บทที่ 44 – ฮันน่าห์
แย่แล้ว.. แบบนี้แย่แล้ว ฉันยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ห่างออกไป ในฐานะนางร้ายแล้วการเห็นนางเอกโดนตบมันเป็นลาภอันประเสริฐสุขของฉัน
แต่ไอ้แบบนี้มันผิดจากที่คิดไว้.. เพราะในเกมเวลาที่นางเอกจะมาเจอกับคนพวกนี้จะเป็นตอนแปดโมงครึ่ง
แต่เพราะฉันไปทำให้ไอ้คุณนางเอกช้าเพราะฉันเผลอไปทักเธอกลางทาง ทำให้เวลาที่เธอมาเจอพวกนี้ควรจะถูกเลื่อนออกไปประมาณสิบนาที
ดังนั้นฉันเลยคิดว่าจะมาแอบจับตามองการกระทำของยัยนางเอกก่อนที่นางเอกจะเจอกับคนพวกนี้
เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงเกินไปฉันต้องไปขัดขวางแทน เพราะเจ้าพวกเป้าหมายในการจีบมันมาไม่ได้แล้วนั่นแหละ
แน่นอนว่าถึงจะบอกว่าขัดขวางฉันก็ไม่โผล่หน้าไปตรงๆ หรอก ฉันจะใช้วิธีลอบเร้นเอา… อันที่จริงอยากลอบเร้นดูบ้างในต่างโลกอะนะ
แต่เหมือนทุกอย่างจะผิดไปหมด นางเอกเซเลน่ามาเจอคนพวกนี้เวลาเดิมเป๊ะเลยแถมยังเริ่มทะเลาะกันไปได้พักหนึ่งแล้วด้วย
และจากคำพูดที่มั่นใจชวนหาเรื่องของนางเอก ฉันก็พอเดาได้เลยว่ายัยนี่เลือกปรนัยไปแล้วตอนเมื่อคืนในฝัน
ก็แหม.. เซเลน่าตอนนี้ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรหากยังไม่จบอีเว้นใหญ่ครั้งนี้ได้เพราะงั้นเธอจะเป็นแค่เด็กสาวที่ใช้เวทมนตร์ได้นิดหน่อย
ซึ่งเจ้าตัวไม่ใช่คนโง่ เจ้าตัวรู้เรื่องขีดจำกัดความสามารถดี.. แต่การที่เจ้าตัวกล้าพูดแบบนี้ใส่ตรงๆ หมายความว่าเธอมีไพ่ตาย
ซึ่งไพ่ตายที่ว่าก็คงเป็นเป้าหมายในการจีบนั่นแหละ แต่ประเด็นคือฉันเป็นคนไปหยุดพวกเป้าหมายในการจีบหมดแล้วนี่หว่า
และก็เป็นตามคาด ยัยนางเอกเซเลน่าโดนตบเพี๊ยะเข้าให้จนเลือดไหลออกมาจากจมูก…
“เฮ้ยๆ แรงไปไหมนั่น…”
ฉันอุทานออกมา ฉันในฐานะเล่นเกมนี้มาบ่อย.. คนที่จะเข้ามาขวางตอนที่เซเลน่ากำลังจะโดนตบต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการจีบ
แต่เพราะไม่มีคนมาขัดขวางเธอจึงโดนตบเข้าอย่างจัง ยัยเซเลน่าก็ยืนนิ่งอึ้งมึนงงอยู่ครู่ใหญ่เลยก็ว่าได้
เธอยกมือจับไปที่แก้มของตัวเอง…
“อะไร .. หือ โดนตบทีเดียวเป็นงงเลยเหรอ?”
สาวแกลที่เห็นสิ่งตรงหน้าก็หัวเราะแล้วถามออกมาด้วยท่าทางที่เหนือกว่า เพียงแต่นางเอกเซเลน่าเหมือนจะไม่ตอบสนอง
แต่จะว่าไปทำไมยัยนางเอกเซเลน่าถึงมีท่าทางที่แปลกไป.. สายตาของเซเลน่าจ้องไปที่ผู้หญิงผมดำคนนั้นเขม็ง
ต่างจากสายตาที่ปกติเธอจะมีเลย.. แต่ทว่าผู้หญิงผมสีดำกลับไม่สนใจเธอเพียงพูดขึ้น
“อะไร มองหน้าข้าทำไม? อยากโดนอีกรอบหรือไง?”
“พอแล้วน่า.. เธอทำเกินไปแล้วนะ”
ผู้ชายก็พยายามจะเข้ามาห้ามแต่ผู้หญิงผมดำกลับไม่สนใจ เซเลน่าก็จ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย.. พร้อมกับพึมพำอะไรไม่รู้อยู่
“ดูเหมือนเธอจะอยากมีเรื่องกับฉันจริงๆ สินะ?”
ในขณะที่หญิงสาวผมดำกำลังยกมือขึ้นอีกครั้งนั้น ฉันก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป แม้จะอยากหลีกเลี่ยงการประจันหน้ากับเซเลน่าโดยไม่จำเป็น
เพราะยัยนี่มันฉลาด แต่เพราะกลัวเรื่องมันจะบานปลายกว่านี้ หากฉันยังไม่มั่นใจว่ามันหลุดออกจากรูทที่ฉันกลัวหรือยังฉันจะต้องทำให้เส้นทางเป็นเส้นทางที่ฉันรู้จัก และไม่ให้ออกจากเส้นทางนั้นโดยไม่จำเป็น
ฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรีบวิ่งเข้าไปจับข้อมือของผู้หญิงผมสีดำเอาไว้พร้อมกับยืนอยู่ต่อหน้าเซเลน่าเอาไว้
“นี่เธอทำอะไร ที่นี่เขาห้ามใช้กำลังนะ”
อ่านมาจากเกมเอาอะนะ ฉันพูดออกไปแบบนั้นในขณะที่ยัยคนนี้มองมาที่ฉันก็พูดขึ้น
“เจ้าเป็นใคร นี่มันเรื่องของข้ากับยัยคนนั้น หลีกไป ถ้าไม่อยากโดนตบไปด้วยอีกคนละก็นะ ?”
“ฉันคิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นเรื่องของใคร แต่ปัญหามันอยู่ที่เธอใช้กำลังนะ ฉันจะบอกอะไรให้นะถ้าหากฉันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องละก็ เธอโดนถีบออกจากเมืองได้เลยนะ ชื่อเสียงโรงเรียนก็แย่ลงไปด้วยนะ ?”
“……”
ยัยผู้หญิงผมสีดำจ้องมาที่ฉัน ฉันเองก็ยิ้มตอบกลับไป.. เหอะ คิดว่าฉันเคยเถียงกับพวกผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตมาตลอดกี่ปี
คนที่ฉันเถียงมีทั้งพวก Toxic หรือพวกนิสัยเสียแต่ทำตัวผู้ดี ก็แค่การใช้คำที่ดูฉลาดขึ้นฉันก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง
“ไปเถอะน่า..”
ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเธอก็จับแขนเธอพร้อมกับพูดเธอ
“ชิ.. เข้าใจแล้วน่า อย่ามาจับข้า!”
ยัยผู้หญิงผมดำกับพรรคพวกเดินจากไป แต่ก่อนที่จะจากไปยัยผู้หญิงผมดำหันกลับมาที่ฉันพร้อมกับพูดขึ้น
“ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ?”
“อนาสตาเซีย”
“อนาสตาเซียเหรอ.. ฉันจะจำชื่อเธอเอาไว้”
พูดแล้วเธอก็ชี้นิ้วไปที่ปลอกแขนที่สวมอยู่และปลอกแขนเธอก็มีสีเดียวกันกับฉัน แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็เป็นตัวแทนโรงเรียน
ฉันอึ้ง… ซะเมื่อไหร่ รู้อยู่แล้วแหละ ก็ฉันเจอฉากนี้มานักต่อนักนี่น่า ยัยคนนี้จะบอกว่าไว้เจอกันในการแข่งขันในฐานะตัวแทนทั้งสอง
พอพวกหล่อนจากไปฉันก็ถอนหายใจ
“เฮ้อ.. เธออย่าไปพูดแบบนั้นใส่คนอื่นสิ รู้ตัวไหมว่ามันเสียมารยาท”
“……..”
“นี่เธอพึมพำอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?”
ฉันยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินสิ่งที่เธอพึมพำชัดเจนขึ้น
“ยกโทษให้ไม่ได้ ยกโทษให้ไม่ได้.. ยกโทษให้ไม่ได้…!!”
ฉันขนลุกนิดหน่อยกับท่าทางแปลกๆ ของเธอนางเอกเซเลน่าไม่มีบุคลิกแบบนี้นี่น่า.. ฉันไม่อยากฟังเสียงพึมพำเหมือนสาปแช่งคนของเธอ
ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะเดิน จากไป.. ถ้าเธอไม่รู้ตัวว่าฉันเป็นคนที่ช่วยเธอไว้ก็คงดีแหละนะ.. แต่ในตอนนั้นเอง
เซเลน่าก็ยกมือขึ้นมาจับเสื้อของฉันเอาไว้… ทำให้การกระทำของฉันหยุดชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ… มีอะไรเหรอ?”
“……”
เจ้าตัวไม่คิดจะตอบคำถามของฉัน เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงไปที่พื้นและจับเสื้อฉันโดยไม่คิดจะปล่อย..
นี่มันเรื่องอะไรกันหว่า.. ในขณะที่พวกเราสองคนมัวแต่ยืนเงียบกันอยู่นั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจับมือเซเลน่าแล้วก็ลากเธอไปที่ร้านขนมปังเบเกอร์รี่
เพราะว่ายืนอยู่ตรงนั้นไปก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่คิดจะปล่อยฉันด้วย ฉันเองก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถึงจะเป็นนางร้ายก็เถอะ
พอมาถึงเซเลน่าก็ยังพูดอะไรไม่ออก ฉันก็สั่งขนมปังมากิน เพราะขนมปังที่นี่อร่อยมากเลย ตอนเป็นเกมบรรยายไว้แบบนั้นน่ะนะ
แต่พอได้มากินเองแล้วก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละ อร่อยกว่าที่บรรยายไว้ซะอีก.. ในขณะที่ฉันกำลังทานขนมปังอยู่นั้นเอง
“เธอ…”
“หือ?”
“เธอเป็นใครเหรอ?”
“หือ..???”
เซเลน่าเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาที่แตกต่างจากเดิม สายตานี้ไม่ใช่สายตาที่สุขุมเหมือนเซเลน่าที่ฉันเคยเห็นมาตลอด
แถมฉันมั่นใจว่าเซเลน่ารู้จักฉัน.. แต่ตอนนี้เธอกลับจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่มึนงงเล็กน้อย
“เธอไม่รู้จักฉันเหรอ?”
“อื้ม…”
ฉันเคยเห็นท่าทางแบบนั้นในชีวิตก่อนของตัวเอง และยัยเซเลน่าเองก็ไม่น่าจะอำฉันเล่นเหมือนกันเพราะไม่มีเหตุผลให้ทำแบบนั้นนี่น่า..
“แล้วชื่อเธอล่ะ.. จำได้หรือเปล่า?”
“ชื่อเหรอ…”
“ใช่..”
“ฉันชื่อ.. ฮันน่าห์”
วินาทีนั้นเองฉันก็สะดุ้งแทบจะทันทีพร้อมกับถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความงุนงงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญแบบไหนก็ตามแต่
ชื่อนั้นก็กระตุ้นต่อมความรู้สึกของฉัน.. เพราะนั่นมันเป็นชื่อที่เคยสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน..
ฮันน่าห์.. ชื่อนี้มันเหมือนกับชื่อแฟนเก่าที่เป็นแฟนคนแรกและคนสุดท้ายของฉัน…