เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 278

< < 177 Sec2 > >

โลกสีขาวที่แสนว่างเปล่า ที่แห่งนั้นคือโลกแห่งจิตใต้สำนึก เป็นช่องแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย ดังที่พบเห็นได้บ่อยๆในตอนที่เผชิญหน้ากับวีรสตรียูนาครั้งเมื่ออดีต เนลยอนถอนหายใจ และหันหลังกลับไปพบกับเนลยอนตัวน้อย

เนลยอนตัวน้อยจ้องมาที่เนลยอนอยู่พักใหญ่ๆก่อนเอ่ยขึ้น

“นี่ ใยเจ้าถึงได้อยากจะพบบิดาของเจ้าขนาดนั้นกันล่ะ?”

ทำไมนั้นเหรอ ..เพราะมันคือชะตากรรมที่พวกตนจะต้องกลับคืนสู่ร่างต้นอย่างเทพมังกรกระมัง? แม้จะคิดอย่างนั้นในทีแรก แต่ใจจริงของเนลยอนคืออีกอย่าง

ไม่เคยคิดอยากจะพูดใจจริงให้ใครฟังเลย แต่ว่าถ้าเป็นตัวอีกในโลกแห่งจิตใต้สำนึกคงจะไม่เป็นอะไร

“แค่คิดว่านั่นคือความสมบูรณ์แบบครอบครัว”

“โง่จังเลยนะ”

….

เนลยอนนั่งลงกับพื้น พยักหน้ารับคำด่าของเนลยอนตัวน้อยตรงๆ

“เด็กน้อยไม่ต่างกับข้าขนาดตัวของข้าเลย เจ้าเนี่ย”

“ต่อให้เป็นตัวเองก็คงจะด่าตัวเองสินะ ..น่าขันสิ้นดี”

ทั้งหมดก็แค่นั้นแหละ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญบ้าอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เริ่มต้นมันขึ้นมากว่าพันๆปี มันก็แค่ ..อยากสัมผัสคำว่า ‘ครอบครัวที่แท้จริง’ ก็แค่เด็กคนหนี่งที่คิดว่าหากขาดพ่อไปก็คงไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์

จมโลกใบนี้สู่ความมืดมิด พรากชีวิตไปนับแสนนับล้าน และยังคงดื้อรั้นที่จะบรรลุเป้าหมายอันไร้เดียงสานั้น

“ทั้งๆที่ครอบครัวที่แท้จริงมันไม่ใช่สถานะ หรือว่าสายเลือดอะไรเสียหน่อย เจ้าเองก็ได้เห็นมาตลอดแล้วมิใช่หรือ? แก่นแท้ของคำว่าครอบครัวน่ะ”

“จะพูดอะไรกันแน่”

“อยากบอกว่าเจ้าแค่โง่เกินกว่าจะยอมรับเท่านั้นเอง”

เนลยอนผู้ใหญ่เถียงอะไรเนลยอนตัวน้อยไม่ได้เลย เนลยอนตัวน้อยออกเดิน จากนั้นก็มีเศษเสี้ยวความทรงจำมากมายผุดขึ้นบนโลกแห่งจิตใต้สำนึก

“วินผู้รักในน้องสาวของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด..มหามังกรซึ่งยอมรับเจ้าในฐานะน้องชาย และพยายามจะเรียกสติเจ้ามาตลอดหลายพันปี โดยไม่คิดจะฆ่าเจ้าเลยแม้แต่หนเดียว” เนลยอนตัวน้อยหยุดเดิน ก่อนหันหลังกลับไปหา “มีอะไรที่ทำให้เจ้าไม่พอใจอีกรึ? ในเมื่อสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวมันไม่จำเป็นต้องครบด้วยองค์ประกอบทั้งหมด”

…..

….

“ข้าอยากจะให้ไออุ่นทั้งหมดที่ได้รับมันเป็นเพียงแค่ของปลอม”

“เพื่ออะไรกัน?”

“การที่ข้ากลมเกลียวกับเจ้าพวกนั้นมันก็แปลว่าข้าเป็นพวกประเภทเดียวกับพวกนั้น ..ซึ่งข้าไม่อยากเหมารวมตัวเองกับพวกบ้า ..”

เนลยอนตัวน้อยกระพริบตาปริบๆ เนลยอนผู้ใหญ่มุดหน้าตัวเองหนีเข้าเข่า

“ไร้เดียงสา เสียจนโง่เลยนะเจ้าน่ะ ความปารถนาแรกนั่นไม่ต่างกับเด็กวัยรุ่นช่วงต่อต้าน ..จุดเริ่มต้นมันแค่นั้นเองสินะ ไปๆมาๆเป้าหมายนั้นก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ใจจริงถูกกลบไว้ในส่วนลึก ของจอมปลอมที่ถูกกล่อมเข้าหูโดยออร่าก็เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น จนสุดท้ายก็หลงผิด หลงคิดไปว่าตัวเองมีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ มีหน้าที่อันสูงส่งที่จะคืนชีพเทพมังกร”

เนลยอนตัวน้อยหัวเราะพึมพำอย่างดูถูก

“เจ้านี่มันโง่เกินเยียวยา เหตุผลแสนไร้สาระนำพาหายนะมาสู่โลกใบนี้ คงแอบคิดในใจสินะว่าคงไม่มีใครบนโลกใบนี้จะยกโทษให้ตัวเองได้”

“ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนั้น”

“แต่ว่าเจ้ามีครอบครัวที่แท้จริงอยู่”

เนลยอนตัวน้อยสะท้อนความจริงให้เห็น เดิมที เนลยอนตัวน้อยก็คือตัวของเนลยอนเองนั่นแหละ ..

“ถึงอย่างไรเจ้าก็จะถูกโกรธ ถูกทำโทษอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทุกคนจะให้อภัยเจ้า ต่อให้เจ้าฆ่าคนไปครึ่งค่อนโลก หรือว่านำหายนะมาสู่คนรักของเจ้าพวกนั้นแค่ไหน แต่สุดท้ายในท้ายที่สุด เจ้าก็จะได้รับการให้อภัย”

“เพราะเจ้าพวกนั้นมันโง่”

“เพราะรักเจ้ามากถึงเพียงนั้นต่างหาก”

เนลยอนผู้ใหญ่อึ้งกิมกี่ เนลยอนตัวน้อยแสยะยิ้มให้

“สายสัมพันธ์ที่ไร้ที่มาที่ไป ที่ตัดสินลำดับเพียงแค่การวัดพลัง สายสัมพันธ์ราวกับจอมปลอมเช่นนั้น-มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“คำตอบเจ้าน่าจะได้เห็นแล้วมิใช่รึ จากเวลานับพันปีที่ผ่านๆมา .. ’พวกข้าจะไม่โกหกเจ้าเป็นอันขาด และจะไม่หันหลังให้เจ้าด้วย ข้าเชื่อว่าพวกข้าพิสูจน์มาให้เห็นมากพอแล้วด้วย เจ้าเองก็คงจะเข้าใจดีถึงใจจริงนี้’ ว่างั้นแหน่ะ”

“โง่เป็นบ้า”

“สมกับที่เป็นพี่น้องกันเลยเนอะ”

….เนลยอนกุมศีรษะของตัวเอง มุดหัวเข้าเข่าอีกครั้ง ทำเสียงร้องว้ากออกมาสุดแรงเกิด

“ข้าไม่กล้าสู้หน้าใครแล้ว มันน่าละอายใจ ..ข้าอายที่จะต้องบอกความจริงทั้งหมดให้ใครต่อใครฟัง”

“ข้าเองก็อายเหมือนกันที่ต้องถูกเหมารวมว่าข้ากับเจ้าคือคนเดียวกัน” เนลยอนตัวน้อยถอนหายใจเฮือกโต “ข้าแอบคิดนะเนลยอนผู้ใหญ่ ข้าคิดว่าถ้าตอนนั้นข้าไม่คิดจะทำอะไรบ้าๆคงจะดีกว่านี้”

“เหมือนกัน”

“เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าและเจ้าคิดอะไรเหมือนๆกัน ..โอ๊ะ เหมือนว่าเวลาจะหมดแล้ว”

เปลวเพลิงทะลักผ่านโลกแห่งจิตใต้สำนึก เนลยอนผู้ใหญ่ลุกขึ้นและทำท่ากอดอกวางมาด เนลยอนตัวน้อยเห็นก็กระโดดแทงศอกเข้าให้ทีหนึ่ง

“วางตัวให้ดีที่สุด ขอโทษไปซะ”

“…”

“คำตอบล่ะ!?”

“รู้แล้ว จะไม่อาละวาด” เนลยอนผู้ใหญ่หรี่ตาลง “จะไม่หนีอีกแล้ว”

เนลยอนตัวน้อยเห็นก็ถอนหายใจโล่งอก และเลืองหายไปก่อนที่เปลวเพลิงจะทะลักเข้ามา

“ลาก่อน”

 

****

“ไหนบอกว่าจะเอาไม่ถึงตายไงเล่า!!”

“แง๊!!! ก็ไม่คิดว่าต้าวเนลยอนจะกระจอกได้ขนาดนี้อ่า!!? ทำไงดี ทำไงดี! อีแบบนี้ได้ไปหาท่านผู้ให้กำเนิดสมใจอยากแล้วสิ!!”

เจ้าไฟ และเจ้าลมบ่นโวยวายอะไรไม่รู้ ทั้งๆที่เนลยอนตื่นมาตั้งใจจะพูดเรื่องสำคัญแท้ๆ แต่พวกนี้มัน ..ชอบทำเสียบรรยากาศตลอด

“ว่าก็ว่าเถอะ เจ้าเนลยอนเนี่ยนะ บอกให้ฝึกฝนซะบ้างก็ไม่คิดจะฝึกอะไรเลย เพราะแบบนี้ไงเลยได้อ่อนแอถึงขนาดมีอาภรณ์เทพมังกรก็เอาพวกเราสองพี่น้องไม่ลง”

“ข้าแกร่งเกินไปด้วยแหละ เทียบกับต้าวเนลยอนที่อ่อนหัดแล้ว ..อ๊ะ”

เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าเนลยอนตื่นอยู่

เนลยอนอยู่ในสภาพนอนหนุนตักฟัฟนิร์ และมีแซร์อิซนั่งอยู่ข้างๆ ไกลออกไปคืออลิซที่เดินวนไปมาอย่างกระวนกระวาย

ตอนนี้บนท้องฟ้าคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีแดงฉานน่ากลัว รอบตัวเต็มไปด้วยซากปรักหักพังจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้ใต้ดินที่ทั้งหมดได้เข้าต่อสู้กันเกิดการถล่ม และมีสภาพดังที่เห็น

เพลิงของฟัฟนิร์ก่อนหน้านี้คงแรงน่าดูเลย ดีที่รอดมาได้ ..เพราะเป็นมหามังกรแท้ๆเลยรอดมาได้

“นินทาข้าซะสนุกเลยไม่ใช่รึ? พวกโง่ทั้งหลาย”

“ข้าเปล่าพูดนะ”

ตอแหลหน้าด้านๆ

“ข้าพูดออกมาจากใจจริงแหละ”

อยากต่อยเจ้าบ้านี่สักหมัด

ต่อให้มองใหม่ยังไง เจ้าพวกนี้ก็ยังคงน่ารำคาญไม่เคยเปลี่ยน

“..ขอโทษ”

“โอ๊ะ”

“เอ๋?”

….

“ก็บอกว่าขอโทษไง ..”

ฟัฟนิร์ผละตัวออกจากเนลยอน ลุกขึ้นยืนและทำหน้ามึนงง

“ไม่ชินเลยอ่ะ”

“จะสู้กันอีกรอบข้าก็พร้อมนะ”

“ไม่เอาดีกว่า พูดก็พูดเถอะ ข้าหมดก็อกแล้วแหละ เพราะเหลือแก่นแท้เพียงครึ่งเดียว ทำให้บางครั้งบางคราที่ใช้พลังงานเกินตัวก็จะอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง ..ถ้าสู้อีกรอบ โอกาสชนะคง 50/50”

ประเมินเนลยอนที่มีพลังเต็มร้อยไว้ต่ำสุดขีด แต่ก็ทำให้คิดได้ว่าสมกับเป็นฟัฟนิร์ดี ในสมัยก่อนหล่อนที่เป็นอมตะได้โดนวีรสตรียูนาเล่นงานมาสารพัดจนกลายเป็นพวกกลัวความเจ็บปวด ทำให้ติดนิสัยที่จะสู้ในการต่อสู้ที่ชนะได้เท่านั้น จึงทำให้รู้ว่าฟัฟนิร์มั่นใจร้อยทั้งร้อยว่าตัวเองจะชนะด้วยไพ่ตายที่เก็บเอาไว้ ..เนลยอนแอบหงุดหงิดก็จริงแต่ไม่คิดจะหาเรื่องอะไรอีกแล้ว ใช่ เขาพอแล้วละ  ทุกๆอย่างที่เก็บไว้ตลอดพอแล้ว

“หมดสภาพแล้วก็ระวังปากหน่อยเถอะ ตัวข้าสามารถสวมอาภรณ์เทพมังกรมาไล่กระทืบพวกเจ้าได้ไม่ยาก”

ฟัฟนิร์แม้จะกลัวเจ็บ แต่ก็ขวานผ่าซาก เป็นพวกพูดอะไรไม่คิด ทำให้สร้างศัตรูไปทั่วไม่พอ ยังหาเรื่องทะเลาะวิวาทได้ง่ายๆอีก เธอเป็นเช่นนี้มาเสมอและไม่มีทีท่าว่าจะระวังตัวด้วย ที่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้เป็นเพราะความอมตะ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอมตะแล้ว ไม่ว่าใครก็คิดเป็นเสียงเดียวกันว่า-ช่างน่าเป็นห่วง

“เจ้าไม่ได้เป็นอมตะแล้ว ทำอะไรก็คิดๆหน่อยละกัน ..เข้าใจนะ พี่”

“ช่วยเรียกว่า ‘ท่านพี่’ ได้รึไม่?”

“เรียกข้าว่า ‘บราเธอร์’ ได้รึไม่?”

“ไม่”

เนลยอนเชิดหน้าหนีไปทางอื่น ฟัฟนิร์กับแซร์อิซพากันไหล่ตกใหถ้วนหน้า

“นึกว่าจะว่านอนสอนง่ายแล้วแท้ๆเชียวนะ” ฟัฟนิร์ไหล่ตก

“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!!” แซร์อิซแหกปากขึ้นมา

“พี่แซร์อิซเองก็ระวังปากหน่อยก็ดีนะ เดี่ยวสักวันจะจบไม่สวยเอา” เนลยอนพูดพลางเขม็งใส่

“ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูพูดเข้าสิ ห้าวเป้งเลยนี่หว่า!”

“แซร์อิซเนี่ยขาดสามัญสำนึกอย่างที่ต้าวเนลยอนว่ามานั้นแหละ หัดฟังที่คนอื่นแนะนำบ้างก็ดีนะ”

“พี่ฟัฟนิร์ก็ไม่ต่างกันหรอก”

“เอ๊ะ?”

เพียงไม่นานความวุ่นวายก็บังเกิด เหล่ามหามังกรนั้นไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็เป็นตัวป่วนเสมอๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม อลิซมองมาที่ทิวทัศน์การเถียงกันไปมาของพี่น้องมหามังกรสุดแสนจะไร้สาระ เห็นแล้วก็ถอนหายใจออกมา

“พวกเขาคุยเล่นกันสนุกสนานหลังจากพึ่งถล่มใต้ดินของอาณาจักรเนลยอนจนเละเนี่ยนะ ..ก่อนหน้านี้ก็ไล่ฆ่ากันซะเอาเป็นเอาตายด้วย ฉันเข้าไม่ถึงจริงๆ” อลิซนั่งยองกับพื้น หยิบกิ่งไม้ใกล้ๆมาเขี่ยเศษหินเล่นเพื่อฆ่าเวลา “พวกมหามังกรเนี่ยมีแต่แบบนี้รึไงนะ”

พูดถึงมหามังกรในความคิดของอลิซ คือพวกที่อยากจะทำอะไรก็ทำ เพราะมีความอมตะคลุมหัวตัวเองเอาไว้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย

ประสบการณ์ตรงจากซวยเหลือหลายอลิซ

วันดีคืนดี จู่ๆแซร์อิซก็แก้ผ้าโชว์ของลับของตัวเองให้คนอื่นจนโดนตำรวจทั้งเมืองไล่จับ เหตุผลที่ทำเป็นเพราะอยากจะสร้างตำนานประจำเมือง แล้วก็หวังว่าจะโชคดีมีสุภาพสตรีสักคนกระโดดถีบเขาเพื่อสนองความโรคจิตของตัวเอง ..เวลาที่เจอผู้หญิงเก่งๆมักจะเข้าไปหาเรื่องโดยหวังให้อีกฝ่ายกระทืบตัวเองให้เละ หลายต่อหลายครั้งที่ทำอะไรไม่คิดจนลำบากเธอ

อย่างตอนที่ไปหาเรเซอร์ในอาณาจักรฟัฟนิร์ก็ก่อเรื่องซะมากมาย ..คนน้องอย่าง ฟัฟนิร์ก็พอๆกัน

ในส่วนที่ร่วมเดินทางด้วยกันไม่นาน ในทุกๆวันฟัฟนิร์จะต้องโดนพวกโฉดๆมาหาเรื่อง หรือไม่ก็เจออริเก่าที่สร้างไว้เมื่อร้อยปีก่อนบ้าง พันปีก่อนบ้างตลอด เรียกได้ว่าการอยู่กับฟัฟนิร์นั้นเสมือนกับการเข้าไปในดันเจี้ยนที่ทุกอย่างในนั้นพร้อมจะล่าเรา นอกจากนั้นก็มีความสามารถพิเศษบริเวณปาก เพียงแค่เปิดปากพูดไม่กี่ประโยค คนบางคนก็พร้อมจะกระทืบฟัฟนิร์ รวมถึงเพื่อนร่วมทางของเธอแล้ว

จากการวิเคราะห์ของอลิซ เธอมั่นใจว่าถ้าฟัฟนิร์ไม่มีชินดร้ามาคอยดูแล เธอน่าจะเดี้ยงไม่ต่ำกว่าสิบรอบต่อเดือน ..ต่อมาก็ อ่า น้องคนเล็กสุดที่เคยทำโลกนี้ชิบหายมาแล้ว ถึงจะยังไม่รู้จักอะไรมากแต่ก็พอเดาได้ว่า

น่าจะพอๆกันนั่นแหละ

“ชีวิตฉันทำไมต้องมาพัวพันกับพวกตัวปัญหาด้วยนะ ..อยากกลับบ้าน อ๊ะ ไม่มีบ้านให้กลับแล้วนี่หว่า ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ”

อลิซพยายามหัวเราะเลียนแบบแซร์อิซแต่ก็คนละอารมณ์กันเลย …หืม?

เสียงคนกำลังวิ่งมาจากข้างหลัง เร็วมาก แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสะเปะสะปะในการวิ่ง เมื่อหันไปมองก็สายไปแล้ว

‘เรน’ ปรากฏตัวออกมาที่ด้านหลังของเนลยอน ในสภาพที่ทั้งตัวท่วมไปด้วยเลือด ไม่มีใครที่สังเกตุเห็นเลย

“คุยกันสนุกเชียวนะ ไอ้พวกไม่เต็มบาท!!”

เร็วมาก–เพียงพริบตาเดียว แขนของเรนก็ทะลุผ่านหน้าอกของเนลยอน ฟัฟนิร์และแซร์อิซรีบพุ่งเข้ามาหมายจะฆ่าเรนทิ้งทันที

ทว่า

“ผิดแผนอีกแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย เอาอีกแล้ว!! ทำไมมันเป็นแบบนี้ตลอดเลยฟร้ะ!!? ฮ่าๆๆๆ แม่งเอ้ย!!”

“แก..เรน”

“แต่ใครมันจะไปยอมให้ทุกอย่างจบง่ายๆกันวะ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

เปลวเพลิงและสายลมพุ่งอัดเรน แต่ก็ไม่แรงพอจะซัดเรนให้ปลิวไปได้ เรนหัวเราะไม่หยุดและดึงหัวใจของเรนออกมา

สิ่งแปลกปลอมบนฟากฟ้าได้เปล่งแสงขึ้นหนึ่งจังหวะ และเรืองแสงสีทองออก ณ แกนกลาง 

“พลัง–มัน”

เนลยอนไม่อาจขัดขืนอะไรได้—เรนทำการขยี้หัวใจที่ดึงมาทิ้ง

สติของมหามังกรวารีหลุดไปอย่างกระทันหัน ร่างล้มลงกับพื้น และสลายกลายเป็นผุยผง

“—-”

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset