เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 295

< < 186 Sec2 > >

ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่โชคดีที่มาถึงก่อน

มาถึงที่ไหน? ก็มาถึงเมืองชันไมไง พวกผมมาถึงเมือนชันไมแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากหลายๆคนทำให้ใช้เวลาเดินทางเพียงวันเดียวเท่านั้น ผิดกับขามา แม้แต่ฟัฟนิร์ยังแปลกใจเลย เพราะปกติเธอจะต้องเจออุปสรรคจนเดินทางช้ากว่ากำหนดการณ์ราวๆเท่าตัวได้ ทำเอาอยากจะสวนไปเลยว่าก็ดูหล่อนใช้ชีวิตสิ แต่ก็เอาเถอะ ผมเลือกจะไม่พูดออกไป และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

พอมาถึงเมืองชันไมแล้วพวกเราก็รีบไปที่โบสถ์เพื่อทักทายคนอื่นๆ และฝากให้วิน น้องสาวของวิน และโทมิเรียอาศัยอยู่ชั่วคราว ก่อนที่จะสร้างโบสถ์ใหม่ให้ และพาเด็กกำพร้าจากอาณาจักรเนลยอนมาอัศอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็ตกลงได้ด้วยดี ทว่ามีบางอย่างแปลกไป

‘ลีน่า’ ภรรยาของผมในนิยายต้นฉบับ ปัจจุบันเป็นเด็กสิบสองขวบ ว่ากันตามตรง รู้สึกกับเธอแค่น้องสาวนั่นแหละ แต่จู่ๆหล่อนก็ทำท่าทีเหมือนจะกลัวๆผมอย่างไรไม่รู้สิ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่ไม่ชอบใจเลยแฮะ

“เป็นอะไรไปนะ ลีน่า”

“เริ่มโตเป็นสาวแล้วน่ะครับ เลยมีหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลง”

บาทหลวงให้คำตอบที่ดูสมเหตุสมผลดี

“นั่นสินะครับ วัยกำลังโตนี่นะ ..”

“ว่าแต่ท่านเรเซอร์ พวกเธอคือ?”

หลักๆที่ถามน่าจะเป็นวินกับโทมิเรียนั่นแหละ

“อธิบายยากแฮะ”

“เมียเก็บจ้า!”

“ไม่ใช่โว้ย!!”

ผมรีบแย้งวินอย่างรวดเร็ว และฉับพลัน บาทหลวงเมื่อได้ยินก็เกิดอาการตัวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ทะ ท่านเรเซอร์ทำตัวสมเป็นขุนนางแล้ว!”

“ท่านเรเซอร์ที่ดูสุภาพบุรุษจนเกินไปคนนั้น!”

ทั้งบาทหลวง และซิสเตอร์ดูตกใจกันยกใหญ่ ไม่ทราบว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ แต่ที่แน่ๆไม่ดีต่อหัวใจผมเลยวุ้ย

“จะว่าไปท่านชินเป็นผู้หญิงนี่เองสินะคะ”

“ไม่ตั้งใจจะปิดบังอะไรหรอกนะขอรับ แต่เป็นกฏของอัศวินเวทมนตร์น่ะครับ”

“เอ๊ะ แล้วตอนนี้?”

“ผมออกจากการเป็นอัศวินเวทมนตร์แล้วขอรับ ตอนนี้ทำงานให้ท่านเรเซอร์โดยตรงเลยไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร”

ถึงจะไม่ชินจนอยากหาผ้ามากดหน้าอกตัวเองอยู่ก็ตาม เห็นว่ามันจะเคลื่อนไหวไม่สะดวกตอนที่ต้องสู้แหน่ะ 

“อัศวินมือขวาของขุนนางระดับดยุคเลยหรือครับ ท่านชินเติบโตในหน้าที่การงานสุดๆเลยนะครับเนี่ย วันนี้พวกเราให้ลีน่าไปซื้อวัตถุดิบหลายๆอย่างมาเลยละครับ มากินเลี้ยงฉลองกันเถอะครับ!!”

คุณบาทหลวงที่ไม่ได้เจอกันแค่แปปเดียวดูร่าเริงสุดๆ รวมถึงเด็กๆและซิสเตอร์ด้วยละนะ เห็นแล้วก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก คุ้มกันที่หาเงินมาสนับสนุนที่นี่ตลอดหลายปีมานี้

เด็กๆที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินมาล้อมผมบ้าง ล้อมเคียวยะที่คุ้นเคยกันในช่วงที่พวกเราอาศัยอยู่ป่ามหาภูต เด็กหลายคนเข้าไปชวนเมอันคุยเนื่องจากขนาดตัวพอๆกัน (ฮา) อานิม่าวางตัวอย่างดีเยี่ยม ช่วยคนในโบสถ์แบกข้าวของ แปปๆก็กลมกลืนไปกับทุกคน วินเองก็เหมือนกับอานิม่า ส่วนโทมิเรียอาจเกร็งๆบ้างแต่ก็พยายามผูกมิตรด้วย แต่หลายๆคนวางตัวกับเธอไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเธอดูสูงส่งพิลึก?

เห็นว่าวันนี้จะจัดปาร์ตี้มันฝรั่งอีกแล้ว แต่เป็นในเวอร์ชั่นที่หรูกว่าเก่าก็น่าคาดหวังอยู่ ผมและคนอื่นๆเลยช่วยกันจัดเตรียมอาหาร ทว่ามีสิ่งหนึ่งแปลกไป

ลีน่าไม่อยู่ ปกติเธอจะทำงานอย่างขยันขันแข็งแท้ๆ ยากจะได้เห็นเธอโดดงานเช่นนี้ ..

“ท่านเรเซอร์ ท่านฟัฟนิร์ยังไม่กลับมาเลยครับ เกรงว่าจะโดนเหล่าภูตแถวๆป่ามหาภูตลักพาตัวไปอีกแล้วก็เป็นได้”

“ไม่หรอกๆ ฉันคุยเรื่องฟัฟนิร์กับเซเนียแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร คงจะลำลึกอะไรสักอย่างจนเพลินเฉยๆนั่นแหละ ไม่ก็หลงทาง หรือโดนพวกคนแปลกๆไล่ตามเอา ไม่ก็ อาจจะโดนพวกมังกรมีนามที่ผ่านมาแถวนี้ไล่เตะตูด”

“ดูเป็นไปได้หลายกรณีเลยนะขอรับ เช่นนั้นให้ผม ..”

“เดี่ยวฉันไปเองดีกว่า พอดีว่าฉันกับยูนามีธุระที่ป่ามหาภูต แล้วก็มีที่ที่อยากแวะที่หนึ่งน่ะ”

ชินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะนึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้

“เข้าใจแล้วครับ เช่นนั้นผมจะคอยดูแลทุกคนที่นี่”

“ฝากด้วยนะ”

ผมโบกมือให้ชินอย่างเป็นกันเอง และเดินออกจากโบสถ์ตรงไปที่ป่ามหาภูตทันที 

 

****

ผมเดินไปตามทางตั้งแต่โบสถ์ไปถึงหน้าป่ามหาภูต ภายนอกมันอาจดูเป็นป่าขนาดยักษ์ที่จืดๆไม่มีอะไร แต่วงในต่างรู้กันดีว่ามันคือประตูเชื่อมไปสู่โลกแห่งปวงภูต ซึ่งต้องอาศัยพลังอำนาจ เงื่อนไขบางอย่างในการเข้าไปภายใน หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้รับคำเชิญจากปวงภูต

ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรืออะไร เคียวยะก็โผล่มาหน้าป่ามหาภูตพร้อมกับผมโดยมิได้นัดหมาย

เจ้าหมอนี่พอคนอื่นเริ่มเตรียมของกันก็ผละตัวออกมาข้างนอกก่อนใครเลย เรียกได้ว่าโดดงานได้ชั่วมาก

“HOPE เป็นไงบ้างล่ะตอนนี้”

“ก็ซ่อมแซมชุดเกราะเรียบร้อย”

สุดยอดเลยแฮะ ไอ้ก้อนผนึกปริศนาที่ชื่อว่า HOPE นั่น เล่นฟื้นฟูชุดเกราะด้วยตัวเองภายในหนึ่งวันได้เนี่ย

“ถ้าเป็นนายตอนนี้อาจจะชนะฉันก็ได้นะ”

“แปลว่ามองฉันเป็นคู่แข่งแล้ว?”

“ก็ไม่นะ”

แนะนำอย่าเป็นคู่แข่งผมเลยดีกว่า ไม่ใช่ว่าสู้ไปก็ไม่ชนะหรืออะไรหรอก ผมไม่ได้มั่นหน้าขนาดมั่นใจว่าจะเหนือกว่าเคียวยะได้ไปตลอดรอดฝั่ง ก็แค่คนที่ผมนับเป็นคู่แข่งจะมีชะตากรรมต้องโดยผมถุยน้ำลายใส่ตอนแพ้นี่นะ เกิดผมทำอย่างนั้นใส่เคียวยะเข้า เจ้าตัวได้ปรี๊ดแตกจะฆ่าผมให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไรแหงๆ

เคียวยะเขม็งใส่ผม

“มาดวลทดสอบฝีมือกันหน่อยเป็นไง ไอ้อวดดี”

“น่าลองอยู่นะ อยากรู้เหมือนกันว่า KY HOPE ที่โค่นเมอันได้มันจะสุดยอดขนาดไหนกันเชียว”

“KY HOPE ไร้ก้นบึ้ง แค่เมอันใช้ยกเครดิตฉันคนนี้ไม่พอหรอก แต่ถ้าใช้นายเป็นแท่นก็น่าจะพอสร้างเครดิตที่ดีพอจะโอ้อวดได้”

โม้เหม็นชะมัดไอ้หมอนี่

แน่นอนผมไม่ได้รังเกียจที่จะต้องสู้กัน กลับกันเลย อยากจะลองของอยู่หน่อยๆ ..ผมกับเคียวยะจ้องหน้ากัน ทำท่าจะใส่กัน เพียงแค่มีใครสักคนเปิดก่อน การต่อสู้ของพวกเราได้เริ่มขึ้นแน่นอน ในเวลานี้ ผมกับเคียวยะคงจะต่างกันไม่มาก เคียวยะพร้อมกับภูต และ KY HOPE แข็งแกร่งพอจะเล่นงานให้เมอันหมดสภาพการต่อสู้ได้ ยังไม่รวมดวงตามหาปราชญ์ที่สามารถพัฒนาเป็น ‘ดวงตาเทพเจ้า’ ได้อีก

บางที เคียวยะในฉบับที่ต่างกับนิยายต้นฉบับ มีความเป็นไปได้ที่จะไปได้ไกลกว่านิยายต้นฉบับซะอีก

เพราะอย่างนั้นถึงน่าสนุกแหละมั้ง?

“ก่อนหน้านี้ยังเป็นแค่กระสอบทรายแท้ๆเองนะ เคียวยะ ได้ของใหม่มาแล้วห้าวเลยสินะ”

ผมพูดโดยลืมเรลันดาฟบนไหล่ เล่นแซะเคียวยะซะขนาดนั้นย่อมทำให้เจ้าตัวหัวร้อนอยู่แล้ว

“จะทำให้หุบปากเอง”

“ก็ลองดู”

แต่ถึงจะสู้กัน แต่คงไม่เอากันถึงตายหรอกมั้ง? ใช่รึเปล่านะ? ..ไม่เป็นไร ผมมีวิหคอมตะอยู่ เคียวยะมี HOPE ที่พลิกแผลงการใช้งานได้หลากหลาย ในจังหวะสุดท้ายก่อนที่ใครจะตาย แค่รักษาตัวเองให้ทันก็พอ แต่ถ้าพลาดอ่อนแอจนตายเร็วเกินแล้วช่วยไม่ทันก็ทำอะไรไม่ได้นะ ง่ายๆเลย

‘เพื่อนกันจริงรึเปล่าคะ?’ 

เสียงที่ไม่ได้ยินมานานแสนนานของยูนาดังขึ้นข้างหู แอบดีใจหน่อยๆแฮะ

“โคริน—”

“เข้าอู่ซ่อมอีกสักวันจะเป็นอะไรไป จริงมั้ยเคียวยะ!!”

“เหอะ!! ทำเป็นพูด!”

บนฟ้าส่องแสงสีม่วงขึ้นมา KY HOPE เปล่งประกาย จากโดรนที่ถูกควบคุมโดยโคริน และกำลังจะหลอมร่างของเคียวยะเข้ากับเกราะมนตราสุดทรงพลัง เช่นเดียวกัน ผมปลดผ้าบนคทาเวทย์เรลันดาฟ พร้อมกับรวบรวมมานาจำนวนมหาศาลจนอาการเกิดการสั่นสะเทือน

“ “มาเจอกันสักตั้ง!!!!” ”

เอาเป็นว่า-ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหา—-

 

‘เดี่ยวเถอะๆๆ!!!!!’

 

เสียงร้องตะโกนสุดชีวิตดังขึ้นภายในป่ามหาภูต ผมกับเคียวยะหยุดมือกระทันหัน ผ้าลอยเข้ามาพันเรลันดาฟของผม แสงจาก KY HOPE ค่อยๆดับลงตามเจตนาของผู้ใช้ พวกเราสองคนหันไปทางเสียงๆนั้น

พริบตาเดียว

พวกเราโดนลากมาที่โลกของปวงภูต หรือ ป่ามหาภูตนั่นเอง

ทิวทัศน์ไม่ต่างกับครั้งที่เคยมาสักเท่าไหร่ มันคือโลกที่เต็มไปด้วยป่าที่มีสีสันต์สวยงามอย่างกับอยู่ในนิทาน สมชื่อ ป่ามหาภูต น่ะนะ

“น่าเสียดายเนอะ”

“ไว้ครั้งหน้า”

ตามนั้น

ไม่นาน ตรงหน้าก็มีคนๆหนึ่งปรากฏขึ้น คนๆนั้นคือ ‘มหาภูต’ ‘เซเนีย’ ผู้ปกครองป่ามหาภูต หัวหน้าใหญ่ของภูตบนโลกใบนี้ เธอโผล่ร่างมาด้วยใบหน้าที่ดูอารมณ์ไม่ดีมาจากเหตุใดก็ไม่ทราบ

เซเนียกอดอก มองพวกผมจากที่สูง

“โทษทีนะ แต่อย่ามาสู้กันหน้าบ้านเราได้เปล่า? เกิดป่าระเบิดขึ้นมาทำยังไง”

“ไม่เป็นไรหรอก เซเนีย แค่สามวิหมอนี่ก็เละแล้ว”

ผมหัวเราะร่าแบบไม่คิดอะไร เคียวยะหัวร้อนขึ้นทันตา

“นี่แก!! อย่ามาอวดดีให้มันมาก!”

ไม่ใช่แค่เซเนียที่โผล่มา ภูตหลายตน รวมถึงร่างเนื้อโฮโลแกรมของยูนาก็ปรากฏข้างๆผม โครินของเคียวยะเองก็ด้วย

“สามวิของพวกนาย ..คือสามวิที่จัดเต็มกะเอาตายไม่ใช่รึไง อีแบบนั้นป่ามหาภูตของเราก็เละไปด้วยสิ เจ้าพวกบ้องตื้น”

“เห็นด้วยค่ะ มาสเตอร์ แล้วก็เคียวยะ พวกคุณไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้เซเนียที่วันๆไม่ทำอะไร ไม่ดูแลอะไรเลย แค่นอนรอเอาของถวายจากช้าวบ้านตาดำๆมากินเล่น พลางชมวิวไม่ได้นะคะ เห็นแบบนี้แต่เธอก็คือมหาภูตที่มีงานล้นมือ แต่ดันไม่ทำ”

“ยะ ยูนา กล่าวหากันชัดๆนะนั่น”

“กล่าวหา?”

อีแบบนี้ไม่ใช่มาช่วยเซเนียห้ามผมกับเคียวยะทะเลาะกันแล้ว ยูนาเล่นเปิดศึกกับเพื่อนตัวเองต่อทันทีเลย สมกับเป็นยูนา เข้าขากับผมได้ดีจริงๆ ต้องแบบนี้สิ ใส่ได้ใส่ น่าชื่นชมจริงๆ

“เกรงว่าถ้าพูดมากกว่านี้จะมีผลต่อหน้าที่การงานของเซเนีย ถึงจะยากที่มีใครมาชิงตำแหน่งเธอได้ เพราะอีภูตสวรรค์สองตนที่เหลือดันไปติดเทมเมอร์ตนหนึ่งเข้า แต่ก็ควรระวังอันตรายไว้เผื่อร้อยหรือสองร้อยปีข้างหน้า ไม่นั้นจะโดนโหวตปลดออกเอา”

“มะ มาคุยกันที่ลับตาคนดีกว่าเนอะ ยะ ยูนา แล้วก็พวกเธอสองคน โครินด้วยนะ”

ผมยิ้มเจื่อนๆพยักหน้าตอบ เคียวยะถอนหายใจ ยูนาหัวเราะขึ้นจมูก ส่วนโครินลอยตัวสั่นไม่หยุด สำหรับเธอการกลั่นแกล้งมหาภูตคือเรื่องที่เลวร้ายที่สุดสำหรับที่นี่กระมัง

 

****

กระพริบตารอบเดียว พวกเราก็ถูกส่งมาที่มิติของเซเนียซึ่งสร้างด้วยพลัง ‘การสร้างมิติ’ ที่เคยร่วมต่อสู้เป็นดาบให้ยูนาเมื่อสองพันปีก่อน

พวกเรานั่งอยู่ในห้องขนาดเล็กที่มีดีไซน์เหมือนห้องนั่งเล่นญี่ปุ่นโบราณ

ผม ยูนา เคียวยะ และโคริน นั่งอยู่ในฝั่งเดียวกัน ส่วนเซเนียที่เป็นเจ้าบ้านนั่งอยู่อีกฝั่ง โดยที่ทั้งสองฝั่งต่างหันหน้าให้กัน

“ก่อนอื่นนะ เรเซอร์ ช่วยสั่งให้ยูนาหุบปากทีเนอะ อย่างที่ยัยนี่บอกนั่นแหละ มันอันตรายต่อหน้าที่การงานของเรามากจริงๆ ไอ้พวกข่าวลือเสียๆหายๆนั่นน่ะค่ะ”

เหวอ ยึดตำแหน่งมหาภูตเป็นอาชีพซะจริงจังเลยแฮะ ภูตตรงนี้ ดูตกต่ำอย่างไรไม่รู้สิ นี่น่ะเหรอ ภูตสวรรค์ …ไม่สิ

พอนึกๆดู ภูตสวรรค์ของเบ็นจิโร่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ตนหนึ่งติดสิ่งเสพติด อีกตนติดเบ็นจิโร่อาการน่าจะหนัก ส่วนท่านมหาภูตเซเนียผู้นี้ก็เหมือนผู้ใหญ่สายเล่นเส้นในประเทศไทย แหม่ เสียชื่อ สวรรค์ หมดเลยนะนั่น

ไม่มีเลยหรือไงนะ ภูตสวรรค์ที่ดูสง่างามในด้านจิตใจต่างเหมือนดั่งชื่อที่ไพเราะน่ะ

“แล้วก็เรี่องที่สอง อย่ามาทะเลาะกันแถวๆป่ามหาภูตเชียว ถ้าพวกเจ้าเป็นพวกกระจอกๆก็พอปล่อยผ่านไปได้ แต่รู้สถานะตัวเองตอนนี้หน่อยก็ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ..แล้วก็”

เซเนียหันมามองโครินที่ลอยอยู่บนตักของเคียวยะ

“โครินตัวน้อย ..เธอจะเลื่อนขึ้นเป็นภูตผู้ปกปักษ์(ขั้นกลาง)เลยมั้ย?”

โฮ?

“ผะ ผะ ผู้ปกปักษ์!!?”

โครินที่เป็นประกายแสงสีขี้เถ้าส่งเสียงร้องดังลั่น 

ภูตมีทั้งหมดสามขั้นได้แก่ ภูตป่า(ขั้นต่ำ) ภูตผู้ปกปักษ์(ขั้นกลาง) สุดท้าย ภูตสวรรค์(ขั้นสูง) แม้จะถูกแยกเพียงสามระดับ แต่ความต่างในแต่ละขั้นก็มีมากมายมหาศาล

ให้สมมุติก็ ภูตป่าอาจจะเป็นเวทมนตร์ขั้นเริ่มต้นถึงกลาง ส่วนขั้นผู้ปกปักษ์คือเวทมนตร์ขั้นสูงถึงบรรลุ ภูตสวรรค์คืออะไรสักอย่างที่มันสุดยอดยิ่งกว่าเวทมนตร์ขั้นบรรลุ ราวๆนี้ ความต่างไม่ใช่ขั้นเดียว แต่เป็นสองขั้นใหญ่ๆ ว่ากันว่า การที่ภูตจะเลื่อนขึ้นตัวเองได้นั้น อาจต้องใช้เวลาเป็นร้อยหรือพันปีทีเดียว

แน่นอนว่ามีกรณียกเว้น ดังเช่น มหาภูตเซเนียตนนี้ ที่ใช้เวลาเพียงยี่สิบปีในการขึ้นเป็นภูตสวรรค์ ..แล้วก็โครินนี่อยู่มากี่ปีแล้วกันนะ

“แต่ว่าท่านเซเนีย ฉันพึ่งถือกำเนิดได้ไม่กี่ปีเองนะคะ!”

“ใครจะรู้เล่า ก็มันเลื่อนขั้นได้แล้วเลยถามก็แค่นั้น ไม่ช้าก็เร็วหล่อนก็เลื่อนขั้นเองตามธรรมชาตินั่นแหละ ทางนี้แค่เห็นว่าลงมือช่วยนิดหน่อยก็เลื่อนได้แล้วเลยถามเฉยๆ ..เอาจริงไม่เอาก็ได้นะคะ ฉันก็ไม่ได้อยากให้มีภูตคนไหนมาทำลายสถิติสุดล้ำค่าของฉันด้วย มันจะเสียเครดิตเอาได้”

พูดแบบนี้ แปลว่าตอนมีอายุขัยเท่าๆกัน โครินเติบโตเร็วกว่าเซเนียอีกรึเนี่ย 

โครินหันไปมองเคียวยะ แม้จะไม่มีหน้าแต่ก็สัมผัสได้ว่าอย่างนั้น

“ตอบตกลงซะสิ เธอคงไม่คิดจะหยุดอยู่กับที่ในขณะที่ฉันก้าวไปข้างหน้าหรอกนะ โคริน”

“..ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ เพื่อเคียวยะแล้ว”

โครินตอบรับคำชวนของเซเนีย เซเนียจึงดีดนิ้ว จากนั้นแสงของเซเนียก็ขยายใหญ่ขึ้น และค่อยๆหลอมรวม ก่อนปรากฏร่างเป็น ..ภูตตัวจิ๋วที่มีรูปร่าง

ขนาดตัวเท่าฝ่ามือของผู้ชาย เธอในร่างภูตผู้ปกปักษ์นั้นมีใบหน้าคล้ายกับเคียวยะในเวอร์ชั่นผู้หญิง แต่ไม่ได้ทำตาขวาง ทำให้รู้ได้เลยว่าถ้าหากเคียวยะทำหน้าตาดีๆก็ดูน่าคบหาอยู่หรอก

นอกจากรูปลักษณ์ที่น่าสงสัยก็คือปริมาณพลังที่สัมผัสได้เลยว่ามากกว่าเดิมนับสิบเท่า สมฐานะภูตผู้ปกปักษ์ที่มีอยู่ไม่มากบนโลกใบนี้ ด้วยการพัฒนาของโครินคงจะช่วยยกระดับเคียวยะขึ้นไปได้อีกขั้นเลยละ

ว่าแต่ ทำไมรูปร่างถึงคล้ายเคียวยะกัน?

“รูปร่างของภูตจะเปลี่ยนไปตามแรงปารถนาของตนเอง หากปารถนาในความงดงามก็จะงดงาม หากปารถนาในความป่าเถื่อนก็จะป่าเถื่อน บ้างก็ปรากฏในรูปของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คน บ้างก็เปลี่ยนไปเป็นดาบ แต่ไอ้ที่เปลี่ยนไปมีรูปร่างเหมือนคนใช้งานนี่มันก็พิลึกดี ..หลงใหลในเคียวยะขนาดนั้นเลยสินะ โครินตัวน้อย”

ภูตจิ๋วโครินมีอาการเขอะๆเขินๆ เธอบินไปมา พลางเกาหัวตัวเองไปด้วย

“เอ๊ะ อ๊ะ ..ค่ะ ..ก็เคียวยะเป็นคนเดียวที่ไม่มองว่าฉันเป็นภูตไร้ค่า”

เดิมทีในป่ามหาภูต โครินมักถูกคนอื่นๆมองว่าเป็นภูตไร้ความสามารถ เพราะพลังที่มีดูไร้ประโยชน์ แต่มันกลับใช้ได้ดีเมื่อร่วมมือกับเคียวยะ

“บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่มันไร้ค่าหรอก โครินตัวน้อย ถึงจะน่าเสียดายที่สถิติของฉันจะโดนทำลายซะแล้ว แต่ขออย่างเดียว ..ถ้าขึ้นเป็นภูตสวรรค์เมื่อไหร่ อย่ามาแย่งตำแหน่งมหาภูตฉันเชียวละ”

คำพูดที่แฝงด้วยจิตสังหารของเซเนียทำให้ภูตขั้นต่ำกว่าอย่างโครินสะดุ้งแรง พร้อมบินหนีมาหลบหลังของเคียวยะทันที

“ทำได้ดีมาก โคริน”

“ขะ ขอบใจนะ”

เคียวยะเผลอยิ้มออกมา แน่นอนเห็นแค่ครู่เดียวเจ้าตัวก็ทำเก็กเก็บยิ้มแล้ว ผมกับยูนายิ้มกรุ่มกริ่มใส่เจ้าตัว

“จบการตักเตือน แล้วเรื่องของโครินตัวน้อยแล้วก็ ..เรเซอร์กับยูนา พวกเจ้ามีธุระอะไรกับเรากัน?”

“เข้าเรื่องเลยนะ เซเนีย”

ผมโพล่งออกมาตรงๆโดยไม่ปิดบัง

“ฉันอยากจะฝากคนให้เธอช่วยดูแลหน่อย แล้วก็อยากจะถามเรื่องสภาพวิญญาณของยูนา”

….

เซเนียได้ยินอย่างนั้นพักเดียวก็หัวเราะออกมา

“ความแตกแล้วเหรอคะ ยูนา”

“มีอะไรน่าตลกกันคะ?”

“วางมาดซะใหญ่โต สุดท้ายมาความแตกเอาดื้อๆ จะไม่ให้ฉันขำได้อย่างไรคะ? แต่ก็เอาเถอะ ทางนี้ก็พอทราบสถานการณ์ทางฝั่งทวีปเนลยอนระดับหนึ่ง” เซเนียนั่งเท้าคาง และพูด “เรนตายแล้ว ตัวปัญหาอันดับหนึ่งโดนลบไปจากสงครามแล้ว ช่างน่ายินดี แม้จะต้องแลกกับชีวิตของผู้คนมากมายก็ตาม”

เซเนียใช้สายตาที่แหลมคมมองมาที่ผม ความงามนั่นสะกดผมได้ชั่วขณะหนึ่งก่อนผมจะสลัดออกได้ไม่ยาก

“แต่ว่าสงครามก็ยังไม่จบ และที่บอกว่าจะยืมพลังนี่คงไม่ใช่ว่าจะลากพวกเราปวงภูตเข้าสู่สงครามหรอกนะ ถ้าใช่ ก็ขอปฏิเสธ พวกเราเหล่าภูตที่อาศัยอยู่ภายในป่ามหาภูตไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับสงครามระหว่างมนุษย์”

“ไม่หรอก ฉันแค่อยากฝากให้เธอช่วยดูแลสอดส่องคนของฉัน แล้วก็อยากจะฝากให้เก็บรักษาร่างของคนๆหนึ่งที่อยู่ในสภาวะเจ้าหญิงนิทราน่ะ”

“แล้วทางเราจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน?”

ผมตอบกลับอย่างไม่ลังเล

“ถ้าป่ามหาภูตถูกมุ่งร้าย ฉันจะเป็นคนเข้าไปช่วยเอง ฟัฟนิร์ กับชินเองก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน อาจจะมีคนอื่นๆอีกก็ไม่ทราบ สัญญาด้วยชีวิตเลยว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรก็จะช่วยให้ได้”

เซเนียดูตกใจหน่อยๆ เธอดูงงกับข้อเสนอของผม

“ไม่ดีไปหน่อยรึ? แค่ให้เก็บรักษาคนๆหนึ่ง กับช่วยดูแลเล็กๆน้อยๆ แค่ให้สิ่งอื่นเป็นสิ่งตอบแทนก็พร้อมจะรับอยู่แล้ว เหตุใดถึงยอมยื่นข้อเสนอที่ไม่เท่าเทียมนั่นให้เรากัน”

“ถ้าสงสัยนั้นเพิ่มอีกข้อก็ได้ อยากให้พิจารณาที่จะเข้าร่วมสงคราม เพราะนี่ไม่ใช่สงครามแค่กับมนุษย์กันเอง แต่เป็นสงครามของจอมมารและทวยเทพ”

“..ว่าไงนะ”

เซเนียเบิกตากว้าง เธอเดินเข้ามาและกระซากคอเสื้อผมหน้าตาเฉย

“หมายความว่ายังไงกัน?”

“ใจเย็นๆก่อนท่านมหาภูต เดี่ยวจะค่อยๆเล่าให้ฟังเอง”

จากนั้นผมก็เล่าสถานการณ์โดยย่อให้เซเนียฟัง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ถ้าทำให้เซเนียฉุกคิดได้บ้างก็คุ้มพอแล้ว

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset