< < 171 Sec1 > >
เสียงตัดอากาศดังสนั่นท้องฟ้า—หลายชีวิตบินล่อนไปทั่วอาณาจักรเนลยอนด้วยความรวดเร็วประหนึ่งแสงดาว
“เท็งงุ เบ็นจิโร่ สัญลักษณ์แห่งความยุติธรรม วีรสตรีแห่งกองทัพเรือ—ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ ว่ายัยนี่เคยเป็นผลงานที่ผิดพลาดของตระกูลนักรบเท็งงุ”
“ตัวตนระดับปรากฏการณ์ชัดๆ”
สองมหามังกรเทียมในร่างอาภรณ์เทพมังกรบินตามหลังเบ็นจิโร่ ทั้งสองสนทนากันสั้นๆระหว่างที่บินเคียงข้างกันมา ระยะห่างกับ เท็งงุ เบ็นจิโร่ที่บินนำหน้านั้นราวๆห้าเมตร
ปีกที่สวยงามได้สยายและโต้อากาศบนฟ้า แม้จะควบคุมได้ยาก แต่เมื่อควบคุมได้โดยสมบูรณ์แล้วมันก็เป็นปีกที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนโลก ระดับที่มีความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่ามหามังกรเลย
สโนว์ยื่นมือออกมาข้างหน้าทำท่าจะโจมตีใส่เบ็นจิโร่ แต่ทันทีที่ทำอย่างนั้น–เบ็นจิโร่ก็บินสวนกลับมา ความเร็ว คูณ ด้วยความเร็ว–พริบตาเดียว เบ็นจิโร่ก็ใช้ปลายคัณธนูที่มีคมสะบั้นแขนของสโนว์ทิ้ง ทั้งสองมหามังกรเทียมรับมือด้วยความนิ่งสงบ สโนว์พยายามจะบินหนี แต่ก็ไม่พ้นจะถูกเบ็นจิโร่ใช้ขาทั้งสองข้างงับไว้กับแขนข้างสุดท้าย จากนั้นก็ยิงศรอากาศอัดเข้าที่หน้าท้องนับสิบครั้งในเชี่ยววิเดียว ปีเตอร์ใช้สายฟ้าเล่นงานเบ็นจิโร่จากข้างหลัง
ปีกของเบ็นจิโร่ได้กางออกอีกครั้ง และพริบตาเดียว หล่อนก็ไปโผล่อยู่หลังของปีเตอร์
“ชิ!!”
ปีเตอร์หมุนตัวเตะใส่เบ็นจิโร่ เธอเอียงตัวหลบ ปีเตอร์ใช้แรงหมุนนั้นสปินตัว เคลือบสายฟ้าใส่ขาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่ปรากฏนั้นทำให้เบ็นจิโร่ไม่อาจรับมือได้ทันถ่วงที เธอจึงใช้แขนที่อยู่ใกล้ที่สุดในการรับความเสียหาย
ปรี๊ด!!!!!!!!! สายฟ้าแล่นผ่านแขนของเบ็นจิโร่—เธอรีบบินออกห่างจากการโจมตีให้เร็วที่สุด แน่นอนว่าไม่อาจเลี่ยงการโจมตีนั้นได้
แขนของเบ็นจิโร่เละจากการจู่โจมครั้งเดียว ..กลับกัน สโนว์ที่โดนเธอเล่นซะยับในทีแรก ตอนนี้ร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้วด้วยอำนาจของมหามังกร
ข้อแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ เบ็นจิโร่ไม่อาจรักษาร่างกายตัวเองได้อย่างง่ายดาย ร่างเองก็ไม่ได้ถึกขนาดโดนมหามังกรซัดใส่แล้วจะทนไหวด้วย ว่าง่ายๆ ถ้าพลาดครั้งใหญ่เข้าได้ลงโลงแน่นอน
“ถึงจะเป็นแค่ของปลอม แต่ก็อันตรายจริงๆด้วย”
“เหอะ! ท่านวีรสตรีมีดีแค่นี้เองรึไงหา?”
เบ็นจิโร่ไม่ตอบกลับ เธอหันไปมองบนพื้นดินที่การต่อสู้กับเรนได้แยกออกไปในแต่ละพื้นที่ บนผืนดินที่ใกล้เธอที่สุดนั้น—เด็กสาวที่เรเซอร์พามา(อานิม่า) ได้เข้าต่อสู้กับอลิซาเบธ โดยที่ทางอลิซาเบธดูจะได้เปรียบมากกว่า แต่ก็ไม่อาจเข้าใกล้อานิม่าได้ด้วยรูปแบบพลังประหลาดๆ
“ทางนั้นดูไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่”
แต่ทางนี้ก็ใช่ว่าจะไม่น่าเป็นห่วงด้วยสิ 2-1 ทั้งยังเป็นศัตรูที่อัดเธอทีเดียวจังๆล่วงได้อีก
“ช่วยไม่ได้”
อานิม่าถอนหายใจ และทำการดีดนิ้ว—อากาศโดยรอบได้เกิดการบิดเบี้ยวของมิติขึ้น สองมหามังกรเทียมรีบบินทิ้งห่างอย่างน้อยๆสิบเมตร เพราะสัมผัสได้ถึงความอันตรายตรงหน้า
อากาศที่ถูกบิดนั้นค่อยๆมีแขนงอกออกมา แขนนั้นสัมผัสที่อากาศและใช้เป็นแท่นยกตัวเองออกจากรอยบิด
จุดเด่นแรกที่ปรากฏคือเส้นผมที่ยาวจนปิดหน้าปิดตา และหน้าอกขนาดมโหราฎ และรอยยิ้มที่เหมือนกับเคลิ้มอะไรบางอย่าง
“นั่นมัน..”
“อ่อร่าอย่างนั้น ‘ภูตสวรรค์’ เป็นคนที่ครอบครองภูตสวรรค์สองคนจริงๆด้วยสินะคะ”
สโนว์หัวเราะแห้งๆอย่างไม่สู้ดี เบ็นจิโร่เห็นก็หัวเราะขึ้นจมูกและยื่นมือไปจับเข้าที่คอของภูตสวรรค์
“ ‘เวลเดีย’ ได้เวลาทำงานแล้ว”
“หืม? อ๋อ ทำงานสินะ อือ ฉันมีงานด้วยเหรอเนี่ย พึ่งรู้นี่แหละ”
“เพราะไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้เลยปล่อยไว้ ขอโทษด้วยละกัน แต่ได้เวลารื้อฟื้นสัญชาตญาณแล้ว ..อุทิศชีวิตให้ฉันซะ เวลเดีย”
เวลเดียแก้มแดงขึ้นมา และแสยะยิ้มอย่างน่าสยอง ภาพลักษณ์ของเธอ แทนที่จะเรียกว่าภูตสวรรค์ เรียกว่าวิญญาณผีร้ายยังดูเข้ากว่า
“ช่วยไม่ได้น้า ถ้าเพื่อเท็งงุเอาแต่ใจอย่างนายหญิงแล้ว จะยอมอุทิศตนให้ก็ได้—”
“ยอดเยี่ยม”
กล่าวจบเบ็นจิโร่ก็บีบแรงที่ข้อมือ และร่างของเวลเดียก็ค่อยๆสลายกลายเป็นสีขาวที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเบ็นจิโร่ สีขาวนั้นได้เข้ากลืนกินร่างกายของเบ็นจิโร่และส่องแสงขึ้น—กระพริบตาหนึ่งครั้ง ร่างของเบ็นจิโร่ก็ได้ถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะไร้สี
ส่วนสูงของเบ็นจิโร่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เช่นเดียวกับร่างกายที่ถูกขยายขนาดขึ้น ตอนนี้เธอน่าจะสูงราวสองเมตรได้ ขนาดตัวก็ใหญ่ไม่แพ้ราชามังกร รึ ราชาแห่งแซร์อิซเลย ทั้งปีกเท็งงุของเธอก็ถูกสวมด้วยเกราะในบางส่วน และอยู่ในสภาพกางออกตลอดเวลา บริเวณหัวปกคลุมด้วยหมวกที่มีรูปทรงเสมือนอินทรีย์ จะมีก็แค่ส่วนตรงดวงตาที่ยังคงพื้นผิวของเบ็นจิโร่
ภูตสวรรค์ ‘เวลเดีย’ คือภูตสวรรค์ที่จะมอบชุดเกราะให้แก่ผู้ใช้ โดยที่ชุดเกราะนั้น—ก็มีศักดิ์เป็นเกราะแห่งภูตสวรรค์ที่ทรงด้วยพลังอำนาจกว่าสิ่งใดบนโลก เสมือนอาวุธตระกูลทลายโลกาที่มีอยู่บนโลก เช่นเดียวกับธนูบนมือของเบ็นจิโร่ที่เป็นพลังของภูตสวรรค์เช่นกัน
หนึ่งชีวิต ใช้ภูตสวรรค์พร้อมกันสองตน โดยที่โลกนี้มีภูตสวรรค์เพียงสามตนเท่านั้น
“..”
เบ็นจิโร่คว้าบางอย่างออกมาจากช่องว่างกระเป๋าเวทมนตร์ มันคือสร้อยคอที่มีสีที่สวยงาม เธอกำมันแน่นจนเพชรที่อยู่ตรงกลางแตก
‘กริฟฟิน’ สัตว์มายาหัวเป็นอินทรีย์ตัวเป็นสิงโตปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันหันหน้าไปหาเบ็นจิโร่และโค้งศรีษะพร้อมยื่นหัวไปให้ขณะที่ลอยอยู่บนฟ้า ไม่อาจอ่านสีหน้าของเบ็นจิโร่ในตอนนี้ได้ แต่เธอคงจะยิ้มอยู่ไม่ผิดแน่
“ยอดเยี่ยม”
เธอกล่าวสั้นๆ และใช้มือบีบที่ศรีษะของกริฟฟิน มันค่อยๆสลายและหลอมรวมเข้ากับเกราะไร้สีของทูตสวรรค์—เกราะได้สีได้แปรเปลี่ยนเป็นสีโทนเดียวกับกริฟฟิน รอบตัวของเกราะเองก็มีจุดที่เสมือนกับกริฟฟินขึ้นมาด้วยเหมือนๆกัน
“.. [กริฟฟิน]”
เกราะทูตสวรรค์ได้หลอมรวมเข้ากับสัตว์มายา บริเวณเท้าของชุดเกราะมีขนาดที่เล็กลงและมีสีเหมือนกับเท้าของกริฟฟิน ปีกของเบ็นจิโร่ใหญ่และยาวยิ่งกว่าเดิม ร่างที่หนาของชุดเกราะถูกบีบขนาดตัวขึ้นให้บางลง แต่ส่วนสูงสองเมตรก็ยังคงเดิม
เบ็นจิโร่ในเกราะทูตสวรร์ร่างกริฟฟินได้มองไปที่สองมหามังกรเทียมที่จ้องมองมาอย่างประหลาดใจ
“..เทมเมอร์?”
ปีเตอร์พึมพำขึ้นมา ..เบ็นจิโร่พยักหน้าตอบ
“หลายคนอาจจะรู้จักฉันในฐานะนักธนู แต่จริงๆแล้วตัวตนของฉันมันใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เทมเมอร์’ มากกว่า เป็นผู้ที่ทำพันธสัญญากับสิ่งมีชีวิตมากมาย” เบ็นจิโร่เด็ดปีกของตัวเองซึ่งเป็นปีกเสมือนกริฟฟิน ขนนกที่ถูกเด็ดออกมากลายเป็นลูกธนูดีไซน์กริฟฟิน จากนั้นเธอก็ตั้งท่ายิงธนูอย่างสวยงามในระยะห่างราวสิบเมตร “ให้พูด ฉันคือเทมเมอร์ที่มีทักษะการใช้ธนูเล็กน้อย—”
ลูกธนูกริฟฟินได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่—มากกว่าเดิมชนิดเทียบไม่ติด ขั้นตอนการยิงนั้นเหมือนเดิม แต่ตัวลูกธนูพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม เพราะมันคือลูกธนูที่สร้างมาจาก–สัตว์มายากริฟฟิน
ทั้งสองบินหลบการโจมตีนั้นไม่ยาก ทว่า—พอหันไปอีกทีก็พบว่าบนท้องฟ้าได้เต็มไปด้วยลูกธนูทรงกริฟฟิน และมันก็พุ่งลงมานับสิบดอกด้วยความเร็วที่น่าหวาดผวา สโนว์เลือกจะใช้โล่น้ำแข็งขึ้นมาป้องกันทุกความเสียหาย ทั้งยังใช้ความสามารถในการ ‘แช่แข็งมานา’ หยุดการทำงานของพลังกริฟฟินทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น
ท่ามกลางการกระหน่ำยิง ปีเตอร์ได้บินเลี้ยวจากหลังของสโนว์ ไต่ระดับไปหาเบ็นจิโร่ด้วยความรวดเร็ว เอกลักษณ์คือ ‘ช็อตมานา’ ด้วยสายฟ้าของมหามังกร ใช้ทำลายธรรมชาติของอากาศและเร่งความเร็วตัวเองขึ้นไปอีกระดับ เพียงจังหวะก้าวเท้าก้าวเดียว ปีเตอร์ก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเบ็นจิโร่แล้ว—
“ฮึย!!!!!!!!!!”
“!!”
ปีเตอร์หมุนตัวเตะเบ็นจิโร่-เธอหลบการโจมตีนั้น และบินด้วยปีกที่สวยงาม
ทั้งสองทยานขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ทัดเทียมกัน—————ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงระเบิดจากการปะทะดังสนั่น และผู้ที่ล่วงหล่นก็คือ ปีเตอร์ ร่างอาภรณ์เทพมังกรฉีกขาดจากการโจมตี สโนว์พุ่งไปรับร่างไว้และรักษาร่างกายคืนให้ปีเตอร์ โดยไม่ระวังเลยว่าบนฟ้านั้นมีคนที่เตรียมจะตะครุบทั้งสองอยู่
เมื่อควันหลงจากการต่อสู้ได้จางไป ก็เผยให้เห็นเบ็นจิโร่ที่ลอยอยู่บนฟ้า พร้อมกันคันธนูบนมือที่ขยายส่วนไปกว่าสิบเมตร
“..หา?”
แสงส่องจากปลายธนู ศรเพียงศรเดียวที่มีความรุนแรงยากจะคาดเดาได้พุ่งตรงดิ่งลงมา—
“ตั้งสติไว้ก่อน!”
ปีเตอร์ผลักสโนว์ไปอยู่ข้างหลัง และใช้พลังทั้งหมดในฐานะมหามังกรรับศรนั้นตรงๆ
ทว่า–ศรกลับเลี้ยวไปทางขวา และหมุนเข้าอัดเข้าที่ลิ้นปี่แทน
“–อึก”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อาภรณ์เทพมังกรมิได้สลายไป มันจะไม่มีวันสลายตราบใดที่ยังรับความเสียหายได้ รึ หมดเวลาการใช้งาน มันจะยังคงอยู่ เพียงแต่ปีเตอร์เวลานี้ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการจู่โจม
“ศรกริฟฟินมีความเร็วที่มหาศาล เมื่อนำไปรวมกับรูปแบบการจู่โจมอันมากมายที่คันธนูมีก็ช่วยให้สู้ได้หลายสไตล์มากขึ้น”
“..เจ็บ..เจ็บ แก!!!”
ปีเตอร์หลั่งน้ำตาออกมา ก็จริงที่เจ็บมากแค่ไหน ร่างกายก็รักษากลับมาอยู่ดี แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ขยับตัวเลย แค่อ้าปากพูดยังลำบาก ความเสียหาย ความเจ็บปวดที่ได้มันมากขนาดนั้นเชียว
เบ็นจิโร่ทำให้คันธนูกลับมามีขนาดเท่าเดิม เธอบินอยู่บนฟ้า และมองต่ำลงมาด้วยสถานการณ์การต่อสู้ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทำให้คล้ายว่าเธอกำลังแสดงความต่างชั้นให้เห็น
‘การต่อสู้กับมหามังกรเทียมมีข้อจำกัดมากมาย นอกจากรูปแบบพลังที่กว้างจนเป็นปัญหาแล้วก็คือพลังการฟื้นฟูที่เข้าขึ้นอมตะ เพราะอย่างนั้น ถ้าอยากจะโค่นมหามังกรเทียมละก็—ก็ต้องใช้วิธีที่ทำให้พวกมหามังกรเทียมเคลื่อนไหวไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็รักษาร่างกายตัวเองต่อไปได้’
คำอธิบายของเรเซอร์เมื่อหลายวันก่อนไหลเข้ามาในหัวของเบ็นจิโร่อีกครั้งเมื่อเห็นผลลัพธ์จากการต่อสู้
สโนว์สัมผัสที่ร่างของปีเตอร์ แขนของเธอระเบิดทันทีที่แตะ ดีที่ดึงมันออกมาได้ทำให้รักษาได้ทัน และ..ไม่โดนความเสียหายอะไรเพิ่มเติม ..สโนว์สามารถเข้าใจทุกอย่างได้โดยเร็ว และหันไปมองเบ็นจิโร่ด้วยความหวั่นเกรง
“หายไป..แล้ว?”
ไม่ใช่ อยู่ข้างหลังต่างหาก
เบ็นจิโร่เล่ยทีเผลอ จับสโนว์ทุ่มพื้น พร้อมกับตัวเธอที่ดิ่งตามไปด้วย ปีเตอร์ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้เลยจึงช่วยอะไรไม่ได้
ในวินาทีที่สโนว์ตั้งใจจะแช่แข็งเบ็นจิโร่ไปพร้อมกับทุกสรรพสิ่ง เบ็นจิโร่ก็ดีดตัวออกด้วยความเร็วที่ต่างชั้น และทำการยิงศรอัดเข้าที่สโนว์—เมื่อถูกแรงกระแทกจากลูกศรประหลาดๆเข้า ร่างของสโนว์ก็ดิ่งลงพื้น และกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง
ตู้ม!!!!!!!!
แรงกระแทกมากระดับที่ทำให้พื้นที่โดยรอบพากันพังทลาย ลูกศร? บอกว่าเอาลูกตุ๋มมากระแทกท้องสโนว์ดูจะเป็นไปได้มากกว่า
สโนว์นอนอยู่กับพื้น ร่างกายได้รับการรักษากลับมาแล้วก็จริง แต่..เพียงแค่มองขึ้นไปบนฟ้า ความหวาดกลัวก็เข้าเกาะกินจิตใจของเด็กสาวเผ่าเอลฟ์
สหายที่กรี๊ดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร พร้อมกับร่างกายที่ระเบิดรัวๆ ตัวเธอที่นอนอยู่กับพื้นโดยทำอะไรไม่ได้เลย และศัตรูที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน
“..ธนูนั่นสามารถเปลี่ยนรูปแบบการยิงได้ตามรูปทรง”
เธอสังเกตุได้ว่าธนูของเบ็นจิโร่จะเปลี่ยนทรงไปเรื่อยๆตามรูปแบบการโจมตี
รูปแบบปกติก็คือธนูปกติ รูปแบบความเสียหายต่อเนื่องที่รุนแรงซึ่งปีเตอร์กำลังโดนอยู่ตอนนี้ก็คือธนูยักษ์ และรูปแบบกระแทกเสมือนลูกตุ๋ม บริเวณปลายธนูมันจะพองขึ้นมา ..กล่าวโดยง่าย พลังของทูตสวรรค์ที่เธอถือครองสามารถเปลี่ยนสิ่งที่จับมาเป็นลูกศรพร้อมกับบอกคุณสมบัติพิเศษได้ไม่พอ ตัวธนูเองยังเปลี่ยนรูปแบบการจู่โจมได้โดยที่เธอก็ไม่อาจทราบได้ว่ามีกี่รูปแบบ
ทั้งยังมีเกราะทูตสวรรค์ซึ่งหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติได้ ส่งผลให้ เทมเมอร์อย่างเบ็นจิโร่สามารถหาวัตถุดิบทำลูกธนูโกงๆได้จากการทำพันธสัญญากับสัตว์หลายๆชนิด นอกจากกริฟฟินแล้ว ..เธอเชื่อว่ายังมีสิ่งมีชีวิตตัวอื่นอีกในคลังลูกศรของเบ็นจิโร่
สโนว์หัวเราะพึมพำ ค่อยๆลุกขึ้นยืน เธอเสกเอาโล่น้ำแข็งและลูกตุ๋มน้ำแข็งใส่มือทั้งสองข้าง หน้าที่ของเธอคือสู้ต่อไปเรื่อยๆ—เธอไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว ในระยะเวลาที่จำกัด จะไม่มีใครฆ่าเธอได้ ขนาดปีเตอร์ตอนนี้ ถึงจะโดนระเบิดร่างรัวๆแบบน่าสงสารจนทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ตาย
วิธีสู้เดียวที่นึกออกคือ ..พยายามเลี่ยงการโจมตีแบบที่ปีเตอร์โดนมาให้ได้ ถ้าทำได้ อย่างน้อยก็คงถ่วงเวลาได้มาก
สโนว์ทยานขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง—และเห็นชุดเกราะของเบ็นจิโร่กลับไปเป็นสีขาวเหมือนเดิม กริฟฟินบินอยู่ข้างๆเธอ
จังหวะนี้แหละ—ก่อนที่จะได้ทำอะไร กริฟฟินก็บินเข้ามาต่อสู้กับสโนว์
“ในที่สุดก็ใช้วิธีสู้สมเป็นเทมเมอร์สักทีนะคะ!”
เบ็นจิโร่ไม่ได้ตอบ แต่ใช้จังหวะนั้นบินไป–กระชวกไส้ปีเตอร์ …เอ๊ะ?????
??????
??????
“..แก..แก!!!!!”
เบ็นจิโร่บีบร่างของเบ็นจิโร่แรงขึ้น เสียงร้องได้แห้งหายไป ร่างของเขาค่อยๆบิดเป็นเกลียว และ—หลอมรวมเข้ากับชุดเกราะของเบ็นจิโร่—-แสงสว่างจากสายฟ้าจ้าขึ้น และเป็นอีกครั้ง กระพริบตาคราเดียว ร่างของเบ็นจิโร่ก็แปรเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
รูปทรงเดียวกับเกราะไร้สี เพียงแต่ว่า–ร่างถูกย้อมไปด้วยสีเดียวกับอาภรณ์เทพมังกรของปีเตอร์ และเพิ่มลวดลายหลายๆอย่าง รวมถึง จุดเด่นทั้งหมดของอาภรณ์เทพมังกรก็ปรากฏขึ้นบนเกราะของเบ็นจิโร่
สโนว์ยินนิ่ง กริฟฟินบินกลับไปหาผู้เป็นนายและกลายร่างไปเป็นสร้อยคอตามเดิม เบ็นจิโร่ทำการเก็บสร้อยคอเข้าคลังกระเป๋าเวทมนตร์ ก่อนจะหันไปมองสโนว์
“เรียกว่า [อาภรณ์เทพมังกร]-[นารุคามิ] ..สินะ?” เบ็นจิโร่กำหมัด และเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นมา “ไม่เลวเลย”
…..
“เพราะแบบนี้เองเหรอ? ฮิโรชิถึงได้มั่นใจว่าถ้าปล่อยให้เรื่องบานปลาย จะสามารถเก็บกวาดทุกอย่างได้น่ะ”
อย่างที่ว่า ฮิโรชิกะจะรวบหัวพวกขุนนางที่มีปัญหาทั้งหมดในแผนการณ์ล้มระบอบการปกครองคราวนี้ ที่มั่นใจว่าจะจัดการปัญหาที่ตามมาทั้งหมดได้ อาจจะไม่ใช่เพราะว่ามีแค่ ไรเดน อาคาสะ เป็นพวก ..แต่เหตุผลสำคัญอีกอย่าง อาจเป็นเพราะว่ามี เท็งงุ เบ็นจิโร่ คนนี้คอยดันหลังอยู่ก็เป็นได้
“..เท็งงุ เบ็นจิโร่” สโนว์พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอเป็นตัวอะไรกันแน่?