< < 167 Sec1 > >
ไม่มีวันที่โลกจะหยุดหมุน แม้ว่ามันจะถูกย้อนกลับ แต่มันก็ยังหมุนต่อไปอยู่ แม้ว่าการหมุนนั่นจะเป็นการย้อนกลับของโชคชะตาก็ตาม
บริเวณเทือกเขา ชายแดนระหว่างอาณาจักรแซร์อิซ และจักรวรรดิราชามังกร ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์นั้น–อีกไม่นานต่อจากนี้ จะเกิดการปะทะกันขึ้น
เทพดาบเพียงหนึ่งเดียว ‘แกนน่อน’ ยืนอยู่กลางสะพานระหว่างภูเขาสองลูก โดยที่ข้างหลังของเธอนั้นมีชายร่างยักษ์ในชุดคลุมสีน้ำตาลยืนอยู่ ข้างหลังของชายผู้นั้นได้มีดาบยักษ์นาม ‘ดาบคลั่ง’ ติดเอาไว้อยู่
พูดถึงผู้ครอบครองดาบคลั่ง ก็มีเพียงแค่ ‘ราชาอัศวิน’ หรือว่า ‘อดีตราชาอัศวิน’ นาม ‘คาลอส’ เท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครอง
“คาลอสนั้นรึ ไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน”
แกนน่อนกล่าวทักทาย
“ล่าสุดที่เจอก็เป็นตอนที่ดวลดาบกับเกรย์สินะ เจ้าเติบโตขึ้นมากจริงๆจากตอนนั้น”
เธอเห็นภาพของคาลอสในวัย 18 ปี ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน ทั้งยังเป็นบุคคลระดับผู้นำของอาณาจักรฟัฟนิร์
“เป็นเกียรติมากที่เทพดาบจำนามของเด็กน้อยจอมอวดดีในตอนนั้นได้”
“เจ้านั้นยอดเยี่ยมทีเดียว แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่เกรย์ แต่เจ้าในตอนนั้นยังเยาว์วัย ในอนาคตคงจะเติบโตในฐานะนักดาบได้มากกว่าตอนนั้นหลายเท่าตามที่ข้าคาด ทว่า เจ้าในตอนนี้คงเลิกพัฒนาไปแล้วกระมัง ตั้งแต่ไปพึ่งพาของอย่าง ‘เกราะอิจิส’ นั่นน่ะ”
เป็นเรื่องจริงตามที่แกนน่อนพูด ความสามารถในฐานะนักดาบของคาลอสได้ต่ำลงเรื่อยๆเมื่อพึ่งเกราะอิจิสที่มีคุณสมบัติทำให้ผู้ใช้ทนทานต่อทุกสรรพสิ่งบนโลก
“ข้ายินดีนะ ตอนที่ทราบว่าเจ้าได้ลงจากตำแหน่งราชาอัศวิน ยังไม่สายไปด้วยที่จะพัฒนาตัวเอง ..มาเป็นลูกศิษย์ของข้าสิ แล้วข้าจะมอบวิชาดาบที่จะพิชิตเทพดาบให้แก่เจ้าเอง”
คาลอสเองก็มีพรสวรรค์สูง บางทีอาจจะช่วยฆ่าเธอได้ตามที่ขอก็ได้–ทว่ากลับโดนคาลอสตั้งท่าดาบใส่แทน
“อธิบายทีสิ”
“เทพดาบ แกนน่อน เธอถูกจับกุมในฐานะอาชญากรโลกที่ร่วมมือกับ ‘ภัยพิบัติ เรน’ ฉันมาที่นี่เพื่อจับกุมเธอตามประสงค์ของอาณาจักรทั่วทุกแห่งบนโลก เธอมีทางเลือกแค่สองทางคือ–ยอมตามมาแต่โดยดี หรือไม่ก็ตาย”
“คิดไว้แล้วเชียว ไม่น่าไปร่วมมือกับหมอนั่นเลยนะ”
“ร่วมมือกันจริงๆด้วยสินะครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างท่านจะลดตัวไปร่วมมือกับสวะพรรค์นั้น”
แกนน่อนหัวเราะขึ้นจมูก และชักดาบขนาดสั้นออกมาจากฝักช้าๆ
“จะบอกอะไรให้นะ ข้ากับเรนไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เป็นเพียงสวะที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ไม่ใช่บุคคลที่น่านับถืออะไรตั้งแต่แรกแล้ว” แกนน่อนหรี่ตามองอย่างเหยียดหยาม “หมายความว่าถ้าเจ้ามาขวาง ข้าก็จะฆ่าทิ้งยังไงละ”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้น–”
ทั้งสองได้พุ่งใส่กัน—-เพียงจังหวะการแลกดาบคราเดียว ภูเขาสองลูกก็ถูกแบ่งครึ่งอย่างสวยงาม ตามมาด้วยแรงลมกรรโชกมหาศาลที่พร้อมจะทำให้ทุกสิ่งโดยรอบกลายเป็นเนื้อบดได้จากลูกหลง
การต่อสู้ระหว่าง จุดสูงสุดของวิชาดาบ และดาบคลั่งจึงได้เริ่มขึ้น
****
จุดศูนย์กลางของโลกคือที่ที่เก็บสมบัติสวรรค์ ‘โซ่สวรรค์’ เอาไว้ นี่คือปริศนาเดียวที่ยูจิได้รับ และตอนนี้ยูจิก็ได้ไขปริศนาข้อนั้นแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงแค่ไปชิงมันมาให้ได้
ทว่า
อะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นไปตามใจนัก
ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ประดับด้วยภูเขายักษ์ราวสี่ลูก ที่แห่งนั้นได้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ ยอดเขาสองลูกถูกตัด และล่วงลงแม่น้ำ ไม่ใกล้ ไม่ไกลกันมาก สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้ยูจิและคนอื่นๆที่ยืนอยู่บนผืนหญ้าต่างมองไปสถานที่ที่เกิดเรื่องขึ้น
“..เทพดาบ แล้วก็อดีตราชาอัศวิน จังหวะไม่ดีเลยนะ”
“ให้ดิฉันไปจัดการให้ดีรึเปล่าคะ?”
เทียนหลงทำท่าจะไปหาเรื่อง แต่ยูจิก็ยื่นแขนไปขวางไว้ก่อน
“ไม่จำเป็นหรอก ที่สำคัญ-”
ยูจิพึมพำขึ้นอย่างไร้เสียง ก่อนที่เขาจะทิ้งความสนใจข้างหลังมาให้คนสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“ไม่เจอนานนะ”
‘เรย์’ ผู้ถือครองดาบมังกรเหล็ก และเพื่อนสนิทของยูจิ
เรย์โบกมือทักทายแบบเกร็งๆทั้งรอยยิ้มและท่าทาง ถัดจากเรย์ก็ไม่ต่างกัน
“นานจริงๆนะยูจิ ราว 14 วัน 14 ชั่วโมง 14 นาที 14 วิได้”
พูดอะไรแปลกๆออกมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ถ้าคนปกติได้ยินคงจะขนลุกแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ไปแล้ว—คนที่แสดงพฤติกรรมพิลึกคือ ‘หนิง’ ผู้ถือครองพลังมหามังกรเพลิงฟัฟนิร์ รึ เจ้าหญิงมังกรแห่งฟัฟนิร์
ตามที่เห็น หนิงและเรย์ได้สะกดรอยตามยูจิ และมาถึงตัวได้ในที่สุด
“ตั้งใจทำอะไรกันครับ คุณเรเซอร์ส่งมาเหรอ?”
“มาด้วยใจจริงต่างหาก เป็นอะไรของนายละนั่น อารมณ์ไม่ดีรึไง ถ้ามีอะไรก็ค่อยๆพูดก็ได้”
เรย์พยายามโน้วน้าวตามประสาเพื่อน แต่เขามิได้เข้าใจอะไรเลย
“ถ้าเป็นเพื่อนของผมจริงก็อย่ามาขวางครับ หน้าที่ของคุณเรย์มีแค่นั้น”
“..ยูจิ”
“ต่อให้จะต่อว่ายังไง แต่ฉันก็ไม่หยุดหรอกนะ”
หนิงก้าวเท้าเข้าไปกะจะเข้าประชิดยูจิ จังหวะนั้นเทียนหลงก็มาขวางไว้ไม่ให้เดินเข้าใกล้นายของตัวเอง
“ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ ว่าจะไม่มีทางปล่อยมือน่ะ”
“…”
ภาพนี้เคยเห็นมาก่อน จากความทรงจำนับล้านที่เขาได้พบเจอ
ความเจ็บปวดแล่นเข้าหัวสมองฉับพลัน ความทรงจำนับล้านที่ซ้ำเดิมย้อนเข้ามาทันทีทั้งหมด ทำให้หัวแทบจะระเบิดออกมา ยูจิใช้มือกดศรีษะของตัวเองเอาไว้เพื่อยับยั้งความเจ็บปวดทางจิตใจอันมากมายที่กำลังกัดกินตัวเอง …
“น่าหนวกหูจริงๆเลยนะครับ”
ยูจิมองผู้เปรียบเสมือนเพื่อนทั้งสองด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร และก่อนที่การทะเลาะวิวาทจะเริ่มขึ้นก็มีผู้เข้าร่วมในการทะเลาะคราวนี้ด้วย
ชายวัยกลางคน หน้าตาดูน่ากลัว สูงราว 180 ซ.ม. เสื้อโค้ทสีดำ กางเกงสีดำ รองเท้าบู้ท เสื้อสีขาวของทหารเรือ แล้วก็หมวกแก็ปสีดำขนาดยักษ์ที่มีตราทหาเรือสีทองติดเอาไว้ ข้างๆตัวมีดาบรูปทรงพิลึกยาวขนาดเกือบเท่าหัวไหล่
ชายผู้นั้นเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ
“..ดาบนกยูง ‘พาโว’ มีธุระอะไรกับผม”
เมื่อได้ยินชื่อเสียงเลียนนามของชายคนนี้ เรย์ก็ตกใจเสียงดัง
“ดะ ดาบนกยูง!? นักดาบอัจฉริยะ หนึ่งในเจ็ดคาปสมุทรคนนั้นน่ะเหรอ?”
ชายวัยกลางคน หรือพาโว ไม่ได้ตอบกลับอะไร ทำเพียงเดินเข้าหายูจิ—พริบตาเดียวดาบก็กวาดอากาศมาทางขวา หมายจะสะบั้นคอของยูจิทิ้งเสียตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ความเร็วที่น่าทึ่ง ความคมที่ทำให้อากาศกรี๊ดร้องนั่นเองก็น่าทึ่ง วิชาดาบที่น่าหวาดกลัว หากวัดแค่วิชาดาบ ระดับอาจจะไม่แพ้ ไรเดน อาคาสะ และใกล้เคียงกับเทพดาบอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ระดับแค่นั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคของยูจิในเวลานี้ ยูจิเอียงตัวหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย
“แก!!!!!”
“ตอบสนองเร็วดี”
พาโวกล่าวชมอย่างง่ายๆ ขณะเดียวกันเทียนหลงก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับหมัดที่ปกคลุมด้วยเพลิงสวรรค์
“[จังหวะแตะสายลม]”
พาโวพึมพำขึ้นสั้นๆ พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและพริ้วไหว การโจมตีโต้งๆของเทียนหลงถูกหลบได้อย่างง่ายดาย
“[สะบั้น]”
ขาทั้งสองข้างของเทียนหลงถูกตัดจนขาดในพริบตาเดียว ร่างกายที่ปลดคลุมด้วยเกล็ดมังกรถูกดาบสองเล่มสะบั้นทิ้งในคราเดียว–ร่างครึ่งบนของเทียนหลงล้มลงกับพื้น ก่อนที่จะได้ทำอะไรพาโวก็เหยีบหัวของเทียนหลง และควงดาบคู่ของตัวเอง
“ยูจิ แล้วก็มังกรสวรรค์ ฉันมาที่นี่เพื่อกำจัดพวกแก”
พาโวประกาศเป้าหมายของตัวเองออกมา พร้อมกับโยนดาบทั้งสองเล่มใส่ยูจิ—
“[จันทร์เสี้ยวย้อนกลับ]!!”
เรย์พรุ่งตัวออกมาปัดดาบทั้งสองเล่มออกด้วย ‘วิชาดาบจันทร์เสี้ยว’
[จันทร์เสี้ยวย้อนกลับ] คือการสละอาวุธของอีกฝ่ายทิ้งโดยทันที พาโวเบิกตาโพลงกว้าง เขาตกใจอยู่ไม่ผิดแน่ แม้จะไม่ได้ส่งเสียงอะไรมากมาย เพราะดาบที่ควรจะย้อนกลับมาหากลับล่วงลงกับพื้น
“อย่ามาสามหาวให้มันมากนะ!!”
เพลิงโทสะของเทียนหลงปะทุขึ้นใต้เท้าพาโว พาโวตอบสนองโดยการพุ่งตัวออกไปทางเรย์ ตั้งใจจะไปหยิบดาบของตัวเอง แต่เรย์ก็พุ่งใส่ กะว่าจะไม่ให้ทำอะไรมากกว่านี้
“ไม่ยอมให้ฆ่ายูจิหรอกน่า!”
“หึ.!”
[จังหวะแตะสายลม] ถูกเปิดใช้งานขึ้นพร้อมๆกัน การต่อสู้ถูกเร่งความเร็วขึ้น และจบในพริบตาเดียว
“อึก!”
ไหล่ของเรย์ฉีกขาดโดยรอยสะบั้นขนาดยักษ์ ขณะเดียวกัน พาโวก็ได้ดาบทั้งสองเล่มกลับคืนมา และยืนอยู่ตรงหน้ายูจิ
“สมกับเป็นนักดาบที่เคยเป็นคู่แข่งของดาบมังกรเหล็ก แข็งแกร่งจริงๆนะครับ แต่ว่า ..การต่อสู้กับคุณ ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องทำในเวลานี้ ไว้จะมาคิดบัญชีใหม่ครับ”
กล่าวจบร่างของยูจิก็ค่อยๆจางหายไป พาโวพึ่งจะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่นานจึงพบว่าที่แห่งนี้ไม่มียูจิอยู่อีกแล้ว
ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแห่งนี้ เหลือเพียง เรย์,หนิง,เทียนหลง แล้วก็ตัวพาโวเอง
“วิชาไสยศาสตร์สินะ”
วินิจฉัยได้แล้วว่ายูจิหนีไปแล้ว พาโวจึงตัดสินใจจะออกไปตามหา แต่ แน่นอนว่าทั้งสามคนไม่คิดจะปล่อยพาโวไปอยู่แล้ว
“คิดว่าจะปล่อยให้ไปฆ่ายูจิรึไงกัน”
“จะดาบนกยูงหรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ว่—”
พูดไม่ทันจบ หนิงก็โดนเทียนหลงอัดเข้าที่สีข้างและปลิวไปไกลนับกิโลเมตร ….
……
“ดะ ดะ เดี่ยวดิๆ ยังพูดไม่จบเลยนะเฟ้ย!”
“ฮ่าๆๆ ได้จังหวะพอดีเลย ชั้นต่ำไร้ค่าอย่างแกไม่มีทางสู้ไอ้นักดาบนกบ้านี่ได้อยู่แล้ว”
กล่าวจบเทียนหลงก็กลายเป็นมังกรและบินตามหนิงไปทันที ….
ที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงคนสองคน อย่างที่ว่ากันว่า สองต่อสอง
“..ดาบเล่มนั้น ดาบมังกรเหล็กสินะ”
“อ๊ะ ..อ่า ใช่ครับ”
“วิชาดาบที่ใช้นั่นก็ด้วย เธอคือลูกศิษย์ของเกรย์?”
“ใช่ครับ”
พาโวถอนหายใจ และตั้งท่าดาบ
“มีตาหามีแววไม่จริงๆนะ เกรย์” พาโวหรี่ตามองอย่างเหี่ยวแห้ง “ผู้สืบทอดของนายมันอ่อนแอเกินไปแล้ว”
“ว่าไงน—”
เลือดพุ่งออกจากหน้าท้องเป็นแนวเฉียง พร้อมกับเสียงพูดที่ดับหายไป เรย์ได้แต่สำรอกเลือดออกมาจากปาก พร้อมกับน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่ไหลโดยไม่จำเป็น
เรย์ล้มลงกับพื้นในท่าคุกเข่า เขาพยายามอย่างสุดตัวเพื่อจะแหงนหน้ามองพาโวที่ค่อยๆเดินผ่านไป
ระดับต่างกันเกินไป ในฐานะนักดาบ พาโวอยู่คนละมิติกันเลย เรย์พยายามกดบาดแผลเอาไว้ เพื่อเตรียมตัวรับการต่อสู้ต่อจากนี้ ทว่า พาโวกลับเก็บดาบ และเดินผ่านเขาไปอย่างไม่ให้ค่า
“..หา?”
****
ผู้ชนะจะปรากฏก็ต่อเมื่อเส้นทางสู่สวรรค์ได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อที่จะสร้างเส้นทางสู่สวรรค์นั้น จำเป็นต้องใช้ ‘สมบัติสวรรค์’ ทั้งหมดห้าส่วน
ลำดับที่หนึ่ง – ประตูสวรรค์
ลำดับที่สอง – กุญแจสวรรค์
ลำดับที่สาม – บันไดสวรรค์
ลำดับที่สี่ – โซ่สวรรค์
ลำดับที่ห้า – ขอบเขตุสวรรค์
ห้าสิ่งนี้จะสร้างทางเดินไปสู่สวรรค์ให้แก่มนุษย์ คำใบ้เดียวที่มีให้ก็คือ-การต่อสู้นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตั้งแต่คราวของจอมมารและเทพแห่งวัฐจักร จวบจนถึงปัจจุบันการต่อสู้นี้ก็ยังไม่ปรากฏผลลัพธ์ จอมมารและเทพยังต้องเข้าห้ำหั่นกันหลายต่อหลายครั้ง
แต่คราวนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป ตัวแทนของทวยเทพในตอนนี้ ไม่ใช่ผู้กล้า แต่เป็น ‘ยูจิ’ ผู้ถูกสร้างมาให้พิเศษกว่าใครๆ
ยูจิเดินเข้ามาภายในป่าขนาดยักษ์ แสงอาทิตย์ไม่อาจส่งมาถึงได้ในที่แห่งนี้ ค่อยๆเคลื่อนที่ไปในความมืดเรื่อยๆ ถึงกระนั้นยูจิก็ไม่หยุดเท้า ไร้ซึ่งความหวาดกลัว สิ่งเดียวที่เขากลัวในตอนนี้มีเพียงแค่ความทรงจำเดิมๆนับล้านครั้ง
….
….
ทางเดินที่ไร้จุดสิ้นสุด เดินวนมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังคงอยู่ ณ ที่แห่งเดิม
ยูจิถอนหายใจ และแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า ก่อนพบว่ารอบตัวเองกำลังถูกปกคลุมด้วยคลื่นพลังอยู่
“โซ่สวรรค์จะปรากฏ ณ ศูนย์กลางของโลก ไม่มีผู้ใดที่รู้ที่อยู่ของสมบัติสวรรค์ แม้แต่จอมมารก็จำเป็นต้องไขปริศนาของทวยเทพก่อนจึงจะมาถึงได้ จะมีก็แค่ทวยเทพด้วยกันเท่านั้นที่รู้”
เสียงของหญิงสาวดังก้องในป่า
คนเดียวที่จะอ่านการเคลื่อนไหวของยูจิที่เป็นเทพได้ มีเพียงแค่ทวยเทพด้วยกันเท่านั้น
“ไม่ได้พบกันนานนะ ออโรโบรอส ‘เอโด-เวโด้’ หรืออีกชื่อ ‘คาร่า’ เองจ้า”
คนที่ขังยูจิไว้ในคลื่นพลังก็คือคาร่า แต่ถึงไม่ต้องบอก ยูจิก็รู้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่จับได้ว่ามีคลื่นพลัง ยูจิก็ชี้ตัวคนร้ายได้แต่แรกแล้ว เธอก็แค่มาเฉลยหลังจากโดนจับได้ก็เท่านั้น
นอกจากเทพแห่งธรรมชาติ ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ภายในคลื่นพลังประหลาด
ตรงหน้ายูจิ จู่ๆก็มีชายหลังค่อมที่พันตัวเองโดยผ้าพันแผล ส่วนที่เผยผิวตัวทั้งหมดถูกพันไว้โดยผ้าพันแผล ยกเว้นดวงตา เส้นผม และปาก อย่างไรก็ตาม สภาพของชายคนนี้ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เจอกันนานนะ ดูเปลี่ยนไปมากซะจนจำไม่ได้เลย”
“เรื่องนั้นผมก็อยากพูดเหมือนกันครับ คุณ ‘การ์ป’ ..ดีใจที่คุณยังไม่ตาย แต่น่าเสียดาย เหมือนว่าคุณจะหลงผิดนะครับ”
“ไม่ต่างกับนายเท่าไหร่หรอก”
การ์ปยกมือขึ้น และบดขยี้อากาศ—-