< < 180 Sec2 > >
นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด คิดมาโดยตลอดว่าชื่อนี้มันเกินตัวเองไปมาก
ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด–แต่กลับถูกยกย้องไว้เช่นนั้น เพราะเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่นั้นเหรอ? บางทีอาจจะใช่ แต่ว่าฉันไม่อาจยอมรับได้หรอกว่าตัวเองเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าหากแข็งแกร่งที่สุดจริงๆคงจะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างได้
ในวันที่สูญเสียสหายร่วมรบอย่างเจ็ดคาบสมุทรไป ตัวฉันไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากสู้กับเอเธอร์อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยหวังเพียงแค่ว่าคนที่เหลือจะหนีรอดไปได้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ตายกันแทบทุกคน
สูสีกับเอเธอร์ ไม่เคยแพ้ ..ผิดแล้วละ ในวันนั้น ฉันได้แพ้เป็นที่เรียบร้อย
ไรเดน อาคาสะ นักรบผู้แบกรับคำว่าแข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ ได้นั่งอยู่บนผิวน้ำ ท่ามกลางซากศพของสหายร่วมรบ และถูกเอเธอร์ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงไว้ชีวิต
“ทำไม ..ถึงไม่ฆ่าฉัน”
“ผมสัมผัสได้ถึงชะตากรรมที่แสนวิเศษจากคุณ”
ดวงตาที่มองทุกอย่างทะลุปุโปร่ง คนๆนั้นมองมาที่ฉันด้วยแววตานักปราชญ์ ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเสแสร้ง
“ชะตากรรมที่จะขึ้นเป็น ‘นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด’ ”
“ถ้าหากเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะเหนือกว่านายสินะ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะ ตัวผมคือ-กฏที่แข็งแกร่งที่สุดยังไงละ”
ถ้าหากอยากจะโค่นชายตรงหน้า-ก็จงทำลายกฏแห่งโลกให้ได้ซะ ราวกับพูดออกมาอย่างนั้น
วันนั้นฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดหรืออะไรทั้งนั้น ..ตัวเองก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายใต้กฏของโลกใบนี้
กระนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจในความเป็นจริงนี้ เพราะตัวฉันมิได้ใส่ใจในนามที่ยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว ฉันแค่ ..อยากจะพิสูจ์บางอย่างที่หลงลืมไปนานแล้วก็แค่นั้น และสิ่งที่อยากพิสูจน์ก็ไม่ใช่พลังหรืออำนาจใดๆทั้งนั้น แต่ก็นั่นสินะ อย่างไรซะก็หลงลืมไปเสียตั้งนานแล้ว คงจะลื้อฟื้นกลับมาไม่ได้อีกแล้วละ
ราวกับสูญเสียซึ่งเหตุผลในการมีชีวิตไป ประหนึ่งวิญญาณที่ไร้ความปารถนา เสมือนผู้หลงทางบนโลกใบนี้ ในห้วงเวลานั้น–ฉันก็เจอกับผู้ที่รื้อฟื้นความทรงจำกลับมาให้
เพื่อเป็นการตอบแทน เธอคนนั้นจะขึ้นเป็นายเหนือหัวของฉันแด่เพียงผู้เดียว ..ท่าน ‘โทมิเรีย’
****
ไรเดน อาคาสะ จับจ้องไปที่ดาบมารมุรามาสะบนมือของตัวเอง เขามองทะลุเข้าไปในแก่นแท้ของมัน ก่อนจะยกดาบขึ้นมาตั้งท่า–แสงสีทองพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ช้ากว่าก่อนหน้านี้มาก ไรเดนตวัดดาบสี่จังหวะ สะบั้นแสงสีทองจนแหลก ก่อนจะออกวิ่ง
ทักษะการออกตัวที่ยอดเยี่ยมนั่นทำให้แม้พลังกายจะไม่ได้มากมายมหาศาล แต่ไรเดนสามารถวิ่งมาอยู่ใต้เท้าของเรนได้เพียงอึดใจเดียว จากนั้นเขาก็หมุนตัวฟาดคลื่นดาบขึ้นไปข้างบน เรนพุ่งลงสู่พื้น แม้จะใช้พลังได้ไม่เท่าก่อนหน้านี้แล้ว แต่ความเร็วที่ปรากฏก็ยังมากกว่าไรเดนอยู่หลายขั้น
“–”
บาคุนาว่าแหวกอากาศพุ่งตรงใส่ลำคอของไรเดน ยอดนักรบทำเพียงเอียงคอหลบประหนึ่งว่าอ่านอนาคตได้ ไรเดนหมุนตัวกระหน่ำเพลงดาบเข้าใส่เรน
“ชิ!!”
“[ดาบประกายแสง]”
วิชาดาบที่น่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา การเคลื่อนไหวร่างที่ยืดหยุ่นนั่นของไรเดนทำให้ตัวเขาได้เปรียบเรนขึ้นมาทันที
“ไม่ถูกกับเพลงดาบเลยแฮะ!”
เรนสบถออกมา ก่อนจะทำการเปล่วงแสงสีทองขึ้นมา
พริบตาเดียว
ร่างของเรนก็หายไป และโผล่ไปยืนบนอากาศเหมือนกับไม่กี่วิก่อนหน้านี้ เรนที่ยืนอยู่บนฟ้ากระหน่ำฟาดเคียวลงพื้น พร้อมกับประกายแสงสีทองแห่งเทพมังกร
“…”
ไรเดนออกวิ่งบนผิวน้ำ หลบประกายแสงหนึ่งถึงสี่ เอียงตัวหลบอันที่ห้า และใช้มุรามาสะเฉือนประกายแสงอันสุดท้ายทิ้งโดยอาศัยแรงเหวี่ยงผลักแสงนั้นจมลงสู่มหาสมุทร ทว่า แสงทั้งหมดซึ่งพลาดเป้าก็พุ่งมารวมตัวกันเหนือหัวของไรเดน ก่อนจะแยกออกนับพันส่วนเล็กๆ และพุ่งติดตามไรเดน โดยไม่รู้เลยว่าไรเดนจะหันหลังกลับมา และปลดปล่อยวิชาดาบขั้นบรรลุอย่างรวดเร็ว
“[ดาบไร้รูป]”
แสงนับพันแห่งเทพมังกรถูกสะบั้นด้วยดาบมารในพริบตาเดียว ไรเดนตั้งท่าดาบในอึดใจเดียว และทำการฟาดคลื่นดาบใส่เรนอีกครั้ง
เรนจับคลื่นดาบและทำการ ‘หวนคืนสู่จุดเริ่มต้น’ ไรเดนยกดาบมารขึ้นมาปัดป้องการโจมตีย้อนกลับนั้นอย่างง่ายดาย
“น่ารำคาญจริงๆ”
ไรเดนควงดาบมารไปมา จับจ้องไปยังศัตรูของเขา และเริ่มวิเคราะห์
‘ข้อสันนิฐานแรก พลังของเรนยังไม่สมบูรณ์’ ‘กระนั้นก็ยังคงแข็งแกร่ง’ ‘ข้อสันนิฐานสอง เรนห่วยแตกในการต่อสู้’ ‘ถ้าหากเป็นยอดฝีมือ หากได้ถือครองพลังของเทพมังกร การต่อสู้คงจะจบในพริบตาเดียว’ ‘ข้อสันนิฐานสาม เพราะไม่สมบูรณ์ และด้อยในการต่อสู้’ ‘จึงรับมือได้’
ดาบมาร ‘มุรามาสะ’ มีความสามารถในการสะบั้นสิ่งที่ผู้ถือครองรู้จัก กับเทพมังกรที่ทั้งตัวเป็นมานา เขาสามารถสะบั้นได้ แต่ว่ามีขีดจำกัดอยู่ มุรามาสะสามาระผ่าได้เพียงมิติเดียว ไม่มีการตัดแล้วทุกสิ่งหายไปจนหมดแต่อย่างไร ทำได้เพียงตัดตามที่ตัดได้ ตามที่ตาเห็นเท่านั้น ..และเทพมังกรมีมานามากล้นเกินไป ยากที่จะตัดให้หายจนหมดได้ แต่ว่า ‘ข้อสันนิฐานแรก พลังของเรนยังไม่สมบูรณ์’ หากมองให้ดีๆรอบตัวนั้นมีการปั่นป่วนของมานาที่มหาศาล
บางที ‘ข้อสันนิฐานสี่’ .. ‘ถ้าหากสะบั้นถูกจุด อาจจะทำให้มานาปั่นป่วนจนระเบิด’ ก็เป็นได้
วิธีชนะคือการทำให้มานาที่ปั่นป่วนนั้นระเบิด
ระยะที่เสียเปรียบ ไกล-กลาง ระยะที่ได้เปรียบ ใกล้ วิธีต่อสู้ก็คือ–เข้าประชิดตัวโดยเอาชีวิตเข้าแลก
ทันทีที่วิเคราะห์สถานการณ์จบ ไรเดนก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วประหนึ่งแสง เรนมองเห็นทุกอย่าง และตอบโต้ได้โดยความเร็วที่เหนือกว่าขั้นหนึ่ง
แม้เรนจะอ่อนแอในด้านของทักษะการต่อสู้ แต่พลังที่ถือครองมากพอจะกลบทุกอย่างได้
เรนที่เร็วกว่าสามารถขยี้หน้าท้องของไรเดนได้ในพริบตาเดียวด้วยขาข้างขวา ตามมาด้วยเคียวที่เหวี่ยงลงมาจากบนฟ้า หมายจะสะบั้นคอของไรเดน–แต่ไม่เป็นผล
“[ดาบไร้รูป]”
การโจมตีที่มองไม่เห็นหักล้างทิศทางของเคียวบาคุนาว่า จากนั้นไรเดนก็ใช้เทคทิคแตะต้องอากาศ ‘เซนต์’ ดึงแขนของเรนเข้ามาในระยะโจมตีของดาบมาร
ตามด้วย–ฟาดฟันไปยังจุดที่มานาปั่นป่วนเป็นพิเศษ
“—-”
“คิดว่าไม่รู้เลยหรือไงว่าคิดอุบายอะไรอยู่?”
ถูกอ่านออกทั้งหมด แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรนที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติดย่อมรับมือทุกอย่างได้ง่ายๆ
ไม่มีทางที่ดาบมารจะส่งมาถึง—ร่างของไรเดนถูกอัดด้วยก้อนพลังมหาศาลที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นด้วยพลังแห่งเทพมังกร
ระเบิดมานา–ส่งให้ไรเดนกลิ้งไปตามผิวน้ำ พร้อมกับบาดแผลขนาดยักษ์บนหน้าท้อง
“..อา”
ความเจ็บปวดอันมหาศาลแล่นผ่านร่างกายของยอดนักรบ ความเสียหายที่มหาศาลส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลงในทันที กระนั้นไรเดนก็ฝืนลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับกำดาบมารในมือไว้แน่น
เรนเห็นท่าทางที่ไร้ทางสู้นั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“โทษทีๆ ทางนี้เหลิงกับพลังในร่างกายมากไปจนเกือบพลาดเข้าให้แล้ว สู้แบบนี้คงจะเสียมารยาทกับนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแกสินะ ไรเดน อาคาสะ” เรนยกมือขึ้นสู่ฟ้า พลันใดนั้นมานาก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น “อันตัวผมนั้นคือเจ้าแห่งมานา เป็นผู้เปรียบได้ดั่งราชาของปวงมานาทั้งหมดทั้งมวล ไม่จำเป็นต้องลดตัวไปเหวี่ยงเคียวและปลดปล่อยพลังไปมาก็ได้ ใช้เพียงมานารอบตัวในการต่อสู้ก็พอแล้ว สู้แบบนี้ปลอดภัยกับตัวผมมากกว่าด้วย พูดอีกอย่าง ไม่จำเป็นที่ผมต้องลดตัวไปสู้กับขยะอย่างแกอีกต่อไป”
กล่าวจบเรนก็สะบัดเคียวสามจังหวะ เป็นการสร้างบางสิ่งออกมาจากมานาข้างตัว
“จงถือกำเนิดขึ้นเสียบริหารแห่งทวยเทพ”
อากาศที่สั่นไหวพลันหยุดนิ่งไปในทันที ก่อนที่ไรเดนจะสัมผัสได้ถึงการสั่นของผิวน้ำ—ไรเดนรีบกระโดดหลบไปทางขวาสุดแรงเกิด ทันใดนั้น มนุษย์สีทองก็ได้ปรากฏจากผิวน้ำ
มนุษย์ตัวสีทองมีลักษณะที่เหมือนกับ ‘ไรเดน อาคาสะ’ ก่อนที่จะได้วิเคราะห์หรือทำอะไร มนุษย์สีทองที่มีสภาพเหมือนกับไรเดนได้ดีดตัวพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ทัดเทียมกัน ไรเดนหยุดนิ่งและเหวี่ยงดาบ แลกจังหวะดาบกับศัตรูตรงหน้า
จังหวะปะทะทั้งหมดร้อยครั้ง ปรากฏขึ้นในไม่กี่วินาที
ผลลัพธ์ ไรเดนมีอาการเหนื่อยล้า ต่างกับศัตรูตรงหน้าที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดพลังกาย ทั้งยัง–แข็งแกร่งเสมือนตัวเขาอีกคน
ไรเดนพุ่งถอยหลัง และโชคช่วยที่มนุษย์เสมือนสีทองนั่นไม่คิดจะติดตาม
“แค่นึกสงสัยน่ะครับ ว่าหากแกต้องต่อสู้กับตัวเองผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง แต่ดูเหมือนว่ายอดนักรบอย่างแกจะเทียบไม่ได้กับของจำลองด้วยซ้ำ ..เป็นมนุษย์ขีดจำกัดมันเยอะว่านั้นมั้ย? พลังกายที่ฝึกฝนมาอย่างดีนับสิบๆปี ก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองมานับไม่ถ้วนที่มีอยู่นั้น เอาเข้าจริงๆก็ยังเหลือไว้ซึ่งขีดจำกัดอยู่ดี เพราะเป็นมนุษย์ สุดท้ายก็แลกดาบกับร่างจำลองที่เปี่ยมด้วยพลังกายที่ไร้ขีดจำกัดไม่ไหว ไม่รู้สึกว่าตัวตนของตัวเองในตอนนี้มันไร้ค่าบ้างหรือครับ? ต่อหน้าทวยเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างผมผู้นี้”
“..นั่นสินะ ฉันในตอนนี้คงอ่อนแอกว่าร่างจำลองที่ว่านั่นเสียอีก”
“แค่ดีดนิ้ว ผมก็สร้างตัวตนระดับนั้นขึ้นมาต่อกรกับแกได้แล้ว ไม่คิดว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งหนทางชนะบ้างเลยหรือไง?”
“การต่อสู้กับตัวเอง มันง่ายกว่าการคิดเป็นศัตรูกับ ‘เอเธอร์’ เยอะ”
“..หา?”
“แปลว่ายังไม่ได้สิ้นหนทางชนะยังไงละ”
เรนอึ้งไปชั่วขณะ ยากจะเข้าใจว่าไรเดนพล่ามอะไรออกมา
ไรเดนตั้งท่าดาบ และพุ่งออกไป ร่างจำลองพุ่งตอบรับ ทว่า ไรเดนกลับสะบั้นคอของศัตรูทิ้ง และทำการสะบั้นมานาทั้งหมดของมนุษย์สีทองจนไม่เหลือซาก
“ของเลียนแบบ เคลื่อนไหวได้เพียงการเลียนแบบต้นแบบเท่านั้น การเคลื่อนไหวรวมถึงวิธีคิดอ่านออกง่ายยิ่งกว่าทหารปลายแถว แค่คิดวิธีเอาชนะตัวเองขึ้นมาให้ได้ก็เพียงพอแล้ว วิธีเอาชนะตัวฉันที่เหนือกว่าตัวฉัน แค่ปะดาบด้วยสักร้อยจังหวะ มันก็ปรากฏขึ้นบนหัวแล้ว”
ไรเดนชี้ดาบเข้าใส่เรน ไม่มีท่าทีหวาดกลัวในพลังอำนาจใดๆทั้งนั้น
“กับเทพจอมปลอมเองก็คงไม่ต่างกัน”
“..พูดจาอวดดีมาได้นะครับ ผมไม่ใช่ของจอมปลอม แต่เป็น–เทพมังกรตัวจริงเสียงจริงต่างหาก”
เรนพุ่งเข้าใส่ไรเดน—ไรเดนตั้งท่าดาบ จากนั้นก็สะบั้นแขนของไรเดนทิ้งอย่างง่ายดาย
“หา??”
“รูปร่างนั้นมันอ่านง่ายอย่างกับพวกมอนสเตอร์”
นอกจากแขน ในพริบตาเดียวขาก็ถูกสะบั้นทิ้ง–ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างไม่ได้ ภายใต้สภาพเช่นนั้น ไรเดนก้าวเท้าสามจังหวะ ใช้การเคลื่อนตัวทุกๆสัดส่วนให้เป็นประโยชน์ ส่งตัวเองมาประชิดเรนได้ในอึดใจเดียว จากนั้นก็เหวี่ยงดาบหวังจะสะบั้นมานาให้ระเบิดออก
“อึก”
ทว่า จู่ๆแรงกายก็หมดไปอย่างกระทันหัน เรนอาศัยจังหวะนั้นรักษาร่างกายตัวเอง และบินขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง
“..อ่านออก? อ่านเทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างผมออกเนี่ยนะ? เรื่องบ้าๆอะไรกัน ผม..ไม่ได้อ่อนแอเสียหน่อย”
ไรเดนทรุดลงกับพื้น บาดแผลและอาการเหนื่อยล้าเริ่มทาโถมเข้าใส่ร่างกายของยอดนักรบ ..ถูกโจมตีจนสาหัสหลายจุด นอกจากนั้น การต่อสู้กับร่างจำลองก็ต้องทุ่มพลังกายแทบทั้งหมดกว่าจะอ่านการเคลื่อนไหวจนทะลุได้
ณ ตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดในฐานะนักรบแล้ว
ความเหนื่อยล้าอันมหาศาลส่งผลให้ไรเดนเริ่มหายใจฮอบ อย่างกับคนขาดอากาศหายใจ
“น่าหงุดหงิดจริงๆ ไรเดน อาคาสะ ตัวตนของแกนี่มันช่างเกะกะขวางตา!!”
“เช่นนั้นก็ฆ่าให้ได้เสียสิ ผู้อ้างตนว่าเป็นเทพ หากทำได้สิ่งเกะกะขวางตาก็คงไม่มีอีกแล้วจริงมั้ย? ทำไมถึงไม่เข้ามาฆ่าให้จบๆกัน? ทั้งพลัง ทั้งขีดจำกัด ทั้งต้นกำเนิดของเราสองคนมันต่างกันคนละขั้วแล้วในเวลานี้ เพียงแค่พุ่งตัว นายก็เร็วกว่าฉันที่เร่งสปีดสุดตัวในหลายๆจังหวะ เพียงแค่เหวี่ยงเคียวเสมือนเด็กหัดฝึกดาบ แรงที่ปรากฏก็มากมายกว่าฉันไม่รู้กี่เท่าตัว ถ้าอย่างนั้นทำไมให้ฆ่าให้จบๆกันล่ะ?”
ไรเดน อาคาสะ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ฝืนตัวเองจนถึงที่สุด
“คำตอบก็คือ–พลังที่ถือครองอยู่มันเกินตัวเกินไป นายไม่สามารถใช้มันได้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าหากเป็นเอเธอร์ หรือไม่ก็ เบ็นจิโร่ ฉันคงจะตายไปนานแล้ว”
…
“จอมอวดดีแห่งยุคสมัย จำใส่หัวสมองเอาไว้ซะ ว่า–ฉันสามารถฆ่าแกได้อย่างไม่ยากเย็น”
ที่กล่าวมาอาจจะเป็นเพียงแค่การบรัฟ หรือไมก็การประเมินอย่างเข้าข้างตัวเอง แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ..สีหน้าที่หวาดกลัวก็ผุดขึ้นบนหน้าของจอมอวดดีเช่นเรน ไม่จำเป็นต้องข่มด้วยจิตสังหารหรืออะไรทั้งสิ่ง แค่พิสูจน์ให้เห็นก็พอว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เรนเกือบจะถูกไรเดนสะบั้นทิ้งไปแล้ว
กลัว กลัวเหลือเกิน จอมขี้ขลาดในตัวโผล่เข้ามาทับจอมอวดดีในจิตใจ เรนรู้สึกหวาดกลัวไรเดนขึ้นมาจากใจจริง ถ้าหากไรเดนไม่หมดแรงไปก่อนจะเกิดอะไรขึ้น? ความตาย จุดจบ ความพยายามตลอดหลายพันปี ความปารถนาที่ได้มาจากการคร่าชีวิตนับล้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาจะสูญเปล่าไปจนหมด
อาจจะตายก็ได้ ทั้งๆที่มีพลังของเทพมังกรอยู่ในกำมือแล้วแท้ๆ แต่ก็อาจจะพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ธรรมดาๆตรงหน้าได้
ความกดดัน ผลลัพธ์ สิ่งพิสูจน์ ทุกอย่างทำให้เรน ..กลัวจนไม่กล้าขยับตัว ถ้าเผลอเข้าใกล้อาจจะตายก็ได้ ก็ไรเดนน่ะ ..แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลย แข็งแกร่งจนตัวเขาผู้มีพลังของเทพมังกรยังต้องหวั่นเกรง
“..ผมจะแพ้ไม่ได้”
แต่ว่า–
“ผมมาไกลเกินกว่าจะต้องมาแพ้ตรงนี้แล้ว!!”
ความปารถนาในโลกใบใหม่นั้นมีมากกว่าความรู้สึกมากมายในจิตใจ เรนเป็นผู้ชนะ–เขากระหน่ำโจมตีไรเดนจากระยะไกลด้วยห่ากระสุนแห่งเทพมังกร ทุกการโจมตีมีพลังทำลายล้างระดับถล่มอาณาจักรยักษ์ใหญ่ได้เลยทีเดียว
ไรเดน อาคาสะ จ้องมองแสงเหล่านั้น และหลับตาลงคล้ายยอมรับสภาพตัวเอง
ถ้าหากยังพอมีแรงเหลืออยู่ ..ก็น่าจะยังไหวแท้ๆ
ในขณะที่ไรเดนยอมรับความพ่ายแพ้อยู่นั้นเอง–เปลวเพลิงสีทองก็ได้เข้าปกคลุมร่างของเขา
เพียงชำเลืองมองเสี่ยววิเดียว เขาก็รับรู้ได้ว่าตัวเองยังไปต่อได้
ไรเดนพุ่งตัวหลบทุกการโจมตี—จากนั้นก็ฟาดฟันใส่เรนที่ยืนอยู่บนฟ้า
ความกลัวในจิตใจสะกดให้เรนก้าวแขนและขาไม่ออก เอาแต่จดๆจ้องๆคลื่นดาบที่พุ่งเข้ามา กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบไม่ทัน-เรนเอียงตัวหลบได้อย่างสิวเสียด ทั้งๆที่การจะหลบมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ..ความกลัวของมนุษย์ถูกปลุกขึ้นภายใต้ร่างของเทพมังกร เรนน้ำตาไหลออกมา และหันหน้าไปมองไรเดนที่ร่างถูกปกคลุมด้วยวิหคอมตะ
เรเซอร์ ดราแคล์ พุ่งตัวจากผิวน้ำ พร้อมกับมังกรน้ำบลูเบน มหามังกรฟัฟนิร์ มหามังกรแซร์อิซ อลิซ และสุดท้าย มหามังกรเทียม ปีเตอร์เองก็อยู่บนหลังของบลูเบนด้วยเช่นเดียวกัน
“โทษทีนะ มาช้าไปหน่อย”
“ไม่หรอก ต้องขอขอบคุณที่มาทันเวลาพอดี”
เรเซอร์ ศัตรูคู่แค้นที่แย่งพี่สาวคนสำคัญไปจากเขาจ้องมองมาที่เรนซึ่งมีสีหน้าขี้ขลาด พอเห็นอย่างนั้นคนๆนั้นก็แสยะยิ้มออกมา
“ดูไม่ได้เลยนะ ‘วอนนาบีพระเจ้า’ ”
“คึก—-!”
เทพมังกรผู้ยิ่งใหญ่ผุดสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บใจออกมา ใช่ ในเวลานี้เขาไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าตัวเองจะชนะ