บทที่ 13 – ฉันเดาเอาล้วนๆ
นับตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ในร่างอนาสตาเซียนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ฉันอายุได้ 13 ขวบซึ่งเป็นอายุที่พร้อมจะเข้าโรงเรียนเวทมนตร์แล้ว
แต่เพราะปัญหาเรื่องรถม้าที่ใช้เดินทางทำให้ฉันไม่สามารถไปได้ทันตอนเปิดเทอมก็ตามแต่ ถามว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมขอติดไปกับอเล็กซาน
ฉันขอบอกตามตรงว่า ‘ไม่มีทาง’ กว่าจะเดินทางไปถึงโรงเรียนก็ใช้เวลาหลายวัน หรืออาจจะเป็นเดือนให้อยู่พร้อมกับเป้าหมายในการจีบคงไม่เป็นการดี
ทำให้ฉันเลือกที่จะรอ.. ในขณะเดียวกันทางโรงเรียนเองก็ได้ทราบเรื่องนี้ด้วย อันที่จริงขุนนางระดับดยุคหรือเชื้อพระวงศ์นั้นค่อนข้างได้เปรียบเหล่าคนธรรมดาอยู่
เพราะพวกเราสามารถติดต่อไปขอเลื่อนการสอบได้ภายหลังน่ะนะ.. พอหลังจากนั้นเดือนหนึ่งปัญหาหายไปจนหมดฉันที่กำลังจะออกเดินทางก็ดันมีปัญหาเกิดตามมาอีก
นั่นคือจู่ๆ ก็เกิดเรื่องบางอย่างที่โรงเรียนขึ้นทำให้ติดต่อไม่ได้อีก.. พอกลับมาติดต่อได้ก็จะเดินทางไปอีกรอบ อาณาจักรแห่งหนึ่งก็เกิดภัยพิบัติระดับประเทศขึ้น
ภัยพิบัติระดับประเทศคืออะไร?
เป็นภัยคุกคามต่อประเทศหนึ่งนั่นแหละ ภัยพิบัติมีหลายระดับตามความร้ายแรงซึ่งภัยพิบัติระดับประเทศในยุคแห่งความสงบสุขนี้น้อยครั้งนักจะมี
แถมอาณาจักรที่ว่ายังเป็นทางผ่านจากอาณาจักรไซลอปไปโรงเรียนเวทมนตร์อีก ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีกซะอย่างนั้น
พอผ่านมาหลายเดือนนับตั้งแต่โรงเรียนเปิด จนกระทั่งทางโรงเรียนได้ติดต่อมาว่าฉันสอบผ่านแล้ว ซึ่งฉันก็งงว่าทำไมฉันถึงสอบผ่านได้
จากรายละเอียดเหมือนจะเป็นฝีมือของคนคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘โนร่า’ ใช่.. แล้วองค์หญิงนั่นแหละ
เธอเข้าเรียนก่อนปีหนึ่งเพราะอายุเยอะกว่า ฉันมั่นใจว่าเธอคงเอาเรื่องฉันไปพูดเกินจริงเหมือนตอนที่บอกกับแม่เธอแน่นอน
แต่ว่าโรงเรียนเวทมนตร์จะรับคนเข้าง่ายๆ แบบนั้นจริงดิ..
โรงเรียนเวทมนตร์ลิเบอร์ หนึ่งในห้าโรงเรียนเวทมนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเลยนะ? ฉันรู้ดีถึงความโหดของโรงเรียนนี้ดี
จำได้ว่ามีรูทหนึ่งที่นางเอกโดนไล่ออกจากโรงเรียนด้วย เพราะมัวแต่สนเรื่องของผู้ชายจนลืมเรื่องการเรียนน่ะ
แล้วทำไมถึงรับฉันง่ายขนาดนั้นก็ไม่รู้..
โรงเรียนเวทมนตร์ลิเบอร์ ที่ที่ฉันจะไปอยู่เป็นโรงเรียนประจำ ฉันจะต้องอยู่กินที่นั่นอีกหกปีในกรณีที่ไม่ย้ายโรงเรียนเลยน่ะนะ
แต่ถุงจะบอกว่าอยู่กิน.. ก็ไม่ได้ดูจืดชืดแบบในคุก เพราะทุกครั้งที่ปิดเทอมจะสามารถกลับบ้านได้นั่นเอง
นอกจากนี้โรงเรียนทั้งห้ายังตั้งอยู่ในสถานที่ที่ไม่ขึ้นต่อประเทศใดๆ ในโลกเลย.. พวกเขาเรียกมันว่า ‘เขตไร้อาณา’
เขตนี้เป็นเขตที่กฎหมายของประเทศไหนก็ไม่สามารถเข้าถึงได้.. แต่ในขณะเดียวกันสถานที่เหล่านี้ก็อยู่ในการคุ้มครองของโรงเรียนทั้งห้า
ซึ่งจะพูดง่ายๆ ก็คือว่าโรงเรียนทั้งห้านั้นปกครองเขตไร้อาณานั่นแหละ ที่ตั้งของโรงเรียนทั้งห้าจะแตกต่างกันออกไปตามสถานที่และภูมิภาค
ที่ฉันจะบอกคือใกล้ๆ โรงเรียนลิเบอร์ก็มีเมืองเหนือน่านน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยความครึกครื้นอยู่นั่นแหละ
นอกจากนี้โรงเรียนเวทมนตร์ยังไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ทุกเผ่าพันธุ์สามารถเข้าเรียนได้นั่นเอง
“แบบนี้นี่เอง.. คนต่างโลกนี่รู้เรื่องของโลกนี้เยอะนะ”
“ก็นะ”
ถามว่าที่ว่ามาทั้งหมดฉันกำลังพูดให้ใครฟัง.. ฉันพูดให้สกาเล็ตฟังนั่นแหละเพราะเธอสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียนลิเบอร์ละนะ
“แบบนี้ก็หมายความว่า.. ใครจะทำผิดที่นั่นก็ไม่มีใครเอาความได้น่ะสิ แบบต่อให้เป็นองค์ชายน่ะนะ?”
“ก็ประมาณนั้น แต่อย่าลืมว่าพวกกองกำลังประเทศก็บุกไปตามฆ่าได้เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างเพราะแบบนั้นถึงมีโรงเรียนทั้งห้าอยู่ไงล่ะ”
“หมายความว่าไง?”
สกาเล็ตเอียงคออย่างสงสัย ฉันเองก็พยายามนึกอยู่เหมือนกันเพราะไอ้คอนเซปท์เซตติ้งพวกนี้ในเรื่องฉันก็อ่านมาแบบข้ามๆ
หลังจากนั่งคิด และรวบรวมข้อมูลที่จดจำได้ ฉันก็เอามาปะติดปะต่อจนเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้
“หมายความว่า โรงเรียนเขาจะส่งคนมาจัดการถ้ามีคนทำผิดกฎในเขตไร้อาณายังไงล่ะ”
“โรงเรียน? โรงเรียนมีกองกำลังของตัวเองได้ไงล่ะนั่น”
“ฉันไม่ได้บอกว่าเป็นกองกำลัง.. แต่เป็นนักเรียนต่างหาก!”
“ห้ะ..?”
สกาเล็ตถึงกับงงเลยทีเดียว.. แน่นอนว่าตอนฉันอ่านเจอฉันก็ตกใจเหมือนกัน ให้เด็กนักเรียนจัดการเรื่องกฎหมายนี่มัน..
ไหวแน่เหรอ อะไรแบบนั้นน่ะนะ ฉันยังพูดอธิบายต่อไปว่า
“นักเรียนชั้นปีสองจะสามารถบรรจุเป็นนักผจญภัยฝึกหัดได้น่ะ.. ซึ่งนักผจญภัยฝึกหัดนั้นจะสามารถเลือกรับภารกิจบน ‘กระดานปัญหา’ ได้”
“ส่วนเรื่องความบาปของภารกิจก็ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถ หรือระดับชั้นปีละนะ”
“อันที่จริงมันซับซ้อนกว่านี้มาก เอาเป็นว่าถ้าไปถึงโรงเรียนเดี๋ยวเธอจะได้รู้เอง มันยังมีเรื่องของระดับในฐานะนักเวทอยู่ด้วย ซึ่งภารกิจที่จะได้รับก็ขึ้นอยู่ระดับนั่นแหละ”
ก็อย่างที่ฉันเคยพูด ไอ้เกมจีบหนุ่มบ้านี่มันมีคอนเซปท์หลายอย่างในเรื่องเกินไป ส่วนที่ฉันบอกว่ามันมีอะไรมากกว่านี้เดี๋ยวค่อยบอกในอนาคต
ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกหรอก.. แร่เพราะฉันเองก็จำไม่ได้อะนะ ก็แหม ข้อมูลเยอะขนาดนั้นนี่น่า
เอาเป็นว่าพอไปถึงโรงเรียนค่อยฉวยโอกาสศึกษาตอนสกาเล็ตไม่รู้ตัวแล้วค่อยบอกเธอก็ยังไม่สายนี่น่า
“ระดับของนักเวท?”
เหมือนสกาเล็ตจะสงสัยเรื่องระดับของนักเวทแล้ว เรื่องนี้ฉันรู้เพราะในเกมก็มีเขียนบอกแถมไม่ได้ยาวขนาดนั้น
อีกอย่างตอนเรียนการฝึกมารยาท ก็ยังมีการยกระดับของนักเวทมาเปรียบเทียบเพื่อแสดงถึงระดับของมารยาทที่จะแสดงต่อคนที่ให้เกียรติ บลาๆ
ทำให้ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ
ระดับของนักเวทหรือจอมเวทนั้นมีทั้งหมด เจ็ดระดับ
เรียงจากต่ำไปสูงคือ นักเรียนฝึกหัด, จอมเวทเริ่มต้น, จอมเวทระดับล่าง, จอมเวทระดับกลาง, จอมเวทระดับสูง, มหานักเวทและสุดท้ายพาลาดิน
ถ้าจำไม้ผิดระดับที่สามารถรับภารกิจได้คือจอมเวทระดับล่างละมั้ง… ซึ่งถ้าหากไม่สามารถสอบผ่านจนเป็นจอมเวทระดับล่างได้จะไม่สามารถเลื่อนชั้นได้
เท่าที่ฉันจำได้ละนะ..
ส่วนพาลาดินนี่รู้สึกว่าจะมีเพียงแค่ห้าคนบนโลกนี้เท่านั้น ซึ่งว่ากันว่าพลังพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกับผู้กล้าหรือจอมมารได้เลย
และพาลาดินทั้งห้าคนนั้นตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่พวกเขาเป็นผู้สร้างโรงเรียนเวทมนตร์ทั้งห้า.. หรือก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนเวทมนตร์นั่นแหละ
นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ว่าไม่มีประเทศไหนกล้ารุกรานเขตไร้อาณาเลย..เพราะเขตไร้อาณาปกป้องไว้ด้วยพาลาดินทั้งห้านั่นเอง
ซึ่งฉันบอกตามที่ว่ามาทั้งหมดให้ตัวของสกาเล็ตฟัง เธอก็พยักหน้าแบบเข้าใจ
“แบบนี้นี่เอง..”
แต่จะว่าไปนะ.. ตามฉบับนิยายทั่วไปคนที่เล่ามันต้องเป็นคนของโลกนี้ไม่ใช่เหรอ ส่วนคนที่มาจากต่างโลกแบบฉันควรนั่งฟังอะไรแบบนั้นน่ะ
แต่ไหงฉันต้องเป็นคนอธิบายเรื่องของโลกนี้ให้คนในโลกนี้ฟังแทนละเนี่ย.. เอาเถอะยังไงซะเธอก็ไม่มีความทรงจำนี่นะ
“เอาล่ะเตรียมตัวเสร็จแล้ว.. นี่ก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วล่ะมั้ง”
ฉันจัดเตรียมของทุกอย่างเสร็จพร้อมออกเดินทาง แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องของฉันดังขึ้น ‘เก๊าะๆ ’ พร้อมกับเสียงของเมด
“คุณหนูคะ คุณท่านเรียกไปพบค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปและให้เมดนำทางในขณะเดียวกันสกาเล็ตก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างฉันโดยไม่มีใครมองเห็น
“หายากนะเนี่ย ที่พ่อเจ้าจะอยากเจอ”
“ก็นะ.. ตามฉบับความคิดของหมอนั่นก็คง ‘นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้รู้จักองค์ชายมากขึ้น เจ้าต้องทำตัวให้สมกับที่เรียนมาตลอดหลายปีอย่าทำให้ตระกูลเสื่อมเสีย’ อะไรแบบนั้นนั่นแหละ”
ฉันตอบออกไปแบบนั้นด้วยความคิด แน่นอนว่าเมดไม่ได้ยินหรอก
……
….
..
“นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้รู้จักองค์ชายมากขึ้น เจ้าต้องทำตัวให้สมกับที่เรียนมาตลอดหลายปีอย่าทำให้ตระกูลเสื่อมเสีย”
และนั่นก็เป็นคำพูดของเจ้าพ่อคนนั้นตามที่ฉันทำนายไว้แบบเป๊ะๆ สกาเล็ตที่ลอยอยู่ข้างๆ ภายในห้องทำงานของผู้เป็นบิดา
ปรบมือเบาๆ
“ว้าว.. เจ้าเห็นอนาคตเพราะเป็นผู้มาจากต่างโลกใช่ไหมเนี่ย”
“ฉันสาบานได้เลยว่า เมื่อกี้ฉันเดาเอาจากที่รู้จักเจ้าผู้ชายคนนี้มาเท่านั้น ไม่ใช่องค์ความรู้จากต่างโลกแน่นอน”
ใช่ บทแบบนี้ไม่มีในเกมหรอก แต่ฉันเดาเอาล้วนๆ เลยล่ะ