ตอนที่ 1 เงินจากการขายโสมป่า
เย่ฉูฉู่คิดว่าตนเองสิ้นลมลาลับโลกไปแล้ว
ถึงอย่างไรองค์ชายก็ไม่อยู่แล้ว นางจะใช้ชีวิตเพียงลำพังไปเพื่ออันใด?
ชั่วชีวิตนี้เป็นเพราะองค์ชายที่มอบชีวิตที่สองให้แก่นาง ดังนั้นชีวิตครึ่งหลังของนางจึงอยู่ต่อไปเพื่อองค์ชายเท่านั้น
บัดนี้องค์ชายได้จากไปแล้ว โลกใบเดิมที่เต็มไปด้วยสีสัน ไม่ต่างอะไรกับโลกใบเดิมที่ขาดสีสันสำหรับนาง
ดังนั้นนางจึงพุ่งตัวโขกศีรษะกับโลงศพโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
องค์ชายเพคะ บนเส้นทางสู่ปรโลกยังมีฉูฉู่อยู่เป็นเพื่อนพระองค์ พระองค์จะไม่โดดเดี่ยวแล้ว
นางคิดอย่างมีความสุขก่อนสิ้นลม
แต่ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดเหลือคณา ทั้ง ๆ ที่นางรู้สึกได้ว่าตนเองได้ตายไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ข้างหูของนางกลับได้ยินเสียงของผู้คน
“ปกติเมียคนนี้เอาแต่ตะคอกใส่ผมเสียงดังอย่างกับฟ้าร้อง คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจเสาะยิ่งกว่ากระต่าย ท่อนไม้ยังไม่ทันโดนตัว ผมเองก็ถูกทุบแทนหล่อนไปแล้ว แต่หล่อนดันตกใจจนสลบไปซะงั้น” คนผู้นี้พูดอย่างรังเกียจ
“เหวินเทาเอ๊ย รีบไปเชิญแม่หมอหยางมาเร็วเข้า!” นี่เป็นเสียงของหญิงชราผู้หนึ่ง
“แม่ ยังกล้าไปเรียกแม่มดเฒ่ามาอีกเหรอครับ ไม่รู้เหรอว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง ระวังหล่อนโดนลากลงไปแล้ว ถึงเวลานั้นแม่เองก็อาจจะโดนร่างแหไปด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว
“นี่มันเรื่องตั้งกี่ปีมาแล้ว? อีกอย่างตอนนี้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ฉูฉู่ยังไม่ตื่นเลยนะ?” คุณแม่จ้าวพูด
“ก็ได้ ๆ นับว่าเป็นหนี้บุญคุณเมียคนนี้จริง ๆ ผมจะแอบไปแล้วกัน นี่ก็ยังไม่เลิกงาน ไม่พูดออกไปก็คงไม่มีใครรู้” จ้าวเหวินเทากล่าว
เสียงฝีเท้าย่ำเดินออกไป ดูเหมือนว่าจะออกไปเชิญแม่มดเฒ่าที่เขาเอ่ยถึง
ฉูฉู่ได้สติกลับคืนมาหลังจากที่จ้าวเหวินเทาเดินออกไป
นางรู้สึกว่าร่างกายตนหนักอึ้งเป็นพิเศษ ราวกับถูกอะไรกดทับไว้ จึงใช้พลังอย่างสุดความสามารถและค่อย ๆ ลืมตาตื่น
“โอ๊ยตายแล้ว ฉูฉู่ ในที่สุดเธอก็ฟื้นแล้ว เมื่อกี้เหวินเทาเพิ่งแบกเธอกลับมา แม่ตกใจแทบแย่!” คุณแม่จ้าวรีบพูด
เย่ฉูฉู่ชะงักขณะมองหญิงชราผู้นี้ “เหวินเทา?”
ขอแค่เป็นองค์ชาย นางล้วนคุ้นเคยและอ่อนไหวไปกับทุกสิ่ง รวมถึงคำว่าเหวินเทาที่แสนธรรมดาสองพยางค์นี้ด้วย
ทุกครั้งที่เก็บพู่กันและหมึกให้องค์ชาย นางมักจะลูบไล้ตัวอักษรอันเป็นพระนามที่องค์ชายเขียนไว้ด้วยจิตใจที่สดใสเริงร่าอยู่หลายครา
ซึ่งตรงหัวกระดาษก็คือพระนามขององค์ชาย…เหวินเทา
แต่หลังจากที่นางเปล่งเสียง ‘เหวินเทา’ ออกมาสองพยางค์ สมองของนางพลันรู้สึกเจ็บจี๊ด ความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของนางประดังประเดเข้ามา จนเย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
สิ่งนี้ทำให้คุณแม่จ้าวตกใจ นางรีบพูดขึ้น “ฉูฉู่ไม่ต้องกลัวนะ ฉูฉู่ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่ ปีนั้นแม่หลอกปีศาจที่เข้ามาในหมู่บ้านเข้าไปทำลายในป่าแล้ว!”
แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะรู้สึกปวดหัว ทว่าสิ่งหนึ่งได้มาพร้อมกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมา ทำให้กลางอกของเย่ฉูฉู่กลับรู้สึกราวกับถูกอัดแน่นด้วยดอกไม้ที่เบ่งบาน
ตอนที่จ้าวเหวินเทาพาแม่หมอหยางมา เขาก็พบว่าภรรยาของตนกำลังนั่งอยู่บนเตียงเตา ท่าทางดูเงอะงะ แค่เห็นเขาก็มีน้ำตาไหลนองเต็มหน้า
“แม่หมอหยาง รีบร่ายคาถาเร็วเข้า แม่หมอดูภรรยาผมสิ วิญญาณไม่กลับเข้าร่างแล้ว แถมยังตกใจจนอยู่ในสภาพนี้อีก!” จ้าวเหวินเทาเห็นท่าทางภรรยาตัวเองแล้ว ใบหน้าก็พลันตึงเครียดพลางเร่งเร้าอย่างรีบร้อน
“ถูกต้อง ๆ รีบร่ายคาถา ๆ!” คุณแม่จ้าวเองก็ตกใจเพราะท่าทางของลูกสะใภ้เช่นกัน
หลังจากลืมตาขึ้นมาได้ หล่อนก็ปวดหัวแถมยังร้องห่มร้องไห้ ไม่ปกติเลยสักนิด!
เกรงว่าคงจะสติหลุดไปแล้ว!
แม่หมอหยางรีบร่ายคาถาโดยพลัน ในตอนท้ายยังออกไปดูด้านนอกด้วย แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะการปราบปรามปีที่แล้วรุนแรงเกินไป จึงแอบรู้สึกหวาดกลัว!
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วนางจึงแอบหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น จุดไฟเผาแล้วโยนลงไปในถ้วยพร้อมกับเทน้ำใส่ถ้วย ใช้นิ้วมือกวนให้เข้ากันและพูดว่า “เหวินเทา เอานี่ไปป้อนให้ภรรยาเธอกินก็เรียบร้อยแล้วจ้ะ!”
จ้าวเหวินเทาติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งยังพูดปลอบใจ “ภรรยา นี่คือน้ำมนต์นะ ดื่มเข้าไปก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เย่ฉูฉู่สะดุ้งขณะจ้องมองเขา อย่าว่าแต่องค์ชายป้อนน้ำมนต์ให้นางเลย ต่อให้เป็นยาพิษ นางก็จะดื่มโดยไม่เสียใจในภายหลังและไม่หันหลังกลับด้วย!
ครั้นเห็นว่าเธอยอมดื่มแต่โดยดี จ้าวเหวินเทาจึงพูดกับเธอ “ดีขึ้นไหมครับ?”
เย่ฉูฉู่เห็นความห่วงใยที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา แม้ว่าภายในใจจะมีคำพูดมากมาย แต่นางเลือกที่จะกลืนมันลงไปและไม่ได้ถามออกไปในทันที เพียงแต่พยักหน้า “ดี…ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด และพูดขึ้น “ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว”
คุณแม่จ้าวเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน นางหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าหนึ่งสตางค์แล้วยัดใส่มือแม่หมอหยาง “อีกเดี๋ยวฉันจะเอาไข่ไก่ไปให้พี่นะจ๊ะ”
“ไม่ต้อง ๆ หนุ่มสาวอย่างพวกเขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” แม่หมอหยางกล่าว ขณะที่นางเองก็รู้สึกพึงพอใจกับพลานุภาพของน้ำมนต์ตัวเองเช่นกัน
คุณแม่จ้าวจึงเดินนำนางออกไปพูดคุยกันข้างนอก
ภายในห้องจึงเหลือแค่จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่
เย่ฉูฉู่กะพริบตาปริบ ๆ ขณะจ้องมองจ้าวเหวินเทา นางแทบจะมองจ้าวเหวินเทาด้วยสายตาราวกับหิวโหย
นี่คือองค์ชายที่มีร่างกายแข็งแรง
นางไม่เคยเห็นองค์ชายดูมีชีวิตชีวาแบบนี้มาก่อน ชาติที่แล้วหลังจากที่องค์ชายได้รับพิษ ร่างกายก็อ่อนแอมาโดยตลอด ถ้วยยาขนาบข้างซ้ายขวาไม่ห่างตัว เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะจนแม้แต่ผิวพรรณก็ดูขาวซีด
ต่างจากชาตินี้ ที่ทั้งร่างกายและใบหน้ามีสีดุจดั่งข้าวสาลีก็ไม่ปาน
อีกทั้งทั่วร่างกายยังเปี่ยมด้วยพลังและความแข็งแกร่ง
ที่สำคัญคือตอนนี้เขาชะโงกหน้าเข้ามาด้วย การที่บุรุษผู้นี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำให้นางเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ เขาลูบหน้าผากของนางพลางมองด้วยความห่วงใยผ่านสายตาคู่นั้น
เย่ฉูฉู่หัวใจพองโต อันที่จริงนางไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เจอกับองค์ชายอีกครั้ง
นางคิดมาโดยตลอดว่าโชคชะตาของตัวเองช่างเลวร้าย ไม่เช่นนั้นนางจะมีบิดาแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
แต่วันนี้นางรู้สึกได้จริง ๆ ว่านางเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
แม้กระทั่งชีวิตนี้นางยังได้มาเจอกับองค์ชาย
ทั้งยังเป็นชายาขององค์ชาย คำที่คนที่นี่ใช้เรียกกันก็คือภรรยา
นางกลายเป็นภรรยาขององค์ชายแล้ว เรื่องนี้ทำให้ฉูฉู่แก้มแดงปลั่งอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาของนางชุ่มชื้นและพร่ามัวมากยิ่งขึ้น
นางกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุข
ทว่าจ้าวเหวินเทากลับขนลุกชันเพราะสายตาหวานเชื่อมของภรรยาตนเอง แม้ว่าเพิ่งจะแต่งงานกันได้สามเดือน แต่อย่าใช้สายตาแบบนี้มองเขาเลยได้ไหม?
อีกอย่างหนึ่ง เธอเคยใช้สายตาแบบนี้มองเขาที่ไหนกันล่ะ? เป็นไปได้ไหมที่ประสิทธิผลของน้ำมนต์จะไม่ค่อยดี?
ดังนั้นสมองจึงยังไม่เข้าที่เข้าทาง?
“คุณ…คุณมีอะไรอยากจะพูดกับฉันไหมคะ?” ได้เจอกับองค์ชายอีกครั้ง เย่ฉูฉู่จึงตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกไปเบา ๆ
นางอยากให้องค์ชายพูดคุยกับนางจริง ๆ นะ
น้ำเสียงนั้นฟังดูอ่อนโยน แต่กลับทำให้จ้าวเหวินเทาตัวสั่นเทิ้ม
ภรรยาที่เป็นแม่เสือแก่ของเขาไม่ตะคอกใส่ก็นับว่าดีถมเถแล้ว แต่ยังพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้อีกเนี่ยนะ?
ขณะที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น จ้าวเหวินเทาก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ เขารีบกระซิบ “ภรรยา คุณไม่ต้องห่วงนะ เงินที่พวกเราสองคนขายโสมป่าน่ะผมเก็บไว้อย่างดีเลย ไม่ได้ถูกพวกมันแย่งไป แล้วก็ไม่ได้หายไปแม้แต่แดงเดียวด้วย คุณนั่งบนเตียงเตาไปก่อนนะ รอให้แม่ของพวกเราไปแล้วผมจะไปหยิบมาให้คุณ!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สรุปก็คือได้มาเกิดใหม่ทั้งคู่ และเป็นสามีภรรยากันอีกครั้ง รอดูเลยค่ะว่าอาจารย์หนานฟางฯจะเขียนเรื่องนี้ไปทางไหน แต่ระดับความหวานน่าจะหวานหยดย้อยแน่ ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)