บทที่ 40 – อนาสตาเซียกับข้อสงสัย
แน่นอนว่าฉันยังไม่มีสักอย่าง สาเหตุที่ไอน์สไตน์ถามอาจจะเพราะรู้ว่าฉันยังไม่มีอะไรพวกนั้นละมั้งนะ
เป็นคนดีซะจนรู้สึกน่านับถือจริงๆ เลยแฮะหมอนี่ เอาเถอะเรื่องกฎการณ์แข่งขันฉันรู้หมดแล้วล่ะ สิ่งที่พวกเราต้องไปแข่งน่ะไม่ได้มีแค่ต้องใช้กำลังอย่างเดียวหรอก
ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าไม่ได้ใช้แต่กำลังคงจะไม่ถูก.. ต้องบอกว่าใช้กำลังเพื่อผ่านสิ่งต่างๆ ไปแค่นั้นแหละ
และหลังจากรอมานานทั้งวัน พวกเราก็ถูกเรียกไปที่เกทในเย็นของวันเดียวกัน ประตูเกทที่ปรากฏตรงหน้าฉันคือประตูทรงไข่ขนาดใหญ่
โดยตรงกลางจะมีเหมือนหมวกสีม่วงทมิฬหมุนวนอยู่ ขอบประตูทรงไข่เหมือนทำจากแร่ชนิดพิเศษด้วย
เมื่อมาถึงเกทเหล่าอาจารย์ก็ไม่ลืมที่จะให้ความรู้นักเรียน อันที่จริง อาจารย์เหล่านี้ก็เป็นคนที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรมิราลิส เดิมทีพวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อาณาจักรนู้นนั่นแหละ
“นี่คือ ‘เกท’ ครั้งก่อนข้าไม่ได้อธิบายเนื่องจากเวลากระชั้นชิดเกินไป.. แต่เกทนั้นถูกสร้างด้วยแร่ชนิดพิเศษที่สามารถหาได้เพียงใน ‘โบราณสถาน’ เท่านั้น”
โบราณสถานเหมือนจะเป็นซากปรักหักพังในอดีตกาลละมั้ง ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกเพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ในเกม
“โบราณสถานคือซากอารยธรรมที่เกิดขึ้นมานานกว่าพันปีก่อน ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่ถูกลืมมาอย่างยาวนาน”
“อาณาจักรมิราลิสได้ค้นพบแร่นี้ ซึ่งมันถือกำเนิดขึ้นมาจาก ‘แร่อัลเทเนี่ยม’ ซึ่งเกิดการแปรเปลี่ยน มันจึงถูกเรียกว่า ‘แร่เซราบิก’ ด้วยความหายากของมันทำให้ ‘เกท’ นั้นไม่สามารถสร้างสุ่มสี่สุ่มห้าได้”
“เพราะเหตุนั้น ‘เกท’ ถึงถูกสร้างขึ้นเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญของโลกเท่านั้นนั่นเอง เพราะเรายังไม่สามารถผลิตแร่เซราบิกได้ด้วยตัวเอง”
พออธิบายเสร็จนักเรียนทุกคนก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเกท.. เอาเถอะ ถึงจะบอกว่าหายาก แต่เกทนี้ก็เชื่อมต่อไปแทบทุกอาณาจักรทั่วทวีปแล้ว
เพราะถึงอาจารย์จะบอกว่ายังผลิตแร่เซราบิกไม่ได้ แต่พวกเขายังสามารถสร้างแร่เซราบิกเทียมได้แล้ว
แต่ขอบเขตจะอ่อนด้อยกว่าของจริง แต่นั่นมันก็ใช้ได้สำหรับอาณาจักรที่ห่างกันไม่มาก พวกอาณาจักรใกล้เคียงอะไรแบบนั้น
ถึงฉันจะไม่รู้ระยะที่แน่ชัด แต่ที่อาณาจักรไซลอปที่ห่างจากอาณาจักรมิราลิสไปคนละทิศ ละทางเลย เกทที่ติดตั้งอยู่ในอาณาจักรไซลอปยังใช้แร่เซราบิกเทียมเลยแหละนะ
แต่ในทางกลับกัน การเคลื่อนย้ายแต่ละครั้งของเทียมและของแท้คือ ของเทียมจะต้องใช้พลังงานบางอย่างจากภายนอก
แต่ของแท้จะผลิตพลังงานได้ด้วยตัวเอง ถ้ายิ่งใช้เกทมากเท่าไหร่นิ่งเสียพลังงานมากเท่านั้นนั่นเอง
ต่างกับของแท้ที่ไม่ต้องใช้งานพลังงานจะเคลื่อนย้ายกี่คนต่อกี่คนก็ไม่เป็นปัญหา.. เพราะงั้นฉันคิดว่าเกทที่โรงเรียนน่าจะเป็นเกทที่ทำจากแร่เซราบิกแท้
“เอาเป็นว่าตามนั้น ออกนอกเรื่องมาพร้อมแล้ว.. ทุกคนพร้อมหรือยัง.. ตอนเคลื่อนย้ายจะรู้สึกเวียนหัวอยู่นิดหน่อย อดทนกันด้วยล่ะ”
อาจารย์พูดแบบนั้นก็เดินเข้าเกทไปแทบทันที พวกเราห้อง A ก็เป็นห้องแรกที่ถูกพาเข้าเกท อาจารย์หลายคนก็มาช่วยกำกับการเดินทางผ่านเกท
พอฉันก้าวเข้าเกทนั้นทุกอย่างก็พร่ามัวอย่างรวดเร็ว เหมือนโดนใครสักคนมาปิดตาเอาไว้ และร่างกายก็รู้สึกเหมือนลอยเคว้งครู่หนึ่ง
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยืนอยู่.. แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะพอดวงตาฉันมองชัดเจนอีกทีหนึ่งภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป
จากทิวทัศน์ของโรงเรียน.. บัดนี้ตรงหน้าฉันได้มีตึกสูงระฟ้าเรียงรายกันอยู่มากมาย.. พร้อมแสงแพรวพราว
วินาทีหนึ่งฉันเผลอนึกไปว่าฉันกลับไปโลกเดิมแล้วด้วยซ้ำ..
เมืองหลวงอาณาจักรมิราลิส เมือง มิราลิส
เมืองที่พัฒนาก้าวหน้ามากที่สุดในโลกใบนี้!แม้ฉันจะเคยเห็นในเกมมาก่อนแล้วแต่ตอนนั้นมันก็แค่ภาพ CG 2 มิติ แต่พอเป็นจริงตรงหน้า
แถมยังอยู่ในโลกที่ไม่พัฒนาไปไกล จึงทำให้ฉันตระหนักว่าเมืองแบบนี้ไม่สามารถหาได้ในโลกนี้.. ไม่สิ ความไฮเทคนั้น ในโลกเดิมฉันก็เทียบตรงหน้าไม่ได้
ในสองเดือนที่ผ่านมาหลังจากเหตุการณ์ ‘แสงเทพมารมรณะ’ นั่น ซึ่งอาณาจักรมิราลิสถูกลักลอบเข้ามาโดยผู้กล้าคนหนึ่ง
อีกทั้งยังค้นพบว่ามีการวิจัยที่ผิดศีลธรรมของรัฐมนตรีคนเก่าอยู่.. ทำให้อาณาจักรมิราลิส ไม่สิ.. นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
เธอมีชื่อว่า ‘เซนิส’ มั้ง..
และเธอก็เป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง แถมยังบริหารประเทศนี้อยู่ด้วย ตอนแรกเธอตัดสินใจลาออกเพราะความผิดพลาดเมื่อสองเดือนก่อน
แต่เมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้ง เธอก็ถูกประชาชนเลือกเธอกันอีกอยู่ดี.. ทำให้ภายในสองเดือนนี้เธอเปลี่ยนแปลงเมืองทั้งเมืองใหม่หมด
ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะที่ยังไม่ถูกจัดจำหน่าย เพราะคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะจำหน่าย แต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นทำให้นายกรัฐมนตรีเซนิส
ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยานพาหนะที่ว่าคือ ‘รถบินได้’ ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกภาพหนังหรือการ์ตูนไซไฟมาสักเรื่อง
แล้วนึกว่าเรื่องนั้นมีรถสี่ล้อบินได้.. นั่นแหละ.. นี่เหมือนกันเลยแค่นี่ไม่ใช่ไซไฟ แต่เป็นเวทมนตร์เท่านั้นเอง
แต่ไม่ว่าจะรูปทรง หรือลักษณะไม่ว่าจะดูยังไงก็คือโลกอนาคนไซไฟอ่ะ… ความแฟนตาซีเมื่อมาอยู่ในอาณาจักรมิราลิสนี้ก็หายจนหมด
ฉันเชื่อว่าถ้ามาอยู่ในเมืองนี้ตอนข้ามโลกมา ฉันน่าจะเข้าใจผิดว่าโลกนี้เป็นโลกในอนาคตแน่ๆ …
แน่นอนว่าของพวกนี้นายกรัฐมนตรีเซนิสก็ส่งขายออกนอกประเทศอยู่บ้าง แต่ก็อย่างที่ว่าอาณาจักรมิราลิสที่เป็นประชาธิปไตยนั้น
มีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นพวกขุนนางอะไรแบบนั้น ถ้าใข้ระบบประชาธิปไตยบทบาทพวกเขาจะหายไปทันที ดังนั้นพวกเขาเลยต่อต้าน
นอกจากนี้ยังมีคนมีแนวคิดว่า ‘วิทยาศาสตร์’ นั้นใช้งานจริงไม่ได้ อีกด้วยทำให้พวกเขาต่อต้านแนวคิดของวิทยาศาสตร์
ก็เหมือนโลกเดิมฉันที่ไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์นั่นแหละ
แน่นอนว่าคนในโลกนี้ไม่นับว่าหลักการที่พวกเขาคิดเพื่อสร้างเวทมนตร์คือ ‘วิทยาศาสตร์’ กันหรอกนะ พวกเขาคิดว่ามันคือเวทมนตร์
เช่น ไฟเกิดขึ้นจากอะไรบ้าง .. นั่นคือหลักการเวทมนตร์ไม่ใช่หลักการวิทยาศาสตร์ สาเหตุที่สร้างไฟด้วยหลักการเวทมนตร์เหล่านั้นได้ เพราะมีเวทมนตร์อยู่
เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของความเชื่อ ฉันในฐานะที่อยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์มาก่อนก็ไม่คิดเห็นอะไรหรอก
สาเหตุที่วิทยาการพวกนี้เผยแพร่ไปโลกด้านนอกไม่ดี เป็นเพราะเรื่องการเมือง การผูกขาดตลาดของรถม้า
ก็นะ โลกนี้ไม่มีกฎหมายห้ามผูกขาดตลาดนี่น่า.. เอาเป็นว่าสงครามการค้าหรือการเมืองฉันเองก็ไม่สันทัดหรอก
แต่ไอ้ไม่มีกฎหมายการห้ามผูกขาดนี่เหมือนประเทศหนึ่งในโลกเดิมฉันเลย ผูกขาดตลาดแบบโง่ๆ กันซะบริษัทเล็กๆ ไม่ได้โตเลย
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรมิราลิสค่ะ”
ในขณะที่ฉันมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น.. พวกเราหันไปมองต้นเสียงเพราะเสียงค่อนข้างจะประหลาด
อีกฝ่ายคือผู้หญิงผมสีขาวสวมชุดเมดอยู่ด้วย แต่ท่าทางของเธอนั้นแน่นิ่งเหลือเกิน.. ใช่ เธอเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์
ในขณะเดียวกันห้องอื่นๆ ก็ตามพวกเรามาและมีหุ่นยนต์เมดกำลังให้การต้อนรับเหมือนกัน
“ฉันเป็นผู้ดูแลนักเรียนห้อง A จากโรงเรียนลิเบอร์ นามว่า เบต้า ค่ะ”
“ก่อนอื่นเลยนักเรียนทุกท่านกรุณาสวมใส่สิ่งนี้ไว้ที่แขนด้วยค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็ยกสายรัดสีดำขึ้นมาก่อนจะยื่นให้หัวแถวและก็ให้นักเรียนแจกกัน และจำนวนสายรัดก็ครบกันทุกคนพอดี ไม่ขาดหรือเกิน
“สายรัดนี้แต่ละเส้นจะเป็นการยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นๆ ว่ามีตัวตนอยู่ในเมืองแห่งนี้จริงและคุณสมบัติของสายรัดจะแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ ”
“ประเภทหนึ่ง แขก ประเภทสอง ผู้อยู่อาศัย และประเภทสุดท้ายนักเดินทาง”
“โดยนักเรียนทุกคนจะถูกต้อนรับในฐานะ ‘แขก’ ค่ะ”
“สวมมันไว้ที่แขนได้เลยค่ะ”
ว่าแล้วนักเรียนก็สวมมันไว้ที่ต้นแขนขวาหรือซ้ายก็ได้ ฉันเองก็ทำเหมือนกัน พอสวมใส่เสร็จสายรัดก็เปลี่ยนสีเป็นสีขาวทันที
แต่น่าแปลกที่ฉันต่างจากคนอื่นเพราะฉันกลายเป็นสีฟ้า..
“แน่นอนว่าแขกก็มีหลายประเภทเช่นกันค่ะ แขกผู้มีเกียรติ แขกผู้มาเยือน แขกที่ค้าขาย และอื่นๆ ”
“ซึ่งสีสายรัดนั้นจะบอกถึงประเภทของแขกอีกทีค่ะ.. นักเรียนทุกท่านที่เป็นสีขาวจะถูกนับว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติค่ะ เนื่องจากเป็นการสัญญาร่วมระหว่างโรงเรียนทั้งห้ากับอาณาจักรมิราลิส ทุกท่านจึงจะถูกปฏิบัติอย่างดีเยี่ยมค่ะ”
“สำหรับคนที่ได้รับสายสีฟ้า จะเป็นแขกพิเศษค่ะ.. สำหรับคนที่มีสายสีฟ้านั้นจะเป็นแขกพิเศษที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนค่ะ”
ในขณะที่เธออธิบายสิ่งต่างๆ สายรัดที่แขนฉันก็มีชื่อฉันโผล่ออกมา ก่อนจะตามมาด้วยเส้นตรงสีดำใหญ่บ้างเล็กบ้างเรียงกันเป็นแถบ
เดี๋ยวนะ บาร์โค๊ดเหรอ..
ฉันชักจะสงสัยแล้วนะ.. ว่าไอ้คนที่คิดค้นอะไรแบบนี้ ไม่สิ คนที่สร้างอาณาจักรนี้ขึ้นมา.. เป็นคนที่มาจากต่างโลกเหมือนกับฉันหรือเปล่า?
ไม่ว่าจะเป็นบาร์โค๊ด การปกครอง ตึกสูง รถ.. ทุกอย่างเลย
มันเหมือนกับว่า..
ถูกสร้างขึ้นมาโดนรู้จักเรื่องพวกนี้มาก่อนงั้นแหละ