< < 71 > >
การต่อสู้จบลงแล้ว หลังจากที่มหามังกรเพลิงได้หายไปจากทิวทัศน์ในอาณาจักรฟัฟนิร์ ทุกคนก็พากันหยุดสู้แล้วหันไปจับจ้องทางเดียวกันกับที่มหามังกรหายไป
แม้กระทั่งเอเธอร์ก็ไม่อาจเมินเฉยได้
“สุดยอดเลยนะครับ นอกจากผมแล้วยังมีคนฆ่ามหามังกรได้เนี่ย”
“บะ บ้าน่า ในเมืองนี้มันมีแต่บ้าอะไรว่ะเนี่ย!?”
เอเธอร์กล่างอย่างชื่นชม เรนตกใจตาค้าง คาลอสถอนหายใจ
“อยากรู้จังว่าเป็นใคร”
พูดจบก็หัวเราะพึมพำอย่างน่าแหยง
ทางสโนว์และปีเตอร์พอจะเดาได้ลางๆ จากที่เจอมาเมื่อไม่นาน แต่ก็เก็บเงียบไว้ก่อนเผื่อจะใช้หมอนั่นเป็นตัวล่อพวกเอเธอร์ได้บ้าง ..
“อ่า ทางนี้ก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ก่อนอื่น โฟกัสหน้าที่ปัจจุบันของตัวเองก่อน” คาลอสพูด
ตอนนี้กำลังสู้ตะลุมบอนอยู่แท้ๆ คาลอสอย่างจะต่อว่าอย่างนั้น แต่เอเธอร์ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เข้าใจแล้วครับ”
พูดจบเอเธอร์ก็จัดการส่งหนึ่งในมหามังกรเทียมลงไปคลุกฝุ่นหนึ่งคน นั่นคือ ‘สโนว์’ ที่บาดเจ็บหนักตั้งแต่ตอนสู้กับเรเซอร์คราวก่อนมาแล้ว มาตอนนี้ต้องสู้ติดต่ออีกเลยไปเร็วกว่าที่ควรมาก
ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็มีพลังทัดเทียมมหามังกร แม้จะบาดเจ็บแต่นี่เป็นการต่อสู้ 3-1
ไม่ว่าทางไหนเอเธอร์ก็สุดยอด
“สัตว์ประหลาดรึไงกัน-คึก”
ปีเตอร์สบถออกมาเมื่อต้องรับมือกับเอเธอร์ ทางคาลอสและเมอันเองก็ใกล้จะรู้ผลแล้ว ซึ่งเมอันกำลังจะแพ้
เรนที่เห็นผลการต่อสู้อย่างชัดเจนก็กุมขมับ
“พอได้แล้วไอ้พวกไร้ประโยชน์ ..หนีไปแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ”
“ไม่มาสู้เองเลยล่ะครับ ถ้ามีคุณร่วมด้วยบางทีผมอาจตายไปแล้วก็ได้”
“เห่าหอนบ้าอะไร ไร้สาระจริง”
เรนคว้าลูกแก้วสีฟ้าออกจากกระเป๋าและชูขึ้นฟ้า ทุกคนที่เห็นเรนโชว์ลูกแก้วก็เร่งถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงใกล้ๆเรน
“เลือกได้ทางนี้ก็ไม่อยากใช้ของหายาก แต่ช่วยไม่ได้! ขอยอมรับแล้วว่าพวกแกสองคนเกินมือพวกเราตอนนี้ไปมาก! ฮ่าๆๆๆ แต่อย่าได้สะล่าใจไป สักวันจะได้เห็นดีกัน”
เรนพูดเชิงประกาศสงครามจบก็บีบลูกแก้ว ทันทีนั้นก็ปรากฏวงแหวนอักขระสีดำขึ้นมารอบตัวพวกเรน
“คิดเห็นอย่างไรเอเธอร์”
เอเธอร์ใช้ดวงตามหาปราชญ์ตรวจสอบพลังของลูกแก้ว
“วิชาไสยศาสตร์ล่ะครับ มีความสามารถในการวาปไปจุดต่างๆที่มาร์คเอาไว้ได้ แถมยังเป็นระดับสูงสุดของวิชานี้ด้วย สมกับเป็นลูกชายของราชาไสยศาสตร์เลยนะครับ ..แล้วเอาอย่างไรต่อดีครับ จะให้ผมเข้าวงวาปตามด้วยหรือเปล่าครับ?”
เรนหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกเรียกว่าลูกชาย คาลอสออกความเห็น
“ทางที่ดีอย่าพุ่งตามติดดีกว่า ไม่ใช่แค่อาจถูกพาไปที่เสียเปรียบ แต่ทางเรายังมีเรื่องต้องจัดการต่อด้วย”
หมายถึงตัวเมืองที่โดนเล่นซะยับ และผู้ที่โค่นมหามังกร สำคัญกว่านั้นคือตัวมหามังกรเพลิงอย่าง ‘หนิง’
เอเธอร์พยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้วครับ เช่นนั้นก็”
“จับตาดูท่านหนิงและคนที่ช่วยจัดการมหามังกรเพลิงไว้” คาลอสพูด “ราชาเรียกตัวไป”
หมายถึงราชา ‘อัลเบโด้’ ผู้เป็นราชาแห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ เป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักร ทั้งยังเป็นพ่อในนามของ ‘หนิง’ อีกด้วย
ในฐานะราชาอัศวินการจะเคลื่อนไหวจำเป็นต้องพูดคุยกับราชาโดยตรงก่อนถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ
“รับทราบครับ”
คาลอสพยักหน้าให้และวับหายไปทันที
ไม่ได้มีพลังในการเคลื่อนย้ายพริบตาแต่อย่างไร ทั้งหมดเกิดจากแรงกายเหนือมนุษย์ทั้งนั้น
“เอาล่ะครับ คนที่โค่นมหามังกรเนี่ย ..หวังว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ฟัฟนิร์เล่าให้ฟังนะครับ”
เอเธอร์พึมพำอย่างนึกสนุก
****
มีกระสุนร่างมนุษย์สีดำ–หมายถึงลูซิเฟอร์
เมื่อสักครู่นี้เขาถูกมหามังกรซัดปลิว ไม่รู้ว่าไปไกลแค่ไหนเพราะตอนนี้ตัวยังลอยอยู่เลย ตามปกติแล้วมนุษย์ร่างน่าแหลกไปแล้ว แต่ลูซิเฟอร์นั้นไม่ เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นปีศาจ แล้วยังเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ต่อให้พลังเหลือ 1/10 เขาก็มีพลังในการรับมือกับมหามังกรอยู่บ้าง แน่นอนโดนไปเต็มๆย่อมปฎิเสธไม่ได้ว่าเจ็บสาหัสยิ่งกว่านั้นยังต้องดูแลอีกชีวิตที่เกาะอยู่ใต้เสื้อโค้ทของตัวเองด้วย
น้องแมวตัวน้อยนาม ‘อาซาเซล’ เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่อ่อนแอกว่ามนุษย์อีก แต่ร่างยังไม่แหลก นั่นเป็นเพราะลูซิเฟอร์ช่วยพยุงไม่ให้อาซาเซลตัวน้อยตายอยู่
ที่ตอนนั้นลูซิเฟอร์ยืนอยู่เฉยๆไม่ใช้พลังวิเศษในการป้องกัน เป็นเพราะรู้ดีว่าต่อให้กันได้แต่อาซาเซลตัวน้อยคงโดนแรงกระแทกแทรกซ้อนจนร่างแหลกในพริบตา เขาจึงเลือกใช้การป้องกันทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องอาซาเซลตัวน้อย
สุดท้าย สภาพจึงดูไม่ได้สุดๆ เป็นถึงปีศาจข้ารับใช้สูงสุดของจอมมารแท้ๆ แต่กลับลอยอยู่บนฟ้าไม่รู้จะหยุดอยู่ที่ไหนพร้อมๆไปกับอาซาเซลตัวน้อย
ลูซิเฟอร์ภวนาให้หยุดเร็วๆ เพราะไม่นานมานาเขาจะหมดแล้ว ถ้าปล่อยไว้อีกสักสามนาที อาซาเซลตัวน้อยได้ตายจริงๆแน่
สมปารถนา จู่ๆแรงพุ่งก็วูบหายไป ลูซิเฟอร์ล่วงลงที่พื้นหญ้าซึ่งมีแกะเดินผ่านไปมาให้ว่อน แถมมีรั้วกั้นรอบๆสนามหญ้าด้วย
อนุมานได้ว่านี่เป็นฟาร์มแกะของใครสักคน ที่ไหนสักแห่งก็ไม่ทราบ
ไม่ใช่ที่อันตรายก็ดีแล้ว อาซาเซลตัวน้อยจะได้พักเสียที ลูซิเฟอร์ถอนหายใจโล่งอก
“ถึงจะเสียดายเรื่องท่านจอมมารก็เถอะ แต่เจอท่านสหายคนนั้นเข้าไปต่อให้ดันทุรังยังไง ข้าก็ชิงท่านจอมมารมาไม่ได้อยู่ดี สู้เอาพลังที่เหลือปกป้องสหายร่วมรบแล้วรอสวนกลับครั้งต่อไปดีกว่า”
ลูซิเฟอร์พล่ามกึ่งๆปลอบใจตัวเองขณะที่ปล่อยตัวนอนหงานหน้า เขาเสียดายเรื่องจอมมารก็จริง แต่จอมมารมักสอนเสมอว่าสหายต้องมาก่อน เขาก็ยึดคำสอนนั้นด้วยจึงต้องช่วยอาซาเซล
อาซาเซลตัวน้อยเห็นว่าปลอดภัยแล้วก็ขึ้นมานอนอยู่บนอกของลูซิเฟอร์แล้วเลียหน้าลูซิเฟอร์ และร้อง เหมียวๆ ด้วยน้ำเสียงสุดจะน่ารัก
ลูซิเฟอร์เรียบไป ใบหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาเป็นประกาย
“..ถ้าท่านอยู่ในยุคเดียวกับข้า บางทีคนที่ครองโลกอาจไม่ใช่ทวยเทพ แต่เป็นท่านแทน”
อาซาเซลเอียงคอฉงน ไม่เข้าใจที่พูด แหงอยู่ล่ะ อาซาเซลเป็นแมวนี่นะ
“อะไรกัน ..ท่าทางตอนท่านไม่เข้าใจนี่มันช่าง..น่ารัก ถ้าท่านจอมมารได้เห็นท่าน ข้าคงถูกท่านจอมมารแย่งไปแน่ๆ ข้าคงไม่มีโอกาสได้เล่นกับท่านอีก พุงของท่าน …ไม่ได้การ ไปคิดไม่ดีแบบนั้นกับนายเหนือหัวได้ยังไง ไม่ดีแล้ว ข้าชักจะถลำลึกไปแล้ว ให้อภัยข้าด้วยนายแห่งข้า”
ลูซิเฟอร์พูดเรื่องน่ากุมขมับหน้าตาเฉยด้วยสีหน้าสบายๆ เขาค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มอาซาเซลตัวน้อยไว้ในอ้อมอก
“จับแกะสักตัวกินน่าจะดี คิดเห็นอย่างไรบ้างท่าน”
อาซาเซล เหมียว กลับมา ลูซิเฟอร์พยักหน้ารับทราบ
“เอาล่ะท่าน เชิญเลือกตัวที่ต้องการได้เลย”
อาซาเซล เหมียว กลับมา ลูซิเฟอร์พยักหน้ารับคำสั่ง
“เอาเป็นตัวที่ใหญ่สุดล่ะกัน ตกลงรึไม่?”
อาซาเซล เหมียว กลับมา ลูซิเฟอร์ไม่ได้พยักหน้าเขาหรี่ตามองอาซาเซลในอ้อมอก
“..ตามนั้น”
เหมียว อาซาเซลตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เข้าใจความคิดท่านเลยนะ”
ลูซิเฟอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดในใจว่าต้องหาคู่มือเลี้ยงแมวแล้ว
หลังจากที่จับแกะย่างกินหนึ่งตัว ลูซิเฟอร์ก็ถูกชาวบ้านเจ้าของแกะไล่ให้ไปไกลๆจนหลงทางอยู่สักพักก่อนเจอตัวเมืองและเป็นนักผจญภัยอยู่ที่นั่นสักพักเพื่อหาค่าอาหารให้อาซาเซล
ไม่นานลูซิเฟอร์ก็รู้ว่าตัวเองยังอยู่ทวีปฟัฟนิร์อยู่ แต่โดนซัดมาไกลอยู่ ถ้าให้เดินทางด้วยสปีดสูงสุดหนึ่งวันน่าจะถึง แต่ตอนนี้มีอาซาเซลอยู่ด้วย อย่างมากก็ตั้ง 5 วัน เพราะอย่างนั้นลูซิเฟอร์เลยเปลี่ยนแผน
ลูซิเฟอร์ขอตัวปักหลักอยู่ที่เมืองนี้อีกสักพัก เพื่อศึกษาวิธีเลี้ยงดูแมวและหาเงินเก็บไว้เพื่ออาซาเซล
เจอปัญหามากมายด้วยความที่เป็นคนหลงยุค ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ก็อ่านหนังสือไม่ออก เลยโดยพวกนักผจญภัยหลอกไปทำงานยากๆโดยที่ค่าแรงต่ำแบบไม่รู้ตัว แล้วก็โดนพวกนักต้มตุ๋นหลอกขายอุปกรณ์สำหรับแมวจนเงินหมดเกลี้ยง จากที่จะตั้งหลักได้ก็โดนดูดเงินไปหมดตูด ทำให้ลูซิเฟอร์อยู่ในลูบหาเงินแบบหาเช้ากินค่ำ
ลูซิเฟอร์รู้สึกสิ้นหวังจับใจ เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ตัวเองไม่ได้ไปหาท่านจอมมารที่เคราพแน่นอน ..เคยมีความคิดจะทิ้งอาซาเซลบ้าง แต่ก็สลัดไปในทันทีที่มองตามัน สุดท้ายลูซิเฟอร์ก็สู้ชีวิตหาเช้ากินค่ำ โดนหลอก หาเงิน ทั้งหมดก็เพื่ออาซาเซล..เพื่อสหายรัก
ลูซิเฟอร์ทำงานอย่างหนัก ขายวิญญาณให้กับการทำงาน ทั้งหมดเพื่อสหายรักที่รอข้าวทุกๆวัน
ในหัวมีแต่งาน เงิน แมว บางครั้งก็อดข้าวเพื่ออาซาเซล บ้างก็หน้ามืดหลวมตัวไปเล่นพนันจนหมดตูด บ้างก็—เผลอเอาเรื่องราวของจอมมารไปเขียนขายตามบอร์ดเพราะได้เงินดี แต่แปปเดียวก็โดนดูดไปหมดจากพวกนักต้มตุ๋นบ้าเลือด
ชีวิตของลูซิเฟอร์วนเวียนอยู่แต่กับพวกบ้าเลือด ..จนรู้สึกสิ้นหวังอับจนหนทางขึ้นมา
จากนั้นไม่กี่วัน แสงสว่างของลูซิเฟอร์ก็มาเยือน พวกพ้องสหายปีศาจมหาบาปบังเอิญแวะเจอลูซิเฟอร์ โดยมีอยู่สองคนได้แก่
‘แอสโมเดียส บาปแห่งตัฒหาราคา’ เขาเป็นหนุ่มหล่อตัวสูงแตะๆ 190 ซม เป็นคนขี้เล่น ยิ้มเก่งยิ้มสวย ดูน่ารักพิลึก ดูเนื้อหอม ต่างกับ ‘ลูซิเฟอร์ บาปแห่งความเย่อหยิ่ง’ ที่ถึงจะหน้าตาดีออกไปทางเท่เข้มขรึม แต่ดันมีความเป็นตาลุงสูง ซ้ำยังเข้าหายากด้วย เป็นคนประเภทขอมองดีกว่าขอแตะต้อง เป็นแค่คนคุย ไม่สิ เป็นแค่เพื่อนดีกว่าเป็นคนรัก
ประมาณนั้นแหละ
และอีกคน ‘บีลเซบับ บาปแห่งความตะกละ’ เธอเป็นสาวสวยเซกซี่อกสะบึ้ม มีออร่าความเป็นพี่สาวสูง ดูฉลาดกว่าใครๆ เธอมีออร่าความ S เล็กน้อย แม้ว่าตัวจริงจะไม่ใช่ S ก็ตาม
ทั้งสองเมื่อเห็นสภาพของลูซิเฟอร์ก็ถือวิสาสะตบหัวลูซิเฟอร์กันคนล่ะที ด้วยหลายๆเหตุผล
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ—ทำตัวติดแมวจนน่าหมันไส้
รองลงมาคือ ละเลยท่านจอมมารได้ยังไง
รองลงมาอีกคือ ลูซิเฟอร์เป็นหนึ่งในไอ้บ้าสองคนที่ไม่ได้ประชุมแผนเพราะน่าจะหลงทาง
รองลงมาอีกคือ ไม่ได้เจอกันนาน นี่คือตบแห่งความคิดถึง แม้ว่าหลังจากตบกันทั้งสามจะซัดกันนัวในป่า จนเกิดความเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศน์รอบๆเล็กน้อย
อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนกัน ไม่นานก็คืนดีได้ ซ้ำเพื่อนที่ดีทั้งสองของลูซิเฟอร์ยังอาสาช่วยลูซิเฟอร์หาเงิน ด้วยมันสมองของบีลเซบับทำให้ลูซิเฟอร์เจอทางออกปัญหาการเงินได้ เขาไม่โดนพวกนักต้มตุ๋นหลอกอีกแล้ว ไม่โดนพวกนักผจญภัยกดค่าแรง แต่ต้องไปเจอความดำมืดด่านหน้าอย่างพวกพนักงานกิลด์ที่หาโอกาสกดค่าแรงนักผจญภัย
กระนั้นสถานการณ์ก็ดีกว่าเก่า พอทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆทั้งสามก็พากันไปฉลอง แน่นอนเอาเจ้าภาพอย่างอาซาเซลไปด้วย
วันฉลองในร้านหล้า แอสโมเดียสเกิดเมาจนแหกปากว่าจะเลี้ยงทุกคน บิลเซบับพยายามจะห้ามแล้วแต่เสียงเดียวเอาไม่อยู่ ส่วนลูซิเฟอร์ก็นั่งเล่นแต่กับอาซาเซลไม่ดูอะไรเลย
รู้ตัวอีกทีเมื่อสร่างเมา รวมค่าเหล้าค่าอาหารของทุกคนแล้วเงินเลยไม่พอจ่าย แต่ถ้ามีเงินที่เก็บไว้ที่พักล่ะก็ ..พอกลับไปก็พบว่าบ้านโดนปล้น เงินหายหมดตูดเลย
ทั้งสามเลยเงินติดลบ ต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้ร้านเหล้ากัน
ก่อนจะคิดแผนต่อไป ลูซิเฟอร์กับบิลเซบับก็รุมอัดแอสโมเดียสจนฟันหลุด จัดการเสร็จบิลเซบับก็คิดได้ว่าบักลูซิเฟอร์ก็เอาแต่เล่นกับแมวไม่ฟังหล่อนพูด ไม่ช่วยไม่พอ ยังมาเนียนเหมือนตัวเองไม่ผิดอีก หลังจากนั้นบิลเซบับก็หาเรื่องลูซิเฟอร์ต่อด้วยความหงุดหงิด
ผลคือทั้งสามนอนอยู่กลางเมืองในสภาพสลบเมือบอย่างน่าสังเวช เป็นขี้ปากให้ชาวเมืองนินทากันว่ามีขี้เมาสามคนต่อยกันกลางเมืองน็อคสาม
ทั้งสามเก็บความอับอายไว้และเริ่มแผนการณ์ต่อไป
เรื่องราวอย่างกับหนังชีวิต พอติดหนี้แล้วพวกพนักงานกิลด์ที่รู้ข่าวก็หาเรื่องกดค่าแรงยับๆโดยให้เหตุผลงูๆปลาๆว่า-ช่วงนี้งานระดับพวกแก็งปีศาจมหาบาปมันหมดแล้ว ..แหงสิ เป็นเมืองในเขตุปลอดภัยแต่ให้ไปจัดการมอนสเตอร์แรงค์สูงๆ เงินดีๆ จะมีเยอะได้อย่างไร แต่เงินก็ยังเยอะอยู่ดีต่อให้โดนกด ทั้งสามเลยจำใจยอมทำไป ถึงแม้เงินจะไม่พอสำหรับจ่ายหนี้ก็ตามที
อยากหนีไปเมืองอื่น แต่ไม่มีตังค์
ทุกคนทำงานที่เมืองนี้กันสักพัก ลืมเวลาเลยล่ะ สื่อบันเทิงต่างๆก็ห้าม เพื่อไปหาท่านจอมมารให้เร็วที่สุดต้องรีบใช้หนี้ จึงต้องกินแบบอดอยากกันหมด ยกเว้นอาซาเซลที่เป็นข้อยกเว้น ..ว่างๆเวลาหนึ่งในสามตนท้อแท้ก็จะไปซุกพุงอาซาเซลเล่นกันจนมีแรงฮึดสู้
ทำเช่นนั้นวนไปมา ในที่สุดปัญหาก็คลี่คลาย ใช้หนี้ครบแล้ว ค่าใช้จ่ายการเดินทางของอาซาเซลก็มีกันครบหมด
หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว สำนวณนี้คือความจริง แก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้เปรียบเทียบแต่ล่ะคนคือ ลูซิเฟอร์เป็นคนบุกทะลวงด้านการเงิน บิลเซบับเป็นมันสมอง แอสโมเดียสเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตทั้งสอง
ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยดีก็จริง ..ทว่าพอมามองย้อนกลับไปดูทั้งสามก็นั่งซึมในห้องพักราคาถูก
เป็นปีศาจแท้ๆจะหาเงินแบบคนปกติทำไมหว่า ปล้นเอาก็จบให้สมกับเป็นปีศาจ ทำลายเมืองทั้งหมดเพื่อประกาศความแจ๋วของจอมมารยังได้เลย รวยกว่านั่งทำงานแบบนี้เป็นไหนๆ
นั่นแหละง่ายๆเลย เป็นลูกสมุนจอมมารนะเห้ย จะไปทำงานสุจริตทำไม ..แต่ความตะหงิดใจก็หายไปทันทีเมื่ออาซาเซลเข้ามาให้ทั้งสวมกอด
ด้วยเหตุนี้คณะปีศาจมหาบาปเกือบครึ่งก็ถูกมนสเน่ห์ของอาซาเซลล่อลวงไปเสียแล้ว
หลังจากนี้เอง อาซาเซลก็จะมีบทบาทสำคัญต่อคณะจอมมารอีกเพียบ …