บทที่ 2 – ตายโห้งละว้า
ก็แบบว่าปกติเนี่ยนางร้ายจะต้องมีความรู้สึกที่แบบเป็นตัวร้ายคอยกลั่นแกล้งนางเอก ส่วนนางเอกจะเป็นสาวใสซื่อในโลกเกมจีบหนุ่ม
แต่ว่าไอ้เกมนี้เหมือนผู้สร้างต้องการจะสะท้อนให้นางเอกเกมเป็นตัวผู้เล่นที่มาเล่นเกมนี้เพื่อจุดประสงค์อะไรถ้าไม่ใช่การทำทุกอย่างเพื่อจีบเป้าหมาย
หรือแม้แต่รังแกไอ้พวกตัวละครนางร้ายก่อนที่มันจะได้รังแกพวกเราอะไรแบบนั้น มันโคตรบ้าบอคอแตกเลยใช่ไหมล่ะ
แต่เพราะงั้นแหละเกมนี้ถึงได้แตกต่างจากเกมอื่นยังไงล่ะ
และนั่นก็เป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ฉันเกลียดเกมนี้.. แต่ที่ฉันมาเล่นเพราะเกมนี้น่ะมันสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านเลยก็ว่าได้
นอกจากมีฉากจบหลายสิบแบบแล้วตัวเกมยังมีอนิเมชั่นการ์ตูน ที่เหมือนนั่งดูอนิเมะเรื่องหนึ่งได้เลย ถึงแม้เกมจะไม่ใช่เกมแอคชั่น
แต่เมื่อเข้าฉากต่อสู้ก็จะมีอนิเมชั่นต่อสู้สนุกๆ ให้ดู.. และบางครั้งเรื่องราวก็ไม่ได้โฟกัสที่ตัวละครหลัก เพราะตัวละครประกอบฉากบางทีเป็นคนมาปราบบอสให้แทนด้วยซ้ำ!
สำหรับเรื่องตัวละครประกอบฉากนั้นพวกเขาแทบไม่ซ้ำหน้ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองราวกับเป็นคนคนหนึ่งในชีวิตจริง แถมตัวละครประกอบฉากมีแต่คนน่ารักๆ ทั้งนั้น
นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ฉันเล่นเกมบ้าบอนี้จนจบ
นอกจากนั้นเกมนี้ยังวางคอนเซปท์ต่างๆ ในโลกขึ้นมาให้เป็นระบบระเบียบจนบางทีฉันก็รู้สึกปวดหัวเพราะคอนเซปท์ต่างๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเวทมนตร์ หากกเป็นเกมอื่นหรือเกมแนวต่อสู้แอคชั่นก็ตามแต่ เขาจะบอกแค่ว่าคือเวทมนตร์
ที่ใช้พลังเวทได้เพราะมีพลังเวทหรือมานาอะไรทำนองนั้น แต่ไอ้เกมบ้านี่มันดันอธิบายซะละเอียดยิบว่าเวทมนตร์คืออะไร
โครงสร้างของมันมาในรูปแบบไหน และเวทมนตร์ของแต่ละเผ่าแตกต่างไปกันคนละทิศเลยก็ว่าได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยเวทมนตร์มนุษย์ หรือเวทมนตร์แห่งการแทรกแซง ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเวทมนตร์เกมนี้ไม่ได้แบ่งเป็นธาตุ
แต่เวทมนตร์คือการใช้พลังจากภายในตัวแทรกแซงเหตุการณ์และกฎเกณฑ์ของโลกโดยพึ่งพาหลักการอะไรบางอย่าง
ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยว่า.. ระเบิดเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นแน่นอนว่าเกิดจากการเอาดินปืนไปใส่ในขวดและทำให้ติดไฟเพราะการเผาผลาญออกซิเจนไม่พอให้เกิดไฟ
มันจึงแตกออกแทน และนั่นคือหลักการการใช้เวทมนตร์ระเบิดในโลกนี้ ก่อนอื่นก็ต้องตั้งคำถามว่าดินปืนเกิดขึ้นมาจากการอะไร
ก่อนจะนำเอามาทำให้ออกซิเจนไม่ไหลเข้าไปหาดินปืนตอนที่ติดไฟโดยใช้อะไร ก่อนจะจุดไฟทำให้ระเบิดทำงาน
นั่นแหละคือวิธีการใช้เวทมนตร์ในโลกนี้ มันดูน่าปวดหัวสิ้นดีเลยใช่ไหมล่ะ แน่นอนว่าผู้คนในโลกนี้ก็มีพลังเวทนั่นแหละ
เพราะพลังเวทในตัวนั้นมีไว้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ระบบหลักการที่กล่าวไปเป็นเหมือนการสร้างบานประตูขึ้นมาและจำเป็นต้องมีพลังเวทในตัวถึงทำให้มันปรากฏออกมายังโลกแห่งความเป็นจริง
ซึ่งไอ้เห็นว่าเผ่ามนุษย์มีพลังเวทน้อยเลยต้องใช้หลักการในการทำให้เวทมนตร์ปรากฏออกมานั่นแหละนะ
เป็นไงล่ะ เวทมนตร์เกมบ้านี่มันทำมาซะละเอียดยิ่งกว่าเกมแอคชั่นซะอีกมั้ง
และนี่ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ยังมีเวทมนตร์ของเผ่ากึ่งมนุษย์กับปีศาจอีก ซึ่งฉันปวดหัวฉันเลยอ่านข้ามๆ เอาอะนะ
กลับมากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน ถ้าหากฉันมาเกิดใหม่จริงๆ ฉันคงต้องหาคำตอบในภายหลังว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
แต่ตอนนี้มาวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าก่อน อย่างแรกเลยฉันกลายเป็นอนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์
และอย่างที่สองคือตอนนี้อนาสตาเซียที่เป็นเจ้าของร่างนี้คนก่อนน่าจะถูกลักพาตัวแล้วโดนฟาดหัวจนตายแล้วฉันก็ดันได้มาอยู่ในร่างเธอแทน
และอีกคนก็น่าจะเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมกับฉันละมั้งนะ บทนี้ในเกมไม่เคยกล่าวถึงเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยพูด
มีคำพูดหนึ่งที่บอกเปรยๆ ว่าตัวอนาสตาเซียเคยโดนลักพาตัว ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้เธอได้รู้จักกับราชินีของอาณาจักรไซลอป
หรือก็คือ.. เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ว่านั่นก็ได้ แต่การสนิทกับราชินีผู้ที่เป็นเหมือนมารดาของคู่หมั้นอนาสตาเซีย
จะนำพาไปสู่ความวุ่นวายกว่าเดิม เพราะอย่างแรกฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบผู้ชาย.. และฉันไม่มีความคิดที่จะแต่งงานกับผู้ชายอย่างแน่นอน
อย่างที่สองหากสนิทกับราชินีจะทำให้การถอยห่างจากการแต่งงานยุ่งยากขึ้นไปอีก นั่นหมายความว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ฉันต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้แตกต่างจากเรื่องที่ว่านั่นให้ได้นั่นเอง
แต่ก่อนหน้านั้นฉันควรทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ดี.. ใช้เวทมนตร์กำราบสองคนนั้นและช่วยเด็กเหรอ..?
นั่นจะเป็นไปได้ที่ไหนล่ะ ตามความทรงจำฉันตัวอนาสตาเซียยังไม่ได้ฝึกเวทมนตร์จริงจังด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ศึกษาเรื่องการเป็นกุลสตรีที่เหมาะกับราชา
ชิ..เพราะไอ้เรื่องแต่งงานนั่นอีกแล้วนะเนี่ย แถมอีกฝ่ายเหมือนจะมีท่าทางแบบว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญงั้นแหละ
ในขณะที่ฉันใช้ความคิดพวกนั้นก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
“แต่จะว่าไปนะลูกพี่ จะให้ทิ้งลูกขุนนางเลยนี่มันก็..”
“แล้วแกคิดว่าเราจะทำอะไรกับศพได้ล่ะ”
“ขายในตลาดมืดไง อีกอย่างเป้าหมายของผู้จ้างวานคืออะไรอ่ะ”
“ถ้าแกอยากโดนตัดหัวเสียบประจานก็ทำไปคนเดียว แกคิดจริงๆ เหรอว่าในตลาดมืดจะมีแค่คนอย่างพวกเราเข้าไป.. เหอะ.. ก็พวกขุนนางนี่แหละที่สนับสนุนตลาดมืดให้มีอยู่น่ะ อีกอย่างเรื่องผู้จ้างวานนี่แกยังมองไม่ออกอีกหรือไง?”
“หมายความว่าไงอะ ลูกพี่”
“เจ้าหมอนั่นบอกว่าจับขุนนางสองคนก็จริง แต่ทำไมพอเราแจ้งไปว่าอีกคนตายไปแล้ว มันก็รีบทันทีพูดว่าคนไหน พอเราบอกว่าคนจจากตระกูลไลล่าร์ มันก็เลิกสนใจบอกให้โยนทิ้งเลยก็ได้”
“ใช่ แล้วมันทำไมเหรอ?”
เจ้าคนที่เป็นลูกพี่พูดแบบใช้สมองจนแม้แต่ฉันก็ยังประหลาดใจ.. แต่เดี๋ยวนะจากเนื้อหาหมายความว่าฉันเป็นของแถมสิเนี่ย
จับคนไม่เกี่ยวข้องมาเป็นของแถม.. และถ้าไม่เพราะเจ้าพวกนี้ต้องการทิ้งฉันคงถูกจับโยนลงตลาดมืดอีก..
น่ากลัวแฮะโลกนี้ ไหนเกมมันบอกว่าโลกนี้มันก้าวหน้าไปไกลฟะ.. แบบไม่มีสงครามทุกประเทศทั่วทวีปมีกฎหมายคุ้มครองประชาชน
และอื่นๆ . แต่ที่ฉันฟังมาทั้งหมดนี่มัน.. น่ากลัวนะเฮ้ย
พวกมันพูดต่อ
“ที่ฉันจะบอกก็คือ… ที่มันต้องการมีแค่เด็กนี่ ส่วนเด็กอีกคนมันแค่ของแถม นั่นหมายความว่าตัวผู้จ้างวานมันเห็นคุณค่าของเด็กนี่มาก”
“หรือในอีกความหมายก็คือเด็กนี้จะมีประโยชน์สูงที่สุดตอนมีชีวิต มีประโยชน์ในระดับที่ว่าขุนนางตายไปคนหนึ่งผู้จ้างวานมันยังไม่กลัว”
“และดูท่าว่าเป้าหมายมันจะไม่ใช่การเรียกค่าไถ.. เพราะหากขุนนางที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมกันตาย การเรียกค่าไถคงไม่เป็นการดี แล้วแกคิดว่าจะเหลืออะไรล่ะ?”
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาในใจแทบจะพร้อมคำพูดของชายร่างบึกที่ดูฉลาดว่า…
“เพราะเรื่องทางการเมืองชัวร์”
มันยังเสริมต่ออีกว่า…
“แถมมันยังรู้ว่าเมื่อไหร่การป้องกันของผู้คุมกันจะอ่อนลง นั่นยิงพิสูจน์ชัดเจนว่านั่นเป็นข้อมูลภายในนั่นเอง”
ฉันที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็เงียบลง.. ดูเหมือนว่าทางเดียวที่ฉันทำได้ตอนนี้คือหลบหนีออกไปแล้วเรียกให้ใครมาช่วยแล้วล่ะ
ตอนแรกกะจะฉวยโอกาสทำให้พวกมันตกเหวไป.. แต่ดูท่าพวกมันไม่น่าจะใช่โจรลักพาตัวธรรมดา.. ก็แหงล่ะลักพาตัวขุนนางได้เนี่ย
ถึงจะรู้ว่ามีคนบอกว่าตอนไหนเหมาไม่เหมาะ แต่การลงมือทำได้นี่ก็หมายความว่ามันมีความสามารถมาก
ที่เห็นฉันตัดสินใจจอย่างใจเย็นได้ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี่อาจจะดูแปลกไปสักหน่อย แต่การเจอปัญหาตอนทำงานในบริษัทฉันมีเยอะ
ซึ่งหากพลาดไปทีหนึ่งอาจจะทำให้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้.. เพราะยังไงซะฉันก็ทำงานมาสิบปีแล้ว ตอนนี้อายุสามสิบกว่า
จะมากระวนกระวายกับเรื่องลักพาตัวก็คงไม่ใช่.. เอ่อ.. อันที่จริงก็กระวนกระวายแหละแต่เพื่อความอยู่รอดล่ะนะ
เพราะความเจ็บปวดที่หัวที่ยังจี๊ดๆ อยู่ ฉันมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน.. เอาล่ะ ต้องรอจนพวกมันจากไป..
แต่ในตอนนั้นเองสวรรค์ฟ้าประทานความบัดซบมาหาฉัน
เพราะฉันกำลังตัดสินใจจะหลบอยู่ตรงนี้เลยทิ้งน้ำนักสองข้างลงไปที่ขา.. เพราะตอนแรกไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งหมด
แต่เพราะนั่งท่านี้มันเกร็งและพอตัดสินใจจะหลบอยู่ตรงนี้จนกว่าพวกมันจะจากไป เลยผ่อนกล้ามเนื้อทิ้งน้ำหนักลง
อนิจจังเท้าดันเหยียบกิ่งไม้อยู่… และแน่นอนว่าเพราะทิ้งน้ำหนักลงไปเสียงอันบัดซบที่มันต้องเกิดขึ้นในฉากหลบซ่อนสักอย่างในหนังก็เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน
“แกร็ง”
“ตายโห้งละว้า”