บทที่ 46 – พ่อบ้านและคุณหนู
แม้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้ายัยเซเลน่าเท่าไหร่ แต่คนตรงหน้านี้เหมือนจะไม่ใช่ยัยเซเลน่าจริงๆ ทำให้ฉันสามารถพูดคุยกับเธอได้โดยไม่รู้สึกแย่ใดๆ
ปกติพอคุยกับเซเลน่าจะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ทุกระเบียบนิ้ว หากทำอะไรพลาดยัยนั่นคงจ้องจะเล่นฉันให้หายไปจากสายตาแน่ๆ
ทว่าฮันน่าห์นั้นแตกต่างมีทั้งความบริสุทธิ์และใสซื่อ แถมยังเป็นเด็กดีอีกต่างหาก วันนี้ทั้งวันฉันใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน
พาเธอไปเที่ยวที่นั่น ที่นี่ในเมือง อธิบายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เพราะว่าถ้าเป็นตามที่ฉันคาดเดา
ฉันหมายถึงตามฉบับหนังที่ฉันเคยดู บางทีบุคลิกภาพนี้อาจจะมีขึ้นมาเพื่อที่จะปิดกั้นความจริงตัวเองจากบางสิ่งบางอย่าง
ดังนั้นถ้าพูดกันตามความรู้สึกทั้งฮันน่าห์แงะเซเลน่าต่างเป็นคนละคนกันชัดเจน ดังนั้นฉันเองก็ไม่อยากให้ฮันน่าห์ที่ตื่นขึ้นมาไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรอกนะ
อย่างน้อยฉันก็อยากให้เธอรู้เรื่องอะไรไว้บ้าง บอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่สนใจความเป็นตายร้ายดีของเซเลน่าหรอก
อีกอย่างถ้าฉันใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ว่านิดหน่อย ก็อาจจะทำให้บุคลิกภาพของฮันน่าห์มาแทนที่เซเลน่าได้
แบบนั้นทุกอย่างก็ง่ายนิดเดียวฉันไม่ต้องกลัวธงตายอีกแล้วไงล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าฉันเองก็มีเหลี่ยมจัดนะเนี่ย
เคยพูดกับตัวเองว่า ‘โลกมันกลม สังคมมันเหลี่ยม’ พึ่งจะรู้สึกวันนี้วันแรกนี่แหละที่ตัวเองเป็นหนึ่งในสังคมสุดเหลี่ยมที่ว่า
เพราะแบบนั้นเองวันนี้ทั้งวันฉันก็พาเธอเดินไปทั่วทั้งเมืองและแนะนำทุกอย่างให้กับเธอ แน่นอนว่าฉันไม่รู้จักเมืองนี้หรอกนะ
สิ่งที่ฉันแนะนำได้คือตามในเกมที่ฉันเล่นเป็นเซเลน่าและมีพวกเป้าหมายในการจีบอธิบายให้ฟังว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน
ถึงในเกมจะไม่อธิบายว่าพวกเป้าหมายในการจีบรู้จักสถานที่พวกนี้ได้ไง แต่พวกมันเป็นคนใหญ่คนโตกันคงรู้แหละมั้ง
แต่จะว่าไปฉันก็คนใหญ่คนโตนี่หว่า ทำไมไม่เห็นรู้จักเลย..
อืมม ช่างมันเถอะ
เอาเป็นว่าฉันก็จำมาจากพวกเป้าหมายในการจีบตอนเป็นเกมอีกที แล้วก็เล่าให้กับฮันน่าห์ฟังอีกต่อหนึ่ง
ซึ่งฮันน่าห์ก็เป็นผู้ฟังที่ดี เธอฟังฉันอธิบายอย่างตั้งใจจนไม่นานก็เริ่มถึงเวลาตอนเย็นแล้ว ตามคำอธิบายของอาจารย์ซาริสะ
วันนี้จะมีงานเลี้ยงจัดขึ้นด้วย ฉันก็พาฮันน่าห์ไปส่งที่ห้องแล้วคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะอธิบายขึ้นว่า
“ฮันน่าห์ เธออย่าลืมที่ฉันบอกนะ.. อย่าเชื่อใจพวกผู้ชายเด็ดขาด ยิ่งผู้ชายห้าหกคนที่มาตามตื้อเธอน่ะ”
“อืม ฉันรู้แล้ว วันนี้เธอพูดแบบนี้กับฉันทั้งวันเลยนี่น่า”
“อ้ะ.. เอ๊ะ เป็นงั้นเหรอ”
ฉันเหงื่อตกเล็กน้อย เธอจะรู้สึกว่าฉันชักจูงเธอไหมเนี่ย แต่มองท่าทางของเธอเหมือนจะไม่สงสัยอะไรกับคำพูดของฉัน
ใช่แล้ว แผนของฉันก็คือการทำให้ฮันน่าห์ปฏิเสธพวกผู้ชายห้าคน ต่อให้เซเลน่าจะพยายามจีบแค่ไหน ถ้าฮันน่าห์โผล่ออกมาละก็
อาจจะทำให้ค่าความสัมพันธ์ของพวกเป้าหมายในการจีบหายไปได้… ใช่ นี่เป็นแผนของฉันยังไงล่ะ
ให้เซเลน่าอีกคนอย่างฮันน่าห์ปฏิเสธไปซะ! สุดท้ายฉันก็จะรอดจากธงตายเองไปโดยปริยาย ตอนนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่าเซเลน่าแล้วล่ะ
“งั้นไว้เจอกันใหม่นะ”
“อืม ไว้เจอกันใหม่”
หลังจากนั้นฉันก็รีบกลับห้องของตัวเอง อีกไม่นานงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ฉันกระชับกับฮันน่าห์ว่าเธอไม่ต้องไปงานเลี้ยงหรอก
สาเหตุแรกคือถ้าพวกเป้าหมายในการจีบเห็นเธอในสภาพนี้ต่อให้ปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกมันจะเข้าใจว่าเธอแค่ความทรงจำเสื่อม
จากประสบการณ์ของฉัน.. ที่ดูหนังมาเยอะโรคหลายบุคลิกนั้นจะถูกเปลี่ยนไปผ่านการนอนหลับ
ดังนั้นหลังจากฮันน่าห์หลับเธอคงจะกลับไปเป็นเซเลน่าเหมือนเดิม.. หากสงสัยว่าทำไมฉันถึงเชื่อถือหนังที่ฉันดูนัก?
เพราะปกติแล้วหนังเกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนอย่างสิ่งที่เรียกว่า ‘โรคจิตเวช’ นี้ผู้กำกับหรือคนเขียนบทเขาจะต้องไปค้นคว้าข้อมูลมาให้ละเอียดเพื่ออธิบายบทบาทของตัวละครนั้นๆ ให้สมจริงมากที่สุดนั่นเอง
ดังนั้นต่อให้เป็นข้อมูลที่ไม่ถูก 100% แต่ก็ต้องถึงมากกว่า 50% แน่นอน.. และฉันก็ไม่ได้ไปเรียนเรื่องจิตวิทยาหรืออะไรแบบนั้น
ค้นหาข้อมูลอ่านก็ไม่เคยเพราะมันไม่จำเป็นสำหรับพนักงานเงินเดือนแบบฉัน ดังนั้นทางเลือกที่ฉันมีคือเชื่อถือข้อมูลที่มีโอกาสจะถูกมากที่สุด
มันก็คงเหมือนพวกตัวเอกในนิยายที่ฉันเคยอ่านนั่นแหละ พวกนั้นใช้เวลาไม่นานก็ยอมรับว่าตัวเองมาต่างโลกได้
ไม่ใช่เพราะในโลกเดิมของพวกเขาสามารถเดินทางไปต่างโลกจริงๆ แต่เป็นเพราะโลกเดิมมีฐานข้อมูลในการไปต่างโลกซึ่งมาจากสื่อบันเทิงต่างหาก
หากไม่มีข้อมูลที่เรียกว่า ‘ความจริง’ สิ่งที่พวกเขาเชื่อถือได้มากที่สุดในตอนนั้นจะเป็น ‘เรื่องราว’ อะไรก็ได้ที่สามารถยึดถือได้ในเวลานั้น
เพราะมนุษย์ก็ใช้ชีวิตโดยประมวลผลจากสมองอยู่แล้วละนะ กล่าวคือมนุษย์เป็นประเภทคิดก่อนกระทำหรือปักใจเชื่อ
ดังนั้นต่อให้ถูกแค่ 1% หากไม่มีข้อมูลอื่นที่น่าเชื่อถือกว่า 1% ที่ว่า ทางเลือกพวกเขามีเพียงสองทางคือการหาข้อมูลเพิ่มเติม
แต่ในสถานการณ์ที่หาข้อมูลไม่ได้ พวกเขายังต้องหาข้อเท็จจริงบางอย่างมายึดเป็นบรรทัดฐาน ถูกผิดค่อยมาขยายความกันทีหลัง
ถามว่าเรื่องจิตวิทยาฉันฉลาดไหม ก็คงไม่.. แต่ถ้าเป็นเรื่องวิชาการนี่แน่นอนว่าฉันรู้จักดี ดังนั้นการอธิบายบางอย่างผ่านมุมมองของนักวิชาการนั้นไม่ยากสำหรับฉัน
เห็นแบบนี้ฉันก็เป็นทาสบริษัทมาเกือบสิบปีแล้วนะเออ
กลับมาเรื่องเดิม สาเหตุที่สองที่ฉันไม่ให้ฮันน่าห์เข้าร่วมงานเลี้ยงคือเพราะมันอาจจะไม่ดีต่อเซเลน่า ไม่ใช่เพราะฉันเห็นแก่หน้าเซเลน่า
ฉันไม่รู้ว่าโลกนี้มีคำอธิบายเกี่ยวกับโรคสองบุคลิกหรือยังด้วย เกิดว่าวินิจฉัยเป็นผีร้ายเข้าสิงนี่อาจจะถูกฆ่าก็ได้นะ
อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากให้เซเลน่ารู้ตัวว่าตัวเองมีอีกบุคลิกด้วย ดังนั้นตอนนี้ฉันต้องให้ฮันน่าห์เป็นความลับไว้ก่อนนั่นเอง!
ฉันรีบกลับไปที่ห้องทันที พอกลับไปถึงห้องตัวเองในห้องก็มีเสื้อวางไว้บนที่ห้องพักผ่อน ซึ่งชุดเป็นชุดเดรสสำหรับเข้างานเลี้ยงที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้
ให้เด็กอายุสิบสามสิบสี่ใส่ชุดเดรสเนี่ยนะ ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ .. แต่ก็ช่างเถอะฉันอาบน้ำแต่งตัวด้วยความไวสูงก่อนจะสวมชุดเดรส
ชุดเดรสของฉันเป็นชุดสีดำยาวไปจนถึงหัวเข่า ตกแต่งด้วยเครื่องประดับประดาต่างๆ ตรงหน้าอกเป็นผ้าพับสีขาวทำให้เด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
ฉันไม่ลืมที่จะสวมใส่จี้สีม่วงที่อมสีแดงที่หน้าอก จี้นี้ฉันคิดอยู่ว่าถ้าใส่ไปมันคงสะดุดตาพอสมควร เพราะนอกจากมันจะให้พลังพิเศษกับฉัน
เอาจริงๆ จี้นี้ก็สวยมากเลยนะ ขืนมีคนมาฉุดไปคงแย่เลย ถึงจะฉุดไปไม่ได้แน่นอนก็เถอะนะ เพราะจี้นี้มันเลือกผู้ใช้ละนะ
ฉันแต่งหน้าแต่งตาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องมาก็เจอกับไอน์สไตน์ที่ยืนอยู่ ไอน์สไตน์สวมเสื้อผ้าของพ่อบ้านซึ่งดูแปลกตามาก
เป็นชุดสีดำสะอาดตามาก
“ไปกันเถอะคุณหนู”
ว่าแล้วไอน์สไตน์ก็ยื่นมือออกมาหาฉัน.. ฉันก็อึ้งก่อนจะอุทาน
“นี่นายทำอะไรของนายเนี่ย ไอน์สไตน์?”
ไอน์สไตน์ยิ้มออกมาแล้วก็เริ่มอธิบายในฐานะของพ่อบ้าน..
แต่เอาเข้าจริงถึงฉันจะอุทานออกไปแบบนั้น แต่ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่างานเลี้ยงนี้จะให้นักเรียนชายรับบทเป็นพ่อบ้านส่วนผู้หญิงเป็นคุณหนู
แต่ละโรงเรียนจะมีการวางบทบาทที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งโรงเรียนลิเบอร์ก็คือพ่อบ้านและคุณหนูนั่นแหละนะ
ถ้าจำไม่ผิดห้อง A นักเรียนหญิงมีเยอะกว่านักเรียนชาย คนที่มาคู่กับอนาสตาเซียต้องเป็นนักเรียนหญิงสิ
แต่ไหงกลายเป็นไอน์สไตน์ไปได้ละเนี่ย..
ไม่สิ.. ไม่สิๆๆ แบบนี้หมายความว่าเนื้อเรื่องเริ่มจะต่างออกจากเกมแล้วใช่ไหม? หรือเพราะที่ฉันทำไปเมื่อตอนเช้างั้นเหรอ
จะว่าไปก็ใช่.. นางเอกเกมอย่างเซเลน่าจะได้เป้าหมายในการจีบที่ไปเดทเมื่อตอนกลางวันเป็นพ่อบ้านให้ แต่นางเอกไม่ไปเพราะนางเอกกลายเป็นฮันน่าห์
และฮันน่าห์ถูกฉันกระชับให้ไม่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงเพราะตัวเองเสียความทรงจำ แต่คนที่ไปเดทกับฮันน่าห์ตอนกลางวันก็คือฉัน
นั่นหมายความว่า.. ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ถึงตลอดมาจะรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เกมกำหนดเลยก็ตาม.. แต่ครั้งนี้.. ครั้งนี้ฉันเปลี่ยนเนื้อเรื่องเกมแล้วงั้นสินะ!