< < 167 Sec2 > >
โซ่สวรรค์อยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลก จุดที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไปถึงได้ เว้นแต่เพียงผู้มีคุณสมบัติ และ ณ บักนี้ ณ จุดศูนย์กลางของโลก ณ การต่อสู้ที่เริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชีวิต แต่มีความเสียหายระดับถล่มภูเขาทลายผืนหญ้า ณ ที่แห่งนี้ ผู้มีคุณสมบัติได้ย่างก้าวเข้าหาโซ่สวรรค์ พร้อมกับความโกลาหลที่ตามหลังมา
เปลวเพลิงสองที่ได้พุ่งเข้าใส่กัน หมุนกันเป็นเกลียว บ้างก็ระเบิดขึ้นหลายๆจังหวะ
เจ้าหญิงมังกร และมังกรสวรรค์ได้เข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด บริเวณผืนหญ้าและป่าที่ไม่ไกลกันมากนัก พื้นที่โดยรอบทั้งหมดถูกแผดเผาจนกลายเป็นพื้นที่สีน้ำตาลแสนแห้งแล้ง
“เทียนหลง!!!! แกนี่มันน่ารำคาญจริงๆ!”
“เป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำที่บังอาจครอบนำพลังของท่านเทพแท้ๆ!! อย่ามาอวดดีหน่อยเลย!”
ทั้งสองเข้าสู้กันในโฉมของ ‘มังกร’ มังกรสีแดงเข้มที่น่าหวาดกลัว กับมังกรสีทองคำขาวที่สวยงาม ได้แลกคมเขี้ยวรวมถึงเพลิงใส่กันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ทุกๆการปะทะก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อม รึ ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความร้อนประหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงนรก
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆที่จะรอดพ้นจากสภาพอากาศตรงนี้ไปได้ ฝูงนก ฝูงกวาง และบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ในระยะการต่อสู้ราวหนึ่งกิโลเมตร ทั้งหมดล้วนถูกเผาจนเป็นธุลี—-ไกลออกไป บริเวณภูเขายักษ์สี่ลูกก็เกิดการปะทะกันที่ทำให้ภูเขาถูกสะบั้นจนกลายเป็นเศษซาก จังหวะเสียงแลกดาบดังสนั่นทั่วพื้นที่ เพียงแค่เสียงปะทะที่บ้าคลั่งนี้ก็ทำให้ทุกชีวิตรู้ได้ทันทีว่าควรออกห่างจากการต่อสู้
เหล่าสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติได้อพยพหนีตาย มนุษย์ที่บังเอิญอยู่แถวๆนั้นก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต บ้างก็ตายจากซากหินที่หล่นลงมาทับ
ความโกลาหลทั้งหมด ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตในระยะสิบกิโลเมตรได้รับผลกระทบ มากน้อยตามระยะห่าง
แน่นอนว่าทั้งหมดไม่มีทางเกิดขึ้น ในฐานะสิ่งมีชีวิตไม่น่ามีสิ่งใดที่ทำได้ขนาดนี้ เว้นแต่ว่า–จะเป็นผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดสิ่งชีวิตไปแล้ว หรือที่เรียกกันว่า ‘ท็อปโลก’ ผู้มีพลังอำนาจมหาศาล ราวกับร่างจำแลงของทวยเทพ
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเสมือนจุดเปลี่ยนทุกอย่าง ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ จุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ก็มักจะมาจาก–การต่อสู้ของเหล่าตัวประหลาดที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ของการผลัดเปลี่ยนยุคสมัย
จุดมุ่งหมาย จุดประสงค์มากมาย พวกเขาเหล่านี้ต่างเป็นตัวแทนของทุกชีวิตบนโลก ความแตกต่างจะนำพาไปสู่สงคราม ไม่ว่าจะแนวคิด หรือความฝัน แม้มันจะไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ทันทีที่มันขวางกันเอง ก็ต้องสู้เพื่อให้สิ่งที่ตัวเองยึดถือไปไกลกว่าใครๆ เพราะมีแค่ความคิดเดียวที่จะคงอยู่ได้ จึงเกิดเป็น ‘สงคราม’
มนุษย์ ..ไม่สิ ทุกสิ่งล้วนโง่เขลาอย่างชาญฉลาด นี่คือ ..ภาพลักษณ์ของโลกที่จอมมารต้องการนั้นหรือ? นี่คือสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นหลังจากได้รับอิสระไม่ใช่หรือ?
“..ท่านทำขนาดนี้เพื่อสิ่งนี้นั้นหรือ?”
เด็กชายร่างเล็กยืนอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างเศษซากภูเขาที่ร่วงหล่น และพื้นที่ที่แห้งแล้ง เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเงี่ยหูฟังทุกๆอย่าง
“ตลกร้ายจริงๆนะ โลกใบนี้น่ะไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย–ท่านสมควรจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้นะครับ ท่านดิลุค”
ผู้เฝ้าดู—ปีศาจมหาบาป บาปแห่งความโลภ ‘แมมม่อน’ ได้ตรัสออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธต่อโลกใบนี้
****
‘จุดเด่นของฉันคืออะไรเหรอ?’
‘..ทำไม จู่ๆก็ถามแบบนั้นเหรอครับ?’
‘แค่สงสัยน่ะว่าคนอย่างฉันมีอะไรดี พรสวรรค์ด้านวิชาดาบ พอมีบ้างก็จริง แต่ก็แค่ระดับพื้นๆที่พบเห็นได้ทั่วไปในกองอัศวิน รึ ดาวรุ่งในสำนักดาบ ก็แค่นั้น ไม่มากพอจะยืนเคียงข้างพวกนายหรอกนะ’
‘ไม่หรอกครับ คุณเรย์มีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าใครๆอยู่’
….
‘เรย์ สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ครับ’ เด็กหนุ่มผู้ตอบกลับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ‘นึกภาพคุณเคียวยะเวลาเจอคนที่เก่งกว่าสิบเท่าสิครับ เขาจะสู้ และพัฒนาตัวเองจนกว่าจะก้าวข้ามได้ แต่เรย์คงหนี ก็จริงที่ดูขี้ขลาดไปบ้าง แต่ว่า–มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้องครับ ในฐานะคนธรรมดาแล้ว’
‘ฮะๆๆ นั่นดูเป็นพรสวรรค์ที่น่าเศร้าแฮะ ยิ่งห่างไกลกับพวกนายมากกว่าเดิมอีก’
‘ไม่เลยครับ’
เพราะอ่อนแอ เพราะไร้พลัง เพราะเป็นเพียงแค่คนธรรมดา จึงสามารถเข้าใจในสิ่งที่เหนือกว่าหรือต่ำกว่าได้ ..เป็นพรสวรรค์ในฐานะความ ‘ธรรมดา’
‘เพราะมีเรย์ พวกเราเลยระวังหลังได้ครับ ..เรย์มีสิ่งที่พวกเราไม่มี พูดให้ถูก ทุกชีวิตถือสิ่งที่แตกต่างกันเอาไว้’
ผมคิดว่านั่นคือความอิสระครับ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผู้ที่กำหนดโชคชะตาก็คือพวกเรา
..
“จะหนีไปไหนกัน ..ดาบนกยูง”
“..ยังยืนได้สินะ แถมยังเดินตามมาอีก”
พาโวหันกลับไปข้างหลัง และพบกับเรย์
แขนข้างหนึ่งที่กุมดาบเอาไว้ ถูกปกคลุมด้วยเกราะมังกรเหล็ก ผลึกสีน้ำเงินอยู่บนหัวไหล่และส่องแสงเป็นประกายงดงาม บาดแผลจากหัวไหล่ได้หายไป กล้ามเนื้อ และแววตา ดูแข็งแกร่งและดุดันขึ้น
“แหงอยู่แล้วสิ กะอีแค่ดาบของนักดาบปลายแถวอย่างนาย ..กับฉันที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะโค่นเทพดาบให้ได้ เป็นผลลัพธ์ที่แน่นอนอยู่แล้วที่จะไม่แพ้ กลับกัน คาดหวังชัยชนะอยู่ต่างหาก”
เรย์ตั้งท่าดาบ และแสยะยิ้มให้
“ฉันจะโค่นนาย แล้วก็ไปช่วยยูจิ เพื่อนของฉันต่อ ถ้าไม่อยากตายก็หลบไปซะ–ดาบนกยูง!”
“ทำอะไรเกินตัว”
พาโวก้าวเท้าหนึ่งจังหวะ และพุ่งตัวออกไปประหนึ่งจรวด เรย์ตอบกลับด้วยวิชาดาบจันทร์เสี้ยว
การปะทะผุดขึ้นหลายจังหวะ–เรย์ปัดป้อมทุกการโจมตีไว้ได้ ร่างกายและประสาทสัมผัส ถูกดันให้สูงขึ้นด้วยพลังจากดาบมังกรเหล็กในมือ
ความเร็วระดับนักดาบชั้นนำ เวลานี้ เรย์สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ โต้กลับได้ง่ายๆ กล่าวคือ–เรย์ได้เข้าสู่เขตุแดนของนักดาบชั้นยอดในหมู่ชั้นนำแล้ว แม้ว่าแทบทั้งหมดจะเป็นผลจากดาบมังกรเหล็กก็ตามที แต่สำหรับผู้อ่อนแอย่างเรย์นั่นไม่ใช่เรื่องต้องเก็บมาใส่ใจ อะไรที่ใช้ได้ ก็จงใช้ซะ—
“ฮึย!!”
จังหวะดาบราวสองครา เกือบจะสะบั้นคอของพาโวได้แล้ว–
“ชิ!”
พาโวต้องกระโดดถอยกลับมาทันที การเข้าไปแลกดาบกับผู้ที่ได้รับพลังของมังกรเหล็กมานั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไหร่ ต่อให้ตัวเขาจะเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งอย่างไร แต่ร่างกายก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ หากพลาดแค่ครั้งเดียวก็หมายถึงความตาย
“ถ้าเมื่อกี้กล้าออกแรงกว่านี้ ฉันคงตายไปแล้ว
ถ้าเป็นนักดาบผู้ถูกเลือกให้เป็นลูกศิษย์ของเทพดาบคนนั้น หากได้ถือดาบมังกรเหล็กละก็-ความแข็งแกร่งคงจะถูกยกระดับขึ้นมากกว่าเรย์หลายเท่า
“นั่นสินะ เพราะขาดสัญชาตญาณหลายๆอย่างนั่นแหละนะ
“นั้นเหรอ”
พาโวพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง เรย์ป้องกันและสวนกลับ ไม่มีครั้งไหนที่เขาเป็นฝ่ายเปิดเลย เพราะวิชาดาบที่ถนัดไม่ใช่การเข้าต่อสู้อย่างพาโว แต่เป็นการตั้งรับและสวนกลับ พร้อมกับการผสานวิชาดาบต่างๆอย่างหลงตัว
ทักษะที่ใช้ไม่ได้ดีเด่นอะไร อยู่ในระดับที่ควรจะทำได้ เมื่อมีพลังกายระดับนี้ แต่จุดที่เด่นก็คือการผสานวิชาดาบที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ สายโจมตี สายป้องกันที่ไม่น่าเข้ากันได้ หากถูกที่ถูกทาง ก็จะแสดงผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมออกมา
แทนที่จะบอกว่ามีวิชาดาบที่ดี เรียกว่ามีความเข้าใจในวิชาดาบที่สูงจะถูกกว่า
ไม่เคยเห็นรูปแบบการต่อสู้อย่างนี้มาก่อน-พาโวนึกได้เมื่อเข้าแลกดาบกับเรย์ไม่นาน
เรย์เป็นนักดาบประเภทตั้งรับ โดยปกติแล้ว ไม่ควรที่จะล้ำเส้นการบุกมากเกินไป แต่ด้วยทักษะต่างกันคนประเภทที่เข้ากันลงตัวในหลายๆจังหวะ ทำให้เรย์สามารถลุกล้ำอาณาเขตุการจูุ่โจมของพาโวได้ เพระความเข้าใจในอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่มี
“น่าสนใจดี จะเล่นด้วยอีกหน่อยก็ได้”
พาโวเข้าปะดาบกับเรย์อยู่อย่างนั้นหลายสิบจังหวะ—ก่อนถีบตัวเองออกจากระยะจู่โจม
“..ทุกวิชาลงตัวอย่างน่าพิศวง เทคนิคที่ใช้คืออะไรกันแน่?”
“เรื่องอะไรจะบอกกันครับ”
คงจะอย่างนั้น
“แต่ก็พอเข้าใจแล้ว อาทิเช่น [แบ็ต] กับ [ดาบประกายแสง]”
พาโวใช้วิชาดาบ สายจู่โจม และป้องกัน ในเวลาไล่เลี่ยกันเหมือนกับที่เรย์ทำ
โอบดาบด้วย [ดาบประกายแสง] ใช้ [แบ็ต] พุ่งไปดันดาบมังกรเหล็ก อาณุภาพของดาบประกายแสงลดลงราวครึ่งหนึ่ง แต่แลกเปลี่ยนกับการที่-เข้าประชิดได้ จากนั้นก็หมุนตัวและฟาดอย่างสวยงาม—บริเวณหัวไหล่ของเรย์เกิดของรอยแผลขนาดใหญ่
จังหวะการลงดาบและทักษะที่ใช้นั้นเหนือกว่าเรย์นับสิบเท่าได้-เรย์โต้กลับด้วยทักษะเดียวกัน แต่ก็ถูกปัดป้องเอาได้ง่ายๆ
“จากที่เข้าต่อสู้กัน [แบ็ต] จะแพ้ [สะบั้น] ดาบประกายแสงที่ผสมแบ็ต จะไม่เกิดขึ้นถ้าเกิดโดนขัดโดยสะบั้น เป็นการแก้ทางการผสมทักษะแปลกๆของนายด้วย ทักษะดาบเพียงทักษะเดียว ..ทั้งหมดคือสิ่งที่นายวิเคราะห์ได้มานั้นรึ ศิษย์ของเกรย์”
พาโวยิ้มมุมปากเล็กน้อย ต่างกับเรย์ที่มีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ไม่เลวเลยนี่ แม้จะขัดเกลาการใช้ทักษะได้ไม่ดีพอควร แต่มีความสามารถในการเข้าใจวิชาดาบถึงขนาดสร้างทักษะผสมผสานวิชาดาบด้วยกันได้อีก”
“..อย่ามาล้อเล่นนะ ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ?”
“คิดว่าฉันใช้ชีวิตอยู่กับดาบมานานแค่ไหนกัน—กะอีแค่ ขโมยทักษะ ใครๆก็ทำได้”
เรย์หน้าซีดเผือก
“..กว่าฉันจะแยกธาตุของวิชาดาบได้ ..”
วิชาดาบที่ใช้เวลาอย่างมากในการวิเคราะห์ สร้างและแบ่งยากประเภท ถูกศัตรูมองออกและเลียนแบบได้ง่ายๆ ทั้งยังใช้ได้ดีกว่าตัวเองอีก
“อย่าบอกนะว่าคิดค้นรูปแบบวิชาดาบขั้นมาได้? น่าสนใจ ยังมีอย่างอื่นอีกรึไม่?”
“คึก!! โธ่เว้ย!!”
เรย์พุ่งเข้าใส่ด้วยทักษะเดิม และเตรียมสวนกลับด้วยดาบจันทร์เสี้ยว หากว่าพลาดอะไรไป ทว่า-ด้วยการวิเคราะห์ชุดเดียวกัน พาโวได้ใช้วิชาดาบที่ต่างจากเดิม ในการหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด และโต้กลับดาบจันทร์เสี้ยวของเรย์
ด้วยทักษะเดียวกัน สามารถทำได้ดีกว่ามาก
ดาบของพาโวพุ่งทะลุผ่านร่างของเรย์ และถูกดึงออกมาผสานวิชาดาบเข้าด้วยกันต่ออย่างรวดเร็ว ทุกการออกดาบของเรย์ถูกสะกัดกั้น จังหวะการใช้ดาบจันทร์เสี้ยวเองก็ถูกทำลายจนหมด ยิ่งสู้ ทักษะที่คิดค้นมาอย่างยาวนานก็ยิ่งถูกขโมยไปใช้ต่อในระดับที่เหนือชั้นกว่า
“อั้ก!”
เรย์กระอักเลือดออกมา สติเกือบจะวูบดับไปครู่หนึ่ง-ทำให้ร่างนั้นลงไปทรุดกับพื้นอีกครา
แม้จะมีพลังกายที่มหาศาล แต่ก็ไม่อาจทนพิษบาดแผลที่มากขึ้นเรื่อยๆไหวอยู่ดี ตั้งแต่ที่จังหวะการต่อสู้ได้เปลียน เรย์ก็ไม่อาจเข้าใกล้คำว่าสูสีได้อีกเลย
“..บ้าน่า ..ทำไมกัน”
เพียงไม่นาน เรย์ก็ถูกอ่านออกจนหมด ..และกำลังจะกลายเป็นผู้พ่ายแพ้–
“ยังหรอกน่า .. [บรามุนต์]!!!”
เรย์ฝืนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เจ้าตัวยกดาบขึ้นฟ้าและทิ้มใส่พื้น—ทันใดนั้นศรีษะของมังกรเหล็กก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง เห็นท่าไม่ดี พาโวจึงรีบพุ่งเข้าใส่ หมายจะปริดชีพเสียจะสายไป
แขนของมังกรพุ่งมาจากข้างหลังพาโว–พาโวกระโดดถีบกรงเล็บและถอยหลังเพื่อหลีกหนีการโจมตีถึงตายทั้งหมด
“กลืนกินฉันซะ มังกรเหล็ก จากนั้นก็-มอบพลังมาให้ฉันซะ!!”
ปากของมังกรเหล็กได้ปิดลง ร่างของเรย์ระเบิดภายในปาก เลือดพุ่งท่วมปากของมังกรเหล็ก ศรีษะของมังกรเหล็กได้บิดเป็นวงกลม
….
….
‘ลูกแก้ว’ ขนาดสองเมตรปรากฏขึ้น ก่อนจะกางออก
ร่างของนักดาบเกราะมังกรเหล็กจึงปรากฏขึ้น ..เรย์ในเกราะมังกรเหล็กตั้งท่าดาบ พาโวทำเช่นเดียวกัน
“—-”
“—-”
****
ภูเขาทั้งสามได้ถูกสะบั้นบริเวณยอดทิ้งจนหมด ภูเขาหนึ่งลูกได้ถูกลบหายไปจากโลก ก่อนที่ผลการต่อสู้จะปรากฏ สภาพแวดล้อมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ..แต่ในที่สุดทุกอย่างก็จบ
เลือดได้ไหลลงจากสะพานเป็นจำนวนมหาศาล ประหนึ่งน้ำรั่ว ยากที่จะเชื่อว่ามนุษย์มีเลือดในร่างกายมากถึงขนาดนี้
คาลอส ..ทรุดลงกับพื้นในท่าคุกเข่า พร้อมกับแขนข้างขวาที่ร่วงลงพื้น เช่นเดียวกับหยดเลือดที่หยดลงตามหลังแขนขาดที่ขาด บริเวณหน้าท้องมีรอยฟันขนาดยักษ์ ตาข้างขวาถูกปาดด้วยดาบจนไม่อาจลืมตาได้ ขาข้างซ้ายเองก็ถูกตัดเส้นประสาทจนขยับไม่ได้ วงจรเวทย์ทั่วทั้งร่างโดนตัดทิ้ง ไม่อาจหยิบดาบหรือลุกขึ้นได้อีกแล้ว นั่นคือสภาพของอดีตราชาอัศวินที่ได้เข้าต่อสู้กับเทพดาบ
ผู้ชนะ-เทพดาบ แกนน่อน ชี้ดาบเข้าที่ปลายคอ ผู้แพ้-คาลอสแหงนหน้ามองอย่างอ่อนแรง
“เป็นผลลัพธ์ที่น่าเบื่อจริงๆนะ คาลอส”
“..ไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ..ประเมินตัวเองสูงไปสินะ”
“เจ้าน่ะแข็งแกร่ง นี่คือความจริง”
แกนน่อนเก็บดาบเข้าฝัก ปล่อยคาลอสที่ไม่อาจเคลื่อนที่ได้ไว้เฉยๆ และเดินผ่านร่างนั้นไป–ขณะเดียวกันเศษหินจากการต่อสู้ยังคงมีอยู่มากมาย คาลอสกองอยู่บนสะพานและได้ถูกหินก้อนใหญ่ชนเข้าที่กลางหัว พร้อมกับสะพานที่ขาดจากแรงกระทบของซากหินมากมาย
ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงตกลงสู่แม่น้ำ และคงจะถูกกระแสพัดไปตามโชคชะตา