เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 274

< < 175 Sec1 > >

ผมถูกเผาโดยเพลิงของตัวเอง ทันทีที่รู้ว่าวินได้ตายไปแล้วจริงๆในหัวของผมก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายซึ่งยากจะอธิบาย แทบจะเป็นบ้า

“อะไรวะ!!!!!? มันจะอะไรหนักหนากันวะ!!?” ผมทุบเข้าที่พื้นอย่างจัง และทุบสุดแรงรัวๆ ไม่คิดจะรักษาบาดแผลที่ข้อมือ ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย นอกจากเจ็บใจ “โลกใบนี้มัน เ*ี้ย อะไรวะ!!? เป็นบ้าอะไรกับฉันมากมั้ย อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ตลอดเลย ทำไมฉันถึงทำพลาดอีกแล้ว ..ครั้งที่เท่าไหร่แล้วกัน ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ปล่อยให้หลุดมือไป”

แข็งแกร่งมากขึ้นแล้วแท้ๆ แข็งแกร่งมากระดับรับมือกับราชาไสยศาสตร์ของจริงได้แล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย ความแข็งแกร่งที่มีมันไม่สามารถช่วยคนสำคัญไว้ได้ ถ้าอย่างนั้น ..

“มันจะไปมีค่าอะไรกันเล่า ..อวดดีซะจริงๆ ..เปลี่ยนแปลงบ้าอะไรกัน เคยเปลี่ยนแปลงอะไรได้ที่ไหนกัน มีแต่จะสูญเสียไปทีละอย่างไม่ใช่หรือไง นี่น่ะเหรอชีวิตของคนที่ป่าวประกาศว่าจะมาเปลี่ยนแปลงโชคชะตา นี่น่ะเหรอ ..ตัวฉันที่แข็งแกร่ง”

ผมโกยเศษธุรีบนพื้นขึ้นมาบนฝ่ามือ ยืนอยู่นิ่งๆอยู่พักใหญ่ๆจึงเริ่มตั้งสติกลับมาได้ ผมโยนทุกอย่างบนมือทิ้ง

“….”

 

‘เพราะฉันเก็บความรู้สึกเก่ง ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ..ในฐานะมนุษย์ทดลอง การร้องไห้ไม่ได้ช่วยอะไร การยิ้มต่างหากที่ช่วยให้ตัวเองผ่อนคลายลงได้’ 

 

สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาอยู่ดีไม่ใช่รึไง

 

‘นี่ เรเซอร์ ช่วยฟังคำขอเห็นแก่ตัวได้หน่อยจะได้รึเปล่า?’

 

..คำขอที่เห็นแก่ตัว มันไม่ใช่ของที่จะขอได้โดยไม่ต้องแลกอะไรหรอกนะ ทางนี้เองก็—จะขอเห็นแก่ตัวหน่อยเหมือนกัน

“แรกซ์ ..ดูอยู่รึเปล่า”

ผมเริ่มพูดกับ ‘ราชาไสยศาสตร์’ ผู้เป็นอาจารย์ที่เฝ้ามองชีวิตของวินมาโดยตลอด

“ถ้าฟังอยู่ ฉันจะไม่พูดอะไรมากหรอกนะ แต่นายมันโคตรสวะเลยวะ ปล่อยให้ลูกศิษย์ของตัวเองตายไปทั้งอย่างนี้ได้ยังไง จิกหัวใช้ตามความตั้งใจของตัวเองจนถึงที่สุดแล้วก็ปล่อยให้ตาย ไร้มนุษย์ธรรมจริงๆ คนอย่างนายน่ะ ..พูดตรงๆเลย โคตรเสี่ยชื่อที่มาเป็นอาจารย์ให้ยูนาได้”

แน่นอนว่าผมกับแรกซ์สื่อสารกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าเค้าคงฟังผมอยู่จากที่ที่ไม่ไกลจากนี้ หรือไม่ก็อาจกำลังนั่งอยู่ข้างวิน เพราะอย่างนั้น ..

“ถึงจะว่าไปซะเยอะ แต่ว่านะ แรกซ์ ฉันรู้ว่านายไม่ใช่สวะ ขอโทษที เมื่อกี้ฉันแค่ระบายความเครียดน่ะ ..แรกซ์ ..”

ผมสัมผัสหน้าอกของตัวเอง ..ดาบสะบั้นมิติ ไม่มีทางใช้คืนชีพคนได้ คิดว่าทำไม่ได้ แต่ว่า—ถ้าหากว่า ถ้าหากว่าละก็ ถ้าหากว่าการมโนเพ้อฝันมันเป็นจริงขึ้นมาได้ ผมพร้อมจะทำมัน อย่างที่บอกไว้ว่าขอเห็นแก่ตัวหน่อย

“ทำพันธสัญญากับฉันซะ”

โลกสีขาวได้พุ่งผ่านหน้าผมไปราวกับการตอบรับจากวิญญาณระดับเทพ ผมถูกพาไปสู่เส้นเวลาที่ไม่เดิน บนมิติเวลาที่แยกกับโลกเดิม หรือก็คือ–โลกของวิญญาณระดับเทพ เหมือนดั่งที่ผมเคยเข้าไปเผชิญหน้ากับยูนาในความทรงจำของเธอ

ผมได้เข้าสู่ ‘บททดสอบ’ อีกครั้ง เพื่อที่จะทำพันธสัญญากับราชาไสยศาสตร์

 

****

ภาพที่ปรากฏภาพแรกคือภาพของแรกซ์กับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่กำลังโอบร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งเอาไว้ ผมพอจะเดาได้ว่าเด็กน้อยคนนั้นคือใคร

“จากนี้ไป เด็กคนนี้จะมีชื่อว่า ‘เรน’ เขาจะต้องเติบใหญ่มาเป็นผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์ชั้นยอดได้แน่ๆ”

“เหมือนกับคุณสินะคะ?”

“ไม่ เหมือนกับเธอต่างหาก ต่างกับฉันที่ใช้เป็นแต่วิชาไสยศาสตร์เพื่อเข่งฆ่า ฉันชอบวิชาไสยศาสตร์ของเธอที่ใช้เพื่อผู้คนมากกว่าเยอะ”

“..ปากหวานจริงๆนะ”

เด็กน้อยผู้มีผมสีม่วงชะโงกหน้าดูทารกเรนจากข้างหลัง เธอมองดูเรนที่ดิ้นไปมา โดยไม่สนบรรยากาศคู่รักที่กำลังจุ๋จี๋กัน

“ดูอ่อนแอจริงๆนะ เด็กทารกเนี่ย”

เธอคนนั้น ..คงจะเป็น ‘ยูนา’ ไม่ผิดแน่

“ยูนาแข็งแกร่งเกินไปต่างหากละ จากนี้ไปเธอก็ช่วยเป็นพี่ชายที่แข็งแกร่งของเรนให้ด้วยนะ”

“ค่ะ ถึงจะดูยุ่งยากน่ารำคาญ แต่จะช่วยไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางละกัน”

“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

ภาพนั้นค่อยๆเลืองหายไป ผมแอบคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษจริงๆ ..หากไม่นับปัจจุบันที่ทั้งสองกลายมาเป็นศัตรูกันแล้วละก็

“แม้ยูนาจะเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่เก็บมาเลี้ยงโดยบังเอิญ แต่ว่าภรรยาของฉันก็ให้ความรักแก่เธอไม่ต่างกับที่ให้เรน ฉันคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่วิเศษเกินกว่าคนอย่างฉันเป็นไหนๆ”

จู่ๆแรกซ์ก็โผล่มายืนข้างๆในร่างวิญญาณเลืองแสง แต่ไม่ใช่แค่เขา ยูนาเองก็มาด้วย เธอมองดูภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ดูเศร้า

“เธอคนนั้นเป็นคนที่วิเศษค่ะ เพราะเธอเลยทำให้เรนเติบโตเป็นเด็กที่อ่อนโยน แล้วก็เป็นคนที่สอนอะไรหลายๆอย่างที่จำเป็นให้กับฉันด้วย สำหรับฉัน เธอไม่ต่างกับแม่แท้ๆเท่าไหร่”

“ใช่ ..จนกระทั่งถึงวันๆนั้น”

ภาพได้ตัดไปอีกครั้ง เป็นภาพของโรงฝึกของแรกซ์ซึ่งถูกเผาด้วยเปลวเพลิง บนซากของโรงฝึกนั้นมีร่างของภรรยาแรกซ์นอนไร้สติโดยมีเรนในช่วงวัยรุ่นมาโอบกอด และร้องออกมาไม่หยุด

“ไม่!! ไม่!! ไม่จริง!!”

เรนโอบกอดร่างนั้นไว้สุดแรงเกิด หวังแค่ว่าแรงของเขาจะช่วยให้ผู้เป็นแม่ตื่นจากฝันร้าย ..ทว่า เธอตายไปแล้ว สายเกินไปที่จะเชื่อแล้ว

หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปอีกครั้ง

โผล่มาที่สวนขนาดยักษ์ของอาณาจักรสักอาณาจักรหนึ่ง ที่แห่งนั้นมียูนาที่สวมชุดเกราะเต็มยศยืนอยู่ โดยที่ข้างหน้าของเธอคือเรนที่เข้าพบในสภาพไม่น่าดู เสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยหลายส่วน เนื้อตัวที่ดูสกปรก แล้วก็ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“พี่ยูนา ..ได้ข่าวของคุณแม่หรือยัง?”

“นายโผล่มาเพื่อจะคุยเรื่องแค่นี้นั้นเหรอ?”

ยูนาพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกจนน่ากลัว

“..หา?..แค่นี้? ..แค่นี้เหรอ?”

ยูนาถอนหายใจ และเดินผ่านเรนไปอย่างไม่ใยดี

“ฉันไม่ได้ว่างหรอกนะ เร็วๆนี้จะต้องไปเตรียมการณ์รับมือพวกมหามังกรด้วย นายเองก็เถอะ อย่ามัวแต่จมปลักอยู่กับการสูญเสีย”

“คุณแม่..ไม่ได้สำคัญอะไรกับพี่ยูนาเลยหรือไง?”

ยูนาหยุดเดินกระทันหัน

“แค่มีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ”

“….”

“นายเองก็รีบๆไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไปเข้าร่วมกองทัพซะ”

กล่าวจบยูนาก็เดินไปต่อโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองน้องชายผู้ตกอยู่ในความสิ้นหวัง …

ผมมองดูภาพที่เกิดขึ้น และนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

“ฉันผิดเอง ไม่คิดจะปฏิเสธหรือแก้ตัวหรอก ตอนนั้นฉันจมปลักอยู่กับการตายของซากุระจนหน้ามืด และคิดแต่จะเอาชนะพวกมหามังกรให้ได้ ..สุดท้ายก็เป็นตัวฉันเองที่ไม่สามารถเป็นพี่สาวที่แข็งแกร่งได้ตามที่แม่ของเรนได้ฝากเอาไว้ให้” ยูนาถอนหายใจ “ถึงในภายหลังฉันจะได้สติ แล้วกลับไปทักทายเธอที่หน้าหลุมศพอยู่บ้าง แต่ก็สายเกินไปแล้วที่จะช่วยเรน”

….

….

ภาพได้ตัดอีกครั้ง

คราวนี้มันตัดมาที่เรนซึ่งพบกับแรกซ์ภายในป่าแห่งหนึ่ง

“พ่อ”

“เรนเองรึ มีอะไรล่ะ?”

“พวกคนที่ฆ่าแม่—”

“นายไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งนั้นหรอก ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งอะไรกับเจ้าพวกนั้น”

“แต่ว่า—”

“ก็บอกว่าไม่จำเป็นไง!”

แรกซ์ตวาดใส่เรนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จนเรนถึงกับนิ่งไปและเริ่มส่งสายตาที่หวาดกลัวมา ต่อจากผู้เปรียบได้กับพี่สาวแท้ๆ ก็พ่อแท้ๆของตัวเอง ..ที่มองเขามาด้วยสายตาอย่างนั้น สายตาที่เหมือนกับมองพวกไม่ได้เรื่อง

“..ฟังนะ เรน ..ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องทำอีกเพียบ ทั้งมหามังกร ทั้งสงครามกับพวกจักรวรรดิ ไหนจะเรื่องการบูรณะบ้านเมืองขึ้นมาใหม่จากสงครามอีก ไม่คิดเลยหรือไงว่ามันใช่เวลามาตามหาคนร้ายแล้วล้างแค้นที่ไหน”

ไม่ได้บอกตรงๆก็จริงว่าจะล้างแค้น แต่แรกซ์ก็มองออกทั้งหมด ..เรนตั้งใจจะหนีทัพเพื่อไปล้างแค้นให้ผู้เป็นแม่ และแรกซ์ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนั้น

“นายเป็นคนมีความสามารถ มีพรสวรรค์ที่จะช่วยผู้คนได้มากมาย ..เหมือนกับ ..แม่ของนาย” แรกซ์กัดฟันกรามแน่น และหันหน้าหนีเรน “เอาเป็นว่ากลับไปที่กองทัพซะ ให้ความร่วมมือกับยูนาดีๆแล้วทุกอย่างจะไปได้ด้วยดี ..โทษทีนะ”

พูดแรงเกินไป พึ่งจะรู้สึกตัว เพราะเขาเองก็โศกเศร้ากับการตายของภรรยาที่รัก แล้วเหนือสิ่งอื่นใด คนที่แค้นที่สุดก็คือแรกซ์ทำให้เขาไม่รู้จะเอาความโกรธไปลงที่ไหน จนเผลอทำเรื่องโง่ๆอย่างการระบายใส่ลูกชายของตัวเอง 

แรกซ์รีบหันหน้ากลับไปหลังจากตั้งสติได้

“แล้วไว้หลังจบเรื่อง พวกเราสามคนจะไปเยี่ยมเธอที่หลุม ..เรน?”

ทว่า รู้ตัวอีกที เรนก็ได้หายไปแล้ว

พวกเราสามคนจ้องมองภาพที่เกิดขึ้น

“ถึงเรนจะหนีไปเพราะไม่อยากคุยกับฉันแล้ว แต่เขาก็ยอมไปเข้าร่วมกองทัพแต่โดยดี ..แต่ว่า”

ยูนาพยักหน้ารับเหมือนเป็นสัญญาณตอบกลับแรกซ์ ..ภาพได้ตัดอีกครา

นั่นคือภาพของสงครามที่เต็มไปด้วยซากศพของทหารฝ่ายยูนา บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมสงครามของเรน หลายคนสนิทกับเรน หลายคนคือเพื่อนคนสำคัญ และทุกคนก็ตายไปแล้วจากการจู่โจมของจักรวรรดิใกล้เคียง

เรนนอนอยู่กับพื้น โอบกอดไหล่ของตัวเองเอาไว้ อ้าปากค้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา สภาพไม่ต่างกับคนที่กำลังจะเป็นบ้า ท่ามกลางสงครามที่ดำเนินไปต่อ เรนเอาแต่นอนนิ่ง จนจบสงคราม

จากนั้นเมื่อสงครามได้จบลง เรนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ได้เดินไปหายูนา หวังจะได้รับการปลอบใจจากพี่สาวเหมือนกับทุกๆครั้ง …

ณ หน้าท้องทำกาณณ์ของยูนา เรนยืนเกาะหอกสองอันที่ขวางเขาไว้ไม่ให้เปิดประตูเข้าไป

“เข้าพบไม่ได้”

ทหารรายหนึ่งกล่าวขึ้น

“..ทำไม?”

“ท่านยูนาหลังจากนี้มีธุระด่วนอีกมากมาย ให้ทหารที่ไม่มีธุระสำคัญอย่างนายเข้าพบไม่ได้หรอด”

“ฉันมีธุระนะ!! ธุระสำคัญมากด้วย เรื่องเกี่ยวกับคนในครอบครัวเลยนะ!”

“มันก็แค่เรื่องส่วนตัวไม่ใช่หรือไง ไสหัวไปซะ มันไม่ใช่เวลามาทำอะไรแบบนี้”

….

ไม่มีใครให้พึ่งพา ไม่สามารถพึ่งพาใครได้ คนรอบตัวที่เหลืออยู่ไม่คิดจะเหลียวแล คนรอบตัวนอกจากนั้นก็หวนคืนสู่ธรรมชาติหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เขา ตัวคนเดียวบนโลกที่แสนโหดร้าย เรนยืนอยู่บนยอดภูเขา เขามองต่ำลงมาที่พื้น และทำการกระโดดลงมา

ตั้งใจจะหายไปจากโลกที่แสนโหดร้าย ..แต่ไม่ตาย แล้วก็เจ็บปวดจน

“ไม่อยากตาย”

ที่ผิดไม่ใช่เขาเสียหน่อย ที่ผิดคือโลกใบนี้ต่างหาก เพราะโลกใบนี้มันโหดร้านเกินไป เพราะโลกใบนี้มีแต่การสูญเสีย มีแต่โชคชะตาที่แสนเอาเปรียบ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ลงเอยอย่างนี้ ถึงได้นอนทรมานอยู่บนพื้นดินอย่างนี้

ยูนาที่ไม่สนใจเขาผิดนั้นหรือ? ไม่เลว ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย พ่อที่ไม่เหลียวแลเขาผิดนั้นหรือ? ก็ไม่เหมือนกัน แม่ที่ตายไป เพื่อนที่ชิงตายไปก่อน ผิดนั้นหรือ? ก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครผิดทั้งนั้น มีเพียงแค่โลกใบนี้เท่านั้นที่ผิด

โลกพรรค์นี้ ..จะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง

“โชคชะตา ..ฉันจะเป็น ..ผู้ควบคุมโชคชะตา”

ภาพได้ตัดอีกครั้ง ….นี่คือความเป็นมาของเรนสินะ เรื่องราวก่อนที่เรนจะกลายมาเป็นศัตรูของโลก

จุดประสงค์ก็แค่อยากจะได้รับโลกที่อ่อนโยน เพราะอย่างนั้นจึงได้ทำหลายๆอย่างที่ผิดมนุษย์ธรรม จึงได้ทำลายเผ่าพันธ์ุหลายเผ่า ได้ทำการทดลองมากมาย ได้เข้าทำลายหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้ แล้วตอนนี้ก็ยังคงดำเนินแผนการณ์ของตัวเองต่อไป แม้จะผ่านมานับพันปีแล้วก็ตาม

แล้วยังไงต่อ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับแรกซ์กัน? บททดสอบของแรกซ์คืออะไรกันแน่?

ผมหันหน้าไปมองแรกซ์ที่อมด้วยความทุกข์เหนือจะหยั่งถึง สูญเสียคนรัก สูญเสียตัวตนของลูกชาย แล้วก็ ..บนทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้น ได้ปรากฏให้เห็นยูนาที่ยืนอยู่บนผืนหญ้า และชำเลืองมองเรนด้วยหางตา

“อ๊ากกกก…อา …เจ็บ ..เจ็บจังเลย เจ็บจังเลย พี่ยูนา”

เรนที่ตอนนี้ถูกยูนาตัดแขนทิ้ง และต้องนอนซมกับพื้นด้วยความทรมาน เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ใช้ฟันกัดหญ้าเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด มีสภาพที่ดิ้นทุรนทุรายจนไม่น่าดู ถึงกระนั้นยูนาก็ไม่ได้สนใจอะไร กลับกัน เธอมองเหยียดมาที่เรนด้วยซ้ำ

เป็นเพราะว่า–บนผืนหญ้าก็มีศพคนอีกคนนอนอยู่ นั่นคือร่างของแรกซ์ในวัยชราที่นอนตายจากการโจมตีของเรน

“สูญเสียทุกอย่างกระทั่งชีวิตไม่พอ ยังต้องมองดูลูกของตัวเองต่อสู้กันถึงตายในวาระสุดท้าย ..พวกวิญญาณระดับเทพเนี่ย มีแต่พวกอมทุกข์รึเปล่านะ”

ผมพูดหยอกล้อขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร แอบคิดว่าปัญหาทั้งหมดก็เกิดจากที่พวกนี้ละเลยเรนด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็รู้ดีว่าเรนก็ใช่จะถูกต้อง พยายามมองให้เป็นกลาง ..แน่นอน ถ้าพูดถึงการกระทำ ผมจะเข้าข้างยูนาแน่นอน

ยูนาหัวเราะพึมพำขึ้นมา คงเดาได้ว่าผมตั้งใจกวนเธอ และไม่คิดใส่ใจอะไร

“นี่คือเหตุการณ์ที่เรนได้วางแผนฆ่าอาจารย์แรกซ์ แล้วฉันก็มาไม่ทัน จนอาจารย์ได้ตายไปก่อน เพราะไม่คิดตอบโต้อะไรก็เลยตายโดยที่ฉันไปไม่ทัน”

พึ่งรู้นี่แหละว่าแรกซ์โดนลูกชายแท้ๆของตัวเองฆ่า เกินคาดเลยแฮะ

“ฉันคิดว่าตัวเองควรไถ่บาปก็เลยปล่อยให้เรนฆ่า ..ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ผิดมหันต์”

“นั่นสินะคะ”

“หลังจากนั้นฉันก็ถูกนำเข้าเป็นหนึ่งใน ‘วิญญาณระดับเทพ’ แล้วก็ได้เฝ้าดูโลกใบนี้ในหลายๆมุมมอง ได้รู้ว่าเรนได้กระทำอะไรหลายๆอย่างต่อโลกใบนี้ จน ..คิดได้ว่าเรนนั้นเกินเยียวยาแล้ว เลยต้องหาวิธีฆ่าเรนทิ้งให้ได้ วันหนึ่งก็ได้มาร่วมมือกับเนลยอนในการสร้างมนุษย์สงครามที่สามารถใช้พลังทั้งหมดของฉันได้ขึ้นมา แม้ว่าภายหลัง ..ฉันจะโดนเนลยอนหักหลัง ไปร่วมมือกับเรน จนตัวเองไม่มีทางเลือก นอกจากเป็นลูกน้องเนลยอนแบบปล่อยเลยตามเลยไป”

 

****

นั่นคือวันแรกของแรกซ์และวิน

วินได้เข้าบททดสอบเหมือนอย่างที่ผมได้เข้าดู ผมเห็นภาพซ้อนทับในที่ที่เดียวกับที่ผมกับยูนาได้ชม วินเห็นเหมือนที่ผมเห็นทุกอย่าง ได้พบกับความผิดพลาดที่มากมายของชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ..รวมถึงการสูญเสียที่มหาศาล ไปจนถึงช่วงปัจจุบันที่ตัดสินใจไปเข้าร่วมการทดลองมนุษย์ เพื่อหาคนมาทำลายความผิดพลาดของตัวเองให้อย่างน่าสังเวซ

สุดท้ายก็ได้วินมาเป็นคนทำพันธสัญญาด้วย

“จะเกลียดกันก็ได้นะหนูน้อย เธอมีชะตาที่โหดร้ายเช่นนี้ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่อย่างฉัน และบอก ณ ตรงนี้เลย ว่าเธอจะต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ต่อไปจนจบ”

“การที่อยากจะลบความผิดในอดีตของตัวเองมันผิดเหรอ? หนูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นะ แต่ว่า–การที่คนเราพยายามจนถึงที่สุดเพื่อแก้ไขตัวเอง ไม่คิดว่ามันแย่ อีกอย่าง ..ร่างกายนี้ แต่เดิมหนูไม่เคยมีมันด้วยซ้ำ ไม่มีทางได้วิ่งหรือหายใจอย่างที่คนอื่นทำได้ ให้พูดสภาพหนูตอนนี้อยู่ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ”

“…”

แรกซ์ถึงกับอึ้งไป เพราะวินไม่ได้เสียใจอะไรเลย ไม่ได้โกรธตัวเขา แต่กลับยิ้มให้และพูดคุยด้วยอย่างมีอารมณ์ขัน

“คุณราชาไสยศาสตร์ เป็นผู้มีพระคุณของหนูนะจะบอกให้”

…… 

……

จากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ได้กลายมาเป็นศิษย์และอาจารย์ด้วยกัน ความสัมพันธ์จากตอนแรกที่เริ่มต้นด้วยเครื่องมือกับคนใช้ ก็เปลี่ยนมาเป็นสายสัมพันธ์ที่แสนบริสุทธิ์เปี่ยมไปด้วยใจจริง

แล้วก็ ..เป็นอีกครั้งที่แรกซ์ได้สูญเสียผู้ที่ไม่ต่างกับลูกแท้ๆและลูกศิษย์ของตัวเองไป

ภาพล่าสุดที่ปรากฏคือ ณ จุดๆเดิมที่ผมยืนอยู่ แต่มันถูกฉายในโลกที่เวลาหยุดนิ่ง สังเกตุได้จากนกบนท้องฟ้าที่หยุดนิ่ง แล้วก็ ..เถ้าธุรีของวินที่ยังอยู่ที่เดิม รวมถึงตัวผมด้วย

“เอาละ จบพิธีครั้งแรกหมดแล้ว ต่อไปก็การทำพันธสัญญา” 

แรกซ์ยืนเส้นยืดสายโดยที่หันหลังให้ผมอยู่ เขายืนอยู่หน้าผม อยู่ในจุดที่ใกล้กับวินที่สุด

“ชีวิตของฉันมีแต่ความผิดพลาด แล้วก็การสูญเสียที่เกิดมาจากความผิดพลาด ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าภรรยาของตัวเองถูกฆ่าในคืนๆนั้น ไม่รู้เลยด้วยว่าลูกสาวของตัวเองกำลังทรมานจากการเสียเพื่อนแค่ไหน และจมปลักอยู่กับการแก้แค้น ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายของตัวเองนั้นไร้ที่พึ่งพา จนกลายเป็นศัตรูของโลกในที่สุด ..ทำอะไรไม่เคยจะทัน ช่วยอะไรไม่เคยจะได้ พลังที่มีไม่อาจใช้แก้ปัญหาอะไรได้ทั้งนั้น”

นั่นมัน ..

“แอบคล้ายกับที่เธอบ่นอยู่นะ เรเซอร์ ดราแคล์”

แรกซ์หัวเราะขึ้นจมูกด้วยน้ำเสียงที่ดูสดใส

“แต่ว่านะ ต่อให้จะผิดพลาดแค่ไหน สิ่งเดียวที่ทำได้ก็มีแค่แก้ไข ..และต่อให้ครั้งนี้ฉังเองก็พลาดจนเสียลูกศิษย์คนสำคัญไป แต่ว่า—มันก็เหมือนเดิม” แรกซ์กำหมัดแน่น “ต่อให้เธอไม่ทัก ฉันก็จะเป็นฝ่ายทักเธอก่อน เอาเป็นว่าใจตรงกันได้พิลึกดี”

…..

“บททดสอบไม่ได้มีไว้เพื่อทดสอบเธอหรอกนะ แต่มันมีไว้เพื่อทดสอบฉัน ..และคำตอบของฉันก็เหมือนเดิม เป็นคำตอบที่ได้มาจากการเป็นอาจารย์ให้วิน คำตอบของฉันก็คือ–ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ฉันก็จะแก้ตัวเสมอ”

“ผมไม่สามารถทำพันธสัญญากับคุณได้หรอกนะ แต่ว่า ..ถ้าแค่พันธสัญญายืมพลังน่าจะได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องมาเป็นวิญญาณระดับเทพของผมหรอก แต่ขอผมยืมพลังของคุณที”

แรกซ์หันหน้ากลับมา เขาโค้งศรีษะให้ผม

“พันธสัญญาเป็นอันตกลง”

โลกที่เวลาถูกหยุดลงได้ถูกลบหายไป พวกเราได้กลับสู่โลกของความจริง พร้อมกับพันธสัญญาฉบับเดียว—ที่ได้จากช่องโหว่ของระบบ ผมไม่อาจทำพันธสัญญากับวิญญาณระดับเทพได้โดยตรง แต่กลับสามารถยืมมือเขาได้โดยการร่างพันธสัญญาพิเศษขึ้นมาที่จบในครั้งเดียว

มันทำให้ผมคิดได้อีกครั้งว่า ..ตัวผมเป็นข้อผิดพลาดของโลก และมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง 

คนที่ผมนับถือเคยกล่าวเอาไว้ เราไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้ง แพ้ห้าครั้ง หรือสิบครั้งก็ได้ เพราะว่าชัยชนะเพียงครั้งเดียว มันช่างหอมหวานและคุ้มค่าถึงขนาดแพ้ก็ไม่เป็นอะไร เพราะอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นนั่นแหละ ..ผมจะไม่มีทางยอมแพ้

…..

…..

มาถึงโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ผมนั่งลงกับพื้น ผสานมือเข้าหากัน พึมพำขึ้น และหรี่ตาลงเล็กน้อย

“[วิชาไสยศาสตร์]”

“ “[สัมผัสแห่งสรวงสวรรค์] ” ”

ผมกับแรกซ์พูดออกมาพร้อมกัน และได้ทำการย้อมอาณาจักรแห่งนี้ด้วยแสงสีขาวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset