บทที่ 3 – ไอ้พวกกากเดนเอ๊ย!
ฉันที่ยังไม่ได้หลบหนีออกไปพวกมันก็จับฉันลากออกมา คนที่เป็นลูกน้องมองฉันด้วยความประหลาดใจ
“อ่าว.. นี่มันยังไม่ตายนี่น่า เอาไงดีลูกพี่”
“…..”
ชายอีกคนนิ่งเงียบเล็กน้อย สองคนนี้มันมีหน้าตาที่เหมือนกับทหารผ่านศึกเล็กน้อย แต่คอนเซปท์ในเกมจีบหนุ่มนี้
โลกนี้ไร้สงครามมาหลายร้อยปีแล้ว บางทีพวกมันอาจจะเป็นพวกทหารรับจ้างหรือพวกผจญภัยซะมากกว่า
ฉันเองในจังหวะนี่ก็แกล้งทำเป็นชนชั้นสูงให้เหมาะกับคาแร็คเตอร์หน่อย ก็แบบว่าขืนแสดงท่าทีแปลกๆ ออกมาจะนำไปสู่สถานการณ์ที่แย่กว่าเดิม
ฉันพยายามลอกเลียนแบบอนาสตาเซียในเกมเท่าที่จะทำได้
“พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไม รู้ไหมว่าฉันเป็นใครน่ะ”
ฉันพูดออกไปแบบนั้น แหม… ถ้าไม่บอกนี่คงคิดว่าตัวเองเป็นขุนนางเกรด B ที่ใช้อำนาจไม่ถูกที่ถูกเวลานะเนี่ย
อันที่จริง มานึกๆ ดูสาเหตุที่อนาสตาเซียถูกฟาดหัวก็เป็นเพราะเจ้าตัวขัดขืนรุนแรงจนมันเผลอทุบหัวเข้าให้
แต่เพราะร่างกายอนาสตาเซียยังเป็นเด็กเธอจึงหัวแตกและถึงแก่ชีวิตแหละมั้ง.. พอมานึกตอนนี้ฉันก็รู้สึกผิดที่แสดงท่าทีออกไปแบบนั้น
ในขณะเดียวกันเด็กผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในถุงเหมือนจะได้ยินเสียงฉัน เธอก็ดิ้นรนแรงขึ้น.. เหมือนกับว่าเธอต้องการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แย่ละสิ.. ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ซะได้ ในสถานการณ์แบบนี้ ตามในนวนิยายที่เคยอ่านมันจะหัวร้อนขึ้นมาเพราะการดิ้นรนของเด็กคนนั้น
แต่เพราะเด็กนั่นเป็นสินค้าที่ต้องจ่าย ส่วนฉันจะเป็นตายยังไงก็ช่าง หมายความว่าคนที่ต้องเจ็บตัวอาจจะเป็นฉัน
และจากคำพูดอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ ฉันเดาได้เลยว่า ต่อให้ฉันถูกพาไปเจอต้นเหตุ ฉันอาจจะโดนฆ่าเลยทันที
หรืออีกแบบหนึ่งมันอาจจะเอาเราไปเรียกค่าไถ่.. แย่ละสิ…
ชายที่เป็นหัวหน้ามองฉันที่ยืนอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย.. อาจจะเพราะความหวาดกลัวหรืออะไรสักอย่างทำให้ฉันไม่กล้ามองพวกมันตรงๆ อีกต่อไป
“ลูกพี่.. เรียกค่าไถ่เด็กนี่ดีไหม? ยังไงซะเจ้าคนจ้างวานมันก็ไม่ต้องการแล้วนี่น่า…”
“นี่แกจะบ้าหรือไง ตอนที่เราลักพาตัวนังเด็กนี่มาเราลักพาตัวมาพร้อมกับเป้าหมาย.. ถ้าคิดสักหน่อยก็รู้แล้วว่ามันเกี่ยวข้องกัน”
“เออ..ก็จริงแฮะ”
“ตอนนั้นเราจะไม่ถูกล่าแค่จากตระกูลขุนนางหรอกนะ.. มันไม่คุ้มหรอก อีกอย่างยัยเด็กนี่เห็นหน้าของพวกเราแล้วด้วย”
“งั้นก็เหลือแค่วิธีเดียวสินะลูกพี่”
“อืม..”
พวกมันจ้องมาที่ฉัน.. ฉันรู้สึกว่าวิธีเดียวที่มันว่าคือไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับฉันแน่ๆ พวกมันจะฆ่าปิดปากฉัน!
ในเมื่อไม่เหลือทางอื่นแล้ว… ก็ต้องหวังพึ่งความรู้จากเกมและกระทู้เกี่ยวกับนี้ให้ถึงที่สุดหน่อยแล้วกันนะ ฉันตัดสินใจตะโกนเพื่อดึงความสนใจของพวกมัน
“ไอ้พวกกากเดนเอ้ย!”
ฉันปาฝุ่นที่กำไว้ตอนซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ใส่ดวงตาของพวกมันแทบจะทันที แล้วก็กระโดดหลบไปด้านข้าง
เวทมนตร์.. ฉันยกมือขึ้นชี้ไปทางพวกมันสองคน เวทมนตร์คือการแทรกแซงปรากฏการณ์บางอย่างโดยใช้ความรู้บางอย่าง
นั่นหมายความว่าการสร้างลมมันไม่ได้มีแค่ต้องเข้าใจระดับโมเลกุล.. ฉันนึกภาพถึงพัดลม.. ไม่ต้องพัดลมที่แรงกว่าพัดลม
สาเหตุพัดลมสร้างลมได้เพราะใบพัด.. ใบพัดหมุนได้เพราะมีมอเตอร์ มอเตอร์ทำงานเพราะมีไฟฟ้า ใช้พลังเวทเป็นพลังงานไฟฟ้า
มอเตอร์หมุนอย่างรุนแรง และเกิดลมจนพอที่จะพัดอีกฝ่ายจนปลิว.. ไปเลย!!
ในตอนนั้นเองที่มือของฉันก็มีลมพัดออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ แต่วินาทีนั้นจมูกฉันก็มีเลือดไหลออกมาเกิดอาการเวียนศรีษะโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่อย่างไรก็ตามลมมันพัดออกมาแล้ว!
มันควรจะเป็นแบบนั้น ลมที่พัดออกมากลับไม่เพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายปลิวแต่อย่างใดแค่เป่าให้ผมปลิวไหวเพียงแค่นั้น
“อ้ากก ไอ้เกมบ้านี่ขนาดเวทมนตร์ที่ควรจะแสนแฟนตาซี แกยังทำให้มันยุ่งยากเป็นวิทยาศาสตร์อีกนะ ฉันละเกลียดเกมบ้านี่จริงๆ !”
ฉันตะโกนในใจ แต่ทว่าโชคดีที่ลมมันพัดฝุ่นเข้าปากของพวกโจรชั่วสองตัวนั้นจนมันสำลักและคันจมูก
ตอนแรกฉันกะจะทิ้งเด็กที่อยู่ในถุง แต่เพราะอีกฝ่ายสำลักฝุ่นมันก็ปล่อยร่างเด็กผู้หญิงคนนั้นลงพื้น
“หนอย ยัยเด็กบ้า ลูกเล่นเยอะนักนะแก”
มันตะโกนออกมา แต่เพราะฝุ่นเข้าตา เข้าจมูกเข้าปากทำให้มันลืมตาแทบไม่ได้ อาจจะเพราะมันประมาทฉันละมั้งนะ
ฉันตัดสินใจจะช่วยเด็กคนนั้นไปด้วย.. ไม่รู้สิทางเลือกสำหรับผู้ใหญ่ตอนนี้คงเลือกหนีไปคนเดียวก่อนนั่นแหละเพราะถ้าให้แบกคนอื่นหนีไปด้วย
ยังไงก็ไม่รอด..
แต่ถ้าหากฉันทำแบบนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหนี..อีกครั้งหนึ่ง..
ไม่.. ฉันไม่ได้หนี
ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย รีบวิ่งไปจับถุงที่คลุมตัวเด็กคนนั้นอยู่ แต่ในตอนนั้นเองลูกเตะของเจ้าคนที่เป็นลูกน้องก็เตะอัดใส่ท้องฉัน
“แควกก!”
มือที่กำถุงคลุมตัวก็ฉีกเพราะฉันถูกเตะจนปลิว.. มุมมองของฉันมืดมัวลงอย่างกะทันหัน ความเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาอย่างรุนแรง
หลังจากกลิ้งบนพื้นจนได้แผลมาหลายจุดฉันก็อ้วกออกมาเพราะลูกเตะของชายคนนั้น… มันฟื้นเร็วเกินไปแล้ว
นึกว่าจะยื้อได้นานกว่านี้สักหน่อย.. แต่ในตอนนั้นเองฉันก็หันไปเห็นเด็กอีกคนที่ถูกลักพาตัวมา.. เพราะฉันเผลอฉีกถุงคลุมเธอ
เธอถูกปิดปากไว้ด้วยผ้า.. แต่งริ้วรอยบนใบหน้าของเธอก็ยังแสดงให้รู้โดยไม่ต้องกล่าวว่าเธอสับสนและหวาดกลัว
ผมสีทองของเธอยาวลงไปถึงเอวได้มั้ง.. แต่เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่งดงามราวกับนางฟ้าเลยก็ว่าได้
ฉันกับเธอมองหน้ากัน.. แต่ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรฉันก็ถูกเตะอีกครั้งจนปลิวไถลไปตามพื้นกลิ้งไปตรงหน้าผาและเกือบจะร่วงลงไป
โชคดีที่ฉันใช้มือเกาะก้อนหินก้อนหนึ่งไว้ทันจึงไม่ร่วง…
ชายที่เป็นหัวหน้าก็ลืมตาขึ้น..
“ฉันละแปลกใจจริงๆ ไอ้การตะโกนเรียกความสนใจแล้วก็โจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวนั่น มันเหมือนไม่ใช่ฝีมือของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบเลย”
พวกมันพูดขึ้น.. ฉันเงยหน้าขึ้นมองพวกมัน ดูเหมือนว่ามันจะใส่หมวกคลุมหัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คงเป็นเพราะคนที่ถูกลีกพาตัวถูกเปิดตานั่นแหละ
แต่เห็นพวกมันรีบสวมหมวกคลุมแทบจะทันทีฉันก็อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้..
ถึงจะเจ็บท้องเจียนจะตายอยู่แล้วแต่ฉันก็ยังทำท่าทีดูถูกอีกฝ่าย ยังไงซะก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้วฉันก็เลยพูดขึ้นว่า..
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะแม่แก ยายแก ทวดแกก็ถามงี้กับฉัน”
“ปากเก่งดีนี่”
“ขอบคุณที่ชม ฉันหมายถึงสุกรชมฉันไปก็ไม่ได้น่าดีใจขนาดนั้นอะนะ”
เป็นไงล่ะเจอคำพูดสุด Toxic จากโลกเดิมของฉัน อย่าคิดว่าฉันท่องโลกอินเทอร์เน็ตโดยไม่รู้จักพวกนักเลงคีย์บอร์ด
หรือพวกมลพิษนะเฮ้ย.. มันเดินมาทางฉันด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งตึง ฉันก็พูดต่ออีกว่า…
“ถึงจะมองฉันด้วยสายตางั้นก็เหอะ แต่ฉันไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ให้เธอตายอย่างสบายใจแน่ยัยหนู เดี๋ยวจะจับไปค้าทาสที่เผ่าปีศาจนู่นเลย”
“อย่าเลยน่า ขายฉันให้กับแม่ตัวเองแกนี่มันอกตัญญูจริงๆ แม่เลี้ยงแกมาสักเท่าไหร่แล้วล่ะ ให้ฟรีไม่เป็นหรือไง?”
“อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ยัยเด็กน้อย อีกเดี๋ยวเธอก็ได้ร้องขอชีวิตแล้วล่ะ”
“ก็เงี้ยไง ถึงยังเป็นได้แค่โจรข้างถนน ชีวิตเป็นของตัวเองจะไปขอคนอื่นทำไมล่ะนั่น คิดบ้างนะคิดน่ะ สมองมีไหม?”
เพราะความหมั่นไส้ ฉันจึง Toxic ให้ถึงที่สุด.. พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้พวกกากเดนนี้ทำคือการลักพาตัวเด็กตัวเล็กๆ
ฉันยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก.. มันมีคำพูดที่ว่าบางคนเราสามารถคุยรู้เรื่อง บางคนไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่มีทางรู้เรื่อง
ดังนั้นฉันจึงแก้เผ็ดพวกมันโดยการ Toxic ใส่มันซะเลย.. พอมันเดินมากำลังจะถึงตัวฉัน
ฉันปล่อยมือจากหินที่เกาะอยู่และร่วงลงไปในหุบเหวลึกพร้อมกับชูนิ้วกลางออกมาสองข้าง ก่อนจะตะโกนว่า
“ถ้าฉันมีชีวิตกลับมาได้ ฉันจะสับพวกแกเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้ก็อปลินแดก!”
ก็.. ฉันโกรธจริงๆ นี่น่า… ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าก็อปลินมันกินมนุษย์ไห่มก็เหอะนะ