บทที่ 10 – มันไม่ควรเป็นแบบนี้เซ่!
“เปิดประตู”
ในตอนนั้นเองประตูบานใหญ่ที่ทำยากหินขนาดใหญ่เหมือนประตูของพวกไททันก็ถูกผลักออกตามคำพูดของฉัน
“ในที่สุด… ก็จบสักที!!”
ฉันตะโกนออกมาพร้อมกับประตูที่แง้มออกอย่างล้าๆ แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ไม่ได้เห็นมานานสาดเข้ามาในดวงตาฉัน
ฉันจึงหลับตาลงตามสัญชาตญาณ.. ตั้งแต่ติดอยู่ในพื้นที่ทดสอบบ้าบออะไรนี่ก็ผ่านมาแล้วตั้งหลายเดือน
น่าจะสามเดือนได้เลยมั้ง.. โชคยังดีที่ฉันมีอัญมณีสีม่วงที่ค่อยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าและฟื้นฟูพลังให้อยู่เสมอ
แถมต้องขอบคุณพลัง ‘เปิดประตู’ ของสกาเล็ตมากมันทำให้ฉันเปิดประตูบานใหญ่พวกนี้ได้ เหมือนประตูจะถูกออกแบบมาให้ใหญ่มาก
ซึ่งด้วยแรงของฉันไม่มีทางเปิดได้แน่นอน
“ไม่คิดเลยนะว่าพลังเปิดประตูจะมีประโยชน์ขนาดนี้”
“เห็นไหม ข้าบอกแล้ว.. ได้ใช้บ่อยกว่าเวทมนตร์ข้ามมิติอะไรนั่นของเจ้าซะอีกนะ”
“ไม่ต้องมาแขวะฉันเลยนะ..”
คนที่ลอยอยู่ข้างๆ ฉันแบบสบายใจเฉิบไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลยคือสกาเล็ต นับตั้งแต่วันแรกที่เจอกันยัยคนนี้ก็ไม่ได้แนะนำพลังมนตราอะไรให้อีกเลย
แถมตอนหนีเอาตัวรอดยัยคนนี้ก็มาร้องโหวกเหวกโวยวายยังกับตัวเองจะตายแทนฉัน จนทำเอาฉันรำคาญอยู่หลายรอบเลยล่ะ
แต่จากที่อยู่ด้วยมาฉันมั่นใจว่าก่อนที่เธอจะเสียความทรงจำเธอไม่ใช่คนไม่ดีอย่างแน่นอน มีเรื่องนี้เท่านั้นที่มั่นใจมาก
ส่วนเรื่องอาหารการกิน.. ก็นะ.. ไม่อยากจะพูดว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่สามเดือนก่อนนู้นแหละ..
เพราะว่าเจ้าอัญมณีสีม่วงนี่คอยฟื้นฟูให้ตลอดนั่นรวมถึงความหิวด้วย แต่ไอ้การที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยมันก็ทำให้ฉันอยากจะกลับไปเร็วๆ แล้วหาอะไรทานเลย
เบื้องหน้าฉันกลายเป็นป่าเขาลำเนาไพรหน้าหุบเหวไร้ก้นที่ฉันตกลงไป..
“ดูเหมือนว่าที่บอกว่าแค่นึกที่ที่ต้องไปแล้วเปิดประตู.. มันจะพาไปโผล่ได้ทุกที่จะเป็นเรื่องจริงสินะ?”
“สะดวกจริงๆ ถ้าฉันรู้จักกับยัยคนนั้นหมายความว่าฉันทำได้แบบเธอหรือเปล่านะ แบบไปไหนมาไหนก็ได้น่ะ?”
ฉันเมินคำถามของสกาเล็ตที่อยากจะเป็นผู้วิเศษ.. ฉันก้มลงมองอัญมณีสีม่วงที่อยู่ที่คอตอนนี้มันไม่ได้มีแค่สีม่วงแล้ว
แต่มีสีแดงเพิ่มมาด้วย ซึ่งมันดูแปลกประหลาดอย่างมากในความเห็นฉันอะนะ แต่ฉันก็แตะมันเบาๆ สักพักอัญมณีก็จางหายไปจากคอ
ถ้าจะพูดให้ชัดกว่านี้คือมันล่องหน ไม่มีใครมองเห็นอัญมณีนี้ได้อีกต่อไป..
“จะว่าไปเด็กคนนั้นล่ะ..?”
ฉันพึมพำเบาๆ นึกถึงเด็กผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมฉัน ถึงจะคิดว่าเธอคงได้กลับบ้านแล้วก็เถอะ
ยังไงซะการลักพาตัวก็เป็นเรื่องของการเมือง ถึงฉันจะหงุดหงิดที่ตัวเอง.. ไม่สิ อนาสตาเซียตัวน้อยที่โดนลูกหลงไปด้วยจนตาย
แต่เด็กคนนั้นไม่ได้ผิดอะไรนี่น่า..
ว่าแล้วฉันก็ใช้พลังใหม่ที่ได้รับมาเมื่อเร็วๆ นี้จากการจบบททดสอบของผู้หญิงคนนั้นได้.. ฉันมองทะลุพื้นที่และระยะทางไปจนเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนนี้เธอกำลังเดินไปเดินมาในห้องนอนที่หรูหราของเธอ เธอทำสีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ถึงตะไม่รู้ว่ากระวนกระวายอะไรก็เถอะ
แต่เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว..
“ว้าว ตาของเจ้าเปลี่ยนสีอีกแล้วล่ะ”
และใช่.. อย่างที่สกาเล็ตบอก ดูเหมือนว่าพอฉันใช้พลังดวงตายองฉันจะเปลี่ยนสีไปตามสีของอัญมณีนั้นๆ ด้วย
อืม.. ถ้าไม่เป็นปัญหาแบบทำให้ตามัวอะไรแบบนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกมั้งนะ..
“แล้วเจ้าพวกแก๊งลักพาตัวพวกนั้น..”
ฉันนึกถึงใบหน้าพวกมัน.. และดวงตาฉันก็มองข้ามพื้นที่ไปเห็นพวกมันที่อยู่ห่างออกไปไกลหลายร้อยพันกิโลเมตรแล้ว
หนีไวเชียวนะ.. ถ้าฉันเจอพวกแกอีกรอบจะให้พวกแกได้ชดใช้ที่บังอาจมาทุบหัวอนาสตาเซียตัวน้อย..
ถึงฉันจะเป็นอนาสตาเซียตัวน้อยที่ว่านั่นก็เถอะ แต่เพื่อแก้แค้นให้อนาสตาเซียนั่นแหละ!
อ้อ.. สำหรับพลังใหม่ที่ได้รับมาคือทำให้ฉันสามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้เพียงแค่เคยเจอกับสิ่งนั้นๆ มาก่อน..
เช่นว่าฉันสามารถมองเจ้าพวกโจรชั่วนั่นได้ และบอกว่าตอนนี้มันอยู่ห่างจากฉันขนาดไหนเพราะฉันเคยเจอมันมาก่อน
ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอหรือเคยคุยกันมาก่อนจะไม่สามารถมองเห็นได้.. แต่ก็แค่นั้นแหละฉันไม่รู้ว่ามีอะไรเพิ่มเติมไหมเหมือนกัน
และแน่นอนว่านอกจากนี้พลังของโกเมนยังสามารถทำให้ฉันมองเห็นค่าพารามิเตอร์ความเป็นอยู่ได้เช่น ตอนนี้กำลังทำอะไร
เดินทางไปไหน เพื่ออะไร..
ว่าง่ายๆ เป็นพลังเพื่อการยุ่งเรื่องชาวบ้านโดยเฉพาะ.. จากที่ฉันเข้าใจเหมือนอัญมณีทั้งสองจะมอบความสามารถพิเศษบางอย่างให้
ทั้งยังมอบการมองเห็นค่าพารามิเตอร์อะไรบางอย่าง
แต่คำถามคือความสามารถพิเศษของอัญมณีสีม่วงคืออะไร.. อย่างที่ว่าความสามารถคือการให้พลังพิเศษและมองเห็นพารามิเตอร์อะไรบางอย่าง
แต่ตอนนี้อัญมณีสีม่วงยังไม่ให้พลังพิเศษฉันเลย..
ตอนแรกฉันคิดว่าไอ้พลังฟื้นฟูนั่นคือพลังพิเศษที่อัญมณีสีม่วงหรืออเมทิสมอบให้กับฉัน
แต่พอได้ครอบครองอัญมณีสีแดงหรืออัญมณีโกเมน ก็ทำให้ฉันรู้ว่าไอ้พลังฟื้นฟูอะไรนั่นเป็นเหมือนของแถมที่มีอยู่ในทุกอัญมณี
แต่ก็เอาเถอะ.. ถามไปก็ไม่มีใครตอบได้.. ตอนนี้ฉันต้องทำให้เต็มที่ก่อน
อนาสตาเซีย… ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ในร่างของเธอ..
แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเข้าเส้นเรื่องไหนเลย ฉันจะทำให้เธออยู่นอกชะตากรรมที่เกมมันกำหนด
เกมนี้จะมีรูทอยู่หลายรูทก็จริง แต่ตัวเกมจะแบ่งแยกออกเป็นเส้นเรื่องหลักกับเส้นเรื่องรอง..
จะพูดให้ถูกคือ.. เส้นเรื่องรองจะเป็นรูทพิเศษส่วนเส้นเรื่องหลักก็คือเนื้อเรื่องในภาคต่อไปจะต่อจากรูทนี้นั่นเอง
ซึ่งเส้นเรื่องหลักมีอยู่แค่ไม่กี่รูทเอง.. นอกนั้นคือเส้นเรื่องรอง.. และเส้นเรื่องรองที่ตัวอนาสตาเซียตายก็มีเยอะพอสมควร
น่าจะสักสี่ฉากจบได้เลยมั้ง หนึ่งในนั้นคือฉากที่โดนพลังความมืดไรสักอย่างครอบงำและพยายามจะทำลายโรงเรียน
สุดท้ายก็โดนตัวประกอบซัดร่วงง่ายๆ ใช่.. ไม่ใช่พวกตัวเอกด้วยแต่เป็นตัวประกอบที่จีบไม่ได้ คุยก็ยังแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำให้เธอเข้าสู่รูทหลักหรือรูทรองแล้วกัน..
และก็อย่างที่ว่า.. นอกเรื่องมาไกลแล้ว
“เอาล่ะ.. มาเริ่มชีวิตใหม่กันดีกว่า”
“นี่เจ้าจะแพล่มอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหม ข้าอยากเข้าเมืองแล้ว”
“สกาเล็ต เธอหุบปากสักครู่ไม่มีคนว่านะ ฉากเมื่อกี้เป็นฉากเริ่มผจญภัยในต่างโลกที่ดูดีแล้วแท้ๆ เชียว”
“เอาที่เจ้าสบายใจเถอะ.. แต่รีบเข้าเมืองได้แล้ว”
“เฮ้อ..”
หมดอารมณ์เลยฉัน อุตส่าห์จะพูดคำพูดสนองนีทตัวเองสักหน่อย ถึงฉันจะอายุเยอะแล้วแต่ความเพ้อฝันดุจสาวน้อยบริสุทธิ์ของฉันก็ยังมีอยู่นี่น่า
เอาเป็นว่า..
ถึงเวลา.. เริ่มต้นบทละครที่แท้จริงแล้ว!
……..
……
….
..
มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ .. มันควรจะเป็นงั้นแท้ๆ แต่ทำไม.. ทำไม.. ราชินีของประเทศนี้ถึงได้ชวนฉันไปงานเลี้ยงน้ำชา
แบบนี้มัน… แบบนี้มันเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักตามเกมเลยไม่ใช่เรอะ ที่อนาสตาเซียจะรู้จักกับราชินีหลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวน่ะ!
มันไม่ควรเป็นแบบนี้เซ่!