บทที่ 50 – ท่านเลทิเซีย
แย่ละสิ.. ฉันไม่คิดว่าเซเลน่าจะมาที่นี่ เพราะเธอน่าจะเชื่อฟังฉันสิ.. ไม่มีเหตุผลที่เซเลน่าอีกคนจะไม่เชื่อฟังฉัน ดังนั้นหมายความว่าเซเลน่าคนนี้ไม่ใช่เซเลน่าอีกบุคลิก แต่เป็นบุคลิกที่มีนิสัยเสียนั่น
ฉันเจอฉากนี้มาแล้วสามสี่ครั้ง เพราะงั้นเลยจำได้ดีพอสมควรว่า ก่อนหน้านี้เซเลน่าได้แอบไปคุยกับไอ้ตัวประกอบคนที่ยืนประณามฉันอยู่ตรงนั้น
โดยบอกข้อมูลที่ฉันเข้าโรงเรียนด้วยวิธีการโกง และบอกแผนของอนาสตาเซียที่โกงเพื่อได้รับตำแหน่งตัวแทนโรงเรียนมา
และการที่เธอมาอยู่ตรงนี้หมายความว่าหลังจากแยกจากฉันเสร็จเธอก็ไปเตรียมการทันที ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ..
ไม่สิ.. ยัยนี่มันมากแผนการนี่น่า เซเลน่าที่ฉันเจอเมื่อตอนกลางวันยัยนี่อาจจะวางแผนเพื่อดูท่าทีของฉันก็ได้ว่าฉันตามแผนของเธอทันไหม
แต่มันไม่มีฉากแบบนั้นในเกมนี่น่า.. อีกอย่างอนาสตาเซียก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น ฉันเองก็คงหัวดีไม่เท่ายัยเซเลน่าเหมือนกัน
แล้วทำไมยัยเซเลน่าถึงคิดว่าฉันจะตามแผนหล่อนทันกันล่ะ มีอีกความเป็นไปได้ที่น่าสงสันคือหล่อนเป็นคนกลับชาติมาเกิดเหมือนฉัน
แล้วเห็นฉันมีท่าทางแปลกๆ เลยอยากจะลองหยั่งเชิงความรู้ด้วย.. แต่จากการที่ฉันบอกให้เธอไม่ต้องมางานเลี้ยง เธอก็น่าจะเข้าใจแล้วสิว่าฉันเป็นผู้เกิดใหม่
ก็น่าจะคุยกันดีๆ ได้ไม่ใช่เหรอ..
นั่นหมายความว่าเธอคงไม่ได้เป็นผู้เกิดใหม่อะไรหรอก… แล้วเซเลน่าที่คุยกับฉันตอนกลางวันนี่เป็นแค่การเสแสร้งของเซเลน่าจริงๆ เหรอ
ฉันไม่รู้เลยตามอะไรไม่ทันเลยสักอย่าง.. ฉันมองไปทางเซเลน่าที่มีสายตาแปลกๆ มองมาที่ฉันถึงจะไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
แต่คงดูถูกฉันอยู่ละมั้ง.. ฉันหันไปดูอเล็กซานนิดหน่อยเจ้าหมอนี่ก็เชื่อคนอื่นสนิทใจซะแล้วสิ เพราะสายตาที่จ้องมาทางฉันคือความเกลียดชัง
แล้วฉันจะทำไงดีละเนี่ย!ก็มีแผนที่คิดไว้ว่าจะใช้อยู่หรอก แต่แผนทุกอย่างไร้ผลหมดแล้วน่ะสิ เพราะว่าฉันถูกประจานแล้วนี่น่า
ต่อให้ฉันจะไม่ได้โกงเพื่อได้ตัวแทนโรงเรียนมาก็ตามทีเถอะนะ แต่ตอนเข้าโรงเรียนฉันก็โกงเข้ามาจริงๆ นั่นแหละ
แต่นั่นเพราะพี่สาวของอเล็กซานต่างหาก แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เธอใช้วิธีเดียวกับคนคนนั้นพูดนั่นแหละคือให้อาจารย์อนุญาต
ซึ่งคนที่อนุญาตก็คืออาจารย์ห้องพยาบาลที่ชื่อ อาจารย์ลาน่า และอีกคนคืออาจารย์ซิลเวีย.. รู้สึกว่าอาจารย์สองคนนี้จะพึ่งย้ายเข้าโรงเรียนมาได้ไม่นานด้วย
จึงไม่แปลกใจที่จะต้องสงสัยว่าพวกเธอเป็นคนของฉัน… แต่มันจะเป็นแบบนั้นได้ไงล่ะเฮ้ย.. ฉันไม่รู้จักพวกเธอด้วยซ้ำนะ
แต่ก็นะ ตำแหน่งตัวแทนมันเป็นตำแหน่งที่สูงพอสมควร ว่ากันว่าคนที่เป็นตัวแทนโรงเรียนได้ก็เหมือนการการันตีแล้วว่า จบไปต้องเป็นคนใหญ่คนโตระดับประเทศ
แถมที่นี่ไม่ได้มีแค่โรงเรียนลิเบอร์ แต่มีโรงเรียนอื่น ซึ่งโรงเรียนอื่นไม่ได้มีความเป็นมิตรกับโรงเรียนที่ไม่ใช่ของตัวเองอยู่แล้วด้วย
นั่นหมายความว่า.. ทุกคนที่ต่างก็ต้องการเป็นตัวแทนโรงเรียนย่อมมองมาที่ฉันด้วยความอคติ เสียงซุบซิบนินทามากมายต่างเกิดขึ้น
“อุหว่า.. อุตส่าห์รู้จักกับตัวแทนอันดับหนึ่งของโรงเรียนโรเซ่ เราก็นึกว่าจะเป็นคนเก่ง สุดท้ายก็ใช้วิธีโกงเข้ามานี่หว่า”
“ยัยคนนี้มันปลิงตัวแม่เลยไม่ใช่หรือไง?”
“อย่างว่า โรงเรียนลิเบอร์คงไม่มีคนสมัครเข้าเรียนจนต้องเอาพวกไม่มีความสามารถเข้าเรียนน่ะสิ”
“น่ารังเกียจจริงๆ เลย”
เสียงซุบซิบที่เหมือนไม่ซุบซิบราวกับตั้งใจจะด่าฉันตรงๆ ดังไปทั่วทั้งห้อง.. สายตาทุกคนที่มองมาที่ฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“เป็นอะไรไป เจ้าคนขี้โกง ไม่คิดจะพูดอะไรตอบโต้หรืออธิบายหน่อยเหรอ ฉันเว้นช่องว่างให้เธอแก้ตัวเลยนะ”
ยัยตัวต้นเหตุก็พูดพลางจ้องมาทางฉัน… ยัยคนนี้ฉันจำหล่อนได้ในเกม.. เธอเป็นตัวละครมีชื่อคนหนึ่งแต่ฉันลืมไปแล้ว
ตอนแรกเธอแอบชอบเจ้าอเล็กซาน.. แต่อเล็กซานนั้นชอบนางเอกเกมอย่างเซเลน่าทำให้หล่อนเกลียดเซเลน่าเข้าไส้ แต่เซเลน่ามองว่าหล่อนไม่ได้มีอำนาจเทียบเท่าอนาสตาเซียเลยหลอกใช้หล่อน
ให้หันมาเกลียดชังเซเลน่า ระหว่างตัวประกอบที่ไม่เคยคุยกับอเล็กซานด้วยซ้ำ กับคู่หมั้นที่มียศขุนนางค่อนข้างสูงแบบอนาสตาเซีย
แน่นอนว่านางร้ายแบบอนาสตาเซียต้องเป็นเสี้ยนหนามมากกว่าอยู่แล้ว จึงหลอกให้ตัวประกอบคนนี้มีเป้าหมายมาที่เล่นงานฉันเพียงคนเดียว
เสียงของยัยตัวประกอบคนนี้ทำเอาสายตาที่ทุกคนในงานเลี้ยงจ้องมาที่ฉันรุนแรงขึ้นอีก.. เสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
ว่าร้าย.. ดูถูก.. รังเกียจ.. เพราะอคติและความอิจฉามากมายจึงกลั่นกรองให้พวกมันทุกคนแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา
“ฉัน…”
ฉันพูดอะไรไม่ออก.. ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดแบบนี้กันนะ?ฉันรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้อาจจะเกิด เพราะเป็นฉากที่ฉันเห็นมาบ่อยมากในเกม
ทำไมมือฉันถึงสั่น.. ฉันเตรียมตัวมาแล้วว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต้องพูดอะไรออกไป แต่พูดอะไรล่ะ?
ฉันต้องพูดอะไรออกไปนะ แรงกดดันจากสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมาทางฉันมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเดจาวู.. รู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียนออกมา
ฉันยกมือขึ้นมากุมที่ปากตัวเอง.. สายตามากมายกำลังมองมาที่ฉัน.. มองมาที่ฉัน
“หือ..? จะแก้ตัวยังไง? หือ รีบๆ พูดสิ รีบๆ พูดออกมาสิ?”
อีกฝ่ายพูดเร่งเร้าแบบนั้น หูสองข้างของฉันรู้สึกเหมือนมีแมลงตัวน้อยบินเข้าไปในหูเสียงทุกอย่างอื้ออึงกึกก้องไปจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
เรสเทียที่อยู่ด้านหลังของฉันเหมือนเธอจะพยายามเดินออกมาปกป้องฉัน แต่ว่า.. ฉันจับแขนเธอแน่น..
ไม่ได้.. มันไม่ใช่แบบนี้…
มันต้องไม่เป็นแบบนั้น
แต่.. ฉันต้องพูดออกไป ฉันเตรียมตัวมาแล้วถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้.. แต่ทำไมถึงพูดไม่ออก ราวกับว่าเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน…
ในอดีตที่นานแสนนาน… ที่ฉันลืมไปแล้ว….
“เฮ้อ….”
ในตอนที่หูสองข้างของฉันเหมือนกับอื้ออึงไปนั้นเอง เสียงถอนหายใจหนึ่งก็ดังขึ้นกลบเสียงทุกเสียงที่ซุบซิบกันเต็มไปหมด
เสียงนั้นทำลายความวุ่นวายและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านหน้าฉันไปจนหมด ก่อนที่ฉันจะหันหลังกลับไปและทุกคนก็มองไปยังต้นตอของเสียงถอนหายใจดังกล่าว
“ฉันคิดว่าพวกเธอทุกคนในห้องนี้จะโฟกัสผิดประเด็นไปหน่อยไหม?”
“ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ถูกเลือกให้เข้าเรียน หรือสาเหตุที่เป็นตัวแทนโรงเรียนไม่ว่าจะโกงหรือไม่ แต่ถ้าเธอแข็งแกร่งทุกโรงเรียนก็สามารถมองข้ามได้”
“เพราะพลังคือความถูกต้องในโลกแห่งนี้?คิดว่าทำไมผู้กล้าถึงมีประเทศเป็นของตัวเองล่ะ? คิดว่าทำไมจอมมารถึงปกครองปีศาจทุกคนได้ล่ะ?”
“เพราะมีกฎหมายน่านับถือ?เพราะเป็นคนใจดี?เปล่าเลยๆ”
“เพราะพวกเขาแข็งแกร่งจนพวกเธอทุกคนต้องยอมก้มหัวให้ต่างหากล่ะ”
“และฉันเลทิเซียคนนี้ ขอยืนอยู่ข้างอนาสตาเซียและฉันขอพนันว่าในโรงเรียนลิเบอร์ของชั้นปีหนึ่งตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็น ‘อนาสตาเซีย’ อย่างแน่นอน”
ใช่.. คนที่ปรากฏตัวขึ้นคือท่านเลทิเซีย… เลทิเซีย ทีน อาเดฟ บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโรงเรียนลิเบอร์
ว่ากันว่าเธอเข้าโรงเรียนได้ด้วยคะแนนสูงที่สุดพร้อมกับน้องสาวของเธอ เลวิเนีย ทีน อาเดฟ..
และฉันเองก็รู้ด้วยว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนหรืออาจจะทุกๆ โรงเรียนคือเธอคนนี้.. สายตาของเธอไม่ได้มองมาที่ฉันแต่มองตรงไปยังต้นเหตุ
พอเห็นสายตาของท่านเลทิเซียที่นิ่งสุขุม แม้จะดูเป็นมิตรแต่กลับมีแรงกดดันที่ไม่ควรมีอยู่บนตัวของเด็กกลับสะท้อนออกมาจนทำเอาตัวประกอบคนนั้นหลบหน้าทันที
แน่นอนในที่แห่งนี้เองไม่มีใครไม่รู้จักเธอการแข่งขันก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันเฟสเตอร์นี้.. คนที่เป็นตัวแทนโรงเรียนลิเบอร์คือมีคนเดียว
และคนคนนั้นก็คือท่านเลทิเซีย และการต่อสู้ของเธอเมื่อหลายเดือนก่อนเธอแทบเอาชนะทุกคนได้แบบไม่มีข้อกังขาใดๆ
ถ้าหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นคนที่ครองตำแหน่งนักเรียนแห่งความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งอาจจะเป็นเธอคนนี้
แถมมีการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งทวีป.. ทำไมจะมีคนไม่รู้จักเธอล่ะ ถูกไหม
พอคำพูดของเธอดังแบบนั้นจึงทำให้ไม่มีคนกล้าซุบซิบนินทาว่าฉันอีกต่อไป อีกทั้งกระแสเสียงวิจารณ์กลับเริ่มเปลี่ยนบ้างแล้ว
“ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล.. ต่อให้เธอจะโกงแต่ถ้าเธอเก่งจริงก็สมควรแล้วที่โรงเรียนจะมองข้ามไม่ใช่เหรอ”
“แต่เธอก็เข้าที่นี่เพราะผู้ชายไม่ใช่หรือไง แบบนั้นไม่ดูน่าขยะแขยงไปหน่อยเหรอ”
“ไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า อัจฉริยะ ไม่มีคนปกติเหรอ”
เสียงคัดค้านและเห็นด้วยดังขึ้น เป็นการเห็นต่างและเห็นด้วยจนเกิดการโต้ปากโต้คำกันเกิดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนยกมือขึ้น..
“ถ้าเจ้าเชื่อสนิทใจขนาดนั้นว่ายัยนี่เก่งจริงแล้วไม่ได้โกง ก็มาพนันกับข้าสักหน่อยไหมล่ะ…?”
“เพราะยังไงข้าก็เชื่อไม่ลงถ้าเก่งจริง ทำไมต้องใช้วิธีโกงด้วยล่ะ ที่โกงเพราะไม่มั่นใจว่าจะทำได้จริงมากกว่าหรือเปล่า?”
คนที่ยกมือขึ้นพูดฉันหรี่ตาลงทันที.. เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเห็นก็จำได้ทันที.. เธอมันคนที่หาเรื่องเซเลน่าตอนนั้น ตัวแทนของโรงเรียนเอเรียส
ยัยนี่…..
………….
……….
…….
“หืม… องค์หญิงเคลื่อนไหวแล้วเหรอเนี่ย”
เด็กสาวผมสีเหลืองคนหนึ่งนั่งไขว่คว้าอยู่บนอากาศเหนือห้องงานเลี้ยงแต่กลับไม่มีใครมองเห็นเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอพึมพำแบบนั้นพร้อมกับหัวเราะคิกคักเล็กน้อย ก่อนจะกอดตุ๊กตาที่มีหัวเป็นกระต่ายยัดนุ่นแต่ร่างกายเป็นของคนของแท้เลยล่ะ แต่กลับมีขนาดเล็กพอกับตุ๊กตาตัวเล็ก
“นี่เธอทำอะไรของเธออยู่ มาด้อมๆ มองๆ แบบนี้เดี๋ยวบทละครก็พังหรอก”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นด้านหลังของหญิงสาวคนดังกล่าว เสียงของเธอนิ่งเงียบกว่าผู้หญิงคนที่ถือตุ๊กตาเป็นกองเลย
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ขนมาทั้งโลกก็มองฉันไม่เห็นหรอก”
“ฉันหมายถึงนางร้ายต่างหาก เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าหล่อนมีมณีโกเมนน่ะ อย่าลืมสิตุ๊กตาที่เธออยู่เป็นใคร”
“อ๊า.. จริงด้วย ลืมไปเลยว่าเป็นของราชินีนี่น่า… อื้มม งั้นเปลี่ยนดีกว่ามั้ง เธอไม่สนใจมาเป็นตุ๊กตาให้ฉันเหรอ?ร่างกายเธอวิเศษมากเลยนะรู้ตัวไหม?”
“หุบปากไปเลยยัยโรคจิตนี่”
ในขณะที่พูดกันพอเห็นว่าหญิงสาวถือตุ๊กตาไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ต้นตอของเสียงนั้นจึงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นบิดหูของเด็กสาวผมสีเหลือง
“โอ้ยๆ นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”
“กลับได้แล้ว”
“เข้าใจแล้วน่าๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีหมวกนั่นฉันตัดคอเธอทิ้งไปนานแล้วนะ นังเด็กบ้านี่”
“ถ้าว่ากันตามจริงฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ?”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน
“พวกเธอเลิกปัญญาอ่อนกันได้แล้ว.. อย่าลืมว่าที่นั่นมีตัวอันตรายแบบฉันอยู่ รีบกลับมาได้แล้ว”
“อ้ะ องค์หญิงนี่น่า เข้าใจแล้วน่าๆ”
ทั้งคู่ถอนหายใจและก็หายตัวไปเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้…. แต่จังหวะที่หายตัวไปนั้นเองเลทิเซียที่พึ่งฟังตัวแทนจากโรงเรียนเอเรียสยื่นข้อเสนอ..
เธอก็เงยหน้าขึ้นไปยังจุดที่พวกหล่อนนั่นหายไปพอดิบพอดี
“…..”
เธอไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ก้มลงมาคุยกับอีกฝ่ายต่อ…