เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 54: เส้นชัย

< < 45 > >

“เรย์ ไม่ได้เจอกันนานนะ”

“พี่ชินดร้า! โตขึ้นเยอะเลยนะครับ! โดยเฉพาะตรงนั้น”

ว่าจบร่างของผมก็ลอยขึ้นฟ้าด้วยแขนสองข้างของพี่สาว เธอหรี่ตามองผมแบบเอือมๆ

“ใครสอนให้พูดทักแบบนั้นเนี่ย พ่อเหรอ? ”

“ใช่ฮับ”

“…คนคนนั้น ทำไมถึงชอบสอนอะไรแบบนี้ให้ลูกตัวเองกันนะ” พี่ชินดร้าถอนหายใจ “ทีหลังอย่าพูดอย่างนั้นกับใครอีกนะ”

“อื้อ! ผมเชื่อพี่หมดอยู่แล้ว!”

ผมพูดอย่างจริงจังด้วยรอยยิ้ม พี่ชินดร้าที่ได้ยินพลันยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ..เห็นว่าขึ้นเป็นนักดาบขั้นต้นแล้วเหรอชิน? เดี่ยวเล่าให้พี่ฟังตอนรับประทานอาหารหน่อยนะ”

“ครับ!”

 

..พี่สาวคือคนที่ผมเคราพรักมากที่สุด เธอคนนั้นเปรียบได้ดั่งแสงสว่างที่คอยเยียวยาหัวใจผู้คน และเหมือนดั่งโล่วิเศษที่ช่วยปกป้องทุกคนจากภัยร้าย

หลายต่อหลายคนรู้จักเธอในฐานะยอดอัศวิน แต่ผมรู้จักเธอในฐานะพี่สาว ผู้ซึ่งเป็นไอดอลในฝันของผม

ผมไม่ได้ปรารถนาจะเป็นอัศวินเหมือนกับเธอ ไม่ได้ต้องการจะแกร่งเหนือกว่าเธอ แค่ต้องการจะอยู่กับพี่สาวคนนั้นไม่ตลอดเพียงเท่านั้น สำหรับผมนั่นคือความสุขที่สุดของผมแล้ว …ทว่า ความฝันก็เป็นได้แค่ความฝัน

‘ชินดร้า’ หรือพี่สาวของผม เธอได้ตายจากไปเมื่อ 5 ปีก่อน

อัศวินที่รอดจากศึกครั้งนั้นเล่าให้ฟังว่าผู้กล้าได้ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ และถล่มกองทัพด้วยตัวคนเดียว พี่สาวเองก็ตายจากการปะทะนั่นเหมือนกัน ..ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นอยู่หรอก จนกระทั่งผมได้รู้จักกับเด็กที่ชื่อ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’

เด็กคนนั้นคือลูกชายคนเดียวของดยุคดราแคล์ เขาเป็นนายของพี่ก่อนที่เธอจะจากไป แล้วก็เป็นคนที่ทำให้เธอตายด้วย

ผมรับรู้ได้จากบทสนทนาของพ่อกับอัศวินที่มาชี้แจงเรื่องของพี่

“แค่ข่าวลือ”

พวกเขาแค่ใส่ร้ายเด็กคนนั้นเท่านั้น เท่าที่รู้มีความลือไม่ดีกับไม่ถูกกับพวกอัศวินเท่าไหร่ ทำให้ถูกเล่นงาน เป็นเด็กที่น่าสงสาร ถูกผู้ใหญ่เอาไปใช้เรื่องการเมือง ชื่อเสียงของครอบครัว ..ยังเด็กอยู่แท้ๆ

ผมคิดอย่างนั้นกระทั่งวันงานศพมาถึง

..เรเซอร์คนนั้นไม่ได้โผล่หน้ามา

“…เรื่องปกติแหละ” ผมที่สวมชุดสีดำทั้งตัวพึมพำออกมา และเดินเล่นนอกงานศพ

ฟ้าช่างเป็นใจ ฝนตกลงมาไม่หยุดเลย

ผมแหงนหน้ามองสายฝนมากมาย โดยที่ตัวเองแอบอยู่ใต้ร่ม ผมมองเม็ดฝนมากมาย ..พลางนึกถึงเรื่องของพี่สาวไปด้วย

“…ไม่แฟร์เลย”

ทำไมเธอต้องตายด้วยละ

เธอคนนั้นที่แสนดียิ่งกว่าใครๆ เนี่ยนะ ทำไมต้องเธอด้วย? ..มีคนที่สมควรตายกว่าพี่สาวผมตั้งเยอะแท้ๆ ไม่แฟร์เลย คนดีแบบเธอไม่ควรตายเลย …

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง และกางร่มเพื่อเดินชมวิวท่ามกลางสายฝน

บรรยากาศเช่นนี้ผมไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ เลย

พอเดินรอบๆ ได้สักพักผมก็พบกับดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ ..

“..จะว่าไป..ตอนได้เป็นนักดาบขั้นต้นพี่ก็เอาดอกไม้นี่มาให้ด้วยสินะ”

ผมคว้าดอกลิลลี่นั่นขึ้นมา …

 

‘ยินดีด้วยนะ เรย์’

 

“..นี่..ตอนนี้ผมได้เป็นนักดาบขั้นกลางแล้วนะ ทั้งๆ ที่วงจรเวทย์ยังไม่สมบูรณ์” ผมกำดอกไม้นั่นแน่น จนดอกไม้ที่แสนจะอบอุ่นได้ขาดกระเจิง “ช่วยอวยพรผมทีสิ ผมกลายเป็นนักดาบขั้นกลางแล้วนะ ..ช่วยส่งดอกไม้นี่ให้ผมทีสิ”

น้ำตาพลันไหลออกมาจากดวงตา ความรู้สึกมายมายที่พยายามผนึกเอาไว้พลันสลายอย่างง่ายดาย

“ทำไมเล่า ..ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยเล่า ..”

แม้จะยังเด็กแต่ผมรู้ดีว่าต่อให้ร้องไห้แค่ไหน พี่ก็ไม่กลับมาหรอก เธอที่จะคอยช่วยเหลือผม และมอบดอกไม้นี่ให้ผม ..ไม่อยู่แล้ว

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ..สักวันผมอาจจะลืมเธอไปก็ได้เรื่องนี้ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด

“ไมแฟร์เลย ..ไม่ยุติธรรมกับผมเลย”

ในเวลานั้นผมร้องไห้ออกมาไม่หยุด พยายามพยุงร่างของตัวเองให้อยู่ได้นานที่สุด ผมตรงไปยันที่จัดงานศพ ….และได้หยุดเท้าลง

“ไอ้เด็กเวรนั่น เรเซอร์นั่นพรากชินดร้าไป”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ”

“..มันจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ไงละ ..ลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจของฉันเลยนะ” คุณพ่อขยี้หน้าตัวเองทั้งน้ำตา “ชินดร้าตายไปทั้งคนเลยนะ”

…ว่าแล้วเชียว ไม่แฟร์เลย

ในวันๆ นั้นเป้าหมายของผมคือการฆ่าเรเซอร์ ดราแคล์ ..ผมรู้ดีว่าตัวเองมันเลวแค่ไหน ผมแค่ยัดความชอบธรรมในการหาเรื่องเรเซอร์ที่ตัวเองเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็เท่านั้น ..ผมแค่จะฆ่าเพื่อนรุ่นเดียวกันด้วยอารมณ์ส่วนตัวเท่านั้นแหละ

…แต่พอได้เจอกับเจ้าหมอนั่นตัวเป็นมันก็พลอยทำให้ไม่อยากฆ่าขึ้นมา …แต่ถ้าไม่รีบจบเรื่องฉันจะไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตเหมือนปกติได้—– ‘ยูจิ’ จะให้เพื่อนสนิทรอฉันมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น ..ต้องรีบจบมันเดี๋ยวนี้ เพื่อแสดงถึงความจริงใจต่อยูจิด้วยแล้ว ..ฉันต้องทำ…

 

 

…ถึงแม้ว่าสุดท้ายคนที่จะตายมันจะเป็นฉันแทนก็เถอะ

“..บ้าเอ๊ย ..คิดว่าจะชนะแล้วแท้ๆ เชียว”

ผมยิ้มอย่างอ่อนล้าให้แด่ผู้ชนะผมเบื้องหน้า ..ให้แด่ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ คนนั้น

 

****

“คิดว่าจะชนะแล้วแท้ๆ เชียว”

เรย์ว่าเช่นนั้นขณะที่ยังคงนอนแน่นิ่งกับพื้น ส่วนผมแม้จะยืนอยู่แต่สภาพไม่ต่างกันนัก ..พวกเราทั้งคู่จะตายแล่ไม่ตายแล่อยู่แล้วไงละ

ถึงผมจะชนะแต่สภาพก็ไม่ต่างกับคนแพ้เลย ยับเยินระดับที่ถ้าโดนฟันซ้ำอีกสักทีสติคงหายไปพร้อมกับชีวิตเป็นแน่แท้

“เป็นชัยชนะที่ไม่อยากได้เลยนะ”

“ถ้านั้นฉันขอคืน”

“ไม่ให้เฟ้ย” ผมแสยะยิ้ม “ไม่สิ ..ว่ากันตามตรง ฉันยังไม่ชนะหรอก”

“นั่นสิเนอะ จะตายกันอยู่แล้วจะไปเอาอะไรมาชนะได้ละ”

“..คงนั้น”

เรย์เริ่มเงียบไป …

“…ไม่ไหว สติเริ่มหายแล้ว ..ใกล้ตายแล้ว” เรย์กำหมัดแน่น “พี่ครับ ..ผมเหมือนจะไม่ไหวแล้ว …ขอโทษนะ”

“อย่ารีบตายนักเซ้”

“..อะไรอีก..ถ้าจะซ้ำก็รีบๆ ทำให้จบเถอะ ..มันเจ็บนะ”

นั่นสินะ แผลฉีกยับตั้งขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าตรงคอมีปัญหาจากบาดแผลป่านนี้ได้ดิ้นพลางร้องไห้กันทั้งคู่แล้วนั่นแหละ ..อ่า พอคิดว่าร่างของตัวเองมียับขนาดไหนแล้ว ผมก็รู้สึกแสบๆ ขึ้นมาเลย ไม่น่านึกเลย

เห็นเขาว่าเวลาเป็นแผล ถ้าคนเราเห็นแผลตัวเองมันจะเจ็บกว่าเดิมหลายเท่าได้ บางคนถึงขั้นตายเพราะเห็นแผลตัวเองเลยละ ..

ผมถอนหายใจ

“ถ้าแกตายไอ้ฉันจะแพ้พอดีสิ”

“..แพ้เหรอ …ถึงจะว่านั้นก็เถอะ แต่คนชนะคือนายนะ ถึงไม่นานจะตายมันพร้อมๆ กันนั่นแหละ”

“ถึงได้บอกไง เกิดเป็นงั้นฉันก็แพ้พอดีน่ะนะ”

เรย์หันมามองผม–ขมวดคิ้วใส่

“…หมายความว่ายังไง”

“..ชัยชนะของแกคือการฆ่าฉัน กลับกันชัยชนะของฉันคือการฆ่าแก ..ใครเป็นคนกำหนดฟร้ะเรื่องนั้นน่ะ”

ผมดึงดาบที่ปักพื้นขึ้นฟ้าและโยนมันทิ้ง ทำเพียงแค่นั้นร่างกลับฉีกยิ่งกว่าเดิม เจ็บเจียนตาย—-ผมแสยะยิ้มออกมา

ผมจับคอตัวเอง และพึมพำออกมา ..

“—-ฝากด้วย ‘ยูนา’ ”

พลันใดนั้นอากาศก็สั่นไหว—-ดาบทรงคาตะนะสีขาวที่แพร่ออร่าสีม่วงประกายขาวปรากฏขึ้น บนไหล่ทั้งสองข้างของผม

ภาพลักษณ์นั้นงดงามยิ่งกว่าดาบใดๆ เรย์ที่เชี่ยวชาญด้านดาบเข้าใจถึงภาพลักษณ์นั้นดี …

“..ดาบ..นั่นมัน” เรย์หน้าซีกเผือก “..ในหนังสือ..อย่าบอกนะว่า”

ดาบทั้งสองเล่มได้ชี้ขึ้นฟ้า และ—ผ่าลงมายันพื้นโลก

พริบตาเดียวก็มีเศษกระจกแตกก็ร่วงหล่นลงพื้น เกิดรอยร้าวขึ้นบนโลก บนอากาศ บนพื้นดิน กระทั่งบนล่างของคนด้วย—-แสงสีม่วงตัดผ่านโลกนี้ไปมานับไม่ถ้วน พร้อมกับรอยกระจกที่แตกกระจายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ .. [มิติวิญญาณ] —- [บาดแผล และคลาบเลือด] —- [จงสะบั้น] ”

สิ้นสุดเสียงพูดดาบคาตะนะก็ได้เฉียงข้าง และสะบั้นโลกใบนี้สองถึงสามครั้ง รอยร้าวและเศษกระจกได้ลอยกระเด็น——-ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไปพร้อมกับแสงสีม่วงผสมขาว

‘เสร็จสิ้น’

ทันทีที่เสียงพูดของยูนาดังขึ้น ร่างของผมก็ได้หายเป็นปริดทิ้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในสภาพปางตายแท้ๆ ไม่ใช่แค่บาดแผลด้วย เลือดที่เกิดจากการต่อสู้ก็หายดี

ผมเดินไปหยิบของที่ชินให้มาใช้สู้ ดาบยัง ผุ พังอยู่ ..เอาเถอะ ไม่ใช่กงการอะไรของผมเสียหน่อย

“ไม่ซ่อมให้หรอกนะ” ผมโยนดาบคืนให้เรย์

แต่หมอนั่นไม่ได้รับดาบไว้ เอาแต่มองผมด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง อย่างกับโดนผีหลอก ..คงนั้น ยูนาเหมือนผีจริงๆ แหละ–เป็นวิญญาณนี่

ผมหยักไหล่ให้

“..ร่างกายหายเป็นปกติ..วงจรเวทย์ ..กล้ามเนื้อที่ขาดไปเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ..นี่นายทำอะไรลงไป? ”

ร่างของเรย์กลับมาเป็นปกติเหมือนตอนก่อนจะสู้กัน เช่นเดียวกันกับผม

“ดาบคราบสีม่วงเมื่อตะกี้ด้วย ..เหมือนกับสัญลักษณ์ของวีรสตรียูนา”

“น่าๆ อย่าใส่ใจเลย” ผมขยิบตาให้ “นี่แหละไพ่ตายของฉัน เจ๋งใช่มั้ย? ”

“…เกินบรรยายเลย มีตัวตนระดับนั้นอยู่ด้วยนี่มัน ..สุดจะบรรยาย”

“ช่างเถอะน่า คิดว่านี่คือชัยชนะของฉันเป็นพอ”

เรย์เงียบไป ก่อนโพ่งขึ้น

“…เป็นชัยชนะที่เอาเปรียบกันชะมัด ขี้โกงเกินไปแล้วอีแบบนี้”

“คนเรามันก็โลภแบบนั้นแหละ แน่นอนถ้าไม่พอใจจะจัดอีกยกก็ได้นะ แต่คราวนี้ฉันขอใช้เวทย์”

ขืนสู้ด้วยดาบเปล่าโดยที่อีกฝ่ายรู้ไต่หมดแล้วไอ้ผมก็แพ้พอดีสิ

“—ไม่เอาแล้ววุ้ย! ใครมันจะไปสู้ได้หว่า เมื่อตะกี้มันตัวตนที่แยกทวีปออกจากกันเลยนะ! ใครจะไปสู้ได้ฟร้ะเอาจริงๆ น่ะ!” เรย์หัวเราะขึ้นมา “ยอมแพ้เฟ้ย ยอมแล้ว! ขี้โกงชะมัดแกเนี่ย”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนพยุงร่างตัวเองไว้บนรากต้นไม้ยักษ์ ทางเรย์ยังคงนอนหงายหน้ามองฟ้าอยู่

“..ไม่ลอบตีกันหรอกนา? ”

“ไม่แล้ว …ไม่เอาแล้วละ”

เรย์ขบฟันกรามแน่น

“ตอนใกล้ตายถึงพึ่งรู้นี่แหละว่าตัวเองทำอะไรไป …ฉัน..เกือบฆ่าเพื่อนตัวเองเลยนะ..แล้วก็เกือบฆ่าตัวเองที่พี่ชินดร้าต้องการปกป้องด้วย ..” เรย์เบือนหน้าหนีผม “..ไม่อยากตายอีกแล้ว”

…ดีแล้วละ

“เรย์ ฉันมีอีกเรื่องต้องบอกนาย”

“..เออ ว่ามาเลย ขอเลี่ยงอะไรซึ้งๆ นะ ..ถ้ามาจังหวะนี้ฉันได้น้ำตาแตกพอดี”

เหวอ มีน้ำตาร่วงแหงงั้น

“ไม่บอกละกัน”

“บอกเถอะน่า”

ยุ่งยากชะมัดไอ้หมอนี่

“ชินยังไม่ตาย”

“…หา? ”

เรย์ค่อยๆ ลุกขึ้น พลางจ้องหน้าผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน

“เมื่อกี้—ว่าไงนะ!? ”

“ชินยังไม่ตาย ..เชื่อยากหน่อย แต่ฉันได้ยินมาอีกทีน่ะ” ผมแสยะยิ้มให้ “ได้ข้อความมาจากท่านมหามังกรวายุ คนคนนั้นถึงจะโรคจิต แต่ไม่น่าโกหกน้ำขุ่นไร้สาระหรอก”

เรย์ยืนจ้องผมด้วยแววตาที่สับสน มีความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไป

“..จริงเหรอ..เอาจริง? ”

“ไม่รู้สิ ต้องเห็นด้วยตาของตัวเองก่อน”

ผมลุกขึ้นยืนจากรากไม้ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเรย์ และยื่นมือไปให้

“เพราะอย่างนั้นแหละ สนใจตามหาชินพร้อมกับฉันมั้ย? ”

เรย์หรี่ตามองผม

“นายคงไม่ได้เล็งพี่สาวฉันไว้ใช่ปะ? ”

เล็ง? ใช้คำแปลกชะมัด ผมไม่ได้มีนิยมเพศเดียวกันเสียหน่อย

“แค่อยากได้มาเป็นองค์รักษ์น่ะ ขุนนางชั้นสูงต้องมีอย่างน้อยสักคนสองคน”

“ไม่ได้เล็งพี่สาวฉันไว้ใช่มั้ย? ”

“ก็บอกแล้วไงว่า…หา? พี่สาว? ”

“ใช่ดิ! พี่สาวฉันชื่อ ‘ชินดร้า’ ไงละ! อย่ามาตีหน้ามึนเชียว! ถามอีกครั้ง—ไม่ได้เล็งพี่สาวฉันไว้ใช่มั้ย? ”

จู่ๆ ท่าทางของเรย์ก็ดูดุร้าย ทว่าผมมิได้สนแต่อย่างไร สติผมแทบจะดับ ..ไปทั้งที่ยืนอยู่

“..เคยสัญญาไว้ว่าจะเป็นนายบ่าวรักเดียวใจเดียว..”

น่าอายจัง

“—-นี่เอ็ง! มีเบลลามีอยู่แล้วแท้ๆ! หลายใจชะมัด!”

“ถะ ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะแต่มันเป็นเรื่องเมื่อก่อนนะ ไม่สิ ว่ากันตามตรงเบลลามีมาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย”

“ไม่ฟังแล้ว! อย่ามาแตะพี่สาวฉันเชียว!”

เรย์ส่งเสียงขู่ผมอย่างกับสัตว์ที่หวงอาณาเขต ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างไร แต่ผมเผลอหลบตาโดยไม่รู้ตัว

“คือ..ไม่รู้ ..ฉันคิดว่าชินเป็นผู้ชายมาตลอดเลยนะ..หรือว่าชินจะหลอกพวกนายมาตลอดน่ะ”

“ถ้าจะหลอกมันก็ต้องหลอกคนที่ไม่ใช่ครอบครัวแบบเอ็งเซ้!”

นะ นั่นสิเนอะ สมองรวนเลยเรา

ผมตั้งสติก่อนจะนึกถึงเรื่องของชิน …แหม่

“..ไอ้ฉันเคยพูดชวนเป็นนายบ่าวรักเดียวใจเดียวด้วยละ”

“เล็งจริงๆ ด้วย? พี่ฉันสวยระดับที่ถ้าเป็นเพศเดียวกันคงหล่อกว่าฉันราว 10 เท่าเชียว ถ้าไม่บอกว่าเล็.ไว้ไม่เชื่อหรอก! เพราะถ้าเป็นฉันเกิดเจอผู้หญิงคล้ายๆ พี่สาวเข้าคงตามจีบทันที”

..อย่าเอามาตรฐานนิสัยตัวเองมาวัดมาตรฐานผมได้มั้ย? ..

“เหรอ..นั่นสินะ ขนาดชินตอนแต่งชายยังดูสวยสุดๆ เลย” ผมกุมขมับ “…ว่าแล้วเชียว..”

แก้มผมแดงแปร๊ดราวกับระเบิดลง

“..น่าอายจัง”

พูดอะไรแบบนั้นไป โคตรน่าอายเลย ..ทำไมก่อนพูดไม่คิดบ้างนะตัวผม

“บอกไว้ก่อน ถ้าจะจีบพี่สาวต้องผ่านศพฉันไปก่อน”

ง่ายๆ เลยไม่ใช่เรอะนั่น ไม่สิ

“..อย่าพูดเรื่องนั้นเลย พอนึกๆ ดูแล้วมันจั๊กจี้น่ะ”

“…”

บรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นอีกคราว ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ..มีทะเลาะวิวาทหนสองแหงๆ ไอ้ซิสค่อนนี่น่าอนาถชะมัด

ผมเตรียมตั้งท่า—-ทว่ามีนางฟ้ามาโปรดไว้ก่อน

เบลลามีวิ่งโผล่มาข้างหลังเรย์ ด้วยใบหน้าที่เพลียร์ๆ

“หายไปไหนมากันเหรอ? ” เธอมาหยุดอยู่ตรงกลาง ก่อนสังเกตเห็นดาบสองเล่มที่กระจายตามพื้น …คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน “ถ้าทะเลาะกันใช้หมัดดีกว่านะ”

“ควรห้ามว่าอย่าทะเลาะต่างหาก” ผมถอนหายใจ “เอาเถอะ ..ไม่มีอะไรหรอก”

“..เหรอ”

เบลลามีเหมือนจะรู้สึกได้ว่าไม่ควรใส่ใจเรื่องเมื่อกี้ สัญชาตญาณเอาตัวรอดสุดยอดเลย

“รีบๆ ตามมานะ งานเต้นรำสานสัมพันธ์จบแล้วน่ะ ..เห็นว่าเดี่ยวมีงานเลี้ยงที่บาร์ต่อ…กินแค่น้ำผลไม้ก็ได้นะ ถ้าคออ่อนน่ะ” เบลลามีจ้องหน้าผม “ถ้าคออ่อนกันมากนัก ก็กินแค่น้ำผลไม้พอนะ”

พูดอย่างกับท้าทายกัน—จริงๆ แค่หวังดีเท่านั้นแหละ

ขณะที่ผมกำลังจะเดินตามเบลลามีไปนั้น ก็นึกเรื่องสำคัญได้พอดี ..ผมยื่นมือไปให้เรย์อีกรอบ

“ว่าไง? ”

เรย์จ้องมือของผมสักพัก ก่อนจับมือกลับ

“ตกลงคร้าบ!”

—นี่แหละเส้นชัยจากการดวลกับเรย์ของผม

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset