บทที่ 26 – ระ..วัง!
ทันทีหมัดของฉันปะทะกับหมัดของอีกฝ่ายทั้งที่เสริมพลังด้วยเวทมนตร์แล้วแท้ๆ แต่แขนขวาทั้งข้างยังรู้สึกชาไปหมดเลย
แรงคนคนนี้จะเยอะไปไหนเนี่ย แต่ยังไม่ทันรอให้ฉันได้ตั้งตัวคนคนนี้ก็ต่อยเข้ามาอีกอย่างรุนแรง ซึ่งระยะนี้หลบไม่พ้นแน่ๆ ทำให้ฉันกัดฟันกำหมัดแล้วก็ต่อยออกไป
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเธอเร็วมากจนแทบจะหลบไม่ได้ทำให้วิธีตั้งรับมีเพียงวิธีเดียวนั่นคือต่อยสวนก่อนที่หมัดอีกฝ่ายจะโดนตัว
พอทำแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิงรัวหมัดใส่ ฉันก็ต้องโต้ตอบ เอาไปเอามากลายเป็นการแลกหมัดสุดเดือดเฉยเลยแฮะ
แต่ทุกครั้งที่ต่อยออกไปฉันจะรู้สึกเหมือนกับต่อยกับหินเลยล่ะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เพราะยังคนที่แพ้ก็ต้องเป็นฉัน
“นั่นไง เจ้าเองก็มีดีเหมือนกันนี่น่า!”
“แต่ดูจากพลังที่เจ้ามีแล้ว ไม่น่าจะมีพอที่จะฆ่าผู้กล้าสองคนนั้นได้นี่น่า”
อีกฝ่ายพูดแบบนั้นทั้งที่รัวหมัดแบบนี้ได้สบายๆ เนี่ยนะ
ยัยสัตว์ประหลาดเอ๊ย แต่จากที่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายดูเหมือนฉันจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาแล้วล่ะ
“งั้น..!”
ในขณะที่ฉันกำลังจะเสนอทางเลือกสันติภาพให้กับอีกฝ่าย แต่ทว่าทางนั้นเหมือนจะมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาบนหัว
“แต่ว่านะ!ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกันเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนดวลหมัดกับข้าได้นอกจากจอมมารทั้งสิบเอ็ดคนน่ะ”
ว่าแล้วสัญลักษณ์นั้นก็เปล่งแสงสีแดงออกมาซึ่งส่งผลให้หน้ากากที่หล่อนสวมอยู่แตกออกเป็นชิ้นๆ แต่หน้าตายังคงถูกซ่อนอยู่ภายใต้ม่านหมอกออร่าสีดำ
และในเวลาเดียวกันนั้นเองสัญลักษณ์ที่มีลักษณะคล้ายดวงเนตรอะไรสักอย่างก็ผสานลงไปที่กลางหน้าผากของยัยผู้หญิงคนนี้
และในวินาทีนั้นเองหน้าผากของเธอก็มีสัญลักษณ์เหมือนลวดลายอะไรสักอย่างขึ้นมา แม้ฉันจะมองไม่เห็นใบหน้าเธอ
แต่สัญลักษณ์นั้นมันเปล่งแสงสีแดงออกมา ทำให้ฉันรู้ว่ามันประทับลงที่หน้าผากของเธอ
“มนตรามารที่สาม อักขระนาวา”
ว่าแล้วพลังของเธอก็พุ่งพรวดพล่านซะอย่างนั้น ยัยนี่ก่อนจะใช้มนตราอะไรของหล่อนเธอก็ออมมืออยู่ไม่ใช่เหรอ
แล้วนี่ยังมาปลดพลัง ฉันจะสู้เธอยังไงเนี่ย แถมจากคำพูดอีกฝ่ายเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในสิบสองจอมมารนั่นแหละ
แล้วไหงจอมมารมันมาอยู่ที่นี่ได้ฟะเนี่ย โรงเรียนปล่อยให้ไอ้ตัวอันตรายแบบนี้มาได้ยังไงวะ ฉันจะร้องเรียน!
ฉันได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ แต่ในตอนนั้นเองจอมมารก็กำหมัดขึ้นและรอบๆ หมัดก็เกิดการหลอมรวมของอะไรสักอย่างเป็นพลังงานเหมือนสายฟ้าสีดำ
ซึ่งมันเกิดขึ้นมาจากตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่างบนหน้าผากของหล่อน
“เอาล่ะนะ เจ้าคนไม่ทราบชื่อ ข้ามีชื่อว่า ไพซิส เค เบเรสต้า”
“และถ้าหากเจ้าไม่ยอมเอาจริงสักที ระวังจะตายเอานะ”
ก็บอกว่าเอาจริงสุดชีวิตแล้วไงโว้ย ยัยคนนี้ไม่คิดจะฟังกันเลยหรือไงฉันเองก็มีน้ำโหแล้วนะ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจอะไร
ยัยจอมมารไพซิสก็โจมตีฉันด้วยความเร็วเหนือกว่าทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในสายตาของฉันก่อน แย่แล้วสิ ฉันหลับตาลงก่อนที่จะมีประตูมิติปรากฏขึ้นตรงหน้า
วินาทีนั้นเองหมัดของอีกฝ่ายก็ต่อยเข้าที่ประตูมิติอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประตูมิติที่ฉันสร้าง… พังทลาย!
หมัดบ้าไรต่อยมิติแตกได้วะเนี่ย ใครมันจะไปรับหมัดอินังจอมมารคนนี้ไหว อย่างน้อยก็ให้ฉันฟาร์มพลังก่อนเถอะ
มีบอสโผล่มาไวเกินไปแล้ว!
แน่นอนว่าถึงจะบ่นฉันก็รีบดีดตัวถอยออกมาจากจุดเดิม แต่ทว่ามิตินั้นกลับเริ่มแตกร้าวเกิดเป็นคลื่นพลังงานบางอย่างทำให้แผ่นดินสะเทือนไหว
“เกิดอะไรขึ้น?! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่?”
คนที่ถามฉันไม่ใช่ใครนอกจากไอน์สไตน์ที่กำลังต่อสู้อยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร ก็สังเกตเห็นฉันแล้วก็ตะโกนถามด้วยความสับสน
“ถึงจะมาถามฉันก็เถอะ..”
ฉันมองไปข้างหน้าที่เป็นวิวทิวทัศน์ซึ่งกำลังเกิดรอยปริร้าว และตรงรอยแยกที่แตกออกนั้นด้านในกลายเป็นความมืดมัวสุดโกลาหล
ฉันเองก็ไม่รู้นี่น่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ผู้หญิงบ้าพลังที่ชื่อไพซิสก็ดูเหมือนจะตกใจเหมือนกันเธอตะโกนถามฉัน
“นี่เจ้าทำอะไรเนี่ย?!”
“คนที่ต้องถามมันฝ่ายฉันไม่ใช่เหรอ ไอ้หมัดที่ต่อยช่องว่างระหว่างมิติจนพังทลายแบบนั้น เธอเป็นคนทำไม่ใช่หรือไง”
“เอ๊ะ.. ข้าไม่ได้ใส่พลังเยอะขนาดนั้นสักหน่อยนะ!”
อีกฝ่ายก็เลิ่กลั่กเหมือนกัน ก่อนที่จะทันได้ทำอะไรก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างหลุดออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
พอจอมมารไพซิสสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้เขาก็ตกใจ
“แย่ละ ข้าต้องไปก่อนแล้ว พวกนั้นรู้สึกตัวกันหมดแล้วแน่เลย อุตส่าห์กางม่านพลังปกปิดไว้แล้วแท้ๆ !”
“ไว้มาเล่นกันใหม่คราวหน้าแล้วกันนะ”
ใครจะไปอยากเล่นด้วยฟะ แล้วต่อยแรงขนาดนั้นไม่เรียกเล่นแล้วนะเฮ้ย ฉันยังไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกฝ่ายก็สลายหายไปราวกับเป็นทราย
ก่อนที่จะมีตุ๊กตาบางอย่างร่วงลงพื้น ซึ่งถ้ามองดีๆ มันคือกระดาษที่ถูกวาดรูปร่างให้มีหน้า แขนข้า ซะมากกว่าตุ๊กตา
ร่างแยกงั้นเหรอ ตามที่ฉันเคยอ่านเจอมาตั้งแต่มาในโลกนี้ไอ้วิชาแบบนี้คือวิชาที่ใครๆ ก็ใช้ได้ก็จริง แต่ต้องมีกระดาษที่ทำจากเผ่า ‘ดอปเปอร์เกงเงอร์’(Doppelgänger) ถึงจะสามารถทำได้
แต่ข้อเสียคือสร้างร่างแยกได้แค่ร่างเดียว แถมตอนสร้างร่างแยกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนบังคับหรือควบคุมมันน่ะต้องใช้พลังเวทมหาศาลเลยล่ะ
แถมพลังของร่างแยกคือจะอ่อนกว่าร่างต้นเป็นสิบเท่าเลยล่ะ.. เพราะงั้นคนส่วนใหญ่จึงใช้เป็นร่างแยกเพื่อหลอกใช้ในการหลบหนีแทน
แต่ยัยจอมมารไพซิสนี่ดันทะลึ่งใช้ในการต่อสู้แถมต่อยจนมิติแหกไปเนี่ย.. แถมเหมือนยังกั๊กพลังไว้อยู่ด้วย จะบอกว่านี่ยังไม่ถึง หนึ่งในสิบของร่างต้นเหรอ
“…..”
จอมมารในตอนเป็นเกมจีบหนุ่มก็มีกล่าวถึงบ้าง และบางทีก็มีความสำคัญบ้างก็จริง แต่ว่านะพอมากลายเป็นความจริง
ไอ้ตัวตนที่เรียกว่าจอมมารนี่มันอันตรายสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไงล่ะ ฉันเองก็ต้องอย่าลืมสิ ตอนนี้โลกแห่งนี้ไม่ใช่เกมอีกต่อไป
ไม่ใช่เกมที่เดินตามที่ระบบกำหนด แต่เป็นความจริงซึ่ง.. ภัยอันตรายอาจจะไม่ได้มาจากตัวละครท่านเลทิเซียเสมอไป
และในวินาทีนั้นเองรอยแยกมิติก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้นกะทันจนทำให้ทุกอย่างสั่นสะเทือนไปด้านนอก ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดหูแต่ก็สายเกินไป
ฉันสัมผัสได้ว่าตรงรอยแตกนั้นมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่มันคำรามอย่างดุเดือด แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่ว่าเสียงคำรามของมันนั้นกึกก้องไปทั่วภูเขา
ส่งผลให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนอีกครั้ง ก่อนที่รอยแยกของมิติจะค่อยๆ ถูกปิดตัวลงราวกับฟื้นฟูตัวเอง ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะ
แต่เหมือนมันจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้แหละนะ.. หูของฉันที่อยู่ใกล้รอยแยกก็รู้สึกอื้ออึงไป ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น
ก่อนที่ฉันจะสังเกตเห็นเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาทางฉัน ซึ่งพอหันไปก็มีไอน์สไตน์ที่กำลังทำหน้าตกใจอย่างมาก
เขาตะโกนอะไรสักอย่างออกมาแต่ฉันกลับไม่ได้ยินอะไรเลย ในขณะเดียวกันฝั่งอเล็กซานก็พยายามจะโจมตีใส่เขาแต่ก็หลบได้ตลอด
ทว่าไอน์สไตน์ไม่ได้สนใจมันเลย เขาพุ่งมาทางฉันด้วยความเร็วที่สูงมาก ปากเหมือนจะพูดอะไรอยู่… ฉันพยายามอ่านริมฝีปากของเขา
ดูเหมือนเขาจะบอกว่า…
“ระ… วัง!”
แต่พอฉันเข้าใจคำพูดของไอน์สไตน์ หูฉันก็กลับมาปกติก็ได้ยินเสียงคลื่นอะไรบางอย่าง พอหันไปดูก็พบว่า.. ถล่มลงมาถึงตัวฉันแล้ว
ฉันถูกหิมะถล่มทับ ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือภาพที่อเล็กซานมันโจมตีใส่ไอน์สไตน์ทีเผลอ
“ไอ้คนนิสัยเสียเอ๊ย!”
—และทุกอย่างก็มืดดับไปในแทบจะทันที