< < 179 > >
เรนใช้หางตามองไปที่ทุกๆคนในที่แห่งนี้ และหยักไหล่ให้
“สำหรับฉัน รู้สึกว่าผ่านไปไม่กี่วันเองนะ”
“สำหรับผมมันหลายล้านปีเลยละที่ไม่ได้พบกับคุณ ทำเอาลืมไปพักหนึ่งเลยละว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสนามรบ” เรนแหงนหน้ามองท้องฟ้า “อากาศดีจริงๆ สมกับเป็นลูกสาวของผมเลยนะ”
เรนหัวเราะพึมพำในลำคอ และลงไปนั่งบนซากหิน เอื้อมมือไปหยิบเคียว ‘บาคุนาว่า’ ข้างศพส่วนล่างของอลิซาเบธ จากนั้นก็ย้อมบาคุนาว่าสีดำกลายเป็นสีทองคำขาวแทน
“ลืมตาตื่นอีกครั้งเสีย อลิซาเบธ งานของเธอยังไม่จบ”
เรนสะบัดเคียวใส่อลิซาเบธ ร่างกายของเธอถูกคลุมด้วยแสงสีทอง
“ค่ะ ท่านเรน”
อลิซาเบธกลับมาแล้ว ในสภาพที่นั่งคุกเข่าก้มศรีษะให้กับเรน ในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แบบราวกับไม่เคยผ่านศึกใดๆมาเมื่อก่อนหน้านี้
ได้ยังไง? ผมเบิกตาโพงกว้าง หันไปมองร่างท่อนบนของอลิซาเบธ และพบว่ามันไม่มีอยู่ กระทั่งรอยเลือดก็ไม่มี ท่อนล่างที่ขาดก็ไม่มี ไม่มีเศษซากการตายของอลิซาเบธหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอได้กลายเป็นร่างไร้ชีวิตไปแล้วแท้ๆ
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ผมและทุกคนมองไม่เห็นลำดับขั้นตอนของการเรียกอลิซาเบธกลับมาเลย อย่างน้อยที่สุด ก็ควรจะรู้บ้างสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เรนทำอะไรกันแน่ ด้วยพลังของ ‘เทพมังกร’ เรนได้ลงมือทำสิ่งใดไปบ้าง พวกเรารับรู้ถึงสิ่งนั้นไม่ได้เลย แต่เหมือนว่าเรนจะใจดีไม่เข้าเรื่อง
“ผมก็แค่เรียกอลิซาเบธจากจุดเริ่มต้นกลับคืนมาก็เท่านั้น และเพราะกลับสู่จุดเริ่มต้น อลิซาเบธจึงไม่เคยถูกใครทำร้ายในที่แห่งนี้ ไม่เคยโดนยอดนักรบสะบั้นร่างจนขาดครึ่ง รอยเลือด ร่องรอยทั้งหมดของเธอจึงไม่เคยมีอยู่” เรนแสยะยิ้มออกมา “หนึ่งถึงสิบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่สิ ต้องบอกว่าผมได้ทำการเปลี่ยนประวัติศาสตร์กระมัง?”
เรนลุกขึ้นยืนช้าๆ จากนั้นก็เหวี่ยงเคียวเข้าที่พื้นดิน
…..
….
อาณาจักรเนลยอนกลับมาสมบูรณ์เหมือนก่อนหน้านี้ ซากปรักหักพัง ร่องรอยของการต่อสู้ไม่เคยมีอยู่ ตัวเมืองที่ถูกทำลายกว่าครึ่งจากการต่อสู้ทุกๆด้านได้รับการเรียกคืนกลับมาเหมือนกับคืนก่อนสงครามกลางเมือง
ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับเสกมา
“น่าเสียดายที่วิญญาณของใครหลายคนได้หวนคืนสู่สวรรค์ไปแล้ว จึงไม่อาจเรียกกลับมาได้ แต่อย่างน้อยก็ขอเรียกอาณาจักรให้คืนละกันนะครับ”
‘กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น’ คือพลังของเทพแห่งจุดเริ่มต้น และเป็นพลังที่เหนือสามัญสำนึกไปไกลโข ไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆทั้งนั้น แค่เรียกทุกอย่างกลับมาตามใจชอบ
เรนลงไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่กลับมาสมบูรณ์ จากนั้นก็ยื่นเคียวให้อลิซาเบธที่ยืนอยู่ข้างกายถือ และจ้องไปที่ทุกคน
“ผมไม่ใช่คนไม่หรอกนะ ต่อให้ความตั้งใจนี้จะคร่าชีวิตคนไปเสียเยอะ แต่ผมก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ แผนของผมเต็มไปด้วยความหวังและความฝันสูงสุดของมนุษย์ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ พวกคุณคือบุคลากรยอดเยี่ยมบนโลก ใช่ เป็นตัวตนที่แสนวิเศษ ถึงขนาดที่ผมยังยอมรับ และปารถนาจะฆ่าให้ตายถึงที่สุด เพราะตัวตนของพวกคุณมันโคตรจะเกะกะขวางทางผมเลย แต่ว่านะ” เรนยิ้มออกมา “ตอนนี้มันไม่จำเป็นที่พวกเราจะต้องทะเลาะกันแล้ว พวกคุณทุกคนน่าจะเข้าใจดีนะ ..”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเข้าใจเรื่องอะไร
แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเรนได้ ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้มาพร้อมกับกฏของโลกต่างรับทราบได้โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก
“ด้วยเหตุนั้น ผมเลยอยากให้ทุกคนร่วมมือกับผมแทน”
“ร่วมมือ?”
อลิซพึมพำขึ้นมา เรนพยักหน้ารับ
“สร้างโลกใบใหม่ไปพร้อมกับผมเถอะ โลกใบนี้ต้องการพวกคุณนะ!”
เรนตบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง โปรยรอยยิ้มที่แสนจริงใจให้กับทุกคน
“โลกที่ต้องการจะสร้างคือโลกแบบไหน?”
เบ็นจิโร่เอ่ยขึ้น เธอลงไปนั่งบนเก้าอี้ไม้เหมือนๆกัน
“แน่นอนว่าต้องเป็นโลกที่ปราศจากความทุกข์ทั้งมวล ..อืม ไม่ไว้ใจกันเลยนะ แค่มองตาก็รู้แล้ว ไรเดน คุณคิดจะฆ่าผมทุกเวลาเลยนะ ฟัฟนิร์ แซร์อิซ รู้นะว่าแค้น แต่รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อยก็ดี เบ็นจิโร่ เก็บธนูเสียก่อนเถอะ ..เรเซอร์ ผมไม่อยากจะเป็นศัตรูกับคนสำคัญของพี่สาวตัวเองหรอกนะบอกไว้ก่อน อ๋อ เธอก็ด้วยนะ อลิซ แม้แต่เธอที่เป็นเพียงมนุษย์ชั้นต่ำทั่วๆไป ผมยังรู้จักและเห็นว่าเธอสำคัญต่อโลกใบใหม่เลย ควรสำนึกบุญคุณนะที่ผมประเมินเธอไว้ซะสูง”
ไม่มีทางที่จะไว้ใจอยู่แล้ว หากดูจากสิ่งที่เรนทำมาโดยตลอด นอกจากผม ทุกคนก็รู้จักเรนดีในฐานะ ‘ภัยพิบัติ’ ระดับเดียวกับเหล่ามหามังกรทั้งสี่ที่เคยจมโลกนี้ลงสู่ความมืดมิด เรนเป็นตัวตนที่อันตรายต่อโลกใบนี้ พวกเราทุกคนในที่แห่งนี้รู้ดี และไม่คิดจะไว้ใจเรนโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าจะการหายสาบสูญของเผ่าเอลฟ์ หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลกใบนี้ ที่หายสาบสูญไปแล้วบ้าง เหลืออยู่น้อยบ้าง ก็เกิดมาจากเรนทั้งสิ้น ยังมีการทดลองมนุษย์ การถล่มองค์กร ทำลายอาณาจักรที่ขัดขวางหรือจำเป็นต่อแผนการณ์นับครั้งไม่ถ้วน หลายๆอย่างที่ว่ามาไม่อาจเมินเฉย หรือหลบหลีกความจริงที่ว่า ‘เรนได้ทำลายโลกใบนี้ไปมากแค่ไหน’ ไปได้
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ในมุมของผม ..คนสำคัญของผมจะไม่ปลอดภัยถ้ามีเจ้าบ้านี่อยู่
“เมื่อหลายพันปีก่อน โลกได้จมลงสู่ความมืดมิดด้วยน้ำมือของมหามังกรบ้าอำนาจ และโง่เขลาทั้งสี่”
เรนโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง สลัดเอารอยยิ้มเจ้าเล่ห์หรือใบหน้าของคนเหลี่ยมจัดไปจนหมด เหลือแต่เพียงมาดดีของหนุ่มหล่อที่ดูอ่อนโยน
“ผู้คนมากมายต้องสูญเสียที่อยู่ สูญเสียคนรอบตัว สูญเสียโอกาส สูญเสียความฝัน และยังต้องสูญเสียชีวิตเองอีก วันดีคืนดี การที่ใครสักคนตายจากลูกหลง หรือตายจากสงครามมันเป็นเรื่องปกติ เพราะเวลานั้นมันคือยุคมืดของโลกใบนี้ ผู้คนสามารถรับแสงแดดได้เพียงเดือนละครั้ง หรือบางพื้นที่ อาจจะรับแสงแดดได้แค่ปีละครั้ง บ้างก็ไร้ซึ่งแสงแดด โลกในเวลานั้นช่างเปล่าเปลียว เย็นไปทั้งตัว เหงา เดียวดาย ทุกๆคนต่างรู้สึกอย่างนั้น ผมเองก็คือหนึ่งในคนที่ผ่านโศกนาฏกรรมมากมายมาเหมือนๆกับทุกคน”
สองมหามังกรที่ได้ฟังเรื่องนั้นต่างมีท่าทางที่ต่างกัน ฟัฟนิร์ก้มหน้ามองพื้นอย่างหดหู่กับสิ่งทีตัวเองทำ แซร์อิซยืดอกฟังเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ทุกข์ร้อน สำหรับฟัฟนิร์ นั่นคือตราบาปสูงสุดในชีวิตของเธอ จนปัจจุบันเธอต้องทำหน้าที่เป็น ‘ผู้สวดส่งวิญญาณ’ เพื่อชดใช้ความผิดในอดีต แต่สำหรับแซร์อิซมันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนัก ..
“ผมสูญเสียแม่ที่รักไป แม่ของผมถูกลอบสังหารโดยศัตรูปริศนา พ่อเองก็สูญสิ้นความสุขทุกอย่างในชีวิต และเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางของเครื่องจักรเพื่อทุกคน พี่สาวของผมเองก็เอาแต่แค้นศัตรูที่พรากเพื่อนของตัวเองไปเสียจนเหมือนคนบ้า นอกจากครอบครัวแสนสำคัญ เพื่อนของผมทุกคนก็ตายจากสงครามที่เกิดจากการขาดแคลน ผู้คนฝั่งตรงข้ามฆ่าชีวิตคนสำคัญของผมไปมากมาย—เพื่อต่อชีวิตให้คนสำคัญของพวกเขา ..ต้นเหตุคืออะไรกันแน่? มหามังกรหรือ? ไม่ ไม่ใช่เลย พวกเขาเองก็เหมือนกับผมนั่นแหละ เป็นเหยื่อผู้น่าสงสารของโลกใบนี้”
เรื่องราวที่กล่าวมาผมรู้จักมันดี เพราะได้เห็นจากมุมมองของแรกซ์ทั้งหมดแล้ว ..จุดเริ่มต้นของเรน
“วันหนึ่ง ตัวผมไม่เหลือใครแล้ว การมีชีวิตอยู่ทุกๆวินาทีมันแสนเจ็บปวด การหายใจในแต่ละครั้งช่างแสนเหงื่อ เดินหนึ่งก้าว หายใจเข้าออกทุกๆห้าหรือสิบวินาที หันคอไปมาระหว่างเดิน สลับขาไปมา เคลื่อนไหวทั่วทั้งร่าง เพื่อที่จะสู้กับคนมากมาย ฆ่าคนมากมาย พบเจอกับความทุกข์มากมาย เหนื่อยเหลือเกิน ..ผมทนกับโลกใบนี้ไม่ไหว ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย แต่ดันไม่สำเร็จ ผมไม่ตาย แถมยังเจ็บซะจนตายๆไปยังจะดีกว่า ..ตอนนั้นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ผิด ไม่ใช่พ่อหรือพี่สาวที่ทิ้งผม ไม่ใช่แม่หรือเพื่อนที่ตายจากไป ไม่ใช่ศัตรูที่พยายามเพื่อคนของตัวเอง และไม่ใช่มหามังกรที่น่าสงสาร คนที่ผิดให้พูดก็คือ ‘โลก’ ต่างหาก และลึกลงไป คนที่เป็นเจ้าของโลกใบนี้ก็คือ ‘พระเจ้า’ ..เหตุใดพระเจ้าจึงต้องสร้างโลกที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าด้วยล่ะ ผมไม่เข้าใจ เหตุผลมนุษย์จึงต้องรู้จักความตาย เหตุใดมนุษย์จึงเห็นแก่ตัว เหตุใดมนุษย์ ..มากมายสารพัดคำถามต่อพระเจ้าผู้สร้าง แต่ต่อให้ถามอะไรไป ต่อให้น่าสงสารขนาดไหนพระเจ้ามันก็ไม่คิดจะช่วยพวกเราอยู่แล้ว”
เรนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา หมอนั่นจับหน้าอกของตัวเองและบีบ พยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดน้ำตาทุกหยดไว้ให้ได้ อลิซาเบธที่ยืนอยู่ข้างๆนำมือไปลูบที่หลังของเรน
“.มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าโลกใบนี้มีพระเจ้าผู้อ่อนโยนเป็นเจ้าของ คงดีไม่น้อยเลยถ้าหากลูกแกะทุกตัวถูกรักและเอ็นดูโดยพระเจ้า ถ้าหากทำได้จะไม่มีลูกแกะที่หลงทาง โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความสุข และใช่ ..บทสรุปของทุกอย่างที่คิดได้ โลกใบนี้ต้องการ ‘พระเจ้า’ ตนใหม่”
กล่าวจบเรนก็ลุกขึ้นยืน และอ้าแขนขึ้นไปบนฟ้า จังหวะเดียวกัน แสงก็ทะลุผ่านเมฆและหิมะลงมาที่ร่างของเรน ประหนึ่งเทพอวยพร
พูดให้ถูก เพราะเป็นเทพจึงบรรดากระทั่งแสงอาทิตย์ได้
ร่างของเรนสะท้อนด้วยแสงที่สวยงาม
“ใช่แล้ว พระเจ้าที่แสนอ่อนโยนคนนั้นก็คือ–ผม”
โดยส่วนใหญ่ พอจะเข้าใจที่เรนพูด และเข้าใจดีเลยว่าเรนน่าสงสาร ต่อให้เกลียดมากแค่ไหน ผมก็อดเห็นใจไม่ได้
“โลกที่นายว่ามา อาจจะไม่เลวก็ได้”
“ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนคิดเหมือนๆกัน ผมถึงคิดแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาทั้งหมด”
ผมพยักหน้าเห็ฯด้วย ก่อนเอ่ยประโยคต่อไป
“แต่โลกใบนี้ไม่สมควรมีคนคอยปกครองชีวิต ถ้าเกิดไร้ซึ่งอิสระ โลกใบนี้ก็สุดจะจืดจาง ทั้งความรู้สึก ความปารถนา จะกลายเป็นเพียงเจตจำนงศ์ของนายแต่เพียงผู้เดียว ..สุดท้าย โลกใบนี้ก็คงมีแค่ ‘พระเจ้า’ เท่านั้นที่อาศัยอยู่จริงๆ นั่นน่ะเรียกว่าโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ไม่น่าจะได้”
“แต่ทุกชีวิตจะพบแต่ความสุข จะไม่มีการสูญเสีย จะมีแต่ความถูกต้องที่ทุกคนปารถนา”
“ก็จริงอยู่ที่ทุกคนอยากมีความสุข แต่ว่าฉันอยากมีความสุขด้วยตัวของฉันเอง ไม่อยากให้นายเอาความสุขในแบบของนายมายัดเยียดให้หรอก ความสุขของใครของมัน ชีวิตของใครของมัน นี่คือโลกที่ฉันต้องการจะใช้ชีวิต”
เรนได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“เพราะคุณเกิดมาในครอบครัวที่พร้อมไปด้วยทุกสิ่งอย่าง จึงไม่มีชะตาที่จะต้องแบกรับความทุกข์ยังไงละครับ ถึงได้ไม่เข้าใจคนอื่น ไม่รู้เลยหรือไงว่าบนโลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่คิดได้เพียงแค่ว่า อย่างน้อยๆพรุ่งนี้ก็ขอให้เจอเรื่องดีๆสักนิดก็พอแล้ว ไม่คิดบ้างเลยรึไงว่าโลกนี้มีคนที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็คว้าความสุขมาไม่ได้อยู่”
“ทั้งหมดเป็นผลที่เกิดมาจากสภาพสังคม เป็นความผิดในฐานะมนุษย์ที่ปกครองพื้นที่นั้นได้ไม่ดีพอ และมันเป็นปัญหาที่มนุษย์ทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไข และใช่ นายพูดไม่ผิดหรอกที่ฉันเกิดมาพร้อมทุกอย่าง ต่างกับหลายชีวิตที่ต้องดิ้นรนบนโลกใบนี้ และบางที ไม่หรอก ถ้าเกิดสิ่งที่นายกำลังจะทำมันไม่ขวางความสุขของฉัน ฉันอาจจะร่วมมือด้วย”
“ตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่ครับ”
….
“ก่อนที่นายจะขึ้นเป็นพระเจ้า คนสำคัญของฉันต้องตายก่อน ถูกรึเปล่า?”
“นี่คุณ คงไม่คิดจะ–”
“อ่า ใช่ ใช่เลย”
ผมหัวเราะขึ้นมา ยิ้มตอบเรนกลับด้วยแววตาที่เรียบเฉย
“โลกที่คนสำคัญของฉันไม่มีที่อยู่ ไม่ต้องการหรอกโว้ย” ผมชี้เรลันดาฟเข้าหาเรน รวบรวมมานาทั้งหมด “ไม่ยอมให้แกพรากใครไปจากโลกนี้ทั้งนั้น!!!!!”
เหตุผลที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องเห็นแก่ตัว ภัยพิบัติที่หวังจะช่วยโลก คนที่คิดจะโค่นภัยพิบัติเพื่อคนของตัวเอง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็เป็นภัยพิบัติที่แสนน่าสงสาร
“คนโง่!!!! แค่ชีวิตไม่กี่ชีวิต ถึงกับโยนความสุขที่ทุกชีวิตจะได้รับทิ้ง!! ไอ้คนเห็นแก่ตัว!!”
“หุบปากไปซะ ไอ้เด็กไม่รู้จักโต!!”
[เฟรมบาสเตอร์] พุ่งออกไปเป็นจำนวนมหาศาล เรนคว้าเคียวจากมือของอลิซาเบธฟันสวน ทุกอย่างถูกส่งคืนสู่จุดเริ่มต้น กระทั่งล่องลอยการต่อสู้ก็ไม่เคยปรากฏขึ้น
เรนเลือดขึ้นหน้า และเขม็งมาทางผมด้วยสีหน้าและแววตาที่เหยียดหยาม ผมเองก็มองเรนในลักษณะเดียวกัน
“หัดรู้จักยอมรับความจริงซะบ้างนะ ไอ้ ‘วอนนาบีพระเจ้า’ คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกัน ไอ้ฆาตกรโรคจิตในคราบนักบุญอย่างแกเนี่ยนะจะมาเป็นผู้ปลดปล่อย? อยู่มาเป็นพันๆปีไม่ได้ช่วยให้แกคิดได้เลยหรือไงวะ”
ผมใช้นิ้วชี้เข้าที่หัว พูดดูถูกสารพัดใส่เรน ไม่แปลกที่หมอนั่นจะเริ่มเดือดตาม
“..แก ..แกนี่มัน ตลอดเลยแฮะ เป็นคนที่ไม่ว่าจะคุยด้วยยังไงก็คุยกันไม่เคยรู้เรื่อง รู้แล้วละว่าทำไมถึงเจรจาด้วยไม่ได้ เพราะแกมันเห็นแก่ตัว เป็นปีศาจเห็นแก่ตัวในร่างของมนุษย์ คนแบบแกไม่ใช่ลูกแกะหลงทาง แต่เป็นหมาป่าที่จ้องจะทำลายชีวิตของคนอื่น”
“พระเจ้าที่รักแต่ลูกแกะ มันจะไปมีค่าอะไร แค่ความคิดที่จะทำให้คนทั้งโลกเป็นลูกแกะสำหรับแกมันก็พิลึกไปไกลแล้วเว้ย”
“อย่างแกจะไปเข้าใจอะไร!?”
“ไม่เคยคิดอยากเข้าใจด้วยจะบอกให้”
เรนลุกขึ้นยืน ในมือถือเคียวเอาไว้—-คำตอบของคนอื่นนอกจากผม
เหมือนจะเห็นด้วยกับผมกัน
ไรเดน อาคาสะ ดึงดาบออกมา เบ็นจิโร่คว้าธนูออกมา ฟัฟนิร์ แซร์อิซ พร้อมเข้าไปต่อสู้–อลิซทำท่าจะหนี
“ว่าโดยง่ายก็คิดจะขึ้นเป็นเจ้าของโลกใบนี้สินะ?”
คำพูดตอกย้ำของไรเดนทำให้เรนเลือดขึ้นหน้าสุดขีด
“คิดว่าจะเข้าใจกันแท้ๆ ..สรุปแล้ว คนอย่างพวกแกไม่ควรจะอยู่บนโลกของผม”
เรนลอยขึ้นไปบนฟ้า—เกิดแสงสีทองวูบขึ้น พริบตาเดียวเรนก็ปรากฏตัวในชุดเกราะสีเทาสองปีกอันสง่างาม แต่ดูจะเข้ากับสีทองมากกว่า
“ถึงพลังจะยังไม่สมบูรณ์เพราะโดนลูกสาวตัวเองทรยศก็เถอะ แต่ว่า–มันก็มากพอจะกำจัดพวกหมาป่าที่เป็นอันตรายต่อลูกแกะของผมทั้งหมดได้ไม่ยาก”
“รู้จัก ‘เฟนริล’ รึเปล่า? อย่าได้ประมาทหมาป่าไปเชียวละ ไอ้พระเจ้าเส็งเคร็ง”
“อวดดีได้ไม่เลิกซะจริงๆนะ—”
เรนยกเคียวขึ้นฟ้า เกิดวงแหวนขึ้นทั่วทั้งอาณาจักรเนลยอน—-ผมระเบิดวิหคอมตะคลุมทั่วทั้งอาณาจักรเนลยอน ทันทีที่วงแหวนแห่งเทียแมธได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นมา ทันใดนั้น—การต่อสู้กับ ‘เทพมังกร’ ก็ได้เปิดฉาก
โดยเริ่มจาก อาณาจักรเนลยอนที่ถูกทำลายทิ้งจนไม่เหลือซาก