บทที่ 34 – แคลร์
พอฉันจ้องไปเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเจ้านีโอ เหมือนเด็กนั่นจะรู้สึกถึงสายตาฉันเลยหันมามองฉัน แต่ฉันก็หันหน้าหนีทันที
ฉากจบในรูทของเจ้านีโอตัวอนาสตาเซียเองก็จบไม่สวยหรอก เพราะงั้นเจ้าคนชั่วนี่ฉันต้องวางแผนรับมือมันให้ดี
“เจ้าน่ะ ดูไม่ค่อยใส่ใจที่อาจารย์พูดเลยนะ”
ในตอนนั้นเองนักเรียนหญิงที่อยู่แถวสองข้างฉันก็ทักฉันขึ้นมาซะอย่างนั้น ฉันเลยหันไปดูต้นเสียง ถึงได้สะดุ้ง
เธอมีร่างกายที่สูงกว่าฉัน ใบหน้าของเธอดูเรียบนิ่ง สุขุมและเยือกเย็นมาก ไว้ผมยาวทรงฮิเมะคัต ผสมกับสีผมที่เป็นสีม่วงอมดำ
ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกเหมือนคนเย็นชา..
สาเหตุที่ฉันสะดุ้งไม่ใช่เพราะว่าเธอสวยเกินไปหรอกนะ.. เอ่อ ไม่สิ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ฉันตกใจเพราะเธอมีเสน่ห์มาก
แต่วินาทีที่ฉันเห็นหน้าเธอคำแรกที่วิ่งมาในหัวของฉันคือ
‘สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวัลพูร์กิส’
หนึ่งในตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเกมพิชิตหัวใจรักเกมนี้ น่าสงสารจนฉันเก็บเรื่องของเธอไปฝันเลยล่ะ
ในมุมมองของนางเอกเกมอย่างยัยเซเลน่า ตัวละครตัวนี้คือนางร้ายที่ขัดขวางเธอยิ่งกว่าตัวฉันหรืออนาสตาเซียซะอีก
เธอคนนี้เป็นคู่หมั้นของริชแมน แน่นอนว่าเธอเป็นมนุษย์ แต่อดีตของเธอคนนี้เนื่องจากเกิดมาในคืน ‘วัลพูร์กิส’ เป็นหนึ่งในความเขื่อรูปแบบหนึ่งบนโลกนี้
คืนวัลพูร์กิส คือคืนวันที่ 30 เมษายน ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม เธอคนนี้เกิดมาในคืนนั้นพร้อมกับปานที่ต้นคอ
ซึ่งมันทีความเชื่อว่าการเกิดในวันนี้พร้อมปานที่ต้นคอคือเด็กต้องสาปที่เกิดขึ้นมาจากการร่วมมือของเหล่าพ่อมดและแม่มด
และแน่นอนว่า.. เธอถูกเอาไปทิ้งไว้ที่ชายแดนปีศาจและก็ถูกบิดาของริชแมนเก็บไปเลี้ยงเขาเห็นศักยภาพในตัวของเธอเลยตัดสินใจให้เธอหมั้นกับริชแมน
เพราะในอนาคตหากริชแมนโดนรังแก คนที่ต้องคอยช่วยเหลือเขาคือเธอ ว่าง่ายๆ จงเป็นพลังให้กับริชแมนซะนั่นแหละ
แม้ริชแมนจะรู้สึกไม่ชอบเพราะเหมือนกับโดนกีดกันให้ไปแต่งงานกับชนชั้นต่ำที่ต่ำกว่าตนเอง แต่ในด้านตรงกันข้ามกับริชแมน
เธอคนนี้นั้นเคารพในตัวของบิดาริชแมนมากที่เก็บเธอมาเลี้ยง ทำให้เธอพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นคนที่ถูกใจริชแมน
แต่ริชแมนก็มักทำตัวเย็นชาใส่เสมอ จนทำให้จิตใจของเธอค่อยๆ พังทลายไปตามกาลเวลาจนเข้าโรงเรียน
ริชแมนไปชอบยัยเซเลน่า ทำให้เธอยิ่งเกิดคำถามสับสนกว่าเดิม แต่แทนที่จะเลือกเข้าไปหาและพยายามสนิทแบบอนาสตาเซีย
เธอคนนี้กลับใช้เวลาในโรงเรียนในการแอบปกป้องริชแมนอยู่ห่างๆ .. ซึ่งสาเหตุที่เซเลน่ากลัวเธอคนนี้เพราะเธอเป็นคนที่มีพลังเยอะมาก
และหากเซเลน่าบริหารเวลาไม่ดี ริชแมนจะหันไปตกหลุมรักความทุ่มเทของเธอคนนี้ได้นั่นเอง กล่าวคือนางร้ายคนนี้เป็นนางร้ายที่จะไม่บุกเข้าหา
แต่จะต้องให้ผู้เล่นคอยกำกับเวลา กำกับสิ่งที่เป้าหมายในการจีบชอบพอถูกใจอย่างสม่ำเสมอ เพราะงั้นจึงเป็นรูทที่ยากพอสมควร
ในขณะเดียวกันก็มีรูทที่เธอคนนี้ปกป้องริชแมนจนยอมเสียสละตัวเองเช่นกัน..
เธอมีชื่อว่า แคลร์ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวัลพูร์กิส.. หญิงสาวผู้ไม่เคยไปถึงปลายทางแห่งความรู้สึก
แต่ตอนเริ่มเกมถ้าตัวเอกไม่ได้เลือกรูทของริชแมน จิตใจของเธอจะยังไม่ถูกทำลาย แต่เมื่อไหร่ที่เข้ารูทริชแมนนั่นแหละทุกอย่างจะสายเกินแก้
ถามว่าเธอชอบริชแมนไหม ก็ชอบนั่นแหละ.. เพียงแต่ว่าในตอนแรกเธอแค่คิดว่าตัวเองชอบเพราะทำตามที่พ่อริชแมนบอกเท่านั้น
แต่เมื่อเดินเรื่องไปเรื่อยๆ พอเธอเห็นเซเลน่าสนิทกับริชแมนเธอจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วล่ะนะ ว่าตัวเองชอบริชแมน
“ถ้าหากเธอมีตัวตนอยู่จริง ฉันจะดึงเธอให้หลุดออกมาจากบ่อโคลนแห่งความรู้สึกติดหนี้บุญคุณ”
นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดไว้.. เอาเถอะ นี่ไม่ใช่รูทริชแมนดังนั้นฉันต้องอาศัยความโชคดีนี้สนิทกับเธอเข้าไว้เพื่อไม่ให้เธอต้องถูกพาก้าวเดินไปในเส้นทางที่แสนเจ็บปวดล่ะ
“จ้องข้าขนาดนั้น.. มีอะไรติดที่หน้าข้าเหรอ ?”
แคลร์พูดขึ้นทำให้ฉันถูกพากลับมาในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
“อ๊ะ เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวเธอดูสงบจนน่าประหลาดน่ะ”
“หมายความว่าไงน่ะ ?”
“อืมม ไม่รู้เหมือนกัน”
ฉันพูดออกไปตามที่ตัวเองติด ก็ตอนคุยกับเธอมันให้ความรู้สึกสงบนิ่งจริงๆ นี่น่า เหมือนกับว่าทุกอย่างรอบตัวไม่หลงเหลือความวุ่นวายเลยล่ะ
แคลร์มองหน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้านี่แปลกคนจัง.. ตั้งแต่ที่มาถึงโรงเรียนก็มีเจ้าคนแรกเลยล่ะที่ข้าทักแล้วไม่คิดว่าข้ามาหาเรื่องน่ะ”
“เอ๊ะ เป็นงั้นเหรอ”
ถึงฉันจะทำหน้าตกใจแต่ก็รู้อยู่แล้วละนะ.. เพราะเธอแสดงสีหน้าออกไม่เก่งเพราะโดนริชแมนรังแกแบบไม่สนใจไยดีมาตั้งแต่เด็ก
ทำให้เธอไม่รู้จะวางตัวยังไงเมื่ออยู่กับเพื่อนวัยเดียวกัน พอเธอเข้าไปทักคนอื่นด้วยสีหน้านิ่งๆ แถมเธอชอบทักด้วยวิธีแปลกๆ เช่น
“เดินแบบนั้นไม่ระวังเลย”
พอโดนคนไม่รู้จักที่มีสีหน้าตายด้านพูดใส่ เป็นใคร ใครก็ต้องตกใจนึกว่ามาหาเรื่องอยู่แล้วสิ
แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นงุนงงอยู่ เฮ้อ.. ทักษะการแสดงฉันเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยตั้งแต่มาอยู่โลกนี้เนี่ย
“ใช่แล้วล่ะ อ้อ ข้ามีชื่อว่า แคลร์ เจ้าล่ะ?”
“ฉันเหรอ ฉันชื่อว่าอนาสตาเซีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ถึงจะเป็นการทักทายแบบง่ายๆ แต่ตัวของแคลร์ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไปสมัครงาน ผสมกับสีหน้าที่นิ่งสุขุมของเธอแล้ว…
ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังสัมภาษณ์คนมาสมัครงานมากกว่าแนะนำตัวในฐานะเพื่อนมากกว่าเลยละนะ
ในขณะที่พวกเราคุยกันอยู่นั้น คนอื่นก็เริ่มหันไปคุยกันเหมือนฉันกับแคลร์จนกลายเป็นว่าภายในห้องประชุมมีเสียงแทรกซ้อนอยู่มากมาย
จนอาจารย์ที่พูดอยู่ต้อง
“อะแฮ่ม”
ออกมาอีกครั้งทำให้นักเรียน รวมถึงฉันและแคลร์กลับมายืนตัวตรงนิ่งเงียบเหมือนเดิม อาจารย์ไม่ได้พูดว่านักเรียนแต่เขาเลือกจะพูดต่อ
“ในการแข่งขันตำแหน่งนักเรียนดีเด่นหลังจากปรับปรุงกฎใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเราจะเรียกงานแข่งนี้ว่า ‘เฟสเตอร์’ โดยของรางวัลชนะงานเฟสเตอร์จะเปลี่ยนจาก ‘อาร์ติแฟ็ค’ เป็นอย่างอื่นด้วยเช่นกัน”
“เหตุผลก็คงไม่ต้องบอก อาร์ติแฟ็คนั้นเป็นวิทยาการจากชิ้นส่วนเวหาที่พึ่งพังทลายลงไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เราไม่สามารถหาอาร์ติแฟ็คเพิ่มได้อีกแล้ว”
“ตอนนี้อาร์ติแฟ็คจึงเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินตราใดๆ ในโลกจะประเมินได้”
นักเรียนที่ฟังถึงข้อเท็จจริงนี้บางคนถึงกับถอนหายใจอย่างผิดหวังเลย อาร์ติแฟ็คคืออุปกรณ์ที่ผสมผสานเวทมนตร์และเทคโนโลยีนำสมัยเข้าด้วยกัน
แน่นอนไอ้ที่พึ่งพูดไป ‘อุปกรณ์เวทมนตร์’ ก็คือเทคโนโลยีที่ผสมผสานกับเวทมนตร์ แต่อาร์ติแฟ็คนั้นไม่เหมือนอุปกรณ์เวทมนตร์ตรงที่ว่า..
พวกมันเปรียบเหมือนไอเทมที่สามารถสร้างเวทมนตร์และใช้งานด้วยตัวเองได้ หากนึกภาพไม่ออกก็นึกภาพเครื่องจักรขึ้นมา
โดยปกติเครื่องจักรต้องใช้พลังงานในการเดินเครื่อง แม้แต่อุปกรณ์เวทมนตร์ยังต้องใช้เวทมนตร์ในการทำให้มันทำงาน
แต่อาร์ติแฟ็คนั้นแตกต่าง วัสดุของชิ้นส่วนอาร์ติแฟ็คมันล้วนมีเวทมนตร์ด้วยตัวของมันเอง.. ว่าง่ายๆ คือไอเทมโกงนั่นแหละ
ดังนั้นคนที่หวังจะชนะงานแข่งนี้ บางคนอาจจะไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองด้วยซ้ำ พวกเขาสนใจเพียงแค่อาร์ติแฟ็คระดับสูง
พอรู้ว่ารางวัลนี้จะถูกยกเลิกเป็นใคร ใครก็ต้องถอนหายใจอย่างผิดหวัง
แต่ฉันรู้แต่แรกอยู่แล้วอะนะ.. จากในเกมน่ะ
แถมรางวัลที่เปลี่ยนไปนั้นดีกว่าอาร์ติแฟ็คเยอะเพราะว่า…
“แต่อย่างกังวลไป พวกเราได้เตรียมรางวัลใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อไว้ให้แล้ว”
ว่าแล้วอาจารย์ก็ยกนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว พร้อมกับพูดขึ้น
“1 อย่าง.. พวกเธอสามารถขออะไรก็ได้กับห้าโรงเรียนหนึ่งอย่างตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือจริยธรรมของโลก”
“ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่อยู่ในการควบคุมโรงเรียนหรือแม้แต่ในอาณาจักรมิราลิส.. ทางโรงเรียนและอาณาจักรมิราลิสได้ลงมติว่าจะขออะไรก็ได้!”
ใช่.. ไอ้นี่แหละ.. ไอ้นี่แหละ
ตัวแปรสำคัญในอีเว้นครั้งนี้!