บทที่ 27 – เรียกฉันเหรอ?
จะว่าไป.. ตอนเป็นเกมเหมือนจะมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรือเปล่านะ ไอ้เหตุการณ์หิมะถล่มนี่น่ะนะ
แต่ตอนนั้นในเกมบอกไว้ว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยสักคน แต่ไหงคนที่ได้รับบาดเจ็บถึงกลายเป็นฉันไปได้ล่ะเนี่ย
ไม่รู้สิ..
ฉันลืมตาขึ้นมาในห้องพยาบาลก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว ฉันในตอนนี้นอนอยู่บนเตียงซึ่งมีผ้าปิดแสงไฟจากด้านนอกเตียงไว้ได้
และมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่หลังผ้านั่น ก็คงเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลนั่นแหละ ฉันโดนหิมะถล่มใส่สินะ
ถ้าเป็นในโลกเดิมโดนหิมะถล่มใส่คงมีโอกาสตายมาก แต่เพราะนี่เป็นโลกแฟนตาซีที่มีเวทมนตร์ซึ่งทำให้แขนที่ขาดงอกใหม่ได้
นับประสาอะไรกับหิมะถล่มใส่ก็ยังไม่ตายทันทีล่ะ ถูกไหม
“หืม ตื่นแล้วเหรอ?”
ในตอนนั้นเองอาจารย์ห้องพยาบาลเธอก็เหมือนจะรู้สึกว่าฉันตื่นแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดผ้าม่านพร้อมกับทัก
เธอสวมชุดคลุมสีขาวยาว ให้อารมณ์ชุดกาวน์ แต่ไม่เหมือนขนาดนั้นหรอก ป้ายชื่อติดอยู่ตรงหน้าอกเขียนชื่อเธอไว้ว่า ลาน่า
เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลเหมือนเธอจะเป็นปีศาจ เผ่าซักคิวบัส ที่มีพลังเกี่ยวกับการควบคุมจิตใจอะไรทำนองนั้นน่ะนะ
“ฉัน… หลับไปนานแค่ไหนเหรอคะ?”
“ดูท่าทางไม่ได้ตกใจอะไรเลยสินะ จำตอนก่อนที่ตัวเองจะหมดสติได้สินะ”
ฉันพยักหน้าเล็กน้อย อาจารย์ลาน่าก็เงียบลงพักหนึ่งเธอก็พูดขึ้น
“เธอหลับไปประมาณแปดชั่วโมงเห็นจะได้ แต่ที่สลบไปน่าจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าล้วนๆ เลยล่ะ เพราะร่างกายของเธอถูกรักษาด้วยเวทมนตร์จนเป็นปกติตั้งแต่ที่ช่วยออกมาจากหิมะเลย”
เหนื่อยงั้นเหรอ.. พอนึกถึงหน้ายัยผู้หญิงที่น่าจะเป็นจอมมารที่มีชื่อว่าไพซิสก็อดที่จะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอีกครั้งอย่างไร้สาเหตุ
ก็คงเหนื่อยเพราะไปยืนแลกหมัดกับยัยบ้าพลังพรรค์นั้นแหละนะ หลังจากที่ฟังคำแนะนำจากอาจารย์อีกสักพักเธอก็ให้ฉันกลับห้องได้
ซึ่งสิ่งที่คุยและที่ตรวจสอบคืออาการของฉันรู้สึกแย่อะไรยังไงไหม แต้ก็ต้องตอบว่าไม่เป็นอะไรเลยล่ะ
ต่างโลกนี่โคตรสะดวกเลยแฮะ การรักษาก็สามารถรักษาได้ไวหายเป็นปลิดทิ้ง เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าโชคดี
ฉันเดินกลับห้องพร้อมนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เหมือนยัยหมาบ้านั่นจะเป็นหนึ่งในสิบสองจอมมาร
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจอมมารแข็งแกร่งระดับไหน แต่ก็คงไม่เท่าท่านเลทิเซียที่ปราบฉันในตอนถูกความมืดครอบงำหรอกมั้ง
เพราะงั้นจำไว้เลยนะ ฉันจะไปเอาคืนสักวันล่ะ
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น อีกฝ่ายก็เป็นถึงจอมมารอะนะ
“คนเมื่อกลางวันเจ้ารู้จักด้วยเหรอ?”
สกาเล็ตที่ปรากฏตัวขึ้นมาสักพักแล้วก็ถามฉันด้วยความสงสัย อาจจะเพราะเธอเห็นท่าทางที่เหมือนรู้อะไรของฉันละมั้ง
ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร ฉันพยักหน้า
“จะว่ารู้จักก็คงไม่ถูก แต่ฉันเดาว่าเธอคงเป็นหนึ่งในสิบสองจอมมารล่ะ”
“จอมมาร..? ไอ้ราชาของพวกเผ่าปีศาจนั่นใช่ไหม”
“ใช่”
ดูเหมือนว่าสกาเล็ตก็น่าจะไผอ่านเรื่องข้อมูลของจอมมารมาด้วยสินะ ใช่ จอมมารคือตัวตนอันน่าหวาดกลัว
แม้ในฐานะที่เป็นเผ่ามนุษย์ฉันไม่เคยเจอกับจอมมารมาก่อนจนกระทั่งเมื่อวาน แต่ทว่าบนแดนมนุษย์ก็ยังมีนิทานที่กล่าวอธิบายว่าจอมมารนั้นแข็งแกร่งและโหดร้ายเพียงใด
ซึ่งจากที่ฉันอ่านมาเหมือนจอมมารนั้นจะเก่งมาก ถ้าจะไปสู้กับจอมมารอย่างน้อยต้องใช้ผู้กล้ามากกว่าหนึ่งคนเลยล่ะ
แต่พอมีสนธิสัญญายุติสงครามก็ทำให้พวกจอมมารสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ ทำให้พวกเขาไม่ค่อยออกมาจากปราสาทสักเท่าไหร่
เพราะงั้นอย่าว่าแต่จะได้พบเลย ขนาดพวกเผ่าปีศาจก็ยังแทบไม่ได้เจอราชาของเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยซ้ำ
“แล้วจอมมารมาที่นี่ทำไม..?”
“ตอนที่สู้กันหล่อนคิดว่าฉันเป็นคนที่ฆ่าผู้กล้าสองคน..”
“หืม หมายความว่าไง ผู้กล้าสองคนตาย?”
“ใช่.. อันที่จริงเรื่องนี้ฉันแอบไปได้ยินจากท่านวิเวียนน่ะ”
หลังจากนั้นฉันก็เล่าสิ่งที่ฉันบังเอิญได้ยินตอนที่ราชินีแห่งอาณาจักรไซลอป อย่างท่านวิเวียนคุยกับผู้ส่งสาส์น
เป็นเรื่องเหตุการณ์ที่ฆ่าชีวิตของคนในอาณาจักรแห่งหนึ่งไปมากกว่าแปดในสิบส่วน.. ใช่ เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหลายร้อยปีที่ผ่านมาเลย
มันถูกเรียกว่า ภัยพิบัติ ‘แสงเทพมารมรณะ’
ประเทศหนึ่งทั้งประเทศคนจำนวนหลายสิบล้านจนถึงเกือบร้อยล้านคนต่างถูกพรากชีบิตไป เหนือสิ่งอื่นใด ผู้กล้า ที่มีเพียงสิบหกคนบนโลกก็ยังดับสูญไปพร้อมกัน
ผู้กล้าสองคน!
นี่ไม่ใช่เพียงหนึ่งแต่ถึงสองคนในโศกนาฏกรรมครั้งเดียว แม้เรื่องนี้จะไม่ถูกเขียนเป็นข่าวออกมา และมีเพียงพวกแนวหน้าของอาณาจักรเผ่ามนุษย์เท่านั้นที่ทราบ
แต่ก็ยังสร้างความแตกตื่นให้พวกคนระดับสูงอยู่ดี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมันไปเกี่ยวข้องกับ ‘การแข่งขันคัดเลือกนักเรียนที่โดดเด่น’ หรือก็คืองานที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่แหละ
ทั้งห้าโรงเรียนซึ่งประกอบไปด้วย โรงเรียนลิเบอร์, โรงเรียนไลเบอร์, โรงเรียนเมลต้า, โรงเรียนเอเรียสและสุดท้ายโรงเรียนโรเซ่
จะทำการส่งตัวแทนนักเรียนดีเด่นประจำชั้นปีหนึ่ง หรือก็นักเรียนใหม่เข้าแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งนักเรียนที่โดดเด่นที่สุด
พร้อมทั้งได้รับรางวัลมากมาย!
อันที่จริงอย่างที่บอกว่าการแข่งขันนี้เคยจัดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว แต่งานก็ล้มกลางคันเพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันซึ่งเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมแสงเทพมารมรณะด้วย
ใช่.. ในวันที่ตัดการแข่งขัน เป็นวันเดียวกับวันที่คนเกือบร้อยล้านคนถูกลบให้หายไปจากโลก!
และในวันนั้น ‘หนึ่ง’ ในผู้กล้าที่ถูกฆ่าในอาณาจักรซึ่งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ยังไปปรากฏตัวอยู่ที่สถานที่ซึ่งจัดงานแข่งขันด้วย
ดังนั้นพวกคนระดับสงจึงคิดว่าโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนทั้งห้า.. อันที่จริงคนที่เป็นผู้กล้าก็ปรากฏตัวในวิดีโอถ่ายทอดสดด้วย
และตอนรั้นฉันก็ดู.. และสิ่งที่ฉันเห็นคือผู้กล้าคนนั้นได้พาคนคนหนึ่งซึ่งเป็นนักเรียนที่เข้าแข่งขันเทเลพอร์ตข้ามมิติไปไหนไม่รู้จากงานแข่งด้วยจุดประสงค์มุ่งร้ายอย่างแน่นอน
ซึ่งหลังจากนั้น.. ผู้กล้าดังกล่าวก็ตาย.. แม้คนใหญ่คนโตจะพยายามปกปิดเรื่องนี้สุดกำลังแต่ฉันที่แอบฟังมาและผสมกับข้อมูลที่ฉันมี
“เดี๋ยวก่อนนะ.. ที่เธอกำลังจะบอกคือ..”
เหมือนสกาเล็ตพอจะเดาออกถึงการคาดเดาของฉันแล้วเหมือนกัน อันที่จริงถ้ามีข้อมูลสองฝ่ายแบบพวกคนใหญ่คนโตก็ไม่ดูถ่ายทอดสด
ส่วนคนธรรมดาก็ไม่รู้ข่าวคนใหญ่คนโต ทำให้พวกเขาประติดประต่อเรื่องไม่ได้ แต่ฉันที่ตามทั้งสองทางทำให้ฉันพอจะเดาออกว่า
“คนที่เป็นต้นเหตุให้ผู้กล้าประชากรอีกมากมายตาย.. อาจจะเกี่ยวข้องกับนักเรียนคนที่ถูกพาตัวไป..!”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ อนาสตาเซีย.. นักเรียนคนนั้นที่ถูกพาตัวไปยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ถ้าเป็นงั้นไอ้จอมมารคนระดับนั้นก็น่าจะรู้จักนักเรียนที่เจ้าว่าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเข้าใจผิดมาโจมตีเจ้าล่ะ”
ใช่.. ถึงฉันจะบอกว่าฉันฟังสองฝ่ายเลยเดาออก แต่ก็คงไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอก บางทีจอมมารเองก็คงรู้ว่าตัวนักเรียนคนนั้น ‘อาจจะ’ เป็นต้นเหตุเช่นกัน
และถ้าเป็นแบบนั้น ยัยนั่นมาโจมตีฉันที่ไม่ใช่คนที่ตัวเองตามหาทำไม เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะ
ฉันได้แต่ส่ายหน้า
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันหรอก”
สกาเล็ตก็พยักหน้า แต่จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อ๊ะ เดียวก่อนนะ.. จอมมารนั้นมาที่โรงเรียนนี้.. อย่าบอกนะว่า.. นักเรียนคนที่ว่าอยู่ที่โรงเรียนนี้.. อ๊ะ หรือเจ้ารู้จักเธอด้วย”
พอสกาเล็ตถามแบบนั้นฉันก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปในท้อง เหงื่อไหลจากหน้าผากเล็กน้อยฉันก็พยักหน้า
“ใช่”
“คนคนนั้นมีชื่อว่า.. เลทิเซีย.. เลทิเซีย ทีน อาเดฟ!”
แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงลึกลับก็ดังขึ้นจากด้านหลัง… ซึ่งฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่แต่พริบตาเดียวมันก็หายไปในช่วงขณะที่เสียงนั้นดังขึ้นว่า..
“เรียกฉันเหรอ?”
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันคือผู้หญิงผมสีดำสนิทกลมกลืนกับระเบียงที่มีเพียงแสงจากอุปกรณ์เวทมนตร์สลัวๆ .. พร้อมทั้งดวงตาที่มืดมัวนั้นจ้องมาราวกับหลุมดำที่กำลังกลืนกินจิตใจฉัน..