< < 33 > >
ในช่วงพักเที่ยงในรั้วโรงเรียนวันนี้ได้ต่างออกไปจากทุกที วันนี้ผมไม่ได้เดินไปหาเบลลามี หรือกินข้าวกับพวกกอรี่และเคียวยะ แต่กำลังยืนจ้องคนๆหนึ่งอยู่ข้างต้นไม้ ..
…หวา เอาจริงดิ
ผมก่ายหน้าผากตัวเองพลางมองไปที่ชายผู้ยืนอยู่กลางสนามและตะโกนโหวกเหวกไม่หยุด
“วะฮ่าๆๆๆ วะฮ่าๆๆๆ เรเซอร์ ชายที่ชื่อเรเซอร์อยู่หน๊าย!!?”
ชายสวมฮู้ดปรากฏตัวออกมาที่กลางสนามของโรงเรียนเวทมนต์ …เอาจริงดิ ไอ้หมอนั่นน่ากลัวชะมัด ทำตัวอย่างกับคนโรคจิตเลย
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคนที่รามปลามยูจิเมื่อเช้า ..มาตอนนี้ก็เรียกหาผมอีก น่ากลัวจริงๆ
‘หมอนั่นน่าขยะแขยงดีนะคะ’
“-จ ใจเย็นสิ เขาอาจแค่มีธุระก็ได้ แต่..” แต่เพื่อความชัวส์ ผมจึงเดินไปหาครูห้องปกครอง “ขอโทษนะครับ มีคนท่าทางไม่ไว้ใจมาเรียกผม”
เพื่อความชัวส์ต้องแจ้งคณะอาจารย์ไว้ก่อน
“—–เห้ยๆ ปล่อยนะเฟ้ย อย่ามาแตะต้องตัวข้านะเฟ้ย!!”
ชายสวมฮู้ดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด โดยมีผมเฝ้าดูเขาที่ถูกทหารยามมากมายดึงตัวไป
เอาละ ปลอดภัยแล้วตัวผม ในฐานะนักเรียนเวลามีคนไม่น่าไว้ใจอะไรก็ต้องแจ้งผู้ใหญ่ไว้ก่อน
‘ทำดีคะมาสเตอร์ ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกหมันไส้หมอนั่นชะมัด อยากตบคะ’
หยุดเลยยูนา เขาไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย แค่ทำตัวหน้าสงสัยเท่านั้นเอ—-ซวยละ โดนหมอนั่นมองตาซะแล้ว
ชายสวมฮู้ดจ้องผมตาเป็นวาว ไม่นานก็ยิ้มสดใสร่าเริงเหมือนก่อนหน้านั้น
“เจ้าหนูนั่นไง ข้าสนิทกับเจ้ามนุษย์นั้น”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูลำบากใจหน่อยๆ พวกเขามองมาที่ผมแบบอ้อนวอน
“คนๆนี้ใช่คนรู้จักมั้ยครับ?”
“ไม่ใช่แค่รู้จักนะเฟ้ยไอ้พวกหมาเฝ้ายาม สนิทเลยตะหาก!!”
คุยกับเอ็งก็วันนี้วันแรกนั่นแหละเว้ย!!
ผมชักจะเหนื่อยใจกับไอ้หมอนี่แล้วสิ
“พอเลยๆ แค่ชื่อผมยังไม่รู้จักเลยครับ”
“ข้าชื่อแซร์อิซ!! มหามังกรวายุไงล้า!!!!!”
—–พล่ามอะไรของเขากัน?
‘..-ม มหามังกรวายุ -ศ ศัตรู!!’ ยูนาเสี่ยงสั่นโดยทันที
เดี่ยวๆยูนา เชื่อง่ายไปแล้ว แล้วมังกรธาตุก็ไม่ใช่ศัตรูหล่อนแล้วไม่ใช่?
‘นั่นสินะค่ะ ขออภัยด้วยคะ’
แต่หมอนี่ทำให้ยูนาเชื่อได้ในชั่วเดียว ..อาจจะจริงก็ได้ มหามังกรวายุคงจะมีนิสัยเป็นพวกโรคจิตน่าสงสัยก็เป็นได้
นี่ยูนา มหามังกรวายุเป็นคนยังไงน่ะเหรอ?
‘เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบครึมและจริงจังค่ะ’
โอเคร ไม่น่าใช่ละ ไอ้บ้าที่หัวเราะลั่นทั่วโรงเรียนอยู่กลางสนาม คนละคนแหง
‘หน้าตาค่อนข้างโดดเด่นคะ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วคะ’
นั่นสินะ กาลเวลาเปลี่ยนคนย่อมเปลี่ยน บางทีมหามังกรวายุก็อาจจะเปลี่ยนนิสัยแล้วก็ได้ ..ถ้านั้นก็
“ขอโทษนะครับคุณเจ้าหน้าที่” ผมเดินเข้าไปแทรกกลางการสอบสวนคุณมหามังกรแอบอ้าง แล้วต้องไปที่ชายสวมฮู้ด “รู้สึกว่าเขาก็คุ้นๆอยู่ ถ้าไม่รบกวนขอดูหน้าได้มั้ย?”
….ผู้แอบอ้างยิ้มให้แล้วโยนผ้าคลุมฮู้ดสีน้ำตาลให้ปลิวไปตามสายลม รูปโฉมนั้นงามยากจะหาได้ แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่ก็เผลอทำให้ตะลึงไปชั่วอึดหนึ่ง ผู้แอบอ้างมีเส้นผมสีเขียวเลือนลางและดวงตาสีเขียวเป็นประกาย ร่างใหญ่มีซิกแพ็ค———–แต่! คำถาม ทำไมไอ้ปืนใหญ่นีโออาร์มสตรองไซโครเจ็ตอามสตรอง ถึงได้โผล่มาด้วยละ
ท่ามกลางสายลมนั่นมีอวัยยะเพศชายที่แสนจะใหญ่และยาวชนิดหาได้ยากปลิวไปมาอย่างองอาจ
“ดูให้เต็มตาเลย!!! มนุษย์!!!”
“เก็บไว้ดูคนเดียวเถอะ!!!! ไอ้เวรเอ้ย!!!!”
ผมแหกปากขึ้นมา แต่ก็ถูกกลบโดยเสียงกรี๊ดของผู้หญิงทั้งโรงเรียนแทน————–
“—–กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงหลายคนผสานกันจนแม้แต่เสียงหัวเราะของผู้แอบอ้างยังไม่ได้ยิน ถึงกระนั้นเจ้านั่นก็หัวเราะต่อไปโดยไม่สะทกสะท้าน
“วะฮ่าๆๆๆๆๆ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แหม่!!!!!!!”
ผมถึงกับต้องอุดหูทันที—-
‘—-ตัวจริงคะ!!!!!!’ ยูนาโพ่งขึ้นมาด้วยท่าทางตกตะลึง ‘คนๆนี้คือแซร์อิซตัวจริงเสียงจริงไม่ผิดแน่คะ รูปลักษณ์นั่นฉันไม่มีทางลืมเด็ดขาด’
–เดี่ยวๆ ไม่เห็นรู้เลยว่ามังกรธาตุมันพิสูจน์ได้ด้วยขนาดองฉะชาด
‘หมายถึงหน้าตาสิค่ะ ไอ้มาสเตอร์โรคจิตนี่’
-อ อ่า โทษทีๆ
ผมกระแอ่มปรับอารมณ์แล้วจ้องไปที่หน้าของผู้แอบอ้าง …ไม่สิ
ต้องเรียกว่า มหามังกรวายุ ‘แซร์อิซ’ กระมัง
ฮะ ฮะ ตลกร้ายชัดๆ สิ่งมีชีวิตแสนจะสูงส่งเช่นเดียวกับฟัฟนิร์เมื่อตอนนั้น ตอนนี้กำลังทำตัวโรคจิตโชว์ของลับให้นักเรียนวัยแรกแย้มดูกัน
นี่น่ะหรือ มหามังกรวายุ
ผมตั้งคำถามกับตัวเองเช่นนั้น ท่ามกลางเสียงกรี๊ดร้องและความโกลาหลในห้องเรียน
นั่นทำให้มีความลื่อเกี่ยวกับผมเพิ่มมาว่า —- ‘เป็นเพื่อนกับพวกชอบโชว์’ ด้วยละ
*******
ย้อนกลับไปที่ก่อนหน้านั้นสักพัก ในมุมมองของเด็กสาววัยแรกแย้มที่ถูกท่านมหามังกรวายุทำให้แปดเปื้อนอย่าง ‘อลิซจัง’ (สามารถอ่านเรื่องของเธอได้เล็กน้อยในบทพิเศษ)
…ฉันอลิซ เป็นเด็กสาวที่ถูกสายลมแห่งโชคชะตานำทางพามาในทางที่ผิด …ใช่คะ ผิดมหันต์เลย
“…ไม่เอาแล้ว” ฉันใช้มืออุดปากตัวเองด้วยสีหน้าที่คล้ายจะร้องไห้ “ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
ตรงหน้าฉันมีชายสวมฮู้ดตัวสูงเกือบๆจะสองเมตรยืนอยู่ เทียบกับฉันแล้วเราตัวสูงต่างกันมาก แล้วขนาดร่างก็ห่างกันเกือบสองเท่าได้ ไม่ใช่คู่ที่คู่ควรกันหรอก แน่นอนฉันก็อยากให้เป็นเช่นนั้นด้วย
เขาคนนั้นกำลังกอดอกและหัวเราะไม่หยุดโดยที่หารู้เลยว่ามีของลับโผล่ออกมาในช่องว่างเสื้อฮู้ดตัวเอง ..น่าละอาย นี่คือเวลากลางวันตรงแท้ๆดันมาโชว์ของลับซะได้ อย่างน้อยๆก็ขอตอนกลางคืน ไม่สิ เป็นไปได้ช่วยเก็บมันไว้ให้เรียบร้อยไม่ได้หรือไงกันชายคนนี้ …ใช่ เพราะทำไม่ได้ ฉันถึงต้องมาร้องโหยหวนในใจเช่นนี้
ทุกคนอาจจะไม่เชื่อ แต่จริงๆแล้วชายที่ยืนอยู่คู่กับฉันชือ มหามังกรวายุ ‘แซร์อิซ’ ตัวตนในตำนานทัดเทียมกับผู้กล้าและจอมมาร สุดยอดตำนานของโลกใบนี้
และแน่นอนฉันนับถือในตัวตนของเขาเหมือนทุกคนในทวีปฟัฟนิร์ ..จนถึงวันที่ได้เจอกับเขา
ตัวฉันที่เป็นเพียงเด็กนักเรียนและเป็นลูกชายของพ่อค้าชื่อดัง ได้จับพัดจับพลูมาเจอกับแซร์อิซในวันที่ถูกกลั่นแกล้งเหมือนทุกที และได้——แปดเปื้อน
ไม่ได้โดนทำอะไรหรอก แต่ตัวฉันได้แปดเปื้อนแล้ว ทางจิตใจน่ะนะ
“-พ พอได้แล้วแซร์อิซ” ฉันพยายามเข้าไปดันตัวแซร์อิซไม่ให้โชว์มากกว่านี้ แต่ก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเนื่องจากเขาคือสุดแกร่งในตำนาน ต่างกับฉันที่เป็นเพียงนักเรียนโชคร้ายที่สุ่มชะตาชีวิตได้เจอกับอีตานี่
..เห้อ อยากย้อนเวลากลับไปชะมัด
แต่เดิมฉันอาศัยอยู่เมืองชันไมด้วย ไม่ได้ต้องการมาเมืองหลวงฟัฟนิร์สักหน่อย แต่เพราะแซร์อิซทำให้ฉันต้องมาด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายประการ ..สุดท้ายคือต้องมาด้วยแบบช่วยไม่ได้
ว่าง่ายๆคือสถานการณ์ความเป็นความตายบังคับให้มาเป็นพี่เลี้ยงไอมังกรขี้โชว์นั่นแหละ
“หยุดโชว์ไอนั่นสักทีได้มั้ย!!?”
“ไอนั่นคืออะไรรึอลิซ? ตัวข้าในฐานะผู้ใหญ่ยิ่งไม่ชอบคำพูดกำกวมหรอกนะ มันดูขี้หลอกลวงและน่าสงสัย”
“นายต่างหากที่ทำตัวหน้าสงสัย ไม่สิ โรคจิตเลยแหละ! ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยเก็บมันไปที ไอนั่นน่ะ!!”
“ไอนั่นคืออะไรเล่า!! พูดมาสิอลิซ!!!”
—-โว้ยยยยยยย ถามจริง ทำไมฉันต้องมาเจอไอ้บ้านี่ด้วยกัน!!!
“ ห*** ไงเล่า!! เก็บมันไปได้แล้ว!!!”
“ขอปฏิเสธ!!” แซร์อิซกล่าวทั้งรอยยิ้ม
ฉันเหวี่ยงขาเตะไปที่ขาแซร์อิซสุดแรงเกิด
“พอแล้ว!! ลาขาดกันแค่นี้แหละ จะไปไหนก็ไปเลย”
แซร์อิซเกาหัวตัวเองแบบงงๆ
“-ข ข้าทำอะไรผิดรึ คุยกันได้นาอลิซ ไม่มีเจ้าข้าอยู่ไม่ได้”
“..เอ๊ะ”
แก้มฉันแดงขึ้นราบกับระเบิด
-ท ทำไมฉันถึงใจเต้นได้ละ เดี่ยวนะ ไม่จริง แบบนี้มันอันตรายนะ ค่อนข้างอันตรายแล้วนะแบบนี้น่ะ …ไม่จริงน่า แต่จะว่าเข้าเค้าก็ได้อยู่
ถึงจะบ้าแต่ก็ช่วยฉันไว้เยอะ เรื่องตอนเมืองชันไมเลยทำให้ฉันรู้ว่า แซร์อิซจริงๆแล้วใจดีขนาดไหน หน้าตายังดีกว่าผู้ชายทุกคนที่เคยเห็นอีก ..
“ใช่แล้ว ข้าจะหาเงินจากไหนใช้กัน”
“-ล เลวที่สุด พูดมาได้หน้าตาเฉยเลยนะ!”
แต่ก็โชคดีนั่นแหละที่หมอนี่เป็นอย่างนี้ เกือบจะหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ซะแล้วตัวฉัน ไม่สิ ถ้าหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆนี่แย่เลย อีกฝ่ายเป็นถึงมหามังกรในตำนาน อายุเยอะกว่าบรรพบุรุษแรกเริ่มอีกมั้ง
ฉันหันหลังให้และเดินหนีไปด้วยอารมณ์บ่จ้อยทันที
แซร์อิซได้แต่ยืนงงๆก่อนจะหัวเราะอีกคราว
“ฮะๆๆๆๆๆ!!! ไว้หายอารมณ์เสียเมื่อไหร่ข้าค่อยไปทักละกัน!!”
ฉลาดจริงนะ!! แต่คราวนี้ไม่ได้แดกหรอกคะ
แยกกันแค่นี้แหละกับแซร์อิซน่ะ!
….สุดท้ายก็ใจอ่อนเลยเดินออกตามหาแซร์อิซ หลังจากที่แยกกันได้แค่ชั่วโมงเดียว
ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาไม่หยุดประหนึ่งหาสัตว์เลี้ยงที่หายไป ..แต่ก็ไม่พบ
หรือว่าจะแยกจากกันจริงๆแล้ว
ไม่รู้ทำไมแต่พอคิดอย่างนั้นฉันก็จะร้องไห้ออกมา จึงเดินหาต่อไป
“แซร์อิซ!!!!!!”
ฉันตะโกนไม่หยุด จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียนเวทมนต์ …
เห็นบอกจะมาหาคนชื่อ เรเซอร์ด้วยสิ ..ท่านฟัฟนิร์เองก็กล่าวไว้ว่าน่าจะศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเวทมนต์ คุณชินดร้าผู้ติดตามของท่านฟัฟนิร์ก็เสริมด้วย
หรือว่าแซร์อิซจะเข้าไปหาคนชื่อเรเซอร์แล้วกันนะ? คิดได้อย่างนั้นฉันจึงก้าวเท้าเข้าไปและ————–พบแซร์อิซที่แก้ผ้าโชว์มังกรยักษ์ให้ประจักษ์
รู้ตัวอีกทีฉันก็ใส่เกียร์หมาเข้าใส่แซร์อิซ
“—–หยุดเต้อะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ฉันอ้อนวอนทั้งน้ำตาแห่งความอับอาย
หลังจากนั้นก็ได้คุณเรเซอร์ช่วยเคลียร์ปัญหา และหาที่คุยกันโดยสันติ