< < 161 Sec1 > >
ท้องทะเล นกพิราบ แล้วก็ไสยศาสตร์—ทั้งหมดคือจุดเด่นของอาณาจักรแห่งสายน้ำ ‘เนลยอน’ หนึ่งในสี่มหาอำนาจแห่งโลกใบนี้ ทั้งยังเป็นอาณาจักรที่ก้าวหน้าไปไกลเหนือยิ่งกว่ามหาอำนาจด้วยกันเสียอีก หากมองในหลายๆด้านแล้ว ไม่ว่าจะกำลังรบ หรือว่าเทคโนโลยีเวทมนตร์ สามารถกล่าวได้ว่าอาณาจักรเนลยอนแห่งนี้คืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยนี้ได้เลยละ
ต่างกับ ฟัฟนิร์ และแซร์อิซที่หยุดอยู่กับที่ ต่างกับ เกรลที่เดินถอยหลัง แต่เป็นเนลยอนที่ก้าวไปข้างหน้า ..แต่ก็หารู้เลยว่าการก้าวไปข้างหน้านั้นก็จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับหลายๆสิ่ง
ความเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวไม่มากก็น้อย และบังเอิญว่าอาณาจักรเนลยอนแห่งนี้ก็กำลังมุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านั่น ขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเรือหรูเพื่อข้ามฝั่งไปยังอาณาจักรเนลยอน เป็นเวลากว่าสามวันแล้วที่นั่งอยู่บนเรือ
สงครามภายในกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ไม่ทราบรูปแบบ ไม่ทราบสเกลการต่อสู้ แต่ผมในฐานะผู้มาเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องไปเข้าร่วม เพราะที่แห่งนั้น–มีเรนไปด้วย
เป้าหมายแรก และเป้าหมายสูงสุดในตอนนี้คือการโค่นเรนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อการนั้น ..
“เลยต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาที่ไกลแสนไกล กลายเป็นคนต่างด้าวที่ใครๆก็ต้องมองอย่างดูแคลน หาเช้ากินค่ำ เก็บเล็กเก็บน้อย ทั้งหมดก็เพื่อคนที่บ้านเกิด เรเซอร์เอ๋ย ช่างน่าสงสารเสียนี่กระใด เรเซอร์น้อยที่อยู่ใต้กางเกงนี่ก็ด้ว–”
“ไม่เข้าใจหรอกนะว่าเพ้ออะไร แต่เรเซอร์เป็นพวกชอบทำอะไรแปลกๆแล้วให้คนอื่นเขาด่าสินะคะ?”
‘มาสเตอร์นี่เกินเยียวยาในหลายๆความหมายเลยนะคะ’
ระหว่างที่ผมกำลังเพ้ออะไรไปเรื่อง เพราะโรคโฮมซิคอยู่นั้น อานิม่า เทพแห่งจิตวิญญาณผู้อยู่ในร่างน้องสาวของเวฟช่วงอายุราวๆ 17 ปี ได้พูดตบมุกผมอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะความสามารถในการเข้าถึงจิตวิญญาณ ทำให้เธอเข้าถึงจิตใจของผมและเข้าใจได้ว่าผมต้องการอะไร
นอกจากอานิม่า คนที่รับหน้าที่ด่าผมก็คือ ‘ยูนา’ วิญญาณระดับเทพที่ผมทำพันธสัญญาด้วย
“ช่วยไม่ได้นี่ ฉันคิดถึงคนที่บ้านเกิดจริงๆนะ”
อย่างเบลลามีงี้ เรเซลงี้ อันนางี้ พักหลังๆมานี้ทำแต่งาน ช่วงจู๋จี๋ขงผมกับว่าที่ภรรยาและแฟนทั้งหลายก็ไม่ยักจะมีเลย …ผมถอนหายใจออกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วของวัน อานิม่าคงจะเบื่อเธอเลยลุกขึ้นเดินไปชมวิวทิวทัศน์ที่ตัวเธอไม่เคยเห็นมาก่อน เนื่องจากว่าอาศัยอยู่แต่ในป่าอาถรรพ์
‘ว่าไปมาสเตอร์ ไม่คิดว่าจะโดนหลอกไปฆ่าบ้างเลยหรือคะ?’
จะว่าไปก็จริงแฮะ ถึงจะบอกว่าฟัฟนิร์ฝากมา แต่ผมก็ไม่ได้พบฟัฟนิร์ตัวเป็นๆด้วยสิ แถม ..คนที่จะก่อสงครามกลางเมืองก็เป็นผู้นำตระกูลอามาเทราสึ ซึ่งขัดกับคนที่จะต่อต้านสงครามกลางเมืองอย่าง อามาเทราสึ โทมิเรีย เป็นถึงเจ้าหญิงประจำตระกูล แต่ดันมีแนวคิดคนละทางกันเฉยเลย มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแค่แผนล่อผมมา
แต่–ถึงจะเป็นกับดัก ผมก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถผ่านมันไปได้
ข้างๆตัวผม–มีสิ่งของยาวราว 1.5 เมตร ขนาดไม่ใหญ่ ยกเว้นบริเวณหัวที่ดูใหญ่เป็นพิเศษ มันคืออุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่ผมพึ่งได้มา สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเซียน มีวัตถุดิบชั้นสูงหลายอย่างถูกใช้ในการสร้างมันขึ้นมา ไม่ว่าจะ การาวิเทีย ,มณีอัคคี,เซปเตอร์เดธ ทุกอย่างถูกหลอมรวมเข้าเป็นอาวุธชิ้นเดียว
พึ่งได้มา และลองใช้แล้วเล็กน้อย พอได้มาก็รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังมีอีโก้เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่ามันคือสิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อตัวผม
เอาเป็นว่าหายห่วง
ผมปล่อยเนื้อปล่อยตัวนอนพักผ่อน และคุยเล่นกับยูนาอยู่ในใจ ขณะเดียวกันอานิม่าก็ออกไปเดินเล่น
****
ระหว่างที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่นั้นเอง ..เสียงเท้าก็ดังสนั่นทั่วทั้งเรือ ทำให้ผมต้องลืมตาตื่นจากฝัน ด้วยความหงุดหงิดผมส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? …ยูนาไม่ตอบ เหมือนว่าจะเลยตอนเที่ยงไปแล้ว ทำให้ยูนาไม่สามารถโผล่มาพูดคุยกับผมได้อีก อานิม่าเองก็ไม่อยู่ให้ถาม ผู้คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเองก็ไม่มีใครเลย
เกิดอะไรขึ้นกั–
“อย่าขยับเชียวนะเฟ้ย!”
เอ๊ะ-บริเวณแก้มของผมมีปืนจ้อเข้ามา
เป็นปืนพกสีเทาที่มีวงแหวนเวทย์สลักอยู่ข้างๆ–นั่นมันปืนเวทมนตร์ผิดกฏหมายที่โดนยกเลิกผลิตไปแล้วนี่นา จำได้ว่ายูจิเคยเล่าให้ฟังอยู่ เห็นว่านอกจากจะเลิกผลิตยังออกกฏหมายว่าห้ามใช้แล้วด้วย ที่มีแปลว่าถือของโจรอยู่ชัดๆ
ผมหรี่ตามอง ด้วยความที่พึ่งตื่นเลยยังงงๆอยู่
แล้วทำไมถึงเอาปืนมาจ่อหน้าผมล่ะ?
คำตอบของคำถาม ผมได้ทันทีที่หายจากอาการมึน นอกจากผมแล้ว ทุกคนก็นอนอยู่กับพื้นในสภาพยอมศิโรราบ แล้วก็เจ้าพวกนี้มีสัญลักษณ์รูปหัวกระโหลกใส่แว่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโจรสลัดชื่อดังในแถบนี้ด้วย
จำไม่ผิด น่าจะเป็นกลุ่มโจรสลัด ‘มาเซล’
เรื่องกลุ่มโจรสลัดช่างมันก่อน แต่อานิม่าหายไปไหนของเขากันนะ
“คือไม่ทราบว่าเห็นผู้หญิงผมสั้นสีดำแถวๆนี้รึเปล่าครับ”
“บอกให้หมอบไง!”
“โทษทีน–”
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ปลายกระบอกปืนดังลั่นขึ้นมาทันทีที่ผมขัดขืน เสียงกรี๊ดและเสียงร้องของชายหญิงในเรือดังขึ้นอย่างน่าหวาดผวา ทว่าทันทีที่ควันจากกระสุนจางหายไป มันกลับไม่ใช่ภาพของตัวผมที่นอนกองกับพื้น
“อะ อะไรกัน”
ผมอัดเวทย์ลมเข้าที่ร่างของโจรสลัดตรงหน้าจนปลิวออกจากเรือไป ปืนกระเด็นเข้ามาในมือของผม โจรสลัดคนอื่นที่เห็นทำท่าจะหยิบคนในเรือมาเป็นตัวประกัน
มีอยู่ประมาณห้าคนได้–ผมใช้เวทย์ลมส่งพวกโจรสลัดพุ่งออกจากเรือได้ราวสี่คน พลาดไปหนึ่ง
หมอนั่นหยิบตัวประกันขึ้นมาพร้อมกับเอาปืนจ่อคอของตัวประกัน
“อย่าขยับนะเว้ย!!!”
“ขะ ขะ ขอร้องละ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!”
ตัวประกันเป็นชายชราที่ดูร่ำรวย
ผมไม่สนเดินเข้าไป มันลงมือยิงตัวประกันทิ้งทันที และเอาปืนมาจะยิงผมต่อ ทว่าปากกระบอกก็บิดไปทางขวาด้วยแรงบีบจากข้อมือของผม
“อึก!”
ผมแทงมือเข้าที่หน้าท้องของโจร เมื่อส่งหมอนั่นไปนอนกับพื้นได้แล้ว ผมก็สัมผัสที่ร่างของชายชรา สร้างเปลวเพลิงสีทองห่อหุ้มร่างกายที่สาหัสเอาไว้ พริบตาเดียวชายชราก็หายจากบาดแผล แต่ก็อยู่ในสภาพนอนสลบแทน
คนภายในเรือค่อยๆพากันลุกขึ้นแบบมึนงง ผมยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง และก่อนที่จะเดินออดจากห้องนี้ไปก็มีโจรสลัดคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพแขนขาดวิ่งเข้ามาข้างใน หมอนั่นมองซ้ายขวาไปมาด้วยท่าทีตื่นตระหนกอย่างกับเจอผีมา
“กะ เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย?”
อีกเนี่ย? แปลว่าก่อนหน้านี้น่าจะเจอเรื่องแนวๆเดียวกันมาสินะ
ทันทีที่คิดอย่างนั้น อานิม่าก็โผล่มาข้างหลังโจรด้วยสภาพที่เลือดท่วมทั้งตัว เธอบีบร่างของโจรตรงหน้าจนเละด้วยพลังของเทพแห่งจิตวิญญาณ
ไม่มีความปราณีเลย
ผมเดินเข้าไปหาอานิม่าที่แม้จะฆ่าคนไปแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเป็นพิเศษ
“เกิดอะไรขึ้น”
“จู่ๆก็พวกโจรสลัดก็เข้ามาน่ะ เห็นบอกว่าจะจับพวกเราเป็นตัวประกันเพื่อหนีการจับกุมของทหารเรือ”
“แบบนี้นี่เอง”
บนเรือก็เป็นเรือของพวกมีตังค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าโชคดีอาจจะได้ตัวประกันที่มีค่าพอก็ได้ อย่างผมที่เป็นลูกชายขุนนางดังจากฟัฟนิร์เป็นต้น
ผมเดินข้ามร่างของกลุ่มโจรออกไปข้างนอกห้อง เมื่อออกไปพบกับทิวทัศน์ภายนอกก็เห็นเรือโจรสลัดขนาดใหญ่กำลังแล่นหนีเรือของทหารเรือราวสิบรำได้
ข้างๆเรือที่ผมนั่งอยู่ก็มีเรือขนาดเล็กของกลุ่มโจรสลัดมาเทียบ แต่ตอนนี้ถูกจอดทิ้งไว้เนื่องจากคนควบคุมเรือทั้งหมดน่าจะโดนพวกผมเล่นงานหมดแล้ว
“มีใครตายหรือบาดเจ็บรึเปล่า นอกจากพวกโจรสลัด”
“มีอยู่ แต่รักษาให้หมดแล้วน่ะค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นก็โล่งอก ผมเดินกลับเข้าไป ณ ที่นั่งของตัวเอง หยิบเอาอุปกรณ์เวทย์ที่ถูกปกคลุมไว้โดยผ้า ผมยกมันขึ้นมาวางไว้บนบ่าและเดินออกจากห้องด้วยท่าทางชิลๆ
“ตรงไหนดีนะ”
ผมพึมพำขึ้นมาขณะที่เดินไปยืนอยู่ตรงปลายของเรือขนส่งคนสุดหรูหรานี่
“ตรงนี้น่าจะดี”
เมื่อได้สถานที่ที่ดีแล้ว ผมก็ปลดผ้าออกจากอุปกรณ์เวทย์–เผยให้เห็นคทาเวทย์ที่มีรูปทรงประหลาด
คทาเวทย์สีทองคำขาว บริเวณปลายคทาเป็นปลายหอกที่ทำมาจากแร่ A-เทียร์ แร่ที่ดีที่สุดบนโลก บริเวณบนสุดของคทาคือคริสตัลหลากสี แดงดำ-ที่มาจากเซปเตอร์เดธ ม่วง-ที่มาจากการาวิเทีย แล้วก็ แดงส้ม-ที่มาจากมณีอัคคี ทั้งหมดถูกห้อยด้วยเส้นใยเวทมนตร์สีขาว
รูปร่างที่สง่างามและน่าเกรงขาม คือความรู้สึกแรกพบต่อตัวคทาเวทย์
ทันทีที่มือสัมผัสเข้ากับตัวคทาเวทย์ คริสตัลทั้งสามก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาอย่างสวยงาม
“เปลี่ยนฟอร์ม– [สไนเปอร์]”
คทาเวทย์บริเวณหัวและหลายม้วนเข้ามาหากัน กลายเป็นวงกลมสีทองคำขาว เกิดสายฟ้าแล่นผ่านไปมารอบๆไม่นานรูปทรงใหม่ก็ปรากฏ–สไนเปอร์สีทองคำขาว บริเวณข้างๆมีคริสตัลสามสีประดับอยู่ ผมนั่งลงกับพื้น ตั้งท่ายิงในท่าคุกเข่า ทำทุกอย่างด้วยความใจเย็น
ใส่มานาเข้าไป ทันใดนั้นวงเวทย์ก็ปรากฏขึ้นบริเวณปลาย
เวทย์ที่จะใช้-แสง
“[ชาร์จ]”
ปากกระบอกเลืองแสงขึ้น เวทย์แสงขั้นกลางทั่วๆไปพุ่งออกจากปากกระบอกของปืน
เวทย์แสงทั่วๆไปกลับมีขนาดใหญ่กว่าที่ควรนับสิบเท่า แสงพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว มันพุ่งผ่านเรือของโจรสลัด พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่น
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรือโจรสลัดหยุดนิ่งทันที ไม่นาน กองทัพทหารเรือน่าจะจับกุมได้
“เรียบร้อย”
ผมโยนสไนเปอร์ขึ้นฟ้าในระดับเดียวกับหัว ปลายกระบอกและหัวกระบอกม้วนเข้าหากันเป็นวงกลม เกิดสายฟ้าแล่นผ่าน พริบตาเดียวมันก็กลับมาเป็นคทาเวทย์เหมือนดั่งเดิม ผ้าที่ปลิวไปตามสายลมได้วนกลับมาพันตัวคทาเวทย์อีกครั้ง เป็นอันจบการใช้งาน
อานิม่าตบมือให้ผมด้วยรอยยิ้ม
“คทาเวทย์ที่สามารถเปลี่ยนฟอร์มการใช้งานได้ตามใจผู้ใช้งาน เป็นความสามารถที่สะดวกสบายจนแอบกลัวเลยนะคะว่าฝีมือจะตกลงรึเปล่า”
นั่นสินะเพราะสะดวกสบายเกินไปนี่แหละ ถ้าไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ผมเองก็น่าจะอ่อนแอลงจากความสะดวกสบายนี่แหงๆ แม้แต่ผ้าที่ใช้คุมก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษในการกลับเข้าที่เดิมโดยไม่ต้องเปลืองแรงผู้ใช้เลย
“ถ้าโดนด่าว่าเก่งเพราะอาวุธก็เถียงไม่ออกเลยละ”
นอกจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ก็ยังมีความสามารถอื่นๆอีก หลักๆก็มาจากคริสตัลสามสี่ที่ห้อยเอาไว้ คุณสมบัติของการาวิเทีย คุณสมบัติของเซปเตอร์เดธ แล้วก็คุณสมบัติของมณีอัคคี นอกจากนั้นความรุนแรง ความเร็วการโจมตี ความเร็วการร่าย ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ความสามารถย่อยๆก็มีแยกออกมาในแต่ละอาวุธฟอร์มที่เลือกใช้งานอีก ทั้งผมยังสามาถใช้ตัดมิติเสริมพลังขึ้นไปได้อีกขั้นอีก
พูดถึงข้อเสียก็มีแค่กินมานามหาศาล แต่ข้อเสียเดียวก็โดนกลบโดยวิหคอมตะไปแล้วด้วย
ไม่เชิงข้อเสียอีกอย่างก็คือมันเยอะเกินไป บอกตามตรงว่าหลายๆอย่างมันก็เยอะเกิน ผมเองก็ยังใช้ไม่คล่องเท่าไหร่ แต่จากที่ลองใช้แล้วสองสามฟอร์มอาวุธเช่นนี้มันเข้ามืออย่างบอกไม่ถูกน่ะนะ เอาเป็นว่าก็คงต้องเรียนรู้ต่อไป เกี่ยวกับของขวัญชิ้นโตที่โซล่ามอบให้กับผม นาม ‘เรลันดาฟ’ คทาเวทย์ที่จะได้รับการขนานนามว่าทรงพลังที่สุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรึอนาคต
คอนเซปต์ของมันก็คือ ‘ทรงพลังที่สุดตลอดกาล’ และ ‘เป็นอาวุธที่ถูกสร้างเพื่อเรเซอร์ ดราแคล์’
ผมวางเรลันดาฟไว้บนบ่า และยืนดูการจับกุมโจรสลัดของทหารเรือ