บทที่ 28 – ตัวแทนห้อง A
“อ๊ะ.. เปล่าค่ะ..”
ฉันตอบออกไปด้วยความตกใจเล็กน้อยเพราะจู่ๆ ก็มาอยู่ด้านหลังแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเนี่ย
คนคนนี้เป็นคนที่ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคาแร็คเตอร์ที่โคตรจะลึกลับและน่าดึงดูดมากๆ และตอนเป็นเกมฉันก็ชอบเธอที่สุดในเกม
แต่ว่าพอมารู้จักจริงๆ แล้วคนคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างน่ากลัวมาก เวลาคุยกับเธอฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับตัวเองเอาไว้ด้วย
แถมเมื่อกี้ยังพึ่งนินทาเธอไปอีกต่างหาก ฉันเชื่อว่าที่ข่าวเหล่านั้นถูกปิดและถ้าเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเธอจริง คนที่พยายามปิดมันคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเธอ
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นฉันที่สงสัยในความลับที่เธอต้องการจะปิด.. ฉันอาจจะถูกเธอหมายหัวได้เลยก็ว่าได้
บ้าเอ๊ย ทำไมพอฉันอยู่กับท่านเลทิเซียฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นตัวละครในเกม รู้สึกเหมือนกับว่าคนที่กำหนด Death flag คือคำพูดของฉันล้วนๆ
ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเอกเกมเลย.. ความรู้สึกของฉันตอนนี้คือเหมือนกับว่าพอคุยกับคนคนนี้ ราวกับว่าเธอไม่ได้ถูกสิ่งที่เรียกว่า ‘โลกแห่งเกมจีบหนุ่ม’ จำกัดเลย
แต่ก็คงจะเป็นเพราะฉันมองว่าโลกนี้คือ ‘เกม’ ละมั้ง.. เพราะตอนนี้เกมที่ว่าได้กลายเป็นความจริงไปแล้ว ถ้าหากฉันมัวแต่ยึดแนวคิดที่ว่า
‘ในอนาคตฉันต้องตาย’ จนลืมคิดไปว่าตอนนี้ฉันก็มีโอกาสที่จะตายได้ด้วยบางอย่างเช่นกัน มันอาจจะทำฉันถึงฆาตได้
“ร่างกายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม ฉันพึ่งเคยใช้เวทมนตร์แบบนั้นกับคนอื่นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
“ใช้กับคนอื่นครั้งแรก.. เดี๋ยวนะคุณเป็นคนรักษาให้ฉันเหรอ?”
“ถูกต้อง”
เธอพยักหน้าว่าแล้วเธอก็ยกมือขึ้นก่อนจะมีพลังงานสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นที่มือของเธอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นพลังงานธรรมชาติ
ว่าไปคนที่รักษาให้ฉันคือท่านเลทิเซียเหรอเนี่ย แล้วไอ้บรรยากาศเป็นมิตรนี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย ทั้งที่เมื่อครู่ดูเหมือนเธอมองฉันเป็นศัตรูแท้ๆ
ฉันแอบถามสกาเล็ตที่มีประสาทที่เฉียบคมกว่าฉันว่า
“เธอคิดว่าไง?”
“อืม.. สัมผัสความเป็นศัตรูไม่ได้เลยนะ เจ้าลองใช้เนตรอเมทิสดูสิ”
“นั่นสินะ”
พอฟังความเห็นของสกาเล็ตที่คิดเหมือนกับฉัน ฉันก็ใบ้เนตรอเมทิสซึ่งทำให้ดวงตาของฉันเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงอเมทิส
‘ค่าความมึนเมา ไม่สามารถแสดงผล’
‘ค่าความต้านทานการควบคุมจิตใจ ไม่สามารถแสดงผล’
‘ค่าความงดงาม ไม่สามารถแสดงผล’
‘ค่าความสัมพันธ์ 5/100’ (รู้สึกสนใจในตัวตนนิดหน่อย)
อืม.. อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนกลางวันแหละ แถมยังมั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่มองฉันว่าอาจจะเป็นศัตรู
จะว่าไป ฉันมัวแต่สนใจไอ้ค่าความสัมพันธ์ จนลืมดูว่าค่าอื่นๆ ฉันไม่สามารถมองได้นี่น่า .. จะว่าไปนอกจากสกาเล็ตแล้วเนตรอเมทิสก็สามารถมองทะลุได้ทุกคนนะ
คนที่สองคงเป็นท่านเลทิเซียนี่แหละ อีกอย่างที่ไม่แสดงผลของสกาเล็ตมีเพียงค่าเดียวเท่านั้นด้วย แต่ท่านเลทิเซียยกเว้นค่าความสัมพันธ์คือไม่แสดงทั้งหมดเลย
แปลกจังแฮะ
ด้วยความสงสัยฉันเลยใช้เนตรโกเมน ซึ่งเป็นเนตรที่ได้รับมาหลังจากที่ฉันได้อัญมณีโกเมนมาจากการสืบทอดของคุณราชินี
เนตรโกเมน มีคุณสมบัติมองเห็นค่าพารามิเตอร์ความเป็นอยู่ของคนนั้นๆ ได้จากที่ไหนก็ได้โดยไม่สนระยะ แต่ต้องเป็นคนที่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น
แต่ที่ฉันอยากรู้คือค่าความเป็นอยู่ของท่านเลทิเซียว่าเธอในตอนนี้รู้สึกอะไรยังไง แต่พอดวงตาฉันเปลี่ยนสีเป็นสีแดงโกเมน
‘ไม่สามารถตรวจสอบได้’
อะไรวะนิ.. นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ฉันได้แต่เกาหัวงึกๆ แต่ท่านเลทิเซียที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอ ถึงได้จ้องฉันซะขนาดนั้น”
แต่เธอก็ถามติดตลกออกมา ฉันรีบอธิบายด้วยความตกใจ
“เอ่อ.. เปล่าค่ะ.. ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณเลทิเซียจะช่วยฉันน่ะ”
“ไม่ต้องเรียกคุณหรือท่านนำหน้าหรอก เรียกฉันว่าเลทิเซียเฉยๆ ก็ได้”
“เอ๊ะ ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเป็นถึงองค์หญิง แต่ฉันเป็นแค่ขุนนาง”
“ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักเรียนนะ”
แม้จะพยายามปฏิเสธ เธอก็ยังคงพูดแบบนั้นฉันทำได้แต่ถอนหายใจ ก็นะขืนปฏิเสธต่อไปมีแต่ระทำให้บรรยากาศเสียเปล่า
ฉันจึงพยักหน้าตอบไปว่า “เข้าใจแล้วค่ะ” เพียงแค่นั้น ก่อนที่ฉันจะถาม
“จะว่าไปแล้ว พลังนี่คือพลังที่คุ— พลังที่เลทิเซียรักษาให้ฉันใช่ไหม?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“เอ่อที่ว่า.. ครั้งแรกที่รักษาให้คนอื่นนี่.. คงไม่ใช่ว่าใช้ฉันเป็นหนูทดลองนะคะ”
ฉันถามออกไปแบบนั้น ก็แหม ถึงร่างกายตอนนี้จะปกติดีแต่อาจจะส่งผลข้างเคียงภายหลังนี่น่า เพื่อความแน่ใจฉันต้องรู้ว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงในภายหลัง
ถึงฉันจะไม่ได้ถามออกไปตรงๆ แต่ท่านเลทิเซียก็เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด แต่เธอไม่เพียงไม่ได้สนใจ เธอยังตอบออกมาตามตรง
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีผลข้างเคียงอะไรหรอก เพราะตลอดมาฉันก็ลองใช้กับตัวเองแล้วล่ะ”
ใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองสินะ.. น่ากลัวแฮะ.. แต่เอาเป็นว่าถ้าไม่มีเธอฉันก็อาจจะต้องนอนโทรมพักผ่อนเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ก็ได้
“ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงตอนนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะ อนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์”
จะว่าไปฉันตกใจจนลืมแนะนำชื่อตัวเองให้กับเธอตลอดเลยนี่น่า แต่เหมือนเจ้าตัวจะรู้แล้วคงไปแอบสืบเรื่องตัวตนที่น่าสงสัยของฉันมาก่อนแล้วสิน้า
เพราะตอนแรกเธอมองว่าฉันคือตัวตนที่น่าสงสัยนี่น่า แต่เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ ก่อนที่ท่านเลทิเซียจะสลายพลังธรรมชาติในมือออกไปด่อนจะพูด
“จะว่าไปแล้ว เธอยังไม่รู้ผลลัพธ์ของการแข่งขันใช่ไหม”
เธอพูดแบบนั้นก็เดินไปทางหอพัก พวกเราก็เดินไปคุยไปตามทาง.. ฉันก็พยักหน้าตอบว่ายังไม่รู้อะไรเลย
จากนั้นเธอก็เล่าว่าหลังจากเหตุการณ์หิมะถล่มคือ ฉันถูกตัดสิทธิ์เพราะแข่งขันต่อไม่ได้และกลุ่มที่ชนะคือกลุ่มของฉัน
เพราะดูเหมือนว่าตัวไอน์สไตน์หลังจากที่ฉันโดนหิมะถล่มใส่เขาก็ไม่สามารถแข่งต่อได้ ส่วนท่านเลทิเซียก็สละสิทธิ์มารักษาให้ฉัน
แต่กลุ่มฉันก็ชนะโดยนำแค่หนึ่งแต้มเท่านั้นและแต้มที่ว่ามาจากความเลวบัดซบของเจ้าอเล็กซานที่โจมตีไอน์สไตน์ทีเผลอ
“เจ้าเด็กนั่น จะนิสัยเสียให้ถึงที่สุดเลยสิน้า”
ฉันบ่นออกมา เลทิเซียมองฉันด้วยความสนใจ
“ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยถูกกับเขาสินะ.. ทั้งๆ ที่เป็นคู่หมั้นกันแท้ๆ ?”
“อ๊ะ รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอคะ”
“ขอโทษที ไม่ได้จะทำให้รู้สึกแย่หรอกนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่คิดจะแต่งงานกับคนแบบนั้นอยู่แล้วน่ะ”
“หืม..”
ท่านเลทิเซียมองฉันด้วยความสนใจ พอได้มาคุยกันแบบนี้ฉันก็รู้สึกว่าท่านเลทิเซียเป็นมิตรและคุยง่ายมากๆ เลยนี่น่า
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเธอกลับไปเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากฉันสลบต่อ แน่นอนว่าความจริงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากจะได้ยินที่สุด
ทั้งที่คิดว่าเตรียมพร้อมจะให้ไอ้เจ้าอเล็กซานพร้อมเต็มที่แล้วแท้ๆ ใช่ หลังจากกลุ่มฉันชนะก็มีการต่อสู้กันและคนที่เป็นตัวแทนของห้องก็คือเจ้าอเล็กซาน
ฉันถอนหายใจ.. ไอ้รูทที่เจ้าอเล็กซานชนะจะมีฉากจบอยู่ประมาณสามแบบ ประกอบไปด้วยฉากจบที่ 3, 5 และ 7
ฉากจบที่สามจะเป็นฉากจบ Bad end ส่วนเจ็ดจะเป็น True End และฉากจบที่ห้า ฉากจบที่นางร้ายอย่างฉันถูกฆ่าคือ Happy end
และตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะเป็นฉากจบที่ห้ามากขึ้นอีกเช่นเดียว ฉันได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แต่ในตอนนั้นเอวท่านเลทิเซียก็พูดขึ้นมา
“แต่ว่า.. ฉันได้ไปตรวจสอบที่เกิดหิมะถล่มกับอาจารย์เวโรเน่มาแล้ว อาจารย์เวโรเน่บอกว่าหิมะถล่มไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ”
“เอ๊ะ.. หมายความว่าไง?”
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แหงล่ะเกิดขึ้นด้วยฝีมือของยัยจอมมารหมาบ้านั่นนี่น่า ตอนแรกฉันก็คิดจะบอกเรื่องที่จอมมารมาอยู่หรอก
แต่ถ้าท่านเลทิเซียรู้เรื่องที่ฉันสู้กับจอมมารได้ แม้จอมมารจะไม่ได้เอาจริง เธออาจจะมองฉันเป็นศัตรูก็ได้ ฉันเลยเก็บเงียบไว้ก่อน
พอเธอพูดเรื่องนี้ฉันก็เหงื่อตกเล็กน้อย ท่านเลทิเซียพูดต่อว่า
“จากคำบอกเล่าของไอน์สไตน์ที่อยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุ เขาได้บอกไว้ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการต่อสู้แบบไหน”
“ซึ่งอาจารย์เวโรเน่คาดเดาไว้ว่าคงมีการกางม่านพลังป้องกันไว้ด้วยทำให้ทางโรงเรียนสัมผัสไม่ได้.. แต่ก่อนที่จะเกิดหิมะถล่มได้มีเสียงสนั่นดังขึ้น”
“จากข้อสรุปเหล่านี้ เสียงลึกลับอาจจะเกิดขึ้นจากการต่อสู้ที่ไม่สามารถระบุได้ในม่านพลังนั้นจึงส่งผลให้หิมะถล่ม”
“และ..แน่นอนการต่อสู้แบบนั้นไม่ใช่ฝีมือของเด็กแน่ นั่นหมายความมี ‘ผู้บุกรุก’ และใครสักคนที่อยู่แถวนั้นคือคู่ต่อสู้ของ ‘ผู้บุกรุก’ ที่ทำให้เกิดหิมะถล่ม”
“ใช่… ผู้ต้องสงสัยที่ว่าคือ เธอไงล่ะ อนาสตาเซีย”
“เธอเป็นคนต่อสู้กับผู้บุกรุกใช่ไหม”
ท่านเลทิเซียที่เล่าถึงจุดนี้เธอก็หยุดชะงักลงและหันมาจ้องที่ฉัน ทำให้ร่างกายฉันเกิดอาการกระวนกระวาย
อาจารย์เวโรเน่อะไรนั่นจะฉลาดเกินไปแล้วป่ะ!
ท่านเลทิเซียที่เห็นท่าทางของฉันเธอก็พูดต่อว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอก ทางโรงเรียนไม่คิดจะลงโทษเธอหรอก เอาเข้าจริงควรขอบคุณเธอด้วยซ้ำ เพราะงั้นฉันต้องการจะยืนยันจากปากเธออีกรอบ เธอเป็นคนต่อสู้กับผู้บุกรุกใช่ไหม”
“…..ค่ะ”
ฉันถูกต้อนจนมุมโดยสิ้นเชิงได้แต่พยักหน้าตอบด้วยท่าทางหงอยๆ
“อืม.. แค่นี้ก็เป็นอันตกลงแหละ ตัวแทนประจำห้อง A คนที่สองคือ เธอนั่นแหละ อนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์ ทางโรงเรียนตัดสินเรียบร้อยแล้วว่าเธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นตัวแทนโรงเรียนพิเศษ..อาจารย์เวโรเน่ฝากมาบอกแบบนี้อะนะ ถ้าเธอยอมรับว่าข้อสันนิษฐานนั้นเป็นจริง”
“ห้ะ..?”
ห้ะ.. ฉันเนี่ยนะ ตัวแทน?