บทที่ 57 – รวมตัวนางร้ายเฉยเลยอ่ะ
“คำตอบ เทเลพอร์ตมาค่ะ”
“เอ๊ะ เธอทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
ในขณะที่ฉันถามแบบนั้นก็ประหลาดใจ ถ้าทูจังใช้ความสามารถเทเลพอร์ตได้ฉันก็สามารถไปไหนมาไหนตามที่ต้องการสิ
ถึงจะไม่คิดว่าไอ้การเทเลพอร์ตมันจะง่ายขนาดนั้นก็เถอะนะ.. แต่ถึงแบบนั้นมันก็คือการเทเลพอร์ตเลยนะ สุดยอดจะตาย
ไม่เห็นบอกกันเลยน้า ว่ามีความสามารถแบบนี้.. แต่เพราะฉันไม่ถามนั่นแหละนะ เท่าที่อยู่ด้วยกันมาคือทูจังจะตอบคำถามที่ฉันถามเท่านั้น
“คำตอบ ได้ค่ะ เพียงแต่เงื่อนไขค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อยซึ่งเสียเวลาพอสมควร ดังนั้นหากจะคาดหวังว่าใช้หลบหนีเวลาคับขันหรือไปไหนไกลๆ ก็คือไม่สามารถทำได้”
“อื้มม…”
ฉันปกปิดความผิดหวังในใจไม่ได้ เอาเถอะนะ ยังไงก็ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกเนอะ.. ฉันเลิกสนใจเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตามหากำไลบงการ
ในห้องนี้คือห้องเก็บของของอาณาจักรมิราลิส เป็นห้องโถงที่แม้แต่นายกรัฐมนตรียังเข้ามาง่ายๆ ไม่ได้
ถ้าจะให้พูดง่ายกว่านั้นคือ ‘ไม่มีทางเข้า’ ของห้องนี้อยู่.. การจะเปิดห้องนี้ได้ต้องผ่านเงื่อนไขอะไรต่างๆ มากมาย
และงานแข่งขันเฟสเตอร์ครั้งนี้ก็คือหนึ่งในเงื่อนไขในการเปิดห้องเก็บของนี้นั่นเอง แต่เพราะทูจังเทเลพอร์ตเข้ามาเลยไม่มีปัญหาเรื่องทางเข้าละมั้ง
สำหรับของในนี้ล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งนั้น ยังดีที่ฉันไม่ใช่จอมโจรปล้นสมบัติ ไม่งั้นของพวกนี้คงโดนฉันกวาดกลับบ้านหมดแน่
เอ่อ ถึงตอนนี้จะมาขโมยของอยู่ก็เถอะนะ… แต่เพื่อความอยู่รอดของตัวฉันนี่น่า!ในขณะที่พยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองฉันก็เจอกับกำไลแปลกตาที่วางอยู่ในลิ้นชักอันหนึ่ง
และนี่แหละ.. คือสิ่งที่ฉันตามหา กำไลบงการเวลา!
……….
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันในฐานะนางร้ายก็ต้องทำอะไรให้สมกับเป็นนางร้าย.. อันที่จริง สิ่งที่ฉันต้องทำต่างจากนางร้ายคือเป็นที่หนึ่งในงานแข่งขันเฟสเตอร์นี้
ซึ่งเอาจริงไม่ต้องเป็นที่หนึ่งก็ได้ เป็นอันดับต้นๆ ก็ได้ เพราะยังไงซะฉันก็แค่ต้องทำให้ตัวเองดูเก่งสมกับที่ท่านเลทิเซียบอกก็พอแล้วล่ะ
เพราะงั้นสิ่งที่ฉันต้องทำเวลานี้จึงมีเพียงอย่างเดียวคือทำบททดสอบรอบแรกและรอบสองให้ดีเท่ากับนางร้ายตอนเป็นเกม!
อย่างที่บอกพวกเราจะถูกส่งไปในสถานที่ต่างๆ ในมิติพิเศษแห่งหนึ่งโดยต้องปกป้องเมจ การ์ด กันคนละหนึ่งใบ
ซึ่งการจะแย่งเมจ การ์ดที่ดูแลโดยนักเรียนได้นอกจากจะต้องชนะนักเรียนแล้วยังต้องแก้ Puzzle ที่คอยปกป้องการ์ดนั้นไว้ด้วยนั่นเอง
กล่าวคือจะแย่งการ์ดคนอื่นนั่นไม่ง่ายนัก ทางที่ดีควรไปตอนที่เจ้าของการ์ดไม่อยู่เป็นดีที่สุด และต้องเคลียร์ Puzzle ก่อนที่เจ้าของเมจ การ์ดจะกลับมาด้วยนั่นเอง
และสาเหตุที่ฉันถึงบอกว่าต้องทำตัวให้สมเป็นนางร้ายคือฉันต้องสอบสองอย่างให้เท่ากับนางร้ายตอนเป็นเกมไงล่ะ
เพราะว่านางร้ายตอนเป็นเกมได้ครอบครองเมจ การ์ดระดับสีทองมาจากการแข่งสองรอบก่อนนั่นแหละ ถึงแม้การ์ดทองมันมีแต่จะล่อให้พวกศัตรูเล็งมาที่ฉัน
แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ การที่จะโดดเด่นและไม่ถูกนินทาว่าร้ายอีกก็คงมีแต่ต้องทำตัวเด่นไว้ก่อน
แล้วก็มีอีกอย่าง.. ฉันเข้าใจโครงสร้างของ Puzzle นางร้ายดี.. ก็นะ ไม่รู้เพราะคนสร้างเกมมันขี้เกียจคิด Puzzle เยอะหรืออะไร
แต่ไม่ว่าฉันจะเลือกรูทไหนแล้วมีใครเป็นนางร้าย คนที่เป็นนางร้ายในรูทนั้นๆ จะได้เมจ การ์ดสีทองอันนี้ทุกคน และมี Puzzle แบบนี้ทุกคน
กล่าวคือฉันแก้ Puzzle นี้มามากกว่าสามสิบรอบแล้วนั่นแหละ!เพราะงั้นการที่จะปกป้องการ์ดได้ดีที่สุดก็คือต้องเป็นคนที่เข้าใจ Puzzle ตัวเองอย่างถ่องแท้เท่านั้น!
นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องทำตัวให้สมกับเป็นนางร้าย
“แต่ว่านะ…”
“มีอะไรเหรอ อนาสตาเซีย”
“ฉันเกลียดข้อสอบในโลกนี้อ่า!!!”
ถ้าเอาภาคปฏิบัติก็พอเลียนแบบนางร้ายได้อยู่ แต่ข้อสอบเนี่ยเกมมันไม่ได้ลึกยันข้อสอบเขียนให้เห็นกันทุกอย่างหรอกนะ เพราะงั้นจะเลียนแบบยังไงให้ตรงเป๊ะดี
จะว่าไปฉันก็ไม่น่าจะฉลาดเท่านางร้ายสักคนด้วยสิ… ไม่สิ แทนที่จะบอกฉลาดไม่เท่าต้องบอกว่าฉันฉลาดคนละแบบต่างหากเนอะ
ก็แบบพวกนางร้ายตัวจริงโตมาในโลกแบบนี้นี่น่า ฉันถึงจะอายุเยอะกว่าแต่ก็มาจากอีกโลก… ไม่สิ พอเถอะ ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งแถไปเรื่อย
สกาเล็ตมองฉันด้วยสายตาเหมือนมองคนบ้า หึ.. ฉันไม่สนใจเธอหรอก
“เอาเถอะ ถ้าทำไม่ได้ก็แค่ตกในสถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
ฉันพูดแบบนั้นก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก ใส่ชุดเรียบร้อย… การสอบรอบที่หนึ่งกับรอบที่สองไม่มีอะไรเลยนอกจากสอบเขียนกับสอบปฏิบัติ
ซึ่งปฏิบัติฉันก็แค่ทำตามที่นางร้ายทำ ส่วนข้อเขียนก็พยายามรีดเค้นสมองของตัวเองที่เคยเรียนมาสมัยก่อนออกมาให้หมด
ฉันพยายามดีที่สุดแล้ว!
เอาเป็นว่ามันไม่ได้น่าสนใจและไม่มีอะไรตื่นเต้นหรอก และเวลาตอนเช้ามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนบ่ายก็จะเป็นช่วงเวลาของการแข่งขันเฟสเตอร์ที่แท้จริง
แต่ตอนนี้ขอทานข้าวก่อน.. เพราะเมืองนี้ไม่มีโรงเรียน พวกเราจึงต้องพักในเขตของรัฐบาลของเมืองนี้ ซึ่งทานข้าวเองก็เช่นกัน
ตอนบ่ายโมงพวกเราจะถูกส่งเข้าไปในมิติพิเศษผ่านทางปลอกแขนทันที.. อ่า ใช่เหมือนฉันจะลืมบอกไปหากชิงเมจ การ์ดของผู้ที่เป็นตัวแทนโรงเรียนแล้ว
พวกเมจ การ์ดต่างๆ ในมือจะถูกเลื่อนขั้นขึ้นหนึ่งระดับทันที โดยจะเกิดขึ้นได้กับคนต่างเขต ต่างโรงเรียนและเกิดได้ทุกๆ 15 วันต่อ 1 ครั้งเท่านั้น
กล่าวคือขอแค่แย่งชิงการ์ดไปได้สักครั้ง ต่อให้ถูกแย่งกลับมาการ์ดทุกใบในมือพวกเขาจะเพิ่มขึ้นโดยทันที ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวขึ้น
แต่บอกไว้ก่อนว่า ทันทีที่การ์ดถูกเลื่อนระดับทุกคนในการแข่งขันจะรับรู้ทันที กล่าวง่ายๆ คือมีโอกาสโดนดักปล้นเช่นกัน!
ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยงในแบบของมันเอง แน่นอนว่าถ้าการ์ดของตัวแทนโดนขโมยคนทุกคนจะรู้เช่นกันว่าใครเป็นคนถูกขโมย
เพราะมันจะแสดงหน้าตาของคนที่ถูกขโมยขึ้นผ่านทางปลอกแขนด้านข้างนั่นเอง และเพื่อที่จะไม่เป็นที่ตามล่าในตอนแรก
ฉันได้ไปแอบทำสัญญากับคนหนึ่งไว้แล้วเมื่อวานนี้..
“หึๆ…”
“หัวเราะบ้าอะไรของเธอ”
จู่ๆ ก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังพอฉันหันไป เจ้าตัวก็เดินมานั่งข้างๆ ฉันพร้อมกับข้าวกลางวันอย่างรุนแรง
“ปัง!”
เอาเถอะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ยัยนี่คือลูซิเรีย นางร้ายเลือดร้อนที่พร้อมจะซัดกำปั้นใส่หน้าทุกคนนั่นแหละ
“ฉันยังไม่ให้เธอมานั่งข้างๆ ฉันเลยนะ!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าไม่คิดมากยัยแดงแปร๊ด”
“… เธอแดงกว่าฉันอีกไม่ใช่หรือไง อีกอย่างคนที่พูดว่าไม่คิดมากตอนนี้ควรเป็นฉันนะ”
ลูซิเรียเหมือนจะมานั่งตรงนี้เพราะโต๊ะอื่นโดนนักเรียนคนอื่นกินหมดแล้วละนะ เอาเถอะฉันไม่ได้ชอบยัยนี่ขนาดนั้น
เลี่ยงการพูดคุยโดยไม่จำเป็นออกไปดีกว่า ฉันขยับออกห่างหล่อนอีกสักนิดแต่ก็มีเสียงดังขึ้นข้างหูฉันเพราะฉันมัวแต่มองลูซิเรีย
“เอ่อ.. ฉันขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ พอดีโต๊ะที่ว่างมันไม่มีแล้ว…”
ฉันถึงกับสะดุ้งเสียงที่อ่อนโยนซึ่งดังขึ้นข้างหู.. พอหันไปมองก็ถอยกลับด้วยความประหลาดใจทันที เฮ้ย.. เฮ้ยนี่มันความบังเอิญรูปแบบไหนเนี่ย
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่คนอื่นนอกจากนางร้ายคนที่สี่.. นางฟ้าที่กำลังสวมบทบาทเป็นเผ่าปีศาจ.. แครอลลิน่า! หรือแครอล
“อ้ะ แครอล.. เธอ… อ้ะ เชิญสิๆ”
ฉันขยับให้แครอลนั่งอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ยัยแดงแปร๊ดถอยหน่อยสิ”
“…..”
ฉันไล่ลูซิเรียให้ถอยออกไปให้แครอลนั่ง.. ลูซิเรียมองหน้าฉันเหมือนกำลังโกรธ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเธอก็ถอยออกไปให้ เพราะเป็นโต๊ะวงกลมเลยถอยออกไปได้พอสมควร
“เอ่อ.. ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะอนาสตาเซีย..”
“ไม่หรอก ฉันแค่อยากตวาดใส่ลูซิเรียคืนบ้างนะ”
“….ทั้งคู่สนิทกันเหรอคะ?”
“ไม่มีทาง ฉันพึ่งเจอยัยนั่นสองรอบเอง ดูสิเธอมาเรียกฉันว่าแดงแปร๊ดแล้ว”
“ฮะๆ”
แครอลหัวเราะแฮะๆ ใส่แล้วก็นั่งข้างๆ อย่าว่าผู้ใหญ่ใจดีแบบฉันอคติกับเด็กเลยนะ แต่หล่อนหาเรื่องฉันก่อนนี่น่า
“แกร๊ก”
ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอฉันเงยหน้าขึ้นก็อุทานออกมา…
“อ่าว..แคลร์..? เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามคือแคลร์ เพราะตกใจฉันถึงเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่ไตร่ตรองอะไรมาก ลืมไปว่าพวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
แคลร์ไม่ได้สนใจที่ฉันทำแบบนั้น เธอเอาผ้ามาเช็ดปากเบาๆ..
“ก่อนที่เจ้าจะมานิดหน่อยนะ”
“…..”
เดี๋ยวก่อนสิฉันขำได้ว่ามานั่งตอนนั้นไม่มีคนไม่ใช่เหรอ ฉันไม่สังเกตเห็นเธอเลยเนี่ยนะ ไม่สิ ก่อนหน้านั้นสถานการณ์นี้มันอะไรกันเนี่ย
ซ้ายมือมีแครอลลิน่า ขวามือมีลูซิเรีย ตรงข้ามมีแคลร์
รวมตัวนางร้ายเฉยเลยอ่ะ