< < 166 Sec2 > >
ต่างคนก็ต่างแยกกันไปทำหลายๆอย่าง ผมเองก็คงต้องรีบทำธุระของตัวเองเช่นกัน ผมกลับมาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวเหมือนอย่างเดิม เมื่อตรวจเช็คร่างกายตัวเองจนครบแล้วผมจึงเดินออกจากคฤหาสน์ และตรงไป ณ ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ–โรงเรียนไสยศาสตร์ แห่งอาณาจักรเนลยอน
เช่นเดียวกับอาณาจักรฟัฟนิร์ ที่มีโรงเรียนเวทมนตร์แล้วก็สมาพันธ์เวทมนตร์ของตัวเอง ที่เนลยอนเองก็มีสถาบันการศึกษาและสมาพันธ์เหมือนๆกัน เพียงแต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดอาณาจักรฟัฟนิร์ แต่ถ้าแค่รูปลักษณ์และเงินลงทุนที่ใส่เข้าไปข้างในก็มากมายไม่ต่างกันเลย
โรงเรียนตรงหน้ามีขนาดที่ใหญ่โตมโหราฬ ทั้งการตกแต่งและวัสดุของที่เลือกใช้นั้นยอดเยี่ยมในระดับที่สมแล้วที่เป็นสถานที่การศึกษาสำหรับชนชั้นสูง
ผมยืนพิงกำแพงหน้าโรงเรียน เพื่อรอคนบางคน
****
“นี่ๆ”
“เห็นรึเปล่าน่ะ”
“สุภาพบุรุษรูปหล่อจากต่างแดน”
“น่าจะเป็นคนจากอาณาจักรฟัฟนิร์นะดูจากการแต่งตัว”
บริเวณกระจำตามทางเดิมมีผู้หญิงกลุ่มใหญ่หลายกลุ่มกำลังมุงดูคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสถาบัน ระหว่างที่สาวๆมากมายกำลังคุยกันอย่างออกรส เด็กหนุ่มหลายคนก็กอดอกแบบไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้นก็มีคนที่โดดเด่นที่สุดวิ่งฝ่าฝูงชนมาด้วยความร่าเริง
ทุกคนทันทีที่พบเห็นผู้โดนเด่นก็ต่างโบกมือให้และส่งเสียงทักทาย ไม่ว่าจะชายหรือหญิง
“มีอะไรกันเอ่ย สาวๆ หนุ่มๆ มามุงดูอะไรกันเอ่ย!”
‘วิน’ ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและความสดใสร่าเริง ทุกคนปฏิบัติกับเธอราวกับไอดอล
“คือว่านะวิน มีสุภาพบุรุษจากอาณาจักรฟัฟนิร์มายืนรอใครไม่รู้อยู่หน้าโรงเรียนน่ะ”
“ไม่รู้ว่ามารอใครนะ แต่ดูๆแล้วอายุน่าจะพอๆกับเรา”
“..อาจจะรอแฟน”
ได้ยินอย่างนั้นวินก็หัวเราะร่าขึ้นมา เธอเดินฝ่าคนไปส่องคนที่ยืนรออยู่หน้าโรงเรียน
“เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” วินหันกลับมาชูสองนิ้วให้ทุกคน “แฟนฉันเองแหละ”
….
“ “ “ “ หา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!? ” ” ” ”
ทั่วทั้งโรงเรียนต่างตกตะลึง ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะดาวประจำโรงเรียนอย่างวิน ผู้ที่ทำสถิติปฏิเสธผู้ชายมาแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง เธอได้ประกาศว่าตัวเองมีแฟนหนุ่มแล้ว แถมยังเป็นหนุ่มหล่อต่างแดนอีกต่างหาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว โรงเรียนก็เลิก ผู้คนมากมายต่างไหลไปหาชายปริศนาที่จู่ๆก็โผล่มาประกาศตัวเป็นแฟนของวิน
ฝูงคนไม่ต่ำกว่าสามสิบวิ่งเข้ามาหา เรเซอร์ ดราแคล์ หนุ่มหล่อต่างแดน
“นี่แก!!”
“ไอ้หัวขโมย!!”
“ไอดอลน่ะรักได้ แต่ห้ามล้ำเส้นนะเฟ้ย!!”
“พวกผู้ชายเงียบไปเลย พูดแต่อะไรไร้สาระ!! คุณเป็นสุภาพบุรุษจากตระกูลไหนหรือคะ!?”
“เจอกันครั้งแรกที่ไหนเหรอคะๆ?”
ผู้คนมากมายเริ่มมามุงที่เรเซอร์มากขึ้นเรื่อยๆ เรเซอร์ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป—ซึ่งรอยยิ้มที่ดูชาติชั่วไม่น่าดูนั่นของเรเซอร์ก็ทำให้ทุกชีวิตในที่แห่งนี้ถอยหลังไปพร้อมกันราวสามก้าวได้ หรือว่าจริงๆแล้วจะเป็นคนไม่น่าคบกันนะคนๆนี้ …เผลอคิดขึ้นมาอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว
“ให้ตายสิ ทุกคนจะตื่นเต้นกันเกินไปแล้ว แค่ฉันมีแฟนมันแปลกขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ปะ แปลกสิ ก็วินน่ะคือไอดอลประจำโรงเรียนที่ปฏิเสธผู้ชายไปกว่าร้อยคน”
เรเซอร์ทำหน้าประมาณว่า ‘เอ๊ะ ยัยนี่เนี่ยนะมีคนมาหลงเป็นร้อย’ ออกมาแบบโต้งๆ ทำให้วินทำแก้มป๋องใส่
“โทษที”
“เป็นคุณแฟนแท้ๆก็ช่วยปฏิบัติตัวดีๆกับแฟนสาวหน่อยสิ”
วินเข้ามาแทกศอกใส่เรเซอร์แบบเบาๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างกับคู่แฟนหนุ่มแฟนสาวที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่เลย
เห็นแล้วก็อดหมันไส้ไม่ได้
กลุ่มผู้ชายพากันสลายโต๋ด้วยสีหน้าหดหู่ เพราะไอดอลที่เทิดทูลได้กลับดาวสาวสวยมีแฟนไปแล้ว ส่วนผู้หญิงก็ยืนมองด้วยแววตาที่เป็นประกาย แต่ก็มีบางคนที่มีสีหน้าหดหู่และก้มหน้ามองพื้นพลางคิดในใจว่า-นี่เราอยู่โลกเดียวกันจริงๆเปล่าเนี่ย ทำไมเราถึงไม่มีแฟนบ้างเลยนะ ประมาณนั้น
“แล้ววันนี้นึกอะไรถึงมาดักรอฉันที่โรงเรียนกันล่ะ?”
“แฟนเนี่ยปกติเขาทำอะไรกัน”
“ก็คงเที่ยวเล่น กับทำเรื่องอุจาดๆกระมัง”
“ก็ตามนั้น แต่เรื่องอุจาดน่ะขอผ่านก่อน”
วินหัวเราะร่าแล้วเข้าไปตบหลังเรเซอร์อีกครั้ง เรเซอร์แม้จะทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ปล่อยให้ทำต่อไป ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากโรงเรียนไป วินได้หันมาโบกมือลาเพื่อนฝูงของตัวเองก่อน
“ถ้านั้นก็ลานะ ฉันขอตัวไปเที่ยวกับทำเรื่องอุจาดกับแฟนก่อนนา!”
“ก็บอกว่าไม่ทำเรื่องอุจาดๆไงเว้ย!”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ๋า ขี้โวยวายจริงนะ”
วินจับมือของเรเซอร์แล้วก็ลากหายไปจากหน้าโรงเรียนทันที ..เพื่อนๆเมื่อเห็นว่าโชว์อวดแฟนได้จบลงแล้วก็พากันสลายโต๋จนหมด
****
ขณะนี้ผมกำลังเดทกับผู้หญิงอยู่ ทั้งยังเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ว่าที่ภรรยาอย่างถูกต้องที่ผมมีอยู่แล้ว ให้กล่าวก็คือมันเป็นการนอกใจโดยสมยอมของผมเอง ผมรู้ดีว่าที่ทำมันไม่ดี แต่เพราะความใจอ่อนของตัวเอง ทำให้เรื่องมันลงเอยอย่างนี้
แม้ว่าจะได้เที่ยวกับสาวสวย แต่ผมก็รู้ดีว่าวินไม่ได้น่าหลงใหลอะไรเลย เป็นแค่ตัวขี้โวยวายที่เอาแต่ตบหลังกับเกาะหลังผมเป็นกิจวัตร
ตอนนี้พวกเราก็กำลังเดินอยู่ตลาดริมแม่น้ำแถวๆนอกตัวเมืองอาณาจักรเนลยอน ผู้คนที่เดินสวนไปมาเป็นคนที่มีฐานะธรรมดา หรือก็คือประชาชนทั่วๆไป ไม่ใช่พวกชนชั้นสูงอย่างโรงเรียนไสยศาสตร์หรือว่าเขตุที่มีแต่คฤหาสน์ชนชั้นสูง ซึ่งที่แห่งนี้ก็สร้างความผ่อนคลายให้ผมได้มากทีเดียว
“เป็นไงบ้างล่ะ ที่นี่ที่โปรดฉันเลยนา”
“ก็งั้นๆ”
“แล้วสถานที่ที่นายชอบที่สุดเป็นที่แบบไหนกัน”
“ในป่าตอนกลางคืน นั่งอยู่บนซากโบราณสถาน และสามารถมองเห็นดวงดาวมากมายได้จากข้างบน”
“เหวอ โรแมนติกไม่เข้ากับนายเลยนะ น่าขนลุกๆ”
วินกอดไหล่สองข้างของตัวเองและทำเป็นตัวสั่น ผมเห็นก็อยากจะถีบแต่ยั้งใจเอาไว้
ระหว่างที่เดินวินก็สังเกตุเห็นร้านขายเครื่องประดับแบบเดียวกับที่วันก่อนเธอซื้อแหวนคู่กันกับผม หล่อนหรี่ตามองมือทั้งสองข้างของผมที่ไร้ซึ่งแหวนคู่
“..ว่าแต่ แหวนที่ฉันให้ไปไม่เห็นสวมเลยนะ ไม่ใช่ว่าโยนทิ้งไปแล้วหรอกนะ ถ้าทำแบบนั้นโกรธจริงๆนะบอกเลย”
“ฉันแค่ไม่ชอบสัมผัสเวลามีแหวนติดอยู่ในนิ้วแค่นั้น”
ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองหนึ่งเม็ด และหยิบเอาสร้อยคอที่คล้องแหวนคู่ของวิน และเพชรเครื่องประดับที่แองเจลิน่าเคยให้ผมในวันเกิดเมื่อนานมาแล้ว
“สร้อยคอนี่?”
“ของสำคัญที่พี่สาวมอบให้น่ะ เห็นว่าใส่แหวนของเธอไปได้พอดีก็เลยใส่ด้วยกันไปเลย”
โชว์แหวนเสร็จแล้วผมจึงเก็บสร้อยคอเข้าข้างในเสื้อตามเดิม และเริ่มเดินต่อ ..วินยืนมองผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบเดินเร็วตามผมให้ทัน
“สร้อยคอนั่นสำคัญมากเลยสินะ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ เป็นของสำคัญที่พี่สาวมอบให้เชียวนะ”
“..ให้ของๆฉันไปปนกับของสำคัญขนาดนั้น ดีแล้วเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ดี ถึงจะแค่ข้อตกลงชั่วคราวก็เถอะนะ” ผมยิ้มให้ “แต่เธอก็คือแฟนสาวของฉันไม่ใช่รึไง?”
….
วินกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเป็นพิเศษ เธอหัวเราะแห้งๆออกมา
“ที่พูดเมื่อกี้ ทำเอาเผลอใจเต้นเลยแหละ”
….
“หะ หา!?”
ผมร้องเสียงหลงออกมา ใบหน้าร้อนขึ้นมาแบบฉับพลัน วินเมื่อเห็นสีหน้าที่ทั้งตกใจและเขินของผมก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสะใจ
“หน้าไปหมดแล้วนะรูปหล่อ!”
“หนวกหูเว้ย! ถ้าไม่อยากโดนเตะตูดก็หุบปากซะ ยัยเบื้อก”
“เรียกฉันว่าแฟนสาวอีกครั้งหน่อยสิ”
“ไม่มีครั้งที่สองแล้วเฟ้ย!”
ในขณะที่ผมกับวินกำลังเล่นบทแฟนกันอย่างสมบทบาทนั้นเอง—
“พะ พะ พี่วิน?”
ผู้หญิงธรรมดาทั่วๆไปโผล่มาทักทายวิน ทำเอาผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะวินดูห่างไกลกับความธรรมดาในทุกๆเรื่องแบบทุกเรื่องจริงๆ
“..โอ๊ะ ‘เอมิ’ ไม่ใช่เหรอนั่น บังเอิญจังนะ”
เอมิ?
วินวิ่งไปอยู่ฝั่งเดียวกับเอมิที่ว่า แล้วก็ผายมือแนะนำตัวไปทางเอมิ
“ ‘เอมิ’ เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแถวๆนี้น่ะ ถึงจะอายุน้อยกว่าฉันราวสองสามปี แต่ก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง” พูดจบวินก็ตบมือ แปะๆ “ยังไงก็ช่วยคุยกับเธอดีๆด้วยนา”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน ..เอ่อ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ครับ”
“แฟนฉันเอง”
เอมิได้ยินก็อ้าปากค้าง
“ถึงจะไม่อยากคิดก็เถอะ แต่พี่วินเนี่ยนะมีแฟน!!”
“เดี่ยวเถอะๆ มันเสียมารยาทนะนั่น”
จากนั้นวินก็เข้าไปเจี้ยวจ้าวกับเอมิอยู่พักหนึ่งก่อนหันมาหาผม
“เอาละ ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เอมิทำงานอยู่กันเถอะ!”
ไหงเป็นนั้นได้ล่ะ?
****
“พี่จ๊าย พี่จ๊าย”
“หน้าตาอย่างกับไอดอลแหนะพี่จ๊าย”
“ไอนั่นของพี่จ๊ายขนาดเท่าไหนเหรอฮ้าบ”
เด็กมากมายพากันมารุมล้อมผม สมกับเป็นไอรูปหล่ออย่างผมดี
“พี่ชายต่างหากครับ หล่ออย่างกับไอดอลนี่ไม่เถียง ขนาดไอนั่นบอกได้แค่ว่าไม่ต่ำกว่าแขนครับ”
“เอ่อ..”
“อย่าคิดมากเลยนะ เอมิ หมอนั่นเป็นอย่างนั้นแหละ”
วินนั่งคุกเค่าเล่นกับเด็กๆหลายคนด้วยรอยยิ้ม ผมเองก็ด้วย เพียงแต่เนื้อหาที่คุยมันดูไปไกลเกินวัยเด็กไปนิด เอมิทำสีหน้าเอือมๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่อะไรมาก
พวกเรานั่งเล่นกับเด็กน้อยทั้งหลายอย่างสนุกสนาน เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวท้องฟ้าก็แทบจะตกดินอยู่แล้ว ได้เวลากลับบ้านทางใครทางมันแล้ว พวกเราเลยมาโบกมือลาเด็กๆที่หน้าโบสถ์ก่อนที่จะแยกกัน
ผมหันไปมองหน้าวินที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนจากสีเมจิก
“ฮ่าๆๆ”
เผอิญหน้าผมก็มีเหมือนกัน ทำให้โดนหัวเราะอัดหน้า
“ให้ตายสิ ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ”
“เอาเถอะน่าๆ เป็นแฟนกันนี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
นั่นสินะ
“ถ้านั้นก็ไว้เจอกันนะครับ คุณเอมิ แล้วก็เด็กๆ อย่าดื้อมากซะละ”
“เจอกันน้าทุกคน”
ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างโบกมือลาพวกผมอย่างอบอุ่น
ก่อนจะถึงจุดที่ต้องแยกกันกลับบ้าน ผมและวินก็เดินข้างกันตามทางริมแม่น้ำที่มีแสงไฟจากบนเรือและเสาไฟสาดส่อง คงเพราะใช้พลังงานในการเล่นกับเด็กเยอะไปนิด ทำให้ทั้งผมและวินก็ต่างเหนื่อยจนนึกเรื่องมาพูดคุยกันต่อไม่ออก
จึงจับสัมผัสการเคลื่อนที่ของอีกฝ่ายเงียบๆ และพยายามเดินให้พร้อมกันแค่นั้น
“นี่ คุณแฟนเรเซอร์”
ไม่ชอบเลยนะวิธีเรียกอย่างนั้น
“อะไรอีก”
“อยากจะไปเจอน้องสาวฉันหน่อยมั้ย?”
“ไม่ข้ามขั้นหน่อยหรือไงน่ะ”
ผมพยายามพูดติดตลก แต่ครั้งนี้วินไม่ตอบคำถามด้วยเสียงหัวเราะ
“เป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ? แค่อยากพาไปเจอครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของฉันเอง ไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเหรอที่จะต้องพาผู้ชายที่คบหาดูใจอยู่ด้วยไปแสดงความจริงใจให้คนที่บ้านผู้หญิงน่ะ”
“..ลืมไปแล้วหรือไง ว่าที่ทำอยู่มันก็แค่–”
“ข้อตกลงคำโกหกชั่วคราว เพราะสงสารฉันใช่มั้ยล่ะ?”
“อ่า”
“ถ้าฉันบอกว่าครึ่งหนึ่งไม่ใช่คำโกหก นายจะทำยังไงต่อเหรอ?”
…
“ผู้ชายที่สนใจฉันน่ะมีอยู่ตั้งเยอะแยะ แล้วทำไมต้องไปขอคบกับผู้ชายที่ปฏิบัติกับฉันไม่ต่างกับผู้ชายอย่างนายด้วย ไม่สังเกตุเรื่องนี้เลยเหรอ–เฮ้อ บื้อกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเยอะจริงๆนะ ปกติเป็นคนฉลาดแท้ๆ คุณแฟนเรเซอร์เนี่ย แปลก แปล๊ก” วินเขยิบตัวเข้ามาข้างผมจนตัวเราติดกัน เธอเงยหน้ามองผมพร้อมกับรอยยิ้มประหนึ่งปีศาจสาว “พอจะเข้าใจความหมายที่จะสื่อรึเปล่า?”
เข้าใจสิ เข้าใจดีเลย แต่อยากทำเป็นไม่เข้าใจชะมัด
วินเขย่งเท้าของตัวเอง ใบหน้าของเธอเริ่มเคลื่อนเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ
เป้าหมายคืออะไร ผมไม่ได้อ่อนหัดเกินจะไม่รู้–ผมผละตัวออกมาทันที
“จะไปด้วยก็ได้ แต่ไอแบบเมื่อกี้ อย่าทำอีกเชียวนะ”
“..พูดแบบนี้ หัวใจสาวน้อยของฉันมันเจ็บปวดนะ”
คงเพราะใช้ชีวิตอยู่กับการปั้นหน้าโกหกมาตลอดกระมัง ..ผมจึงไม่อาจเดาใจจริงของวินในเวลานี้ได้เลย บางที วินอาจจะเป็นเพียงแค่จอมเสแสร้งที่แสนน่าหวาดกลัวก็เป็นได้ ส่วนผมก็เป็นได้เพียงเหยื่อของเธอ
วินถอนหายใจ และปั้นหน้ายิ้มตามเคยอีกครั้ง
“ถ้านั้นก็รีบไปกันเถอะ เธออยู่โรงพยาบาลไม่ไกลจากที่นี่มาก–เอาเป็นว่าวันนี้กลับดึกหน่อยนะ เรเซอร์ ขอโทษที่รบกวนนะ”
..
“อ่า”
เวลาเพียงไม่นาน ตัวตนของวินก็ค่อยๆกลายเป็นสิ่งอื่นขึ้นเรื่อยๆ และผมก็หวาดกลัวความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นเล็กๆในมุมมืดของจิตใจ