บทที่ 47 – คนรู้จักจากโรงเรียนโรเซ่?
“นี่เธอฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
ในขณะที่ฉันกำลังคิดไปเรื่อยไอน์สไตน์ที่อธิบายทุกอย่างจนหมดเสร็จสรรพ แต่พอเห็นฉันยังคงนิ่งเงียบก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ฉันหัวเราะแห้งๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันฟังอยู่น่า.. และถึงเวลาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสินะ”
ไอน์สไตน์โค้งตัวลงเล็กน้อยและยื่นมือมาทางฉัน ถึงฉันจะเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางมาก่อน แต่เอาเข้าจริงๆ คือฉันไม่ค่อยแทบไปงานสังสรรค์ของพวกชนชั้นสูงเลย
ดังนั้นฉันเองก็ไม่รู้จะวางตัวยังไงเมื่อมีพ่อบ้านมายกมือให้แบบนี้ แต่เหตุผลอีกอย่างคือฉันไม่ค่อยถูกกับเพศตรงข้ามน่ะนะ
สาเหตุที่ฉันเลือกที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้โดยไม่ปฏิเสธ เป็นเพราะในเกมอนาสตาเซียเป็นตัวละครที่มีแต่เพื่อนผู้หญิง
เพื่อนผู้ชายสำหรับอนาสตาเซียแล้ว ไม่มีคนอยากเข้าใกล้เธอ ก็นะ อนาสตาเซียตอนยังเป็นเกมเธอเป็นตัวละครประเภทรักเดียวใจเดียว
จนผู้ชายคนอื่นเลิกสนใจเลยละมั้ง ขนาดนางร้ายคนอื่นยังมีคนตามติดแท้ๆ แต่อนาสตาเซียเป็นเพียงคนเดียวในฐานะนางร้ายที่ไม่มีผู้ชายเข้าหา
ดังนั้นคนที่จะมาเป็นพ่อบ้านให้อนาสตาเซียควรจะเป็นผู้หญิง เพราะถ้าเป็นผู้ชาย ฉันก็คงเลือกที่จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงหรอก
“ไปกันเลยไหม คุณหนู?”
ไอน์สไตน์กล่าวซ้ำอีกรอบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ถึงจะไม่น่าดีใจที่ไอน์สไตน์เป็นคนมารับไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ
แต่หมอนี่ก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกแย่แต่อย่างใด ฉันจึงยกมือขึ้นไปวางบนมือของไอน์สไตน์พร้อมกับเดินไปด้วยกัน
แน่นอนว่าคนอื่นก็เช่นเดียวกัน งานสังสรรค์เกิดขึ้นที่ปราสาทกลางเมือง เอาจริงแทนที่จะบอกว่าเป็นปราสาทต้องบอกว่าเป็นตึกมากกว่า
ตึกที่สูงที่สุดในเมืองและเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีรถบินได้มารับ แต่รถที่มารับฉันไม่ใช่รถแบบเดียวกับนักเรียนคนอื่น
แต่เป็นรถลากที่หรูหราอลังการกว่าคนอื่น แน่นอนว่าบินได้เช่นเดียวกัน พวกเราใช้เวลาไม่นานเพื่อมาถึงตึกดังกล่าว
ไอน์สไตน์ก็เป็นคนรับฉันและพาฉันเข้าไปในงาน เอาเข้าจริงไอน์สไตน์ก็เป็นคนที่มีสง่าราศีอยู่มาก พอๆ กับเป้าหมายในการจีบเลย
แต่น่าแปลกที่เขาไม่เคยมีบทสักครั้งในเกม ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละยังไงซะเขาก็เป็นคนที่ดูดีมากๆ คนหนึ่ง
ซึ่งอนาสตาเซียเองก็เป็นคนสวยสุดๆ เช่นกัน ดังนั้นการปรากฏตัวของเราเลยดึงดูดสายตารอบข้างพอสมควร
พวกเราเดินเข้าไปในตึกดังกล่าว พอคนที่ยืนเฝ้าประตูเห็นสายรัดที่แขนของฉันเขาก็เคารพกว่านักเรียนคนอื่น
ก็นะเป็นตัวแทนโรงเรียนที่รวมแล้วมีแค่ยี่สิบห้าคนทุกโรงเรียนนี่น่า นักเรียนคนอื่นก็ทยอยมาเช่นกัน โรงเรียนลิเบอร์ของเรานั้นก็มาในธีมของพ่อบ้านและคุณหนูนั่นแหละ
พอฉันเข้าไปในงานก็พบว่างานเลี้ยงถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ โซนเพื่อรองรับนักเรียนหลากหลายประเภทเอาไว้
แต่แรกเดิมทีคนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกคุณหนูไม่ก็เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะเท่านั้นแหละ
เพราะงั้นพอพวกเขาอยู่ในงานเลี้ยงทุกคนจึงมีมารยาทและพูดคุยกันเหมือนงานเลี้ยงของคนใหญ่คนโต
จนฉันที่กำลังคิดว่าจะวิ่งไปทักทายคนอื่นดูเป็นลิงที่หลุดออกมาจากอีกโลกเลย ถึงจะรู้แค่แรกจากในเกมแล้วก็เถอะ
แต่งานเลี้ยงแบบนี้มันก็แค่งานเลี้ยงแบบทางการเมืองไม่ใช่เหรอ นี่มันงานเลี้ยงก่อนการแข่งขันนะ จะมาทำเหมือนกำลังมาทำธุรกิจกันทำไม!
งานเลี้ยงก็ต้องดื่มให้เมา แล้วก็เดินโซเซกลับบ้าน อ้วกระหว่างทาง อะไรแบบนั้นไม่ใช่เหรอ
ในขณะที่ฉันกำลังตั้งคำถามนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ก่อนที่จะมีคนจากโรงเรียนไลเบอร์เดินเข้ามา
“ยินดีต้อนรับครับ คุณเมดและคุณชาย”
พนักงานต้อนรับแบบเดียวกับฉัน โรงเรียนไลเบอร์เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของโรงเรียนลิเบอร์
แม้แต่ธีมที่พวกเขาเลือกยังตรงกันข้ามกับโรงเรียนลิเบอร์ พวกเขาใช้ทีมเมดสาวประจำตัวกับคุณชายผู้สูงศักดิ์
และคนที่ปรากฏตัวออกมาเหมือนจะเป็นตัวแทนแบบเดียวกับฉันด้วย ผู้ชายคนนั้นเห็นฉันที่มองไปที่ตัวเองเขาก็สังเกตเห็นสายรัดแขนฉันเหมือนกัน
เขาส่งยิ้มมาทางนี้ ในขณะนั้นเองไอน์สไตน์ก็อธิบายขึ้นว่าเจ้าหมอนั่นเป็นใคร
“เขาคือผู้เชี่ยวชาญของศาสตร์การแปรธาตุ เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งที่สุดในโรงเรียนไลเบอร์เลยก็ว่าได้”
“แต่ทัศนคติของเขาค่อนข้างประหลาด เพราะเขามองว่าการเล่นแร่แปรธาตุคือการสังเวยสิ่งที่ไร้ค่าเพื่อสิ่งที่ดีกว่า”
“มีคนกล่าวว่าเขาเคยใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อสังเวยจนทำให้เขาเป็นอมตะไม่มีทางถูกฆ่าตาย แต่แลกกับการที่ในตัวของเขาเป็นร่างกายที่กลวงโบ๋”
ไอน์สไตน์เป็นคนฉลาดเขาไปรวบรวมข้อมูลมาทั้งวันแน่นอน เพราะเขาไม่มีทางรู้จักคนจากโรงเรียนอื่นแน่ๆ
ฉันรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของเจ้านี่ แต่ไม่คิดว่าไอน์สไตน์จะถึงขั้นไปสืบและเตรียมพร้อมมาจนเสร็จหมดแบบนี้
ในขณะนั้นเองประตูก็เปิดออกอีกครั้งก็มีคนเดินเข้ามา พวกนั้นเป็นคนจากโรงเรียนเมลต้าที่มีความสามารถ
ดูเหมือนพวกเขาจะใช้ธีมที่แตกต่างจากพวกเราพอสมควร นั่นคือปาร์ตี้ผู้กล้าปราบจอมมาร! โดยมีผู้นำกลุ่มคือผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอมีหูที่ยื่นยาวออกมาแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเอล์ฟ ธนูที่แนบไว้ด้านหลังไม่ใช่ชุดที่คอสเพลย์ แต่เป็นธนูของจริงแท้
และเอล์ฟคือเผ่าพันธุ์ที่ใช้ธนูเก่งมาก นอกจากนี้เธอยังมีสายรัดที่แขนอีกด้วย ไอน์สไตน์ไม่ลืมที่จะพูด
“เธอคนนั้นคือนักสู้ที่แข็งแกร่งมาก.. เป็นนักแม่นธนูที่สามารถยิงธนูจากระยะเป็นสิบกิโลแล้วเข้าเป้าได้”
“จากที่ข้าทราบมา ในโรงเรียนเมลต้าคนที่มีฝีมือระดับเธอมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าเธอเก่งมากขนาดไหน”
แต่ไอน์สไตน์ยังไม่หายเหนื่อยก็มีคนจากโรงเรียนเอเรียสก็เดินเข้ามาในธีมของบอสแก๊งมาเฟีย … เออ เหมาะกับพวกนิสัยเสียแบบพวกเอ็งดีนะ
ไอน์สไตน์รีบพูดขึ้น
“ตัวแทนของโรงเรียนเอเรียส ผู้หญิงหลากอารมณ์ การกระทำของเธอคาดเดาไม่ได้เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะมาแบบไหน”
“บ้างก็เป็นหนอนหนังสือ บ้างก็เป็นสาวเที่ยวกลางคืน… แต่สิ่งที่ทุกคนยังยอมคุยกับเธอ เธอคือคนที่ใช้เวทมนตร์พิเศษได้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นนักรบ”
แน่นอนว่ายัยนั่นคือคนที่ตบเซเลน่าจนสมองกลับตาลปัตรเลย ฉันเองก็ไม่ชอบขี้หน้ายัยนี่ด้วยเหมือนกัน
เอาเข้าจริงตอนฉันเล่นเป็นเซเลน่าก็พยายามตบฉันอยู่หลายรอบ.. หมายถึงฉันเล่นเกมนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง และยัยนี่ก็จะตบฉันซะทุกครั้งละนะ
และในตอนนั้นเองโรงเรียนโรเซ่ก็ปรากฏตัวขึ้น โรงเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ห้าโรงเรียนที่เหลือ
พวกเขาเดินเข้ามาในธีมของจอมมาร โดยมีจอมมารยืนนำหน้าและที่เหลือก็มีสี่จักรพรรดิปีศาจ ห้าคนนี้คือตัวแทนโรงเรียนโรเซ่
และไอน์สไตน์ก็ชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“เขาเคยเป็นนักเรียนปีหนึ่งที่เก่งที่สุด.. ว่ากันว่าต่อสู้ระยะประชิดก็ได้ เวทมนตร์ก็ไร้เทียมทานทำให้เขาเก่งไร้เทียมทานอย่างแท้จริง”
ไหนๆ ไอน์สไตน์ก็ชลมาแล้วว่า ‘เคยเก่งที่สุด’ จะไม่รีแอคให้ก็ดูใจร้ายไปหน่อย ฉันก็เลยถามขึ้นว่า
“เคยเก่งที่สุด… งั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
ว่าแล้วไอน์สไตน์ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง
“แต่เมื่อเร็วๆ นี้เธอคนนั้นได้เอาชนะเขาอย่างง่ายดาย พลังหรือความสามารถของเธอยังคงเป็นปริศนาไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอทำไมถึงเก่งขนาดนี้”
“สิ่งเดียวที่เรารู้เกี่ยวกับเธอคือ เธอเป็นขุนนางเล็กๆ ในอาณาจักรเล็กๆ ซึ่งที่สามารถเข้าโรงเรียนโรเซ่ได้ ว่ากันว่าไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวแม้เพียงเสี้ยวเดียว”
“แต่เป็นความสามารถเธอล้วนๆ!”
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ อันที่จริงฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะ.. แล้วก็รู้ด้วยว่าทำไมเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น
ตอนเป็นเกมนี้รู้สึกว่าจะไม่เฉลยว่าทำไมเธอถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น แค่บอกว่าตอนเป็นเด็กเธอได้ไปรู้จักกับใครสักคน
แต่เพราะเป็นตัวละครที่มีบทแค่ในอีเว้นนี้เลยไม่มีการกล่าวถึงเธออีกเลย.. แต่พอเห็นเธออีกครั้งฉันก็พอเดาได้แล้วว่าเธอทำไมถึงเก่งขนาดนั้น
ฉันรีบเลิกที่จะสนใจเธอคนนั้นและรีบหันหน้าหนี
แต่เหมือนมันจะช้าไปเพียงก้าวเดียว เพราะเจ้าตัวก็มองเห็นฉันเหมือนกัน…
“อย่ามานะ ตอนเป็นเกมเธอก็ไม่มา.. เพราะงั้นอย่าแหกกฎเกมไปมากกว่านี้เลยนะ”
ถ้าโลกนี้มีพระเจ้า พระเจ้าก็คงจะตอบกลับฉันว่า ‘เธอก็พยายามแหกกฎของเกมไม่ใช่หรือไง’ แต่ก็นั่นแหละถ้าเธอพุ่งเข้ามาละก็…
“อ้า ท่านอนาสตาเซีย ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
เธอที่เคยดึงหน้าเข้มเหมือนจอมมารจู่ๆ ก็กลายเป็นรอยยิ้มคิดถึงและพุ่งตัวมาทางฉันแม้แต่คนที่อยู่โรงเรียนโรเซ่ยังอ้าปากค้าง
ก็แหงแซะล่ะ.. ตอนเป็นเกมยัยนี่ก็ทำหน้าโหดอยู่ตลอดเดาว่าตอนอยู่โรงเรียนโรเซ่ก็คงเหมือนกัน.. แต่พอเห็นฉันเจ้าตัวดันเหมือนมีหูมีหางงอก
พุ่งเข้าเหมือนหาเจ้านายยังงั้นแหละ