บทที่ 45 – ความฉลาด (?) ของนางร้าย
เดี๋ยวก่อนนะๆ.. ฉันขอนึกก่อนว่าบทแบบนี้เคยมีอยู่ในเกมหรือเปล่า แต่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามีบทแบบนี้อยู่ในเกม
บทที่ยัยนางเอกลืมความทรงจำหรือแกล้งลืมเนี่ย.. หรือว่าเป็นเพราะฉันเป็นคนมาช่วยหล่อนแทนเป้าหมายในการจีบเลยเกิดเหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้ขึ้น
ไม่สิ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย.. ฉันหันไปมองเซเลน่าที่แทนตัวเองว่าเป็นฮันน่าห์ที่นั่งจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้
แล้วก็ชื่อที่เหมือนแฟนเก่าของฉันก็ทำฉันอึ้งไม่เบาเหมือนกัน อันที่จริงชื่อนี้ก็สามารถเจอได้ถมไปนั่นแหละ
แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นคนที่ชื่อนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเธอคนนั้นขึ้นมา ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดกับตัวเองว่า
ในตอนนี้ต้องสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน เพราะมันไม่เคยมีฉากแบบนี้อยู่ในเกมดังนั้นฉันเลยไม่รู้ว่าเป็นแผนอะไรของยัยเซเลน่าหรือเปล่า
ในขณะที่ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง เซเลน่าในชื่อ ฮันน่าห์ ก็พูดขึ้น..
“เอ่อ… พอจะบอกฉันได้ไหมคะว่าที่นี่คือที่ไหน…”
อาจจะเพราะเซเลน่าตอนนี้อายุแค่สิบสามเอง ในมุมมองของคนอายุเกือบสามสิบอย่างฉันก็เป็นเด็ก
และท่าทางของเซเลน่าในตอนนี้มันเหมือนกับท่าทางของฮันน่าห์ที่ฉันรู้จักกันใหม่ๆ เลย.. แต่ฉันก็ตอบกลับไป
“ที่นี่คืออาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสไง.. พวกเรามางานแข่งขันเฟสเตอร์ในฐานะนักเรียนของโรงเรียนลิเบอร์”
“โรงเรียนลิเบอร์.. เวทมนตร์… มิราลิส..? คืออะไรอ่ะ”
“……”
“ที่นี่ไม่ใช่….ไม่ใช่….?”
ในขณะที่เธอกำลังจะถามว่า ‘ที่นี่ไม่ใช่…..เหรอ’ แต่เหมือนเธอจะนึกสถานที่ที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นไม่ออกซะอย่างนั้น
ปากของเธอเปิดออกพยายามจะพูดชื่อเมืองหรืออะไรสักอย่างออกมามั้ง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“…ฉัน… เคยอยู่ที่ไหนนะ?!”
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? หมายความว่าไงกัน เธอเสียความทรงจำจริงเหรอ แล้วคนตรงหน้านี้ไม่มีออร่าเหมือนเซเลน่าเลย
ไม่รู้สิ ทุกครั้งที่ฉันเจอเซเลน่าฉันจะรู้สึกเหมือนไม่ได้คุยกับเด็ก.. จะว่าไงดีเหมือนสายตาของคนที่มากกว่าเด็กแน่ๆ
ซึ่งฉันเดาว่าเพราะเธอฉลาดและวางแผนอะไรอยู่ตลอดแน่ๆ เพราะบทบาทในเกมของเธอก็เป็นแบบนั้น
แต่ ‘ฮันน่าห์’ ตรงหน้านี้กลับไม่มีกลิ่นอายแบบนั้นเลย เธอดูเหมือนเด็กใสซื่อที่ไม่รู้อะไรเลย แถมความทรงจำหายอีก
ราวกับว่าเซเลน่าและฮันน่าห์ไม่ใช่คนเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น ฉันมั่นใจว่าเธอแต่งหน้านิดหน่อยใส่วิกผมอีกนิด
ทั้งคู่ต้องเป็นคนละคนกันแน่….
“เธอจำไม่ได้เหรอ?”
“อืม…”
‘ฮันน่าห์’ พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับก้มหน้าต่ำลงเหมือนพยายามจะนึกอะไรสักอย่าง ท่าทางดูน่าสงสารมาก
ฉันกัดริมฝีปากเล็กน้อย พูดตามตรงนะยัยเซเลน่านี่สวยมากเลยแหละ แต่ด้วยความที่ตลอดมาไม่เคยทำตัวน่ารักแบบนี้เลย และภาพจำจากในเกมยังทำให้ฉันชอบยัยนี่ไม่ลง
และฉันคิดว่าตัวละครตัวนี้ต่อให้นิสัยมาเปลี่ยนทีหลังฉันก็จะยังเกลียด.. แต่พอเห็นท่าทางลำบากใจและสับสนของเธอเข้า
ต่อมความรู้สึกสงสารที่เหมือนมีให้กับตัวละครอื่นในเกมกลับถูกกระตุ้นซะอย่างนั้น?!
ไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ ฉันต้องใจแข็งเอาไว้.. นี่อาจจะเป็นแผนของยัยเซเลน่าที่อยากจะตรวจดูฉันว่าทำไมฉันถึงมาแทนพวกเป้าหมายในการจีบก็ได้
“ฉัน.. พ่อ..แม่.. ฉัน.. เป็นใคร.. ฉันอยู่ที่ไหน ..?”
ฮันน่าห์พึมพำด้วยความสับสน..
อ่าาา.. โธ่เอ๊ย ฉันจะช่วยก็ได้ แต่ไม่ได้สงสารเซเลน่าหรอกนะ ฉันสงสารฮันน่าห์ต่างหากล่ะ..
“ฉันมีชื่อว่า อนาสตาเซีย.. นั่นสินะ จะพูดให้ถูกคือฉันเป็นเพื่อนของเธอน่ะ”
ไม่คิดฝันมาก่อนว่าชาตินี้ต้องพูดว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับยัยร้อยเล่ห์อย่างเซเลน่าเข้าจริงๆ ฮันน่าห์ที่ได้ยินฉันพูดเธอก็เงยหน้าขึ้นมา
“เธอรู้จักฉันเหรอ..?”
“แน่นอนสิ.. ไม่งั้นพวกเราจะเข้ามาที่ร้านขนมด้วยกันทำไมล่ะ ถูกไหม?”
“นั่นก็จริง..”
เอาล่ะ ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคืออะไร แต่ฉันขอเชื่อว่าฮันน่าห์ไม่ใช่เซเลน่าแล้วกัน
ประการแรก.. มีความเป็นไปได้ว่าเพราะฉันดันไปเปลี่ยนบทบาทของเกมจนเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น ในกรณีนี้มีสองความเป็นไปได้คือ
หนึ่ง… ตัวฉันอยู่ในโลกของเกมจริงแท้ ไม่ใช่โลกแห่งความจริงแต่เป็นโลกของข้อมูลที่ถูกถ่ายโอนจิตสำนึกบางอย่างลงมา
ใช่ มันเกินจริงแต่การมาอยู่ในโลกนี้ได้มันก็เกินจริงแล้วล่ะ.. ตลอดที่ผ่านมาฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยก็ตาม
แต่มันจะมีอีกโลกหนึ่งที่เหมือนในเกมทุกอย่างอยู่จริงๆ เหรอ.. นั่นเป็นไม่ได้เพราะคอนเซปท์ทุกอย่างถูกสร้างมาโดยมนุษย์ธรรมดา
การจะทำให้มีอีกโลกหนึ่งเป็นแบบในเกมนี่แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกนี่ไม่ใช่แค่มีเรื่องเล่า อะไรที่เหมือนแต่บทพูดและการกระทำหลายๆ อย่างล้วนสะท้อนจากเกม
ดังนั้นการที่โลกนี้เป็นโลกแห่งข้อมูลจึงมีความเป็นไปได้ และถ้าฉันเป็นเหมือนไวรัสก่อกวนระบบจนระบบ Error เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก็ได้
แต่.. ฉันคิดว่าข้อนี้มีโอกาสเป็นไปได้น้อยเพราะอย่างแรกเลยมีหลายอย่างที่ไม่มีในเกมได้พูดถึงอย่างเรื่องจี้สีแดงที่อยู่ที่คอฉันตอนนี้ก็ไม่เคยอ่านเจอ
ดังนั้นถ้าหากจะตีความว่านี่เป็นโลกแห่งข้อมูลจริง ไม่มีทางที่นักพัฒนาโปรแกรมจะใส่ข้อมูลที่ไม่คิดจะเล่ามาให้เปลืองพื้นที่หรอก
เหมือนกับโมเดลสามมิติของก้อนหินนั่นแหละ ถ้าเราเข้าไปในก้อนหินนั้น นักพัฒนาจะไม่ออกแบบ Texture ภายในหิน แต่จะมองทะลุออกมาด้านนอกเลย
เพราะต้อให้เพิ่ม Texture ไปก็ไม่มีค่า เพราะไม่ได้จะให้คนไปดูอยู่แล้ว.. แน่นอนว่าเกมจีบสาวเช่นกัน
ส่วนข้อสองคือ.. สมมุติว่านี่คือโลกแห่งความจริงที่มีพระเจ้าสร้างขึ้นมาและออกแบบโลกให้เหมือนกับเกมพิชิตหัวใจรักแบบทุกอย่าง
ส่วนไอ้ตัวฉันก็ดันเป็นเหมือนปรสิตพอมาปั่นป่วนบทบาทเลยทำให้เกิดบทบาทแปลกปลอมขึ้นมาแทน..
อันที่จริงข้อนี้ก็เหมือนข้อหนึ่ง แค่เปลี่ยนว่านี่เป็นโลกข้อมูลที่นักเขียนโปรแกรมสร้าง แต่เป็นมีพระเจ้าสร้างแทน
ซึ่งน่าจะฟังดูเข้าท่าที่สุดล่ะ.. แน่นอนว่าฉันไม่รู้หรอกว่าพระเจ้าจะมีจริวหรือไม่จริง แต่อย่างแรกฉันต้องตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาก่อน
เพื่อตามหามูล.. หากโลกแห่งนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่มีใครสักคนสร้างมาเลียนแบบเกมพิชิตหัวใจรัก ทำไมเซเลน่าถึงหายไป แล้วฮันน่าห์ที่จำอะไรไม่ได้มาแทน..
ฉันคิดว่าตัวเองฉลาดขึ้นมาก็วันนี้แหละที่ปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้.. อันที่จริงข้อมูลส่วนใหญ่มาจากหนัง จากอนิเมชั่น หรือจากเกมที่ฉันเคยเล่นนั่นแหละ แบบมีพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาเพื่อให้เหมือนกับนั่นๆ นี่ๆ
หรือโลกแห่งข้อมูลที่แยกแยะไม่ออกว่านี่คือโลกความจริงหรือโลก Metric แบบนั้นอะนะ
“โรคจิตเวท… โรคหลายบุคลิก”
ฉันพยายามรีดข้อมูลที่เคยอ่านมาจากในหนังหรือการ์ตูนแนวจิตวิทยา โรคหลายบุคลิกเกิดขึ้นได้จากเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ทั้งหลาย ซึ่ง.. ฉันไม่รู้หรอกนะว่าการตบหน้าสำหรับเซเลน่ามันสะเทือนถึงขนาดพอจะเกิดโรคสองบุคลิกขึ้นมาจริงๆ เหรอ
แต่เธออาจจะมีปมในอดีตก็ได้.. พอพูดถึงเรื่องนี้ฉันก็อดนึกถึงแฟนเก่าอีกไม่ได้ อาจจะเพราะชื่อที่เธอบอกคล้ายกันนั่นแหละ..
แต่ก็นั่นแหละเพราะเหตุการณ์นั้นเลยทำให้อีกบุคลิกของเซเลน่าตื่นขึ้นมา..
ฉันตบขาตัวเองฉาดใหญ่แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า “ใครบอกว่าฉันโง่เรื่องจิตวิทยานะ เดี๋ยวแม่จะตบหัวทิ่มให้”
เมื่อสรุปข้อมูลได้ดังนี้… ฉันก็ต้องมาคิดว่าควรรับมือจากสถานการณ์นี้ยังไง ในหนังที่ฉันเคยดูพวกที่เป็นโรคหลายบุคลิกส่วนใหญ่จะเป็นแบบ..
ตัวเอกไม่รู้ว่าตัวเองมีอีกบุคลิก.. เพราะถ้ารู้อาจจะทำให้เขารู้สึกแบบไม่เป็นตัวของตัวเองอะไรแบบนี้ .. งั้นฉันก็ไม่ควรบอกเธอสินะว่าเธอเป็นอีกบุคลิกของเซเลน่าน่ะ
“ฉันเป็นเพื่อนเธอก่อนที่เธอจะเสียความทรงจำไปน่ะ”
“ฉัน.. เสียความทรงจำเหรอ?”
“ใช่ ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้หรอก”
“งั้นเหรอ…?”
“ดูเธอไม่ตกใจอะไรเลยนะ?”
“ไม่รู้สิ ก็ฉันลืมไปแล้วนี่น่า นอกจากชื่อฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคืออะไร”
“ก็จริงแฮะ”
“อีกอย่าง.. ตอนอยู่กับเธอฉันก็รู้สึกสามารถวางใจได้.. คงเป็นเพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกันละมั้ง ใช่ไหมล่ะ ต่อให้ความทรงจำจะหายไปแต่ความรู้สึกยังคงเดิม”
“….”
ฉันพูดไม่ได้หรอกว่า จริงๆ แล้วฉันกับเซเลน่าเกลียดขี้หน้ากันจะตาย ยัยนั่นก็เกลียดฉันที่เป็นคู่หมั้นของอเล็กซาน ส่วนฉันก็เกลียดยัยนั่นเพราะนิสัยเสียเหมือนกัน.. …
………