บทที่ 29 – รูทที่เจ็ดกับการปรากฏตัวของรูมเมจ
เอ๊ะ… เดี๋ยวสิเฮ้ย เดี๋ยวก่อน ถ้าเข้าใจไม่ผิดไอ้อีเว้นแข่งขันห้าโรงเรียนนี้แต่ละโรงเรียนจะมีตัวแทนเพียงแค่ห้าคนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ
ซึ่งในปีหนึ่งจะมีทั้งหมดห้าห้องประกอบไปด้วย ห้อง A, B, C, D และ E ก่อนหน้ามีอีกห้องมีชื่อว่าห้องพิเศษแต่ถูกยุบไปแล้ว
เพราะจำนวนคนน้อย..
แต่เอาเป็นว่าห้องของชั้นปีหนึ่งมีเพียงห้าห้องเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าในแต่ละห้องจะส่งตัวแทนไปได้เพียงหนึ่งคน
และการที่ฉันเป็นตัวแทนห้อง A คนที่สอง หมายความว่าสี่ห้องที่เหลือต้องมีบางห้องที่ไม่ได้เป็นตัวแทนนั่นเอง
แบบนั้นไม่แย่เหรอ.. ถึงฉันจะคิดว่าควรแย่งตำแหน่งตัวแทนมาจากเจ้าอเล็กซานแต่ไอ้การเป็นด้วยกันแบบนี้…
มันจะเข้ารูทที่ 7 ดิเฮ้ย รูทที่นางเอกเข้า True end กับเจ้าอเล็กซานน่ะ ซึ่งรูทนี้ฉันจะกลายเป็นตัวแทนของห้องด้วยเหตุผลบางอย่างพร้อมกับอเล็กซาน
โดยตัวเกมอธิบายไว้ว่า ตัวของอนาสตาเซียได้ใช้เส้นสายของเพื่อนและตนเองในการไปต่อรองกับห้องอื่น
เพื่อให้ตัวเองไปอยู่เคียงข้างอเล็กซานได้ แทนที่ยัยคนไม่มีความสามารถอย่างยัยนางเอกเกม ซึ่งถ้าหากเข้าอีเว้นนี้อเล็กซานจะรู้สึกรังเกียจอนาสตาเซียมากขึ้น
จึงส่งผลให้ฉากจบ ฉากจบนี้กลายเป็น True end เพราะตัวของอนาสตาเซียจะไม่มีเศษเสี้ยวความดีเหลืออยู่เลย
บทจะดันให้เธอเป็นคนชั่ว ร่วมมือกับองค์กรลับในโรงเรียนก่อนจะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดและโยนศพให้อสูรกินเพื่อความสะใจของผู้เล่นเลยก็ว่าได้
ถ้าให้แยกละก็ รูทที่ห้าอนาสตาเซียเป็นคนชั่วแต่ยังมีความเป็นคนดี แต่รูทที่เจ็ดอนาสตาเซียจะพยายามครอบครองและแย่งชิงอเล็กซานอย่างไม่ยอมแพ้
จนมีจุดที่สุดแสนจะโหดร้ายนั่นแหละ..
ที่ฉันไม่เคยคิดฝันว่าจะเข้ารูทที่เจ็ดเลยเพราะว่ารูทเจ็ดนี้จะเกิดขึ้นจากบทพูดของยัยนางเอกก่อนหน้าทำให้อนาสตาเซียโกรธจนไปร่วมมือกับคนอื่น
ใช้อำนาจในทางที่ผิดในโรงเรียน แต่ฉันไม่คิดจะทำแบบนั้นเพราะรู้ว่าถ้าทำจะเข้าสู่รูทที่โหดร้ายที่สุดนี่น่า แต่ไม่คิดว่าฉันมันจะดันซวยเพราะตัวประกอบดันฉลาดกว่าตอนเป็นเกมพาฉันเข้ารูทสุดโหดซะงั้น
แถมถ้าจำไม่ผิดรูทที่เจ็ดก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดการณ์ของนางเอกเกม นั่นหมายความว่าไงต่อให้อนาสตาเซียจะใช้กลเม็ดแบบไหน
ยัยนางเอกก็จะปรักปรำให้อนาสตาเซียเป็นคนชั่วในสายตาของอเล็กซานอยู่ดี จนท้ายที่สุดก็จะพาไปถึงฉากจบรูทที่เจ็ดอย่างที่ว่านั่นแหละ
นั่นหมายความว่า ขอแค่ฉันเป็นตัวแทนของโรงเรียนพร้อมอเล็กซาน.. ฉันก็จะถูกแผนของยัยนางเอกนั่นเข้าให้แล้วนั่นเอง
“เอ่อ. คือว่า.. ฉันขอสละสิทธิ์ได้ไหมคะ ?”
ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าการที่ไปต่อสู้กับจอมมารนั่นจะพาฉันมายังฉากนี้น่ะ
รู้แบบนี้น่าจะวิ่งหนีลูกเดียวซะก็ดีหรอก บัดซบเอ้ย! ฉันได้แต่สบถด่าความซวยบัดซบของตนเอง
“หืม.. ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ เธอไม่รู้เหรอว่าการเป็นตัวแทนมันคือโอกาสครั้งใหญ่สำหรับเธอเลยล่ะ แม้เธอจะไม่ชนะแต่มันก็สามารถกำหนดได้เลยว่าในอนาคตเธอจะต้องมีทุกอย่างเพียบพร้อมแน่นอน ยิ่งเป็นขุนนางแล้ว หลายๆ ประเทศคงพร้อมจะสนับสนุนเธอและทำให้ตระกูลเธอถูกยกระดับ หรือต่อให้เธออยากจะออกจากตระกูลตามหาความฝันก็ยังคงมีคนอีกหลายกลุ่มที่พร้อมจะสนับสนุนเธอ ฉันมองไม่เห็นว่ามันจะเป็นผลเสียตรงไหนเลยนะ”
เข้าใจค่ะ.. ฉันเข้าใจอยู่แล้ว เพราะงั้นตอนแรกถึงอยากเป็นตัวแทนของโรงเรียนไง แต่ไม่อยากเป็นตัวแทนพร้อมกับไอ้อเล็กซานนี่น่า!
จะเป็นตัวแทนห้อง A พร้อมยัยนางเอกก็ยังได้ จอแค่ไม่ใข่ไอ้หลงตัวเองอย่างอเล็กซาน เพราะมันจะกำหนดอนาคตให้ฉันตายเลยน่ะ
ประสบความสำเร็จบ้าบออะไรล่ะ ก็ชีวิตฉันจะถูกจบลงก่อนจะประสบความสำเร็จด้วยซ้ำอะ
ฉันยังคงยืนยันคำเดิมว่า
“ฉันไม่อยากเป็นตัวแทนหรอก เพราะมันเด่นน่ะ”
“เรื่องนั้นไม่จริงหรอก ตอนที่เธอสู้กับฉันตอนนั้นแม้เธอจะบอกว่ายอมแพ้ แต่ฉันก็ยังเห็นความต้องการที่จะชนะของเธอได้.. แต่พอเธอได้ครอบครองมันแล้วทำไมถึงปฏิเสธล่ะ”
เฮ้ย… ยัยคนนี้จะฉลาดเกินไปแล้วไหมนี่ แต่เธอก็ฉลาดจริงนี่หว่า ไม่งั้นคงใช้เวทมนตร์ระดับสูงไม่ได้อะนะ ก่อนที่เธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
ฉันเดาว่าเธอคงมองออกแล้วล่ะที่ฉันปฏิเสธคงเป็นเพราะเจ้าอเล็กซานน่ะ แต่คงไม่รู้หรอกว่ามันจะนำพาฉันไปสู่แฟล็กแห่งความตาย
เธอไม่ได้พูดรบเร้าฉันต่อ เพียงแต่สิ่งที่เธอพูดออกมาก็ยังทำเอาฉันท้อถอยอยู่ดี
“ช่างเถอะ ยังไงเธอก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะทางโรงเรียนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์แล้ว ถึงจะมาบอกฉันก็คงช่วยไม่ได้หรอก คนที่ช่วยเธอได้คงมีแค่ผู้อำนวยการเท่านั้นแหละ”
งั้นฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการตอนนี้แหละ ก็ฉันไม่อยากตายนี่น่า.. เพราะฉันเองก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะโดนฆ่าแม้น้อยนิดนี่น่า
เป็นชีวิตที่มีครั้งเดียวนะ!
แต่คำพูดต่อมาของท่านเลทิเซียเหมือนเธออ่านใจฉันออก
“แต่น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการหายตัวไปสักพักใหญ่ๆ ได้แล้วล่ะ”
“แล้วจะพูดขึ้นมาทำไมละเฮ้ย!”
ฉันร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดใจเล็กน้อย แต่พอรู้ว่าตัวเองพึ่งตะโกนใส่คนที่อาจจะฆ่าผู้กล้าและมนุษย์ไปมากกว่าร้อยล้านคนก็ต้องรีบเอามืออุดปากทันที
ก่อนจะแอบมองสีหน้าท่านเลทิเซีย แต่เหมือนเธอจะไม่ได้โกรธอะไร มันจึงทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ยังไงซะก็ตามนั้นนั่นแหละ เธอไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธหรอก มีแต่ต้องทำให้เต็มที่เท่านั้นล่ะ งั้นไว้เจอกันใหม่แล้วกัน”
“เฮ้อ.. เข้าใจแล้วล่ะ”
พอคุยกับท่านเลทิเซียถึงเรื่องต่างๆ พวกเราก็เดินมาถึงที่พักของตัวเองแล้วท่านเลทิเซียเลยแยกตัวไปทางห้องพักของตัวเอง
ส่วนฉันเองก็เดินกลับห้องพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำ.. แต่พอยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวนี่จึงทำให้ฉันต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“อะไร.. ทำไมเจ้าดูอาลัยตายอยากขนาดนั้นล่ะ”
“ก็แหงสิ.. ถ้าขืนเป็นแบบนี้ฉันมีหวังโดนฆ่าอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสแน่นอน แถมการตายที่จะเกิดขึ้นในเส้นทางนี้มันโหดร้ายกว่าก่อนหน้าเป็นไหนๆ เลยด้วย”
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจที่เจ้าจะบอกหรอกนะ.. แต่ถ้าเป็นเจ้าคงต้องผ่านไปได้แน่”
“ต้องบอกว่า เป็นแค่ฉันจะผ่านไปได้ยังไงมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ข้าน่ะ รู้จักเจ้าหรอกน่า.. ไม่เช่นนั้นเจ้าคงผ่านด่านทดสอบอัญมณีโกเมนมาไม่ได้ตั้งตอนอายุเท่านั้น ข้าน่ะเชื่อในตัวเจ้าน่ะ”
พอโดนพูดแบบนั้นใส่ตรงๆ ด้วยใบหน้าของสกาเล็ตก็ทำฉันเขินจนแก้มแดงเหมือนกันนะเออ.. ฉันมองหน้าสกาเล็ต
เธอเองก็มองมาที่ฉัน..
“ก็ได้ๆ เข้าใจแล้ว เถ้าฉันไม่ไหวก็ฝากเป็นหน้าที่ของเธอแล้วกันนะ”
“แน่นอน.. พวกเราเป็นคู่หูกันนี่น่า”
ใช่.. ตอนนี้ฉันมีสกาเล็ตอยู่ไม่เหมือนตอนที่อยู่โลกเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันเป็นคนใหม่และฉันพึ่งพาสกาเล็ตได้
ในสถานที่ทดสอบอัญมณีโกเมนนั้น เป็นสถานที่ที่พวกเราได้ผ่านพ้นมันมาด้วยกันแล้ว..
เอาล่ะ..
ถ้างั้นก็มาลองท้าทายกันดูสักตั้ง.. รูทที่เจ็ด สิ่งที่ฉันต้องทำนั้นก็คงต้องมีการเล่นไม่ซื่อบ้างแล้วล่ะ
แผนฉันง่ายมากนั่นคือการทำให้การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในงานแข่งขันห้าโรงเรียน.. ฉันก็ชิงจัดการเจ้าอเล็กซานก่อนซะก็พอ
ในเมื่อเป็นแบบนี้ กระทืบคู่หมั้นกลางสาธารณชน ไม่ว่าจะใครก็คงมองว่าฉันไม่ได้มีความชอบไอ้หมอนี่เลยสักนิดแหละ
แต่ฉันก็ไม่ตายใจหรอกนะ.. เพราะในโลกนี้มีตัวตนอย่างยัยนางเอกเซเลน่าดำรงอยู่!
ฉันจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์..
พอตัดสินใจแบบนั้นก็เดินมาถึงหน้าห้องแล้ว เหมือนไฟในห้องจะปิดไปแล้วรูมเมจฉันก็คงหลับไปแล้วละมั้ง…
ฉันใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมากแต่วินาทีที่เปิดประตูเข้าไป ในห้องก็มีโคมไฟถูกจุดติดตามลำดับไปทีละขั้นๆ
จนถึงอีกฟากห้อง.. และตรงนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอมีผมสีขาวอ่อนๆ ทรงทวินเทลปิดตาด้วยผ้าข้างหนึ่ง สวมชุดโกธิคสีดำแดง
ให้ความรู้สึกแบบแม่มดเปลวทมิฬอะไรแบบนั้น ที่มือถือคทาอยู่ด้วย..
“มาถึงสักทีสินะ.. เพื่อนร่วมห้อง.. ไม่สิ.. ผู้ที่ถูกผูกพันดวงชะตากับข้าตั้งแต่ชาติปางก่อน สหายแห่งข้า!”
ฉันรีบปิดประตูดัง ‘ปัง’ ทันทีล่ะ..
เอิ่ม.. ใบหน้าเมื่อกี้มันใช่เพื่อนรูมเมจที่เคยนอนด้วยกันเมื่อคืนจริงไหม ตอนที่เห็นเธอหลับเมื่อคืนเธอก็เหมือนเด็กปกติไม่ใช่เหรอ..
แต่ไอ้เมื่อสักครู่นี่มัน.. ฉันกุมขมับเล็กน้อย
อย่าบอกนะว่า ฉันมีเพื่อนร่วมห้องเป็นสาวประเภทสดใสร่าเริงไปทั่วอีกคน ขอร้องล่ะ โลกนี้จะมีเด็กผู้หญิงคาแร็คเตอร์แบบนี้เยอะไปไหน…
อีกอย่างเมื่อสักครู่นี่มันดูยังไงก็… ‘จูนิเบียว’ ไม่ใช่หรือไงกัน!