าง คิดค้นหลายๆสิ่ง สร้างทฤษฎีมากมาย กว่าจะทำอย่างนี้ได้ ..การรักษาโดยมานา คิดมาตลอดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เหมือนจะไม่ใช่ พอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วละ สิ่งที่เรียกว่ามานามันคืออะไรกันแน่”

ดิลุคยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มวาดวงเวทย์ขึ้นด้วยเลือดของตัวเองอีกครั้ง

วงจรเวทย์พัง ทำให้ไม่สามารถร่ายด้วยตัวเองได้ จึงต้องพึ่งการวาดวงเวทย์เป็นสื่อกลางของเวทมนตร์

“ทำเอาโง่มาโดยตลอด ..มานาก็คือ ..ความเป็นไปได้ที่ไร้จุดสิ้นสุด คือของขวัญสุดท้ายที่พระเจ้ามอบให้กับโลกใบนี้ เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ทุกชีวิตได้รับ”

..

“..แย่แล้วสิ”

มือของดิลุคไม่ขยับ ไม่ว่าจะตั้งใจแค่ไหนมันก็ไม่ยอมขยับ ทั้งแรงกายเองก็ด้วย ร่างเล็กๆล้มกองลงกับพื้น นอนทับวงเวทย์เลือดที่ทำมาอย่างยากลำบากจนหมด

“เหมือว่าจะ..ได้ใจไปหน่อยสินะ” ดิลุคหรี่ตาลง “ยังไงเสีย เราก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เหมือนๆกัน ..พลาดซะแล้วสิ”

ชักอยากจะหลับขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าหลับไป–อาจจะตายก็ได้

ถ้าตาย?

ทั้งลิเวียธาน ทั้งซาตานที่คิดจะช่วยเองก็คงไม่ได้รับความช่วยเหลือ ลิเวียธานคงจะตายในไม่ช้า ซาตานก็ต้องอยู่ในคุกนรกเหมือนเดิม

“..อึก–”

ดิลุคเริ่มขีดเขียนวงเวทย์ขึ้นมาใหม่อีกครา ด้วยเลือดที่ไหลจากแขนของตัวเอง ด้วยเลือดที่กองอยู่ตามพื้นอย่างมั่วซั่วแต่ทำอย่างถูกต้อง ใบหน้าของดิลุคนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ ทว่าดวงตากลับร้อนละอุกว่าสิ่งใด ราวกับว่าดวงตาของเธอคือแสงอาทิตย์ เลือนผมสีขาวเปล่งแสงท่ามกลางความมืดมิด วงเวทย์สีเลือดเลือนแสงขึ้นตามๆกัน

ท่ามกลางเลือดและแสงสว่างอันลิบหรี่นั้น— 

 

****

หอคอย ในจุดที่เหนือกว่าจุดที่พวกดิลุคอยู่กันนั้น–ซาตานกำลังยืนอยู่ในสภาพที่ร่างท่วมไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์นับร้อย แน่นอนว่าทั้งหมดถูกเธอฆ่าทิ้งไปแล้ว ทำให้ปรากฏภาพนี้ขึ้นมาได้

มอนสเตอร์ทั้งหลายต่างหยุดนิ่ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่กล้าพอจะเข้ามาจู่โจมเธอ ..

“ไม่คิดว่าก่อเรื่องใหญ่โตไปหน่อยหรือไง ..ทางนี้เหนื่อยที่ต้องตามมาล้างก้นให้นะ~”

“..”

ซาตานชำเลือนมองเข้าของเสียงนั้น–ผู้คุมหอคอย

สิ่งมีชีวิต? ที่นอนอยู่บนใบไม้สีเขียวอ่อน จากน้ำเสียงแล้วเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ปรากฏร่างให้เห็นเลย ..

“ใครเหรอ?”

“ไม่บอก~ มันคือความลับขั้นสุดยอดน่ะ”

“..เหรอ”

ได้ยินอย่างนั้นซาตานก็เคลื่อนเท้าเข้ามา พร้อมกับแรงกดดันมหาศาลที่ส่งออกมาจากร่างกายเล็กๆ 

“ไอ้ไร้สาระคนไหนมันมาปลดผนึกสัตว์ประหลาดนี่กันนะ ..อ่า คือก็ขี้เกียจพูดนะ แต่ว่าเธอน่ะ ถ้าลงมือมากกว่านี้ คนสองคนที่มาช่วยเธอ ฉันจะประหารนะ แต่ถ้าไม่ลงไม้ลงมือกัน จะรักษาให้แล้วก็พาสองคนที่ว่าไปส่งที่ปลอดภัยให้ด้วย” หญิงสาวผู้หลบอยู่หลังใบไม้หัวเราะขึ้นจมูก “เว้นแต่ว่าเธอจะติดแหงกอยู่ที่นี่เกินจะกลายเป็นตัวไร้ศีลธรรมทิ้งผู้มีพระคุณไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้น–ฉันจะหนีไปขอความช่วยเหลือจากทวยเทพให้ช่วยลงโทษเธอแรงๆเลย”

“…”

“นึกดูสิ วันคืนอัดโหดร้ายที่ต้องโดนพวกทูตสวรรค์รุมหลายวันติดต่อกันน่ะ เทียบกับการเดินไปสู่วัฐจักรชีวิตเดิมแล้วเนี่ย สบายกว่าเห็นๆเนอะ~”

“..อยากจะรับข้อเสนอนะ แต่ว่า”

ซาตานสัมผัสหัวใจที่มีเปลวเพลิงอยู่ล้อมรอบ

“มันหยุดไม่ได้ ..”

“หยุดไม่ได้? ..อ่า แบบนั้นนี่เอง”

หญิงสาวผู้หลบอยู่หลังใบไม้–ด้วยความตกใจ เธอโผย่หัวออกมาจากใบไม้ทันที

ผมสั้นประปลายหูสีม่วง ดวงตาสีเหลือง คิ้ววงกลมเล็กๆ คือหน้าตาของผู้คุมหอคอย

“ยะ ยะ อย่าบอกนะว่า”

“..ขอโทษนะ”

“..อ่า ..หนีตอนนี้ทันเปล่านะ”

ซาตานยื่นมือออกมาข้างหน้า ไอร้อนมหาศาลพุ่งผ่านทางเดินมา–มอนสเตอร์ทั้งหมดถูกเผาจนมอด ใบไม้ของผู้คุมหอคอยเองก็ถูกเผาจนหมด ผู้คุมหอคอยหล่นลงพื้นในสภาพไม่น่าดู เธอพยายามวิ่งหนีจากวงโจมตีนี่สุดชีวิตด้วยท่าวิ่งสุดสมบูรณ์แบบชนิดใช้วิ่งในการแข่งขัน 4X100

ไอร้อนสีแดงรวมที่ตรงหน้าของซาตานมันค่อยๆสร้างรูปร่าง—ดาบสีแดงดำยักษ์ขึ้นมา

 

****

“แล้วจะเอายังไงต่อดีนะ”

ดิลุคยืนกอดอกมองไปรอบๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอแหงนหน้ามองเพดานที่ดำมืด

“ด้วยฝูงมอนสเตอร์ที่มากขนาดนั้น ซาตานอาจจะปลดพลังของตัวเองออกมาใช้ก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา ..จะไหวหรือเปล่านะ ปัญญาของเราจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ถูกเรียกขานว่า ‘สัตว์ประหลาด’ ตนนั้น”

แน่นอนว่าผลลัพธ์คือความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

“เวทมนตร์รักษา ถึงจะสร้างมาได้แล้วแต่ก็ไม่ได้รักษาถึงขั้นฟื้นฟูแขนที่เละนี่ได้ อย่างมากก็แค่รักษาอาการบาดเจ็บโดยส่วนใหญ่ก็เท่านั้น” ดิลุคถอนหายใจ “จำเป็นต้องพัฒนาตัวเองสินะ พัฒนาตัวเอง พลังที่มากพอจะดับการทำลายล้างของซาตานได้ …เอาเป็นว่า”

ดิลุคเดินไปสะกิดไหล่ของลิเวียธานด้วยขา

“อึก..อือ”

ลิเวียธานส่งเสียงครางประหลาดๆออกมา

“ตื่นได้แล้ว”

“หือ..ตื่น?”

เธอลืมตาขึ้นมา จ้องตาของดิลุคอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะยิ้มออกมา

“ที่นี่สวรรค์เหรอ?”

“สวรรค์ดูเป็นที่ที่ดีเกินไปสำหรับเธอนะ”

“เอ๊ะ—เอ๋!!!?”

ลิเวียธานลุกขึ้นยืนทันที เธอหันไปมองรอบๆทั้งกองเลือดของตัวเอง ทั้งร่างกายที่ได้รับการฟื้นฟู—เธอหันมามองดิลุคอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คิดค้นการรักษาขึ้นมาน่ะ ระหว่างที่เธอเอาแต่พล่ามคำสั่งเสียซะยาวเยียด”

“นะ หนวกหูน่า อ้าาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ดิลุคปิดหูตัวเองหลบเสียงกรี๊ด

“จู่ๆก็ เป็นอะไรไป”

“อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย”

ลิเวียธานลงไปนั่งเอาหัวทุบพื้นอย่างน่าอนาถใจ ใบหน้าแดงแจ๋แดงไปถึงใบหูเลย ท่าทางดูน่ารัก?อย่างไม่น่าเชื่อ

“ไปกันได้แล้ว คนสวย”

ลิเวียธานกระพริบตาปริบๆกับการเรียกของดิลุค

“…อยากตาย”

“ชอบไม่ใช่เหรอ? เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ การมั่นใจในตัวเองเข้าไว้น่ะคือเรื่องที่ควรจะทำ”

“….”

“ถ้านั้นก็ไปกันเถอะ คนสวย”

“ไม่อยากไปไหนแล้ว อยากอยู่ตรงนี้คนเดียว”

“เข้าใจว่าลำบากใจ แต่ชีวิตต้องเดินไปต่อนะ คนสวย”

“…”

“ว่าไง คนสวย”

ลิเวียธานเงียบไม่ตอบอะไรกลับทั้งนั้น ดิลุคจึงยักไหล่ให้ คงจะแหย่มากเกินไป

 

****

ทั้งสองเดินอยู่พักหนึ่งจนไม่หยุดอยู่ที่ห้องขนาดเล็กที่ตกแต่งด้วยสีแสงที่ดูฉูดฉาด เมื่อเข้ามาข้างในก็พบกับจอสีขาวที่ฉายภาพอยู่นับร้อยๆภาพ 

“นี่มัน?”

“ห้องผู้คุมหอคอยนี่เอง”

“ผู้คุมหอคอย?”

“อือ แต่เหมือนว่าจะไม่อยู่ ดูท่าทางฝั่งซาตานน่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน”

“แสนรู้จริงนะ”

ดิลุคเมินคำชมกึ่งแซะของลิเวียธาน แล้วกวาดสายตาไปทั่วทุกๆจอ

“เข้าใจโครงสร้างของหอคอยแล้ว เท่านี้ก็คงจะไม่หล—”

“วันนี้มันวันบ้าอะไรกันเนี่ย!!!”

เสียงร้องดังลั่นจากข้างหลัง มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องควบคุมพร้อมกับเส้นผมที่มีเพลิงไหม้อยู่ประปลาย

“…”

“..เอ่อ ใครเหรอ?”

“ผู้คุมหอคอย?”

“ก็ใช่”

“ดีเลย–มีธุระด้วยพอดี”

ดิลุคพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ผู้คุมหอคอยกระพริบตาปริบๆก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนล้า

“จะได้ตายดีไหมนะ”

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset