< < 180 Sec1 > >
แสงสีทองได้พุ่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างประหนึ่งแสง ผมตอบโต้โดยการสร้างวิหคอมตะปกคลุมทุกคนในที่แห่งนี้ ทว่า ..เหมือนจะไม่ไหว
เพียงกระพริบตารอบเดียว อาณาจักรเนลยอนบริเวณชายฝั่งกว่าครึ่งก็ถูกลบหายไป กลายเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งสิ่งก่อสร้างหรือธรรมชาติใดๆ ใช่ ไม่มีอะไรเลย จะมีก็แค่ผืนดินขนาดเล็กเทียบเท่าพื้นที่คฤหาสน์หลังหนึ่งที่ยังอยู่พร้อมกับสิ่งก่อสร้างที่พังทลายลงจากแรงสะเทือนเมื่อครู่
และนั่นก็คือสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ภายในอาณาจักรเนลยอน หลังจากที่ผินดินกว่าครึ่งได้หายไป น้ำก็ซัดเข้ามาจากมหาสมุทร
ผมลุกขึ้นยืนช้าๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายหลายจุด การโจมตีของเรน–มันทะลุวิหคอมตะมาได้
น่าจะเป็นสิ่งเดียวบนโลกที่ทำอย่างนี้ได้ ..
“วิหคอมตะ เป็นปัญหาซะจริงๆ”
ถ้าหากไม่มีวิหคอมตะ พวกเราทุกคนคงตายไปแล้ว
อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เรนได้ใช้มานาของเทพมังกรในการจู่โจม ส่วนผมใช้วิหคอมตะรับการโจมตีเอาไว้ ผลคือ-วิหคอมตะถูกย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น แต่ว่าวิหคอมตะมีจำนวนที่มหาศาลมาก ทำให้เกิดการต่อสู้กันในพริบตาเดียว และผลก็ปรากฏดังที่เห็น
เหมือนว่า ไม่สิ ผมได้พ่ายแพ้ในการดวล กลับคืนสู่จุดเริ่มต้นของเทพมังกรมันเหนือชั้นกว่ามาก แต่ว่า ..วิหคอมตะก็ช่วยต่อชีวิตพวกเราไปได้
ผมสัมผัสร่างของตัวเอง คลุมร่างด้วยวิหคอมตะ รักษาแผลกายทุกอย่าง
แต่วิหคอมตะที่ใช้ในการปกป้องเมื่อครู่คือขีดสุดของผม ถ้าหากว่ามานาไม่พอ หรืออยู่ในระหว่างใช้มานาทำอะไรบางอย่างก่อนกลับคืนสู่ร่าง ถ้ามานาไม่มากพอที่ชนกับการหวนคืนสู่จุดเริ่มต้น สภาพของผมจะต่างไปจากนี้ บางทีอาจจบด้วยความพ่ายแพ้ในคราเดียว
อนุมานได้ว่า การจะรับพลังของเทพมังกรได้ จำเป็นต้องใช้วิหคอมตะด้วยมานาทั้งหมดที่มี
ผมหันกลับไปมองข้างหลัง ทุกคนไม่มีอาการบาดเจ็บเลย ยกเว้น เบ็นจิโร่ และอลิซที่เจ็บหนักกว่าผมเล็กน้อย
‘วิหคอมตะ’ คือการกระตุ้นมานาในร่างกายเพื่อใช้ฟื้นฟูมานาในร่างกายของตัวเอง มันจะมีผลต่างไปแล้วแต่มานาที่มีอยู่ในตัวของผู้ใช้งาน ให้ยกตัวอย่าง วิหคอมตะในตัวผมสามารถเร่งได้สูงสุด 100 หน่วย ในตัวเบ็นจิโร่อาจได้สัก 90 หน่วย ส่วนอลิซคง 60 หน่วย ใช่ ระดับการทำงานมันต่างไปแต่ละคน
ถ้าหากผมใช้กับ มหามังกรอย่างฟัฟนิร์ หรือ ไรเดน อาคาสะ ที่มีมานามากกว่าผม พวกเขาจะเร่งประสิทธิภาพได้มากกว่า โดยเฉพาะพวกมหามังกรที่มีมานาแทบไร้ขีดจำกัด คงจะเร่งได้มากกว่าเป็นสิบเท่าเลยละ กลับกัน ในกรณีที่วิหคอมตะไม่สามารถใช้งานได้ สมมุติว่าเบ็นจิโร่มานาไม่เหลือเลย ผมก็จะฟื้นฟูให้ไม่ได้ ต่อให้ผมมีมานาอยู่เต็ม เพราะมานาใครมานามัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเป็นคนเดียวที่จุดประกายไฟได้ แต่ผลลัพธ์จะต่างกันไปแต่ละคน ราวๆนี้
ผมดีดนิ้ว รักษาร่างกายให้เบ็นจิโร่ และอลิซ ตามลำดับ ก่อนชี้เรลันดาฟไปทางเรน
เรนไม่รีรอ เหวี่ยงเคียวอีกหนึ่งครั้ง—-เร็วมาก
คราวนี้ลดพลังทำลายลง แต่เน้นไปที่ความเร็ว
ผมพยายามจะหลบ แต่ไม่ทัน
หน้าท้องถูกอัดด้วยแสงสีทอง—ผมลอยขึ้นไปบนฟ้า และถูกดีดกลับลงพื้น ทะลุเข้าไปในมหาสมุทร
พยายามใช้วิหคอมตะตอบโต้ แต่—ละลอกที่สองก็ตามมา แสงสีทองพุ่งอัดผมรัวๆกลางมหาสมุทร ผมอยู่ในทิวทัศน์ที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเหนือมหาสมุทร ทุกคนจะสู้กับไรเดนยังไงต่อ ผมไม่รู้อะไรเลย ที่รู้ๆผมถูกเรนส่งลงมหาสมุทร และไม่อาจทำอะไรได้เลย จน..ไม่นานก็หมดสติไป
****
“ได้แค่นี้เองรึไงวะ!!!? ไอ้ ‘จอมมารวอนนาบี’ !!”
วินาทีที่ เรเซอร์ ดราแคล์ ถูกเล่นงาน เบ็นจิโร่ และไรเดน อาคาสะก็พุ่งตัวเข้าหาเรนอย่างรวดเร็ว เรนตอบโต้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด จากการประเมิน ไรเดนคาดว่าน่าจะเร็วกว่าเทพดาบราว 10 เท่าได้
ร่างเป็นหนึ่งเดียวกับมานา ไหลไปพร้อมกับกระแสมานา ประหนึ่งว่าหายตัวไปและโผล่มาอีกที มากกว่าเคลื่อนไหว
แขนของเบ็นจิโร่ถูกตัดจากข้างหลัง ปลายเคียววเอียงทะลุเข้าที่หน้าอก ก่อนจะหมุนร่างของเบ็นจิโร่ไปทางที่มีภูเขาอยู่
แรงเหวี่ยงอันมหาศาล เหนือยิ่งกว่าแรงกายของมหามังกรไม่รู้กี่สิบเท่า
เบ็นจิโร่ปลิวไปชนกับภูเขา พร้อมกันนั้นเหนือก้อนเมฆก็มีแสงสีทองพุ่งลงมา และ ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เกิดการระเบิดภูเขาขึ้น ณ ทวีปเนลยอน ภูเขายักษ์แตกออก เศษหินมากมายพุ่งออกมาจากภูเขา
ทุกอย่างที่ทำเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงวินาทีเดียว ไรเดน อาคาสะที่พุ่งจากทางซ้าย ทำได้เพียงดึงดาบจากฟักเพียงแค่นั้น
“ช้าเหลือเกิน”
“–”
เรนม้วนตัวขึ้นไปเหนือหัวไรเดน และถีบเข้าไปไหล่ขวา—ไหล่หลุด และร่างถูกส่งลงมหาสมุทรไปเหมือนกับเรเซอร์ แต่คราวนี้เรนไม่คิดจะซ้ำไรเดน เจ้าตัวตวัดเคียวที่อัดแน่นด้วยพลังมหาศาลเข้าใส่ ฟัฟนิร์ แซร์อิซ และอลิซที่ยังเหลือรอดในจุดที่ยืนอยู่
“ตายซะ”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!
พวกที่เหลืออยู่ถูกอัดด้วยพลังที่มหาศาล และจมลงสู่ห้วงลึกมหาสมุทร
เรนยืนอยู่บนอากาศด้วยสีหน้าแปลกๆ โดยที่มีอลิซาเบธบินตามมาอย่างเชื่องช้า
“ยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ ท่านเรน”
“…เมื่อกี้ผมเผลอใส่เยอะไปหน่อย และมานากำลังปั่นป่วนอย่างหนักอยู่ เพราะสโนว์ดันดัดแปลงกระบวนการทำงานกลางขัน ทำให้มีหลายๆอย่างแปลกไป” เรนกำหมัดแน่น ก่อนยิ้มอย่างปล่อยว่าง “คงต้องยกเว้นที่จะใส่แรงเหมือนเมื่อกี้ ไม่นั้นผมอาจจะหลุดจากการขึ้นเป็นเทพมังกรเอาได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างมันจบแล้วละ ต่อให้ไม่ต้องเอาจริง ตัวผมในตอนนี้ก็สามารถฆ่าพวกระดับไรเดนได้อย่างใจนึกแล้ว”
เรนพยักหน้าพึมพำกับตัวเอง ก่อนหัวเราะ ฮ่าๆ ออกมา
“เริ่มแผนต่อไปกันเถอะ—ได้เวลาเก็บกู้ ‘สมบัติสวรรค์’ ..หึหึ เสียใจด้วยนะ ออโรโบรอส ได้เวลาจบสงครามของพวกเราแล้ว”
ก่อนที่เรนจะบินไปยังสถานที่อื่น เขาก็ได้หยุดและก้มลงมองผู้ต่ำต้อยในจุดล่างสุด บนผิวของมหาสมุทรนั้น ‘นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด’ ยืนอยู่ในสภาพที่ทั้งตัวเปียกเปื้อนได้ด้วยน้ำทะเล และเลือดที่ไหลมาจากร่าง
“..”
ไรเดน อาคาสะ แหงนหน้ามองเรนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงดาบมารออกมาอีกครั้ง
“ก็ได้ จะเป็นเพื่อนเล่นให้หน่อยก็ได้”
****
‘หมดสภาพ’
‘เละสุดๆ’
‘ดูไม่ได้เลย’
‘แพ้เขาง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไรเล่า เหนือหัวของเรา’
‘ลุกขึ้นมาซะ’
“..หนวกหูจริงๆ”
เบ็นจิโร่ลืมตาตื่นขึ้นบนยอดภูเขา ร่างของเธอถูกปกคลุมด้วยซากหินและต้นไม้ แขนและขาบิดไปคนละทาง บริเวณลำตัวมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ได้รับจากเรน แต่เหมือนจะโชคดีที่ความเสียหายข้างในไม่ได้มากมายอะไรมาก เพราะในวินาทีที่ถูกเรนโจมตี เบ็นจิโร่ก็ได้ตอบโต้ด้วย ..
นกเพลิงชมพูขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือภูเขา และจับจ้องมาที่เบ็นจิโร่ผู้มีสภาพไม่น่าชม
‘ตื่นเสียทีนะ เหนือหัวของเรา’
“ไม่ได้ใช้งานเสียตั้งนานนะ ‘ฟีนิกซ์’”
สัตว์มายา ‘ฟีนิกซ์’ นกอมตะ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เบ็นจิโร่ได้รับพันธสัญญาด้วย
‘เพราะตัวเรานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะใช้จัดการพวกลูกกระจ๊อก’
“ก็จริง ครั้งนี้ขอยืมแรงหน่อยละกัน มานาพอมีให้ ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ฉันที”
‘เข้าใจแล้ว แต่ขออย่างหนึ่งได้หรือไม่?’
“อะไร?”
‘ช่วยกำจัด เรเซอร์ ดราแคล์ ให้ที หมอนั่นใช้พลังคล้ายกับเราได้ แถมยังเหนือกว่าอีก ชื่อที่ตั้งก็อย่างกับว่าเป็นตัวเราเองอย่างไรอย่างนั้น’
เพลิงแห่งการเยียวยาของเรเซอร์เหนือกว่าเพลิงแห่งการเยียวยาของฟีนิกซ์ตัวเป็นๆเสียอีก เรื่องนั้นเบ็นจิโร่เองก็เห็นด้วย เพราะเพลิงของฟีนิกซ์จะรักษาได้เพียงบาดแผล แต่ไม่อาจใช้ฟื้นฟูมานากลับคืนได้ ฟีนิกซ์ผู้หลงใหลในพลังของตนเองจึงไม่ชอบใจตัวตนของเรเซอร์
“คงไม่ได้”
‘น่าเสียดาย’
แม้จะไม่ทำตามความปารถนาให้ ฟินิกซ์ก็ไม่คิดจะขัดคำสั่งนายเหนือหัว เพลิงสีชมพูปกคลุมร่างของเบ็นจิโร่ ร่างกายได้รับการรักษาคืนมาเหมือนเก่า แต่แลกกับมานาที่หายไปราวครึ่งหนึ่ง
“ขอบคุณมาก ไว้จะตอบแทนด้วยอย่างอื่น”
‘จะตั้งตารอนะนายเหนือหัว ขอตัวก่อน ..แล้วก็อย่าเป็นศัตรูกับเทพมังกรจะดีกว่า’
ฟีนิกซ์เลืองหายไปทันทีที่จบการใช้งาน เบ็นจิโร่ลุกขึ้นยืนบนยอดของผู้เขา
“เทพมังกรอะไรนั่น สุดยอดขนาดนั้นเลยสินะ”
‘ใช่ค่ะ เป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุด ทรงพลังยิ่งกว่าจอมมารเสียอีก คนที่กล้าพอจะเป็นศัตรูกับเทพมังกรในหน้าประวัติศาสตร์มีเพียง จอมมาร และผู้กล้ารุ่นแรก เท่านั้น’
ภูตสวรรค์ ‘วิลรันเทีย’ โพล่งขึ้น
‘เทพมังกรใกล้เคียงกับพระเจ้าสูงสุดที่สุด’
ภูตสวรรค์ ‘เวลเดีย’ เสริม
เบ็นจิโร่รับฟังทั้งหมดแล้วก็ยังคง–
“นอกจากจอมมาร และผู้กล้า ก็คือฉันและอีกไม่กี่คนสินะที่จะได้รับจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ น่าสนใจดี”
เธอเย่อหยิ่ง และมั่นใจในตัวเองมากกว่าทุกที ปกติจะเป็นคนที่ทำงานโดยประเมินสถานการณ์ และใช้วิธีที่ปลอดภัยเป็นอันดับแรก แต่ ..
“นอกจากนั้น พวกเธอก็จะได้รับเกียรติยศมากมายมหาศาลด้วยนี่ ถ้าหากทำผลงานถึงขนาดเป็นคู่ต่อสู้ให้เทพมังกรได้ บางทีอาจจะเอาไปโอ้อวดก็ได้นะว่า–เหนือยิ่งกว่ามหาภูตเสียอีก”
‘ ‘ ….. ’ ’
ทั้งสองภูตพากันเงียบ
‘ขี้โกงจังเลยนะคะ ท่านก็รู้นี่ว่าพวกเราหมันไส้ยัยมหาภูตที่เกาะคนอื่นกินจนเกินหน้าเกินตานั่นขนาดไหน’
‘ทำเอาอยากลองเด็ดหัวเทพมังกรขึ้นมาเลยนะคะเนี่ย อยากรู้จริงๆว่า ‘เซเนีย’ ที่ชอบโอ้อวดว่าหากเอาจริงตนสามารถโค่นมหามังกรได้ง่ายๆนั้นจะทำหน้ายังไง ..ว่าแต่วันนี้คึกเป็นพิเศษนะคะ นายท่าน’
เบ็นจิโร่พยักหน้ารับ ก่อนจะขยี้ร่างของสองภูตสวรรค์เพื่อที่จะยกระดับพลังของตัวเองไปให้ถึงขีดสุด
“เพราะได้ร่วมรบกับรักแรกเลยไม่อยากจะแพ้น่ะ—”
กล่าวจบแสนแห่งภูตสวรรค์ก็พุ่งใส่ร่างของเบ็นจิโร่—
****
ผมล่องลอยอยู่ในมหาสมุทร ถูกเล่นงานจนหมดสภาพ ในคราเดียว วิหคอมตะไม่อาจตอบโต้ได้ทัน การย้อนคืนสู่จุดเริ่มต้นช่างน่าหวาดกลัว ..หากไม่ระวัง ผมเองก็คงได้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้นในการโจมตีเพียงหนเดียว
เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เหมือนกับตอนที่ได้สู้กับเอเธอร์เป็นครั้งแรก ผมพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ และกำลังจมลงสู่ห้วงลึกที่แสนว่างเปล่า
แต่โชคยังเข้าข้างที่ผมยังคงได้รับโอกาสเสมอ
มือแสนเรียวบางเล็กๆสัมผัสเข้าที่ข้อมือผม และออกแรงดึง—สติผมกลับมา พร้อมกับสถานที่ใหม่ที่ตัวเองยืนอยู่
ผมปัดเส้นผมที่ปิดหน้าปิดตาของตัวเองจากการเปียกน้ำ และมองทิวทัศน์ตรงหน้า
“ว่าไง”
“นึกว่าจะตายแล้วซะอีก”
ฟัฟนิร์พึมพำขึ้นมาในขณะที่ใบหน้าเธอนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตา นอกจากเธอก็มี แซร์อิซ และอลิซ แล้วก็ ..ปีเตอร์?
“ช่วยทำอะไรกับเด็กนั่นที่เอาแต่แก้ผ้าหน่อยได้รึเปล่า เห็นแล้วรู้สึกขัดตาน่ะ”
“น่ารำคาญจริงๆ ไปตายซะสิจะได้ไม่เห็น”
ผมกับหมอนั่นจ้องกันเขม็ง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหยิบเสื้อเชิ้ตจากกระเป๋าเวทมนตร์ และโยนให้
“นึกว่าจะตายแล้วซะอีก!!!”
จู่ๆฟัฟนิร์ก็เข้ากอดผมและเล่นออกแรงซะเยอะ
“เจ็บ เจ็บ พอๆ พอก่อน”
“แง๊!!!! เกิดต้าวเรเซอร์ตายขึ้นมา ต้าวชินได้เสียใจแย่เลย”
ประทานโทษ แต่ถ้าคุณเธอไม่ปล่อยผมเสียที ผมอาจขาดอากาศหายใจตายก็ได้นะเออ
“ข้าไม่อยากปล่อยให้ใครตายอีกแล้ว ..”
แรงกอดเริ่มผ่อนลง ฟัฟนิร์ผละตัวออกจากผม และลงไปนั่งกอดเข่าอย่างเหงาๆ
“เนลยอนจากไปแล้วสินะ”
พอเดาได้อยู่ จากการที่เรนได้ขึ้นเป็นเทพมังกรนั่นแหละ
พูดไปอย่างนั้น ทั้งฟัฟนิร์และแซร์อิซก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกันทั้งคู่
“อือ ความผิดของข้าที่ไม่ระวังเอง”
หายากแฮะที่จะเป็นฟัฟนิร์เปิดอกรับความผิดเนี่ย
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ฟัฟนิร์ ข้าเองก็ประมาทเกินไป”
หายากเหมือนกันที่เห็นแซรอิซพูดแบบเป็นผู้เป็นคน ..ไม่ค่อยชอบเลยแฮะอีแบบนี้
ผมยื่นมือไปลูบที่ศรีษะของฟัฟนิร์
“..ต้าวเรเซอร์?”
ในทีแรกลูบเบาๆก่อนจะลูบแรงๆประหนึ่งหยุมหัว
รู้สึกหมันเขี้ยวยังไงไม่รู้แฮะ
“โอ้ย โอ้ย หยุดนะ! หยุดเดี่ยวนี้นะ! เดี่ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก!”
“ไม่ใช่ว่าจะช่วยเนลยอนไม่ได้สักหน่อย”
“ตะ แต่ว่า! หายไปแล้วนะ เหลือแต่ผงเชียวนะ!”
เคราพคนตายหน่อยครับ ฟัฟนิร์
ผมถอนหายใจอัดหน้า และเริ่มอธิบาย
“มหามังกรเทียม สโนว์ ได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้การขึ้นเป็นเทพมังกรมันยังไม่สมบูรณ์ พิธีกรรมยังไม่จบ เพราะมันติดขัดที่การสังเวย ถึงจะไม่มีอะไรมายืนยัน แต่ว่า ..มานาของเรนตอนนี้น่าจะกำลังปั่นป่วนอยู่”
ถามว่ารู้ได้ไง ผมอ่านนิยายต้นฉบับมามา
“ถ้าเกิดเอาชนะเรนได้ เรื่องราวก็จะกลับไปที่จุดเริ่มต้นก่อนจะถึงขั้นตอนสังเวย เนลยอนจะกลับมา ..รวมถึง ‘มหามังกรเทียม’ ด้วยน่ะนะ”
พูดถึงตรงนี้ปีเตอร์ก็หันหน้ามาหาผม ทำหน้าอึ้งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“พูดจริงเหรอ?”
“แน่นอน”
“..ฉันเองก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน”
ปีเตอร์ว่าเช่นนั้น ดูจะฝืนใจเล็กน้อยที่ต้องร่วมมือกับผม แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับชีวิตของคนสำคัญคนหนึ่ง
เอาละ ถ้านั้นก็ ..ว่าแต่ตอนนี้ผมอยู่ไหนเนี่ย
ผมตั้งใจมอง ณ พื้นที่ตัวเองเหยียบดู ไม่นานก็ทำให้รู้ว่าตัวเองอยู่ภายในฟองน้ำขนาดยักษ์ และ ..บนหลังของมังกรน้ำ
ใครอีกเนี่ย?
“ ‘บลูเบน’ สหายเก่าข้าเอง”
ฟัฟนิร์แนะนำให้ฟัง
“เธอเป็นอดีตเจ็ดคาบสมุทรน่ะ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นคนรับส่งข้าข้ามทะเล เนื่องจากหากให้ข้าขึ้นเรือหรือว่ายน้ำเอง มีความเสี่ยงที่จะโดนมังกรน้ำในบางพื้นที่โจมตีเข้า เนื่องจากคดีในอดีต”
“ไปที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยเลยนะ หล่อน”
โดนผมตบมุกให้อย่างนั้นก็หัวเราะร่าออกมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ทันทีที่รู้ว่าอาจช่วยเนลยอนได้กราฟอารมณ์ดีก็ดีดขึ้นสูง
“เพราะข้ามันโคตรเทพซ่ายังไงละ”
…เทพซ่าสินะ อืม นั่นสินะ
ผมลุกขึ้นยืนและบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“คุณบลูเบน ช่วยส่งผมขึ้นไปบนบกทีนะครับ พวกนายทุกคนเองก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีละกันนะ คู่ต่อสู้คือเทพมังกรตัวเป็นๆ ถึงพลังจะไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าเผลอก็ตายได้ในทีเดียว”
เหมือนอย่างที่ผมโดนเมื่อครู่นี้ ถ้าเกิดไม่มีวิหคอมตะมาช่วยได้ตายแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปนานแล้วละ
ทุกชีวิตบนหลังของบลูเบนพยักหน้ารับ จากนั้นบลูเบนก็เร่งสปีดขึ้นไปบนบก
วิธีชนะเรน ..ใช่ว่าจะไม่มี
หมอนั่นพลังยังไม่สมบูรณ์ ข้อเสียหลักๆคือมานาปั่นป่วนเป็นพิเศษ ทำงานไม่ค่อยเป็นระบบ และของที่จะใช้เล่นงานข้อเสียตรงหน้าทางฝั่งผมก็มีอยู่
ไผ่ตายที่จะใช้โค่นเรนได้ก็คือ ‘ไรเดน อาคาสะ’