เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 248

< < 160 > >

บนเกาะขนาดยักษ์เทียบเท่าประเทศๆหนึ่ง อันเป็นฐานที่ตั้งของกลุ่มโจรสลัดอดีตสามมหาอำนาจ ‘มาเซล’ ณ ที่แห่งนั้น วีรสตรีแห่งกองทัพเรือเนลยอน ‘เท็งงุ เบ็นจิโร่’ ได้เข้าบุกโจมตีเป็นเวลากว่าหนึ่งวันเต็มๆเพื่อล้มล้างและจับกุมโจรสลัดทั้งหมดในที่แห่งนี้

เกาะอันเป็นสรวงสวรรค์ของโจรสลัด ขณะนี้เปรียบได้ดั่งประตูก่อนไปสู่นรก โจรสลัดที่ขัดขืนถูกฆ่า โจรสลัดที่ยอมแพ้ถูกจับกุมโดยข้อมือและโซ่ที่พันไว้ทั่วทั้งร่าง ขณะนี้เองโจรสลัดทุกชีวิตที่ยังเหลือรอดก็กำลังถูกส่งตัวเข้าไปภายในเรือรบยักษ์

ทหารของเบ็นจิโร่มีอยู่ราวๆ 1,000 คน ราว 400 ช่วยในการดูแลนักโทษเข้าที่ขังชั่วคราวในเรือรบ อีก 100 ช่วยในการเก็บสมบัติของกลุ่มโจรสลัด และที่เหลือทั้งหมดก็กำลังช่วยเบ็นจิโร่ในการฝังหลุมศพให้โจรสลัดที่ตายไป

กองศพตามพื้นมี่จำนวนนับพัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมใช้เวทมนตร์และวิชาไสยศาสตร์ในการช่วยให้ทั้งหมดเร็วขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็น่าแปลกใจอยู่ดี ไม่น่ามีความจำเป็นให้เบ็นจิโร่ต้องฝังศพศัตรูด้วยซ้ำ

แม้ทหารทุกนายล้วนจะนับถือในตัวเบ็นจิโร่เยี่ยงราชาของตัวเอง พวกเขาก็ยังนึกสงสัยในเรื่องพวกนี้อยู่ดีในขณะที่ฝังศพนับพันลงไป

เบ็นจิโร่ปาดเหงื่อของตัวเองพลางมองชีวิตที่กองอยู่ในหลุมด้วยสายตาที่-แกล้งเย็นชา

“..ที่นายเคยพูดเอาไว้ดูเหมือนจะจริงนะ …เรเซอร์”

เบ็นจิโร่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนลงมือกลบศพทั้งหมดด้วยดิน

ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการฝังศพทั้งหมด เหล่าทหารที่เหนื่อยล้าต่างพักผ่อนตามคำสั่งของเบ็นจิโร่ ค่ำคืนวันที่สองของบนเกาะแห่งนี้ได้มาถึง เบ็นจิโร่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำจากหนังสัตว์ชั้นดีของหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดมาเซล เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่คนเดียว ในขณะที่ทหารบางส่วนฉลอง บางส่วนก็หลับ บางส่วนก็ผลัดเวรกันดูแลนักโทษ

เมื่อมองท้องฟ้าที่เปล่งประกายไปด้วยดวงดาวจนเต็มอิ่มแล้ว เบ็นจิโร่ก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน

‘จาก อามาเทราสึ โทมิเรีย’

“ไม่ได้กลับที่อาณาจักรราวครึ่งปีได้แล้วสินะ”

แม้จะเคลียร์คนของมาเซลได้จนหมดในวันเดียว แต่กว่าจะต้อนให้จนมุมได้ก็ใช้เวลากว่าครึ่งปีทีเดียว อย่างไรซะ พวกเขาก็คืออดีตมหาอำนาจในท้องทะเล ผู้เชี่ยวชาญในท้องทะเลเหนือกว่าเบ็นจิโร่ไม่รู้กี่เท่าตัว

ที่ชนะได้ เป็นเพราะพลังที่เหนือกว่าล้วนๆเลย

“ก็ต้องขอบคุณดิฉันสินะคะ”

ข้างๆเธอ—สาวตัวสูงผู้มีเลือนผมสีเงินยาวลอยไปตามท้องฟ้า เป็นผู้งดงามกว่าใครๆ ภูตสวรรค์ ‘วิลรันเทีย’ หนึ่งในภูตสวรรค์ทั้งสามตนบนโลก ปัจจุบันนี้ก็ทำพันธสัญญากับเบ็นจิโร่อยู่ด้วย

พลังของเธอก็คือ ‘ธนู’ ที่มีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย เป็นรูปแบบพลังที่เสมือนกับ ‘ดาบมหาภูต’ ของเซเนีย ในฐานะภูตสวรรค์ด้วยแล้ว คุณสมบัติของอาวุธที่แปลงกายได้ก็เทียบเท่าหรืออาจเหนือกว่าอาวุธบางชิ้นของตระกูล ‘ดาบทลายโลกา’ ที่ถูกยกย่องให้เป็นกลุ่มอาวุธที่ทรงพลังที่สุดบนโลก

การโจมตีด้วยธนูวิลรันเทียของเบ็นจิโร่นั้นมีระยะไกลนับร้อยกิโลเมตร มีพลังทำลายล้างที่หลากหลายรูปแบบตามใจจะเลือก แล้วก็มีลูกเล่ามากมาย ด้านพลังทำลายล้างโดยตรงไม่อาจเอาชนะดาบมหาภูตได้ แต่ความหลากหลายมีมากกว่าแน่นอน

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเสียหน่อย ยังไงซะ ก็เป็นแค่บริวารอยู่แล้วนี่?”

“เป็นคนที่ไม่รู้จักขอบคุณใครเหมือนเดิมเลยนะคะ”

นอจากวิลรันเทียแล้ว ข้างตัวของเธอยังมีผู้หญิงหน้าอกโต สูงมาตรฐาน และปกปิดดวงตาของตัวเองไว้ด้วยเส้นผมสีดำยาว เธอคนนี้มักจะยิ้มเคลิ้มตลอดเวลาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ชื่อของเธอคือ ‘เวลเดีย’ ภูตสวรรค์อีกตนหนึ่งในพันธสัญญาของเบ็นจิโร่

พลังของเธอยังคงเป็นปริศนาอยู่ในหมู่ผู้คนหมู่มาก ว่ากันว่าเธอจะใช้ความสามารถของเวลเดียก็ต่อเมื่ออาณาจักรเนลยอนรึตัวเธอตกอยู่ในอันตรายขั้นวิกฤตเท่านั้น

“แหม่ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้หรอกนะคะ นายท่าน”

เวลเดียเสริมขึ้นมาขณะที่กำลังนั่งต้มสมุนไพรแปลกๆอยู่ วินรันเทียมองดูเวลเดียด้วยแววตาที่ดูถูก

“ภูตสวรรค์ที่มัวเมาไปกับสิ่งเสพติดชั้นต่ำของมนุษย์ มีสิทธิ์เตือนคนอื่นเรื่องศักดิ์ศรีด้วยหรือไง?”

“ขี้บ่นเสียจริงๆนะ”

เวลเดียลุกขึ้นพร้อมกับยกเอาเตาต้มของตัวเองทันที เธอวิ่งหนีไปทางอื่น เหมือนจะรำคาญวิลรันเทียที่เอาแต่บ่น แน่นอนว่าวิลรันเทียก็บินตามๆกันไป

เบ็นจิโร่มองส่งภูตสวรรค์สองตนก่อนจะถอนหายใจออกมา พร้อมกับเปิดจดหมายที่เจ้าหญิงโทมิเรียส่งมา

“แบบนี้นี่เอง ใกล้จะถึงเวลานั้นแล้วสินะ”

เมื่ออ่านเนื้อหาทั้งหมดจนจบแล้ว เบ็นจิโร่ก็สร้างเวทมนตร์กระเป๋าขึ้นมา เธอหยอดจดหมายฉบับนั้นลงไปข้างในรูโหว๋สีดำ เธอลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางขึงขัง ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความหนักแน่นและสง่างาม แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก แต่ภาพลักษณ์ของเธอนั้นราวกับทหารมากประสบการณ์ผู้อยู่บนจุดสูงสุดของกองทัพ

ก็จริงที่ภาพลักษณ์ภายนอกจะทำให้คนอื่นดูแคลนเธอบ้าง แต่ไม่นาน ทุกคนก็จะเลิกตั้งคำถามในตัวเธอ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าเธอแข็งแกร่งยังไงละ ราวกับบุคคลในรอบร้อยปีหรือพันปี ตัวตนของเธอนั้นเปรียบเสมือนตำนานบทใหม่ของโลก ในอนาคตภายภาคหน้า เธอจะถูกเรียกขานว่า ‘วีรสตรี’ อย่างแน่นอน

เรื่องราวที่ประหนึ่งว่าเธอเป็นตัวเอกในบทละครนั้น–น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอเคยเป็นผู้ตกต่ำมาก่อน ตกต่ำขนาดที่อย่าว่าแต่ว่าที่ตำนานบทใหม่เลย แม้แต่ตัวตนในตระกูลเธอยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ 

แล้วทำไมหญิงสาวผู้ตกต่ำเช่นเธอ ถึงได้ยกระดับตัวเองมาได้ขนาดนี้กัน?

แม้แต่ตอนนี้ เท็งงุ เบ็นจิโร่ ผู้นี้ก็ยังคิดถึงเรื่องๆนั้นที่ว่า เรื่องอดีตของตัวเอง จุดแรกเริ่มของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด นั่นคือวันที่—ได้พบกับ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’

 

****

‘เท็งงุ เบ็นจิโร่’ เด็กสาวผู้ถือกำเนิดมาในสายเลือดขุนนางตระกูลหลัก เรื่องราวของเธอถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ถือกำเนิดให้เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเนลยอน หรือไม่ก็ กลายเป็นสตรีผู้สูงส่งที่จะแต่งงานกับขุนนางด้วยกัน ทว่า-เธอกลับไม่สามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง

ตระกูลเท็งงุของเธอมีคุณสมบัติพิเศษ ทุกคนผู้ถือครองสายเลือดเท็งงุ ไม่ว่ามากหรือน้อย จะมีปีกและสายตาที่เฉียบแหลม ประหนึ่งเหยี่ยวนักล่า ยิ่งเป็นผู้ที่มีสายเลือดหลักเข้มข้น ผู้นั้นก็จะมีคุณสมบัติพิเศษเด่นยิ่งขึ้น นี่คือข้อแตกต่างเดียวระหว่างตระกูลหลักและตระกูลสาขาของเท็งงุ แต่ เท็งงุ เบ็นจิโร่ คนนี้นั้นกลับต่างออกไป

ในทีแรก เบ็นจิโร่ นั้นมีปีกที่ใหญ่และสง่างามกว่าใครๆ มีดวงตาที่เฉียบคมกว่าใครๆ เป็นดั่งร่างถือกำเนิดของนักรบเท็งงุที่แท้จริง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามพรสวรรค์ที่เธอได้รับ

เธอคือลูกสาวแท้ๆของผู้นำตระกูล ทั้งยังเป็นลูกคนแรก จากมารดาที่ยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน แต่เด็กที่เกิดมาดันเป็น ‘เท็งงุไม่ได้เรื่อง’ ก็จริงที่ปีกของเธอมันใหญ่และสวยยิ่งกว่าทุกๆคนแม้แต่ในตระกูลหลัก แต่เธอไม่สามารถควบคุมปีกได้อย่างอิสระ เพราะเส้นประสาทที่ผิดปกติ ต่างกับเด็กวัยเดียวกันที่แม้จะมีสายเลือดอยู่น้อย ทุกคนสามารถควบคุมปีกได้อย่างเชี่ยวชาญภายในสิบขวบ แต่เบ็นจิโร่กลับทำไม่ได้ 

นอกจากปีก สายตาของเบ็นจิโร่ก็บกพร่อง เธอไม่สามารถควบคุมระยะการมองของตัวเองได้ โดยปกติ ตระกูลเท็งงุจะซูมได้มากสุดสิบกิโลเมตร แต่เบ็นจิโร่ทำได้ถึงร้อยกิโลเมตร แต่ ทันทีที่เธอใช้งานความสามารถดวงตา มันก็จะซูมไปที่ร้อยกิโลเมตรเลย ไม่สามารถเจาะจงเลือกระยะที่ต้องการได้ สุดท้ายระยะที่มากเกินไปก็สร้างผลข้างเคียงให้ดวงตาของเธอ ระดับที่เธอซูมเพียงสามครั้ง ตาของเธอก็จะมีเลือดไหลออกมาพร้อมกับความเจ็บปวด และความเสี่ยงที่ว่าตาจะบอดหากฝืนตัวเอง

เพียงไม่กี่ขวบ เบ็นจิโร่ ต้องปิดตาของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอใช้พลัง ไม่นั้นเธอจะเจ็บสาหัส เธอต้องระวังไม่ใช้ปีกของตัวเอง ไม่นั้นทุกอย่างรอบตัวจะพังทลายจากแรงกระเพื่อมที่ควบคุมไม่ได้

ทีแรก ทุกคนคิดว่าพรสวรรค์ที่มากเกินไปในช่วงแรกเป็นปกติที่ควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อควบคุมได้เมื่อไหร่ เธอจะคือเท็งงุที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อน …แต่เวลาผ่านไป ความเชื่อนี้ก็ค่อยๆเลืองหาย

มารดาของเธอรังเกียจเธอ และหนีไปกับชู้รักเนื่องจากทนรับความผิดที่ให้กำเนิดข้อผิดพลาดในคราบเพชรเหม็ดงามเช่นเธอไม่ไหว บิดาของเธอเองก็ทิ้งเธอไป เขาเอาเด็กผู้มากพรสวรรค์จากตระกูลสาขามาแต่งตั้งตำแหน่งผู้นำตระกูลแทนเธอ 

เมื่ออายุได้ 15 ปี ตัวตนของเธอก็ถูกลืม ถูกเมิน กลายเป็นส่วนเกินภายในตระกูล

แม้จะควบคุมปีกได้ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ดวงตาเองก็พอควบคุมได้บ้างแล้ว ด้านการใช้อาวุธอย่างธนูเอง เธอก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นนักธนูมือหนึ่งเลยทีเดียว แต่ทักษะของเธอกลับโดนมองว่าเป็นของไร้ซึ่งเกียรติ ไม่มีใครเห็นความพยายามของเธอเลย สุดท้าย เท็งงุ เบ็นจิโร่ ก็เลือกละทิ้งเส้นทางในฐานะอัศวินขุนนางของตัวเอง เธอไปเข้าร่วมกับกลุ่มตำรวจของเนลยอน และทำงานอยู่ที่นั่น จนได้ชื่อว่า ‘เท็งงุบ้าเลือด’ ด้วยพฤติกรรมป่าเถื่อนที่ชอบใช้ความรุนแรงเกินเหตุบ่อยๆ และปากร้ายๆของเธอ ทำให้ผู้คนในละแวกที่เธอดูแลต่างพากันกลัวเธอยิ่งกว่าโจรซะอีก

แม้เธอจะเป็นพวกหัวรุนแรงทั้งด้านกำลังและด้านริมฝีปาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอยึดถืออย่างแน่วแน่ และนั่นก็คือสิ่งที่ดีด้วย

‘ความยุติธรรม’ เธอรักในความถูกต้องยิ่งกว่าอะไร เธอปารถนาว่าตัวเองจะเป็นพลังให้แก่อาณาจักรเนลยอนแล้วก็ประชากรทุกคนให้ได้มากกว่านี้ ทั้งยังอยากจะเป็นที่รักของปวงชนด้วย ทั้งอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ดันแตกต่างกับที่คิดไว้ลิบลับ เธอถูกกลัว โดนมองว่าเป็นตำรวจเถื่อน โดนปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆบ่อยๆว่าเธอร่วมมือกับพวกเลวๆและสินบทด้วย

แต่มองในแง่ดี เพราะข่าวลือพวกนี้ ทำให้เธอจับพวกโจรที่เข้าหาเธอจากข่าวลือได้มากมาย …

ใช้ชีวิตในความยุติธรรม ถูกผู้คนต่อว่า หวาดกลัวและดูถูก ทั้งคนในตระกูล ทั้งผู้คนที่เธอปกป้อง ต่างปฏิบัติกับเธอราวกับตัวประหลาด …แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงก็ได้มาถึง

วันธรรมดาๆที่เธอออกไล่ล่าหาเบาะแสพวกโจรค้ามนุษย์ข้ามชาติ วันนั้น–เธอดันไปจิ้มเลือกตัวผู้ต้องหาผิด เพราะอะไรหลายๆอย่างลงตัวเกินไป เธอไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นโดนพวกกลุ่มโจรป้ายความผิดให้ ..ช่างเป็นคนที่ซวยอะไรขนาดนี้นะ เจ้า ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ คนนั้น

เมื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของเรเซอร์ได้แล้ว เบ็นจิโร่ก็ไปท้วงให้กองกำลังตำรวจช่วยกันออกตามล่ากลุ่มโจรร้ายข้ามชาติพวกนี้เอง แต่ก็ได้รู้ความจริงที่ว่ามีตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่งและตำรวจในพื้นที่แห่งนั้นให้ความร่วมมือกับกลุ่มโจรพวกนั้น ..เธอรู้ดีว่ากำลังของเธอไม่อาจทำอะไรได้ แต่เธอก็คงยอมให้พวกโจรมันเสวยสุขอยู่ในประเทศของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

ไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กหนุ่มนามเรเซอร์ผู้เป็นนักเดินทางท่องโลก ณ เวลานั้นเข้า เบ็นจิโร่และเรเซอร์ได้ร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มกลุ่มโจร

ระหว่างภารกิจที่เธอทำโดยพลการกับนักเดินทางผู้นี้นั้นมีอุปสรรคมากมาย อย่างแรกเลย นิสัยทั้งสองคนเข้าไม่ได้กันอย่างแรก เรเซอร์เป็นคนง่ายๆยังไงก็ได้ เบ็นจิโร่เป็นคนจริงจังและปากเสีย ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งแทบจะทุกเวลา แต่ความสามารถของทั้งคู่คือของจริง

ดวงตาของเบ็นจิโร่สามารถมองทะลุได้ ปีกของเธอเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบสงบ ทักษะการยิงธนูของเธอมันราวกับเวทมนตร์ ทางเรเซอร์เองก็มีวิญญาณปริศนาที่มีพลังขี้โกง และมีทักษะเวทมนตร์เกินกว่าวัยไปเป็นสิบปี

ทั้งสองใช้เวลาเพียงเกือบเดือน ในการถลกหนังพวกชนชั้นสูงที่ให้ท้ายกลุ่มโจร จากนั้นก็ทำการเผด็จศึกโจรทั้งหมดด้วยน้ำแรงของคนเพียงสองคน โดยที่วางแผนร่วมมือกับชนชั้นสูงที่ตั้งใจจะเล่นงานกลุ่มโจรอยู่แล้ว

ผู้นำตระกูลขุนนางคนนั้นถูกไล่ออกจากตระกูล พวกตำรวจที่ร่วมมือด้วยถูกขังเข้าขุกสถานเดียว กลุ่มโจรเองก็เช่นกัน

ความสำเร็จในคราวนี้ความดีความชอบเข้าที่พวกเธอสองคนตรงๆ เธอรู้ดีว่าความสำเร็จนี้จะช่วยให้เธอไปไกลได้มากกว่านี้ เธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงส่วนที่ไม่ถูกต้องได้มากกว่านี้ ถ้าหากว่าเธอไต่ไปได้มากยิ่งกว่านี้ละก็–ความชั่วร้ายทั้งมวลจะต้องถูกทำลายได้อย่างแน่นอน

แต่ ..เธอก็ยังรู้ดีถึงความอ่อนแอของตัวเอง ลำพังเธอคงไปได้ไม่ไกลมาก เธอจึงชักชวนให้เรเซอร์ ดราแคล์ เข้ามาเป็นผู้ติดตามคนแรกของเธอเพื่อสนามรบต่อจากนี้

ระยะเวลาเกือบเดือน เรเซอร์ ดราแคล์ คือคนแรกๆที่ยอมรับในตัวเธอ เป็นคนที่ราวกับหลุดมาจากโชคชะตา ..ทว่าคำชวนของเธอก็ได้ถูกปฏิเสธ

เหมือนกับเธอ เรเซอร์เองก็มีสนามรบของตัวเองอยู่ แต่เบ็นจิโร่ในเวลานั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะยอมรับความจริงที่ว่า–คนอื่นเองก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกับเธอ

ทั้งคู่แตกหักกันในวันสุดท้ายของเรื่องราว ..วันถัดมา เบ็นจิโร่ตั้งสติได้ และตั้งใจว่าจะไปชวนเข้าพวกใหม่ พร้อมกับตั้งใจว่าจะขอโทษคนเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ แต่–เรเซอร์ก็ได้หายไปแล้ว

เส้นทางชีวิตในฐานะวีรสตรีช่วงแรกของเธอเต็มไปด้วยขวากหนาม เธอถูกตั้งคำถามมากมาย บ้างก็ว่าเธอไร้คุณสมบัติมากพอ ไร้พลัง เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ทั้งยังบกพร่องในฐานะเท็งงุอีก ทว่าไม่นานคำสบถทั้งหมดก็ค่อยๆหายไป

กวาดล้างโจรในเขตุๆหนึ่งทั้งหมด จับกุมผู้ร้ายข้ามชาติ หยุดยั้งแผนการณ์ชั่วของศัตรูต่างแดน ปกป้องชาวบ้านจากการก่อการร้าย เขตุที่มีเธอดูแล อาชญากรได้หายไปจนหมด ไม่นานก็ผลันตัวไปเข้าร่วมกองทัพทหารเรือ กลายเป็นผู้ถือครองมณีวารี กวาดล้าง กลุ่มโจรสลัดมากมาย รู้ตัวอีกทีก็ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูร สัตว์มายา มากมาย เหล่าทหารมากฝีมือนับร้อยได้เลือกจะเดินตามหลังของเธอในฐานะนาย กระทั่ง ภูตสวรรค์ก็ยังตกลงยอมที่จะเดินตามหลังเธอ

รู้ตัวอีกที กลุ่มโจรสลัดมหาอำนาจทั้งสามก็แตก กลุ่มโจรสลัดมหาอำนาจที่แตกถูกตามไล่ล่าและจับกุมจนหมด ท้องทะเลที่เต็มไปด้วยโจรสลัด ตอนนี้โจรสลัดจะต้องหวาดกลัวเธอ และหวาดกลัวทหารเรือทุกๆแห่ง 

คำถามทั้งหมดจางหายไปพร้อมกับผลงานที่เด่นขึ้นมา

ผู้คนต่างมองดู เท็งงุ เบ็นจิโร่ ด้วยแววตาที่ยกย่องให้เหนือกว่าใครๆ ภาพของเธอที่เดินนำหน้ากองทัพทหารนับหมื่น ผู้คนต่างหลงใหลในอุดมการณ์ของเธอและออกเดินตามหลังเธอมา …ถึงอย่างนั้น แม้จะมีคนเดินตามเธอมากมายแค่ไหน เธอก็ยังเหลือตำแหน่งที่ยืนอยู่ข้างๆเธอเอาไว้

บางทีตำแหน่งที่ว่างนี้อาจจะเป็นบาดแผลภายในจิตใจของเธอก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เธอยังคงคาดหวังว่า–เรเซอร์ ดราแคล์ จะเป็นบุคคลเดียวที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอในสนามรบ

เธอไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร จนกระทั่งได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอถึงรู้ว่าทำไมเธอถึงโกรธที่คนๆนั้นปฏิเสธเธอ และเข้าใจด้วยว่าตัวเองมันไม่ได้เรื่องแค่ไหน 

ครั้งหน้า–จะชวนคนๆนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะไม่จบลงด้วยการแตกหัก เธอที่ถูกปฏิเสธจะสามารถพูดขอโทษออกมาเป็นครั้งแรกได้ จะพูดทั้งรอยยิ้มได้ด้วย จะไม่หงุดหงิดใส่เหมือนทุกที จะปฏิบัติตัวด้วยดีๆเพื่อไม่ให้เขาหนีไปอีก เธอหวังว่าอย่างนั้น เพราะการที่ถูกหนี มันเจ็บปวดกว่าการโดนเกลียดซะอีก

 

****

เท็งงุ เบ็นจิโร่ ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง เหมือนว่าเธอจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ..แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หลับยาวเลย

เบ็นจิโร่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หนังสัตว์ และมองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง

“..สู่สนามรบแห่งต่อไป”

เธอแทนความฝันแห่งความยุติธรรมว่า ‘สนามรบ’ อาจจะเป็นนิสัยแปลกๆที่ติดมาจากนิสัยป่าเถื่อนของเธอก็เป็นได้ 

เบ็นจิโร่จะเดินหน้าต่อไป ความยุติธรรมของเธอมันไม่มีตอนจบ เพราะโลกล้วนไร้ซึ่งความยุติธรรมเสมอ เพราะอย่างนั้นสนามรบที่หมายถึงการทำเพื่อความยุติธรรมของเธอจะไม่มีวันจบ ไม่มีวันว่างด้วย วันที่เธอพักผ่อนจะหมายถึงวันสุดท้ายในชีวิตของเธอ แน่นอน เธอหวังอย่างยิ่งว่าวันสุดท้ายของเธอ เธอจะได้พบกับอาณาจักรที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรมที่เธอรักก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป

เรื่องของเรเซอร์ ดราแคล์ ที่เธออยากจะเชื้อชวนเขาอีกครั้งเองก็คงต้องปล่อยวางให้เป็นเรื่องของโชคชะตา เธอไม่ได้ว่าง เธอมีหน้าที่ของตัวเอง เหมือนกับเขา เธอมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ เพราะอย่างนั้น–แม้จะอยากเจอแค่ไหน แต่ถ้าไม่จำเป็น ก็จะไม่ไปพบ

อย่างไรซะ ความยุติธรรม กับคำว่าสนามรบมันดูไม่เข้ากันเสียเลย

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset